Jack Ma & China Pages กับการค้นหา Beer ‘No data’ สู่ราชาแห่งวงการอินเทอร์เน็ตจีน

เด็กชายนามว่า “หม่า หยุ่น” หรือชื่อจริงของ Jack Ma นั้นเกิดในครอบครัวยากจนในเมืองหางโจว เขาเติบโตมาพร้อมกับความอยากรู้ภาษาอังกฤษมาโดยตลอด เขามักจะออกจากบ้านไปพูดคุยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างสม่ำเสมอ ชื่อ Jack ของเขานั้นก็มาจากคำแนะนำของนักท่องเที่ยวคนหนึ่งนั่นเอง

เรื่องการเรียนในวัยเด็กเรียกว่าเข้าขั้นย่ำแย่เลยสำหรับ แจ็ค เขาสอบตกเลขจบเกือบจะไม่ได้เรียนต่อในชั้นมหาลัยด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเขาก็ได้ไปศึกษาต่อที่โรงเรียน Hangzhou Teacher School จนจบการศึกษาในที่สุด

แจ็ค นั้นไม่ได้มีความคิดที่จะเป็นครูภาษาอังกฤษไปตลอดชีวิต ในปี 1992 แจ็คกับเพื่อนได้ร่วมกันก่อตั้งสำนักแปลไห่โป๋ขึ้นมา ซึ่งเป็นก้าวแรกของเขาที่ย่างเข้าสู่วงการธุรกิจ สำนักแปลไห่โป๋ ของแจ็ค นั้นดำเนินธุรกิจอย่างล้มลุกคลุกคลาน จนเริ่มมีกำไรในปี 1995 และกลายเป็นสำนักแปลภาษาที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหางโจวในที่สุด 

แจ็ค หม่า และครอบครัวในเมืองหางโจว (CR: Fresh News)
แจ็ค หม่า และครอบครัวในเมืองหางโจว (CR: Fresh News)

และในต้นปี 1995 นั้น เมืองหางโจวเกิดดีความสัญญากับต่างประเทศขึ้นมาคดีหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องการลงทุนสร้างทางด่วนกับบริษัทในอเมริกา ซึ่งมีข้อพิพาทกัน ทำให้เทศบาลเมืองหางโจวต้องตัดสินใจส่งตัวแทนไปติดต่อกับฝ่ายอเมริกัน เพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาท

ซึ่งมันกลายเป็นภารกิจของแจ็ค ที่ขณะนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาษาอังกฤษที่สุดแห่งสำนักแปลไห่โป่ ที่ต้องไปช่วยเหลือเทศบาล โดยเขาต้องเดินทางไปยังอเมริกาที่เมือง ลอสแองเจลลิส แต่มันเป็นความซวยที่มาเยือนของแจ็ค เมื่อทางการได้สืบสวนในทางลับแล้วพบว่า บริษัทเหล่านี้เป็นพวกนักต้มตุ๋นระดับชาติ แต่มันช้าไปซะแล้ว เพราะแจ็คเข้าถ้ำเสือเดินทางถึงอเมริกาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

มีการต้อนรับแจ็ค อยางดีจากฝั่งอเมริกา เพื่อหลอกให้แจ็คตายใจ แต่สุดท้ายทางฝั่งอเมริกาก็เผยไต๋ในที่สุด และได้จับกุมแจ็ค ไปขังเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งกว่าจะหลุดมาได้นั้น แจ็ค ก็ต้องจำเป็นเล่นบทเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนของบริษัทอเมริกาเสียเอง ทำเหมือนว่าหักหลังเทศบาลที่ส่งเขามาช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย จนโดนปล่อยตัวมาในที่สุด

แต่มันเหมือนภารกิจของเขายังไม่สำเร็จ เขาเลยคิดว่าจะไปที่ไหนต่อดี และนึกขึ้นได้ว่า ตอนอยู่ประเทศจีนมีครูต่างชาติคนหนึ่งที่ชื่อพิล ซึ่งเคยเล่าเรื่องลูกเขยของเขาให้ฟัง ว่ากำลังทำอะไรบางอย่างกับ “internet” อยู่ที่เมือง ซีแอตเทิล

นั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่แจ็ค ได้ถือโอกาส ไปทำความรู้จักกับ internet เสียหน่อย เพราะอุตส่าห์มาตั้งไกลแล้ว จึงได้ซื้อตั๋วเครื่องบินมุ่งหน้าไปยัง ซีแอตเทิล ทันที

แจ็ค ที่ได้รู้จักกับอินเทอร์เน็ตในการไปเยือนถิ่นของอดีตครูสอนภาษาในเมืองซีแอตเทิล (CR:x.com)
แจ็ค ที่ได้รู้จักกับอินเทอร์เน็ตในการไปเยือนถิ่นของอดีตครูต่างชาติของเขาในเมืองซีแอตเทิล (CR:x.com)

ซึ่งเมื่อถึงเมือง ซีแอตเทิล แจ็คไปตามที่อยู่ที่เพื่อนให้ไว้ และไปพบกับลูกเขยของเพื่อนอย่างรวดเร็ว เขาคือแซม ที่ขณะนั้น กำลังก่อตั้งบริษัทขนาดเล็กที่ชื่อ VBN ซึ่งตอนนั้นกำลังให้บริการ ISP เจ้าแรกแห่ง Silicon Valley แถมยังเป็นบริษัทแรกที่ทำธุรกิจนี้ในอเมริกาอีกด้วย

และนี่เป็นครั้งแรกที่แจ็ค ได้เห็นเจ้า internet กับตาตัวเอง ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่แจ็คเห็นตอนนั้นคือเครื่อง PC386 ที่ทันสมัยที่สุดในโลกของยุคนั้น ซึ่งมีราคาอยู่ที่ประมาณ 600-700 เหรียญ

แจ็คซึ่งตอนนั้นแทบจะไม่เคยเห็นเจ้าคอมพิวเตอร์มาก่อนเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึง internet ซึ่งเป็นสิ่งที่ใหม่มากในยุคนั้น และเริ่มทดลองใช้มัน โดยลองพิมพ์คำว่า “Beer” ลงใน Search Engine ของ Yahoo ซึ่งต้องบอกว่าตอนนั้น Yahoo ในยุคก่อนการเกิดของ Google นั้นถือเป็น Search Engine ที่ทันสมัยที่สุดในโลก internet เลยก็ว่าได้

เมื่อ คีย์ คำว่า “Beer” แล้วกด enter เขาก็ตาลุกวาวทันที มันเต็มไปด้วยผลการค้นหา ทั้งเบียร์อเมริกันยี่ห้อต่าง ๆ เบียร์ญี่ปุ่น เบียร์เยอรมัน เบียร์ฝรั่งเศษ ต่างพากันปรากฏขึ้นมาให้หน้าผลการค้นหา

แต่สิ่งที่ทำให้แจ็คสงสัยมากที่สุด คงจะเป็น ทำไมถึงไม่มีเบียร์จีนโผล่ขึ้นมาเลย แจ็คนึกในใจว่า หรือเบียร์ฝรั่ง จะมีชื่อเสียงมากกว่าเบียร์จีน พวกฝรั่งคงรู้จักแต่เหมาไถของกุ้ยโจว แต่ไม่รู้จักเบียร์จีนกันอย่างแน่แท้

แต่เขาก็คิดอีกว่า ต่อให้ไม่พบเบียร์จีนใน internet แต่ถ้าจะหา ประเทศจีน ที่มีประชากรถึง 1 ใน 5 ของโลกและมีเนื้อที่ใหญ่โตมหาศาล คงจะหาเจอละมั๊ง

และแล้ว เขาจึงบรรจง คีย์คำว่า “China” ลงในช่อง search engine ของ yahoo อีกครั้ง ผลปรากฏว่าบนจอขึ้นคำที่เหลือมากคือ “no data” หรือไม่มีข้อมูล

แจ็คลองคีย์คำว่า “China” ลงในช่อง search engine ของ yahoo แต่ไม่เจอข้อมูลใด  ๆ (CR:Australian Resellers News)
แจ็คลองคีย์คำว่า “China” ลงในช่อง search engine ของ yahoo แต่ไม่เจอข้อมูลใด ๆ (CR:Australian Resellers News)

เจ้า internet มันไม่รู้จักประเทศจีน มันเป็นไปได้ไง แจ็ครู้สึกสะเทือนใจ และผิดหวังอย่างมาก และคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ และแล้ว มันก็เป็นเวลาที่เขาครุ่นคิดอย่างหนัก

หลังผ่านไปราวหนึ่งนาที แจ็ค ก็ได้ถามแซมว่า “ผมตั้งสำนักแปลภาษาอยู่ที่หางโจว จะเอามันเข้าไปอยู่ในโลก internet ได้ไหม” ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องเพียงแค่นี้ มันไม่ได้เป็นปัญหาของแซมอยู่แล้ว

และเวลานั้นเอง แจ็ค ผู้แสนฉลาดได้เริ่มคิดการณ์ใหญ่ขึ้นมาแล้ว เขาได้ปิ๊งไอเดียที่เขาจะทำการขยายธุรกิจของสำนักแปลไห่โป๋ได้แล้ว ทีมงานของแซม ก็เริ่มทำตามความต้องการของแจ็ค โดยสร้างเว็บเพจสำนักแปลไห่โป๋เสร็จ และอัพโหลดขึ้น internet ทันที

มันเป็นหน้าเว็บที่เรียบง่าย จนเข้าขั้นน่าเกลียดเลยด้วยซ้ำ ไม่มีภาพ ไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีโฆษณา Flash มีแต่คำอธิบายเป็นตัวอักษรไม่กี่ตัวอักษร คือ เป็นการแนะนำสำนักแปลไห่โป๋ บวกกับรายการค่าจ้างแปล เช่น 1,000 ตัวอักษร คิด xx หยวน เป็นต้น พร้อมกับ email ในการติดต่อ

เสร็จงานหลังจากวันนั้น แซม ก็ได้พาแจ็คออกไปเที่ยว ทั้งเช้า และ เย็น จนแจ็คนั้นแทบไม่ได้พักเลยด้วยซ้ำ  และเมื่อเขากลับถึงที่พักเพื่อที่จะพักผ่อน ทว่าเขาเพิ่งจะเอนตัวลงไปกำลังจะนอนเท่านั้น

เสียงกริ่งโทรศัพท์ข้างเตียงก็ดังขึ้น แจ็คตกใจ น้ำเสียงปลายสายเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “แจ็ค รีบมาดู มีอีเมล์ถึงคุณห้าฉบับ”

เป็นเสียงแซม นั่นเองที่โทรมาจากบริษัท VBN แจ็ค จึงรีบวิ่งตรงไปยังบริษัท ที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักนัก เมื่อเปิด email ของตนเอง ก็ตกใจมาก มี mail ส่งถึงแจ็ค ทั้งจาก อเมริกา ญี่ปุ่น และ ยุโรป มีทั้งหน่วยงานรัฐ รวมถึงบริษัทเอกชนด้วย

ในจำนวนหนึ่งของ email เหล่านี้เขียนไว้ว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่เราพบเว็บของบริษัทประเทศจีน คุณอยู่ที่ไหน เราอยากทำธุรกิจกับคุณ”

แจ็ค แทบจะไม่เชื่อสายตากับสิ่งที่ได้เห็น คราวนี้เขาเริ่มเชื่อถึงพลังมหัศจรรย์ของ internet อย่างหมดหัวใจแล้ว เขาเริ่มตื่นเต้น และดีใจจนเนื้อเต้น

ตอนนั้น ได้เกิดความคิดวาบขึ้นในสมองของแจ็คทันที : เขาจะกลับประเทศไปสร้างธุรกิจทำ internet เขาจึงบอกกับแซมและทีมในบริษัท VBN ทันที “พวกเรามาร่วมมือกัน พวกคุณ (บริษัท VBN) รับผิดชอบด้านเทคนิคที่นี่ ผมจะกลับไปทำธุรกิจ บุกเบิกลูกค้า ขยายกิจการ ที่ประเทศของผม”

และมันเหมือนโชคชะตา ฟ้าลิขิต ที่นำพา แจ็ค หม่า ให้มาได้พบเจอกับ internet โลกใบใหม่ ที่เขาแทบไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต การเดินทางมายังอเมริกาครั้งนี้ ได้เปลี่ยนความคิดของชายคนนี้ไปตลอดกาล

เมื่อแจ็คเดินทางกลับจากซีแอตเทิลถึงหางโจว ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ของแจ็คนั้นได้นำเอาของวิเศษหนึ่งอย่างมาจากอเมริกาด้วย มันคือ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอินเทล 386 ซึ่งเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในขณะนั้นเลยก็ว่าได้ 

เพียงแค่คืนแรกที่กลับถึงหางโจว แจ็ค เขาก็เริ่มเดินหน้าธุรกิจที่เขาได้คิดไว้อย่างทันที เขาเชิญเพื่อนสนิทที่สุด 24 คนมากินข้าวที่บ้าน และเริ่มบรรเลงโชว์ ของวิเศษ (คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอินเทล 386) ทุกคนที่ถูกเชิญมาต่างอ้าปากค้าง และรู้สึกทึ่งกับเจ้าสิ่งนี้ ซึ่งไม่ต่างจากตอนที่แจ็ค นั้นเห็นคอมพิวเตอร์สุดแรงนี้ ครั้งแรกที่อเมริกา

หลังจากนั้น แจ็ค ก็ได้เริ่มพูดถึงเรื่อง internet และได้บรรยายถึงความวิเศษของมันที่เขาได้เจอมาที่อเมริกา และพรรณนา ว่า มันวิเศษยิ่งกว่าโทรศัพท์เสียอีก แค่เพียงคลิกเดียวก็สามารถเข้าถึงทุกแห่งทุกหนในโลกได้ และ ให้วิสัยทัศน์ว่า เจ้าสิ่งนี้ จะต้องรุ่งเรืองในประเทศจีนได้อย่างแน่นอน

แต่ต้องเข้าใจว่า ในยุคนั้น ไม่มีใครเข้าใจกับคำว่า internet แม้แจ็ค จะพยายามพูดล้างสมองเพื่อนอย่างไรก็ตาม แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มเพื่อน ๆ ของเขาที่ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจในจีนอยู่แล้ว จะไม่ได้สนใจมันแต่อย่างใด หาว่าแจ็คนั้นเป็นคนเพ้อฝัน

เขากล่าวกับเพื่อนว่า ๆ จะลาออกจากงานมาเริ่มธุรกิจ internet แต่มันกลับกลายเป็นว่าเพื่อน ๆ ของเขาทั้งหมดแทบจะคัดค้านกับแนวคิดของ แจ็ค หลาย ๆ คนก็พยายามถามรายละเอียดของ internet จากแจ็ค  แต่ก็อย่างที่ทราบ แจ็ค นั้นก็มีความรู้ทางด้าน internet แบบผิวเผินเท่านั้น ไม่สามารถตอบคำถามใด ๆ จากเพื่อน  ๆ เขาได้เลย ซึ่งหลังจากให้ทำการโหวตปรากฏว่า 23 คนค้าน และมีคนเห็นด้วยกับแจ็ค เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

และในที่สุดแจ็ค ก็ได้พบกับความจริงที่โหดร้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นคือ ไม่ว่าจะอย่างไร เขาคงไม่สามารถที่ชักจูงเหล่าเพื่อน ๆ ของเขาให้มาลองทำธุรกิจ internet กับเขาได้อย่างแน่นอน ทำให้แจ็คเสียใจมากและถึงกับจิตตกไปเลยทีเดียว

แต่แม้จะมีถึง 23 คนที่คัดค้าน มันยังมีอีกหนึ่งคนที่สนับสนุนความคิดของแจ็ค ซึ่งเพื่อนคนนี้สนับสนุนให้แจ็คได้ลองทำดู ซึ่ง เขาคือ เหออิปิง เป็นเพื่อนนักศึกษามหาวิทยาลัยครูหางโจวของแจ็ค

และแม้มันจะมีเพียงหนึ่งเสียงสนับสนุน แต่ สัญชาติญาณของแจ็ค นั้นก็สั่งให้เขาเริ่มธุรกิจนี้ ก้าวแรกของการสร้างธุรกิจคือหาเงินทุน ซึ่งแจ็คและภรรยานั้นได้ทุ่มเงินหมดตัว 6,000 หยวน และทำการรวบรวมจากญาติพี่น้องได้อีกราว  ๆ 40,000 หยวน และ อีกส่วนคือการนำเอาสินทรัพย์ของสำนักแปลภาษาไห่โป๋ธุรกิจแรกของเขาออกเทขายทั้งหมด ซึ่งได้มาอีก 30,000 หยวน รวมเป็นส่วนของตัวเขาและภรรยาทั้งสิ้น 80,000 หยวน

และเพื่อนที่สนับสนุนแนวคิดนี้ของแจ็คอย่าง เหออิปิง นั้น ก็ได้ร่วมลงทุน 10,000 หยวน ส่วนอีก 10,000 หยวนสุดท้ายได้มาจากเพื่อนอีกคนที่ชื่อ ซ่งเว่ยชิง  ซึ่งทำให้ตอนนี้ เงินลงทุนตั้งต้นของธุรกิจใหม่ของแจ็คนั้น มีรวมแล้วประมาณ 100,000 หยวน

และในที่สุดบริษัทเทคนิคอินเตอร์เน็ตไห่โป๋ เจ้อเจียง ที่ดำเนินการกิจการไดเร็กทอรี่อุตสาหกรรมการค้าออนไลน์ และเป็นเว็บไซต์ internet แห่งแรกของประเทศจีน – เยลโล่เพจเจสประเทศจีน ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อเดือน เมษายน ปี 1995

เยลโล่เพจเจสประเทศจีน ที่แจ็ค หม่า นำมันขึ้นสู่โลกอินเทอร์เน็ต (CR: alibaba)
เยลโล่เพจเจสประเทศจีน ที่แจ็ค หม่า นำมันขึ้นสู่โลกอินเทอร์เน็ต (CR: alibaba)

และในวันที่ 9 พฤษภาคม 1995 ไชน่าเพจเจส (http://www.chinapages.com) ได้ขึ้นออนไลน์อย่างเป็นทางการ และเป็นเว็บไซต์ธุรกิจเว็บแรกในประวัติศาตร์ของ internet ของประเทศจีน

แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้เริ่มต้นด้วยกลีบกุหลาบ ระยะแรกเริ่ม เป็นช่วงเวลาที่ ไชน่าเพจเจส ลำบากที่สุด ออฟฟิสหลักของบริษัทนั้น ก็แค่เช่าบ้านธรรมดาหลังหนึ่งเป็นห้องทำงาน และ มีอุปกรณ์ชิ้นเดียวคือ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอินเทล 386 ที่แจ็คนั้นได้หอบหิ้วมาจากอเมริกานั่นเอง 

เพียงแค่ค่าเช่าออฟฟิส ก็กินเงินทุนของแจ็คไปมากโขแล้ว เพราะต้องจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าเป็นปี ซึ่งในสภาวะย่ำแย่ในช่วงแรก ๆ ของการก่อตั้งบริษัทนั้น ในบัญชีบริษัทมีเงินสดเหลือเพียง 200 หยวน เท่านั้น และ ที่สำคัญ ไชน่าเพจเจส ยังแทบจะไม่มีลูกค้าเลยด้วยซ้ำ

นักธุรกิจในประเทศจีนซึ่งแทบไม่เคยได้ยินคำว่า internet มาก่อน ซึ่งการที่แจ็ค จะไปอธิบายให้พวกเขาเสียเงินซื้อในสิ่งที่มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ ทำให้บรรดาเถ้าแก่นักธุรกิจจีนต่างส่ายหน้าหนี internet กันแทบจะทั้งสิ้น และมองมันเป็นเรื่องหลอกลวงเท่านั้น

สาเหตุหลักอีกประการหนึ่งน่าจะมาจากราคาที่สูงลิ่ว เพราะไชน่าเพจเจสในยุคแรกเป็นการร่วมมือกับบริษัท VBN ของสหรัฐ เช่า server จากอเมริกา และต้องมีการแบ่งผลกำไร 40:60 ซึ่ง ไชน่าเพจเจสนั้นได้เพียง 40% ส่วน VBN ที่นอนรอลูกค้าอยู่ที่อเมริกานั้นได้ถึง 60% และต้นทุนของค่าจ้างในการทำเว็บเพจนั้นก็แพงเอามาก ๆ เสียด้วย

และการที่ลูกค้าจะเห็นหน้าโฮมเพจของตัวเองนั้นก็ต้องให้ VBN print ภาพหน้าโฮมเพจออกมาและส่งด่วนทาง UPS กลับมาที่หางโจว เพื่อโชว์ให้ลูกค้าดู ซึ่งมันเป็นโมเดลธุรกิจที่แปลกประหลาดอย่างมาก หากคุณเป็นลูกค้าของแจ็คในยุคนั้น ก็คงคิดเหมือนคนเหล่านี้ เพราะ จีนตอนนั้นยังไม่สามารถเข้าถึง internet ได้นั่นเอง

และลูกค้ารายแรก ๆ ส่วนใหญ่นั้นเป็นเพื่อนนักธุรกิจของแจ็ค ซึ่งตอนแรกนั้นแทบจะไม่คิดค่าใช้จ่าย อยากจะช่วย promote ให้ฟรี ๆ เพื่อเป็นการบุกเบิกลูกค้า และ ทำให้ลูกค้าคนอื่น ๆ เริ่มหันมาสนใจบ้าง

และในที่สุดไชน่าเพจเจส ก็ได้ลูกค้าที่จ่ายเงินเป็นรายแรก นั่นก็คือ โรงแรมระดับสี่ดาวของเมืองหางโจว  โรงแรมวั่งหู ซึ่งเจ้าของโรงแรมนั้นก็เป็นเพื่อนของแจ็ค อีกเช่นเคย

เนื่องจากไม่มีใครที่หางโจวนั้นรู้จักกับ internet แจ็คจึงต้องรับภาระหนักในการไปโฆษณาเผยแพร่ และไปสาธิตให้ลูกค้าแต่ละรายด้วยตัวเอง ซึ่งแจ็ค ในขณะนั้นโดยตำแหน่งแล้วเป็นผู้จัดการ แต่ความจริงเขาก็คือ เซลล์แมน ของไชน่าเพจเจสต่างหาก และ ยังทำตัวเป็นจิตอาสา ในการเผยแพร่ความรู้ด้าน internet ของจีนให้ชาวเมืองหางโจวอีกด้วย

และแม้ความจริงแล้วนั้น เหล่าลูกค้ารุ่นแรก ๆ ของไชน่าเพจเจส จะมีความคลางแคลงใจต่อ internet ที่แจ็คโฆษณาให้ แต่มันก็เริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นกับธุรกิจของพวกเขาเหล่านั้น กลุ่มลูกค้าเหล่านี้เริ่มได้รับโทรศัพท์และแฟกซ์สอบถามจากต่างประเทศ ซึ่งพวกเขาแทบจะไม่เคยเจอมาก่อนเลยด้วยซ้ำ แต่ลูกค้าเหล่านั้นก็ยังไม่เชื่อถึงความเชื่อมโยงของผลลัพธ์เหล่านี้กับไชน่าเพจเจสของแจ็ค พวกเขายังแค่มองมันเป็นคำหลอกลวงของแจ็ค เหมือนเคย

และเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างแจ็คบ้างแล้ว ในที่สุด เดือน กรกฏาคม ปี 1995 ด้วยการอนุมัติของกรมโทรคมนาคม สังกัดกระทรวงไปรษณีย์ของจีน มีการจัดตั้งสาย internet เฉพาะกิจ 44K ที่เซี่ยงไฮ้เป็นครั้งแรก และมันก็เริ่มทำให้แจ็คเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์บ้างแล้ว

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น มันเป็นวันที่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ต้องจารึกชื่อของแจ็ค หม่า มันเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ internet ของประเทศจีน 

มันเป็นวันที่แจ็ค นำเจ้าคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่อกับ internet 44K ที่เซี่ยงไฮ้ ได้สำเร็จ แจ็คหมุนโทรศัพท์ถึงโทรคมนาคมของเซี่ยงไฮ้ ผ่านไปราว ๆ นาทีกว่า ๆ การเชื่อมต่อ internet ก็สำเร็จในที่สุด ในวันนั้นมีการถ่ายทอดการเชื่อมต่อครั้งสำคัญนี้ผ่านสถานีโทรทัศน์ในเมืองหางโจว 

เมื่อแจ็ค เริ่มเปิดโปรแกรม Mosaic ซึ่งเป็น Web Browser ในสมัยนั้น และบรรจงพิมพ์ address “http://www.chinapages.com”  หลังจากรอกว่า 3 ชั่วโมง เว็บเพจทั้งหมดก็ดาวน์โหลดเสร็จสิ้น และมันปรากฏภาพของเพจหน้าหลักของโรงแรมวั่งหู ลูกค้ารายแรกของแจ็ค รวมถึง เพจของลูกค้าคนอื่น ๆ เรียงรายตามมาในหน้าของไชน่าเพจเจส

Mosaic ซึ่งเป็น Web Browser ที่ใช้งานกันในสมัยนั้น (CR:Ubunblog)
Mosaic ซึ่งเป็น Web Browser ที่ใช้งานกันในสมัยนั้น (CR:Ubunblog)

ลูกค้าต่างตื่นเต้น ผู้สื่อข่าวที่มาทำข่าวก็ตื่นเต้น และที่ตื่นเต้นที่สุดคงจะเป็นแจ็ค และหุ้นส่วนของเขา หลังจากทำงานหนักกันมากว่า 4 เดือน ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นเว็บเพจของตนเองบน internet และหลุดพ้นจากการที่เหล่าผู้คนต่าง ๆ กล่าวหาว่าเขาเป็นคนหลอกลวงได้เสียที

ต้องบอกว่า การที่ชาวเมืองหางโจวได้เห็นเรื่องจริงของ internet ผ่านจอโทรทัศน์ที่ทำการถ่ายทอดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้ชาวหางโจว เริ่มที่จะกลับมาเชื่อแจ็ค ได้อีกครั้ง internet ไม่ได้เป็นเรื่องหลอกลวงที่แจ็ค สร้างขึ้นมา ไม่ใช่เป็นเรื่องของสิ่งลี้ลับ หรือ เรื่องผีสาง แต่ internet มันคือสิ่งมหัศจรรย์ใหม่ ที่กำลังจะมาเปลี่ยนวิถีชีวิตชาวจีน รวมถึงชาวโลก

สำหรับแจ็คและหุ้นส่วนแล้ว มันเต็มไปด้วยคราบน้ำตาแห่งความปิติยินดีรวมถึงความสุข และนับเป็นก้าวที่สำคัญที่สุดก้าวนึงของแจ็ค ที่ได้ปลดแอกเรื่องที่เขาถูกกล่าวหาว่าหลอกลวงได้เสียที และมันช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แจ็คที่ต่อไปนี้จะไม่ได้จำกัดอยู่ในเพียงเมืองเล็ก ๆ อย่างหางโจวแล้ว เพราะพวกเขากำลังจะก้าวขึ้นไปครองหนึ่งในตลาดด้านอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างประเทศจีนได้สำเร็จในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม

“สิงห์ปาร์ค เชียงราย” เปิดแคมเปญ “Sound of Nature” ชวนคนไทยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ดึง 4 ศิลปิน “มิวซิกมูฟ” Cover เพลงแทนความห่วงใย

“สิงห์ปาร์ค เชียงราย” สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เปิดโปรเจคพิเศษ “Sound of Nature” ชวนทุกคนเห็นถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม เพื่อโลกที่สวยงาม ดึง 4 ศิลปินค่าย “มิวซิกมูฟ” ร่วมถ่ายทอด 3 บทเพลงพิเศษที่ถูกนำมาตีความและเรียบเรียงทำนองใหม่สไตล์อะคูสติก สะท้อนภาพความสวยงามของธรรมชาติผ่าน MV Live Session 3 EP. บนพื้นที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย

สื่อความหมายถึงใจผู้ฟัง ชวนตระหนักถึงความสำคัญของการมีอยู่ของธรรมชาติที่สมบูรณ์ และสิ่งแวดล้อมที่ดี พร้อมหันกลับมาใส่ใจดูแล รักษาธรรมชาติ เพื่อร่วมกันสร้างโลกที่ยั่งยืน เปิดตัวเพลงแรก เอ๊ะ จิรากร Feat. แขกรับเชิญพิเศษ เต้ ภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เจ้าของเพลงดังมากมาย ที่มาร่วมร้องในเพลง “โลกที่ไม่มีเธอ” ซิงเกิลดังจากต้นฉบับของศิลปิน Portrait ที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างมาก 

คุณพงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด กล่าวว่า “ด้วยพื้นที่กว่า 8,600 ไร่ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ภูมิประเทศที่สวยงาม เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด ทั้งต้นไม้ใหญ่ ไม้ผล ไร่ชา แปลงดอกไม้หลากชนิดสีสันสวยงาม สิงห์ปาร์คจึงได้รับการขนานนามว่าเป็นปอดใจกลางเมืองเชียงราย

โดