อีโก้, ความกลัว และผลประโยชน์ : กับจุดกำเนิดของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (A.I.)

ในเดือนกรกฎาคมปี 2015 Elon Musk ฉลองวันเกิดครบรอบ 44 ปี ด้วยงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นสามวันสามคืน ซึ่งภรรยาของเขาจัดให้ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย บรรยากาศเต็มไปด้วยครอบครัวและเพื่อนสนิท โดยมีเด็ก ๆ วิ่งเล่นไปทั่วรีสอร์ทสุดหรูแห่งนี้

คืนแรกหลังอาหารมื้อค่ำ Elon Musk และ Larry Page นั่งคุยกันใกล้กองไฟริมสระว่ายน้ำ หัวข้อสำคัญของการสนทนาในครั้งนั้นคือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (A.I.)

ต้องบอกว่าทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานานกว่าทศวรรษซึ่ง Page ถือเป็นหนึ่งในคนกลุ่มน้อยมาก ๆ ที่สนิทสนมกับ Musk แบบมองตาก็รู้ใจ

Musk เคยพูดติดตลกว่าเขามักจะแอบไปนอนบนโซฟาของ Larry Page หลังจากที่ได้เล่นวีดีเกมทั้งคืน

แต่บรรยากาศในคืนนั้นมันต่างไป เพราะเต็มไปด้วยความตึงเครียด เจ้าพ่อแห่งโลกเทคโนโลยีที่มีอิทธิพลต่อโลกกำลังถกเถียงกันว่าปัญญาประดิษฐ์จะช่วยยกระดับมนุษยชาติหรือจะทำลายล้างพวกเรากันแน่?

การสนทนาที่ดำเนินไปจนถึงเวลาดึกดื่นยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนมากกว่า 30 คนที่มาร่วมงานต่างเข้ามาล้อมวงฟังด้วยความตั้งใจ

Larry Page ที่มีปัญหาในเรื่องเส้นเสียงมานานกว่าทศวรรษ พูดกระซิบบอกถึงวิสัยทัศน์ของเขาเกี่ยวกับยุคทองของดิจิทัลที่มนุษย์จะผสานเข้ากับเครื่องจักรปัญญาประดิษฐ์และในวันหนึ่งจะเกิดรูปแบบของปัญญาที่หลากหลายแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงทรัพยากร

Elon Musk ได้โต้แย้งว่าหากสิ่งนั้นเกิดขึ้น มนุษยชาติจะถึงคราวล่มสลาย เครื่องจักรจะทำลายล้างมนุษย์อย่างแน่นอน

ด้วยความผิดหวังในตัวเพื่อน Page ยืนยันว่าควรที่จะสร้างโลกยูโทเปียตามที่เขาคาดการณ์ไว้ ซึ่งท้ายที่สุดในคืนนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มสั่นคลอน

Page ได้เรียก Elon Musk ว่า “พวกสายพันธุ์นิยม (specieist)” ซึ่งคือพวกที่ให้ความสำคัญกับมนุษย์มากกว่าสิ่งมีชีวิตดิจิทัลในอนาคต

Elon Musk ได้กล่าวว่า คำดูถูกนั้นเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ของความสัมพันธ์ระหว่างเขาและ Page

หลายคนที่ได้ยินต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็อดขำกับมันไม่ได้ พวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงแค่อีกหนึ่งการโต้เถียงทางวิชาการแบบที่มักจะเกิดขึ้นในงานปาร์ตี้ของพวกเนิร์ด ๆ ใน Silicon Valley

แต่แปดปีต่อมา บทสนทนาอันดุเดือดของพวกเขาทั้งสองเหมือนจะกลายเป็นเรื่องจริง คำถามที่ว่าปัญญาประดิษฐ์จะยกระดับให้กับโลกหรือทำลายล้างโลกเรากันแน่ ได้กลายมาเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องในหมู่นักเทคโนโลยีชั้นนำใน Silicon Valley

เหล่าผู้ใช้งาน ChatBot นักวิชาการ บรรดานักการเมืองที่ได้กลิ่นของผลประโยชน์อันมหาศาล และหน่วยงานกำกับดูแล ต่างถกเถียงกันอย่างถึงพริกถึงขิงว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ควรจะถูกควบคุมหรือปล่อยให้มันดำเนินไป

การถกเถียงในครั้งนี้ทำให้เหล่ามหาเศรษฐีระดับโลกบางคนต้องปะทะคารมกัน อาทิเช่น Elon Musk , Larry Page , Mark Zuckerberg แห่ง Meta , นักลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่าง Peter Thiel, Satya Nadella จาก Microsoft และ Sam Altman จาก OpenAI ทุกคนต่างต่อสู้เพื่อแย่งชิงขุมทรัพย์ทางธุรกิจอันมหาศาลนี้

ความสำเร็จของ OpenAI กับ ChatGPT แสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่ก้าวล้ำหน้าได้อย่างรวดเร็ว และนั่นทำให้บริษัทอื่น ๆ ต้องเร่งเครื่องเพื่อตามให้ทัน

ในปี 2023 การแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ได้เข้าสู่ยุคใหม่ มหาเศรษฐีระดับโลกต่างทุ่มเงินมหาศาลเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ หวังที่จะได้เปรียบคู่แข่งและเข้าครอบครองส่วนแบ่งการตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Google , Microsoft , Amazon และ Meta ต่างก็มีทีมวิจัยปัญญาประดิษฐ์ที่แข็งแกร่ง พวกเขากำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น เครื่องจักร AI ที่สามารถคิดได้อย่างอิสระ เข้าใจภาษามนุษย์ และควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างอิสระ

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทสตาร์ทอัพจำนวนมากที่เข้ามาแข่งขันในตลาดนี้เช่นกัน พวกเขาได้รับเงินทุนสนับสนุนจากนักลงทุนชั้นนำ และกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์สำหรับรถยนต์ไร้คนขับ ปัญญาประดิษฐ์สำหรับการรักษาโรค และปัญญาประดิษฐ์สำหรับการศึกษา

การแข่งขันด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และยังไม่ชัดเจนว่าบริษัทใดจะได้เปรียบในระยะยาว สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงความเสี่ยงของเทคโนโลยีนี้ และหาวิธีควบคุมเทคโนโลยีนี้อย่างปลอดภัย

ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งคือความเป็นไปได้ที่ปัญญาประดิษฐ์จะกลายเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติ

หากปัญญาประดิษฐ์พัฒนาจนมีสติปัญญาและความสามารถเทียบเท่ามนุษย์หรือเหนือกว่า มันจะสร้างภัยอันตรายต่อมวลมนุษยชาติได้ เช่น พวกมันอาจใช้อาวุธเพื่อโจมตีมนุษย์ หรืออาจใช้เทคโนโลยีควบคุมจิตใจเพื่อล้างสมองมนุษย์

เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติ จำเป็นต้องมีการควบคุมและกำกับดูแลเทคโนโลยีนี้อย่างเข้มงวด รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลจำเป็นต้องกำหนดกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติสำหรับการพัฒนาและการใช้ปัญญาประดิษฐ์

นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญคือต้องพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ให้มีจริยธรรม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

เพราะปัญญาประดิษฐ์มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างสิ้นเชิง มันสามารถช่วยให้เราแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อน เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความยากจน และโรคภัยไข้เจ็บ

แต่ปัญญาประดิษฐ์มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน จำเป็นต้องมีการศึกษาและถกเถียงอย่างรอบคอบเกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาก็คือบทบาทของมนุษย์ในยุคปัญญาประดิษฐ์

หากปัญญาประดิษฐ์พัฒนาจนมีสติปัญญาและความสามารถเทียบเท่าหรือเหนือกว่า นั่นก็จะทำให้มนุษย์อาจสูญเสียการควบคุมโลกให้กับเครื่องจักร

บางคนเชื่อว่ามนุษย์ควรพยายามควบคุมปัญญาประดิษฐ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เครื่องจักรจะควบคุมมนุษย์

แต่บางคนก็เชื่อว่ามนุษย์ควรร่วมมือกับปัญญาประดิษฐ์อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาโลกที่ดีขึ้น

อีกประเด็นที่สำคัญที่ต้องพิจารณาคือความเท่าเทียมทางเทคโนโลยี

ปัญญาประดิษฐ์มีศักยภาพที่จะสร้างความแตกต่างทางเศรษฐกิจและสังคมที่รุนแรง หากเทคโนโลยีนี้ถูกควบคุมโดยกลุ่มคนหรือประเทศเพียงไม่กี่กลุ่ม

สิ่งสำคัญคือต้องพัฒนาปัญญาประดิษฐ์อย่างทั่วถึง เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้และได้รับประโยชน์จากมัน

อนาคตของปัญญาประดิษฐ์นั้นยังไม่แน่นอน

เทคโนโลยีนี้อาจเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการพัฒนาโลก แต่ก็มีศักยภาพที่จะสร้างอันตรายเช่นกัน

จำเป็นต้องมีการศึกษาและถกเถียงอย่างรอบคอบเกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ

บทสรุป

การแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และยังไม่ชัดเจนว่าบริษัทใดจะได้เปรียบในระยะยาว ยังมีคำถามที่ค้างคาใจเช่น เรื่องความเท่าเทียม ความสามารถหรือศักยภาพที่แท้จริงของมัน หรือการถูกควบคุมโดยกลุ่มคนเพียงบางกลุ่ม

คำถามเหล่านี้ยังคาใจพวกเรามาเป็นเวลานาน และยังไม่ชัดเจนว่าจะมีคำตอบที่ชัดเจนเมื่อใด

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน

อนาคตของปัญญาประดิษฐ์สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของมนุษย์ในตอนนี้ ที่ต้องตัดสินใจว่าจะใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อสร้างประโยชน์หรือเพื่อสร้างความเสียหาย มนุษย์ต้องตัดสินใจว่าโลกในอนาคตจะเป็นโลกที่มนุษย์และเครื่องจักรอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข หรือโลกที่มนุษย์ถูกควบคุมโดยเครื่องจักร

อนาคตของปัญญาประดิษฐ์อยู่ในมือของมนุษย์

การตัดสินใจของมนุษย์ในวันนี้ จะกำหนดโลกในอนาคต

References :
https://www.nytimes.com/2023/12/03/technology/ai-openai-musk-page-altman.html
https://www.businessinsider.com/larry-page-elon-musk-specieist-ai-dangers-2023-12
https://fortune.com/2023/09/12/elon-musk-larry-page-friendship-over-ai/

IQ Option ฉลองครบรอบ 10 ปี ชี้เทรนด์การเทรดออนไลน์ในปีหน้าพร้อมนำเสนอนวัตกรรม เพื่อสร้างสังคมการแลกเปลี่ยนทางการเงินที่ปลอดภัยและสะดวกมากยิ่งขื้น

IQ Option แพลตฟอร์มเทรดออนไลน์ชั้นนำฉลองครบรอบ 10 ปี ชี้เทรนด์การเทรดออนไลน์ในปี 2024 พร้อมนำเสนอนวัตกรรม เพื่อสร้างสังคมการแลกเปลี่ยนทางการเงินที่ปลอดภัยและสะดวกสบายมากยิ่งขื้น การันตีด้วยฐานะหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำของการซื้อขายออนไลน์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

โดยริเริ่มยกระดับและพัฒนาตลาดวงการเทรดออนไลน์มาตั้งแต่ ปี 2013 อีกทั้งได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการซื้อขายบนมือถือที่ดีที่สุด ซึ่งมีบทบาทต่อการปฏิวัติวงการเทรดด้วยการดำเนินงานระดับโลกอย่างเป็นรูปธรรม ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 40 ล้านคนจากทั่วทุกมุมโลกและให้บริการหลักในตลาด ลาตินอเมริกา ไทย และอินโดนีเซียครอบคลุมในหุ้น CFD, ETF และการซื้อขาย Forex

จากการสำรวจจากผู้ใช้งานในหลากหลายตลาดที่ให้บริการ แนวโน้มการลงทุนออนไลน์ในไทยและภูมิภาคในปี 2024 วงการการลงทุนออนไลน์ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียกำลังก้าวเข้าสู่ทิศทางที่น่าตื่นเต้นผ่านการเข้ามาของเทคโนโลยีล้ำสมัย การเปลี่ยนแปลงเชิงลักษณะของการลงทุนและแนวโน้มความต้องการของนักลงทุน

โดยการลงทุนในออนไลน์จะมีการเข้ามาของเทคโนโลยีอย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เสริมในด้านของการเสาะหาองค์ความรู้ของเครื่องมือการเทรดออนไลน์และบล็อกเชน รวมไปถึงการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์เพื่อความมั่นคงในการทำธุรกรรมจะมีให้เห็นมากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงทิศทางของเทคโนโลยีทางการเงินที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ความนิยมของแอปลงทุนบนโทรศัพท์มือถือจะมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางในหลายปีที่ผ่านมาของ IQ Option ที่ได้ขยายช่องทางการชำระเงินและรองรับการใช้งานบนมือถือ

โดยแนะนำและปรับปรุงแอปให้ตอบสนองความต้องการทำให้นักเทรดสามารถซื้อขายได้ระหว่างเดินทาง นอกจากนี้ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนักเทรดแต่ละท่าน IQ Option จึงนำเสนอประเภทบัญชีเฉพาะกลุ่มเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเทรดแต่ละราย รวมไปถึงบัญชีอิสลามอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำการเปลี่ยนแปลงไปสู่การลงทุนที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา

ซึ่งเป็นที่มาของการพัฒนาเพื่อยกระดับแพลตฟอร์มล่าสุดของ IQ Option เพื่อให้นักเทรดได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่าอย่างเช่น 

  • การปรับปรุงห้องเทรดและประสบการณ์ผู้ใช้ ยกระดับอินเทอร์เฟซของห้องเทรด ขยายชุดเครื่องมือเทรด และเพิ่มสินทรัพย์ที่มีอยู่ถึง 300 รายการ ทั้งนี้แพลตฟอร์มยังได้เพิ่มสื่อการเรียนรู้ หลักสูตร และการสัมมนาผ่านเว็บไซด์ เพื่อส่งเสริมศักยภาพและองค์ความรู้ให้กับนักเทรดอีกทั้งยังได้เปิดตัวการแข่งขันเทรดที่ช่วยเพิ่มความน่าตื่นเต้นให้กับผู้ใช้ นอกจากนี้ยังได้มีการรวมสกุลเงินดิจิทัลให้เป็นสินทรัพย์ที่สามารถเทรดได้เพื่อเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับนักเทรด
  • การสนับสนุนด้านภาษาตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน เพื่อช่วยให้นักเทรดทั่วโลกมีประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อบนแพลตฟอร์ม พร้อมยังมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถพูดได้หลากหลายภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาโปรตุเกส ภาษาสเปน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอิตาลี ภาษาไทย ภาษาอาหรับ และภาษาอื่น ๆ อีกมากมาย ตอกย้ำความมั่นใจแก่นักเทรดที่จะได้รับความช่วยเหลือทุกเมื่อที่ต้องการ
  • การเปิดตัวระบบถอนเงินอย่างรวดเร็ว เพื่อลดความยุ่งยากและสร้างความพึงพอใจให้กับนักเทรด ซึ่งระบบนี้ช่วยให้บริษัทประมวลผลคำขอการถอนเงินได้ทันที เสริมความสามารถเข้าถึงเงินทุนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมา IQ Option ได้รับการยอมรับด้วยรางวัลมากมายถึง 22 รายการ อาทิ รางวัล “Excellence In Forex Trading Platform Global” จาก Global Business Review (2022), “Best Trading Platform” จาก FX Daily Info (2022), “Fastest-Growing Online Broker in Asia” จาก International Business Magazine (2022) และ “Best Trading Experience” จาก WorldForexAward (2022) อีกทั้งยังมีส่วนร่วมอย่างการสนับสนุนกิจกรรมด้านกีฬาต่างๆ โดยสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อการมีน้ำใจนักกีฬาและการทำงานเป็นทีม อย่างเช่นงาน Red Bull Racing ปี 2018 และ CS-GO Latin America Cup ปี 2021 โดยสิ่งเหล่านี้ตอกย้ำภาพลักษณ์และความทุ่มเทของแพลตฟอร์มในการมอบประสบการณ์เทรดระดับโลกให้แก่ลูกค้า

พันธกิจเพื่ออนาคตของ IQ Option คือการทุ่มเทและมุ่งมั่นในการพัฒนาพร้อมยกระดับแพลตฟอร์มเทรดออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำงานร่วมกับชุมชนนักเทรดเพื่อรังสรรค์ประสบการณ์ที่เหนือชั้นใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นให้แก่ผู้ใช้งานทุกท่าน พร้อมเดินหน้าปฏิวัติสู่ความเป็นหนึ่งของแบรนด์ในวงการเทรดในอีกสิบปีข้างหน้า ท้ายนี้ IQ Option ต้องขอขอบคุณนักเทรดที่ให้ความเชื่อใจและมั่นใจในศักยภาพของบริษัทฯ ซึ่งหากไร้การสนับสนุนที่ดีเสมอมาจากผู้ใช้งาน เส้นทางสู่ความสำเร็จของบริษัทก็คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้

ไนท์ แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) เปิดตัวแผนกความยั่งยืนธุรกิจ (ESG) เพื่อตอบสนองความต้องการด้านความยั่งยืนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ พร้อมตั้งเป้าในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ “NET ZERO” ภายในปี 2030

บริษัทไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย มุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับการพัฒนาการดำเนินงานด้านความยั่งยืนภายใต้กรอบ ESG (Environmental, Social, and Good Governance) โดยบริษัทได้ชูกรอบความยั่งยืนกว่า 10 ด้าน เพื่อจุดประสงค์ความยั่งยืนครอบคลุมเครือข่ายไนท์แฟรงค์ทั่วโลก ประกอบด้วย 1) การตั้งเป้าหมายเป็น NET ZERO ภายในปี 2030 2) การพัฒนาพื้นที่สำนักงานให้มีความยั่งยืนและน่าอยู่ 3) การพัฒนาความมุ่งมั่นที่จะเป็นเลิศในการทำงาน 4) การเพิ่มขีดความสามารถพนักงานอย่างเป็นระบบ 5) การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดำเนินงานของบริษัท 6) การเป็นหนึ่งในซัพพลายเชนที่ยั่งยืน 7) การลดการใช้กระดาษและทรัพยากรอย่างมีนัยสำคัญ 8) การเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานของพนักงาน 9) การรักษาธรรมาภิบาลที่ดีภายในสถานที่ทำงานและมีการฝึกอบรมด้านจริยธรรมทางธุรกิจและการปฏิบัติตามกฎระเบียบทั้งหมด 10) การเพิ่มความเท่าเทียมของพนักงานผ่านทางระบบต่างๆ

นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ความสามารถในการพัฒนาความยั่งยืน จะเป็นกุญแจดอกสำคัญในการสร้างความสำเร็จของภาคอสังหาริมทรัพย์

โดยบริษัทได้พบว่า ในปี 2566 ผู้เช่าสำนักงานในเขตกรุงเทพและปริมณฑลมีความต้องการ “demand” กับการเช่าสำนักงานในอาคารที่มีมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การลงทุนด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของอาคารสามารถคืนทุนได้เร็วมากขึ้นคุ้มค่ามากขึ้น นอกจากนี้ ความต้องการในการจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

นายณัฏฐา คหาปนะ กล่าวเสริมว่า ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยไปสู่ความยั่งยืนที่มากขึ้น เรายังเปิดแผนกความยั่งยืนธุรกิจ (ESG) เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการพัฒนาความยั่งยืนของคู่ค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตามโมเดลจากสาขาไนท์แฟรงค์ทั่วโลก ที่ดำเนินการไปแล้วประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในประเทศอังกฤษ สหภาพยุโรป และ ประเทศออสเตรเลีย

โดยจุดประสงค์ของแผนก ESG จะมาช่วยคู่ค้าในด้านต่างๆดังนี้ 1) การเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอาคารและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ 2) การเป็นที่ปรึกษาด้านการตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO) ของคู่ค้า 3) การเป็นที่ปรึกษาด้านการรับรองมาตรฐานอาคารต่างๆเช่น LEED WELL FITWEL และการรับรองมาตรฐานอาคารอื่นๆ 4) การเป็นที่ปรึกษาด้านการรายงานความยั่งยืนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรฐานไทย และ นานาชาติ 

โดยมอบหมายงานนี้ให้นาย วีรวิทย์ กาญจนเทียมเท่า เข้ามาพัฒนากลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนของบริษัทและให้บริการบริษัทคู่ค้าด้านความยั่งยืนโดยมีการใช้มาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกมาใช้ รวมถึงเป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นที่จริงใจในการพัฒนาด้านศักยภาพของพนักงานและการส่งเสริมความสามารถจากภายในองค์กรเช่นเดียวกัน 

นอกจากนี้บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ยังร่วมมือกับ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการพัฒนาโครงการ Web-Based Application  เพื่อสร้างความร่วมมือทางวิชาการและมุ่งหวังในการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรตามหลักวิชาการ ส่งเสริมความสามารถในการจัดการลดคาร์บอนฟุตพรินต์ และสนับสนุนการพัฒนาองค์กรไปสู่การเป็น Net Zero ภายในปี 2030

โครงการนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ในการที่จะรับรู้และรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการมุ่งเน้นในการลดการผลิตก๊าซเรือนกระจกผ่านการทำงานในทุกขั้นตอนของบริษัท นอกจากนี้ โครงการนี้ยังเปิดโอกาสในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีและความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการจัดการสิ่งแวดล้อมของ พื้นที่อาคารและบริษัทที่ดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยต่อไป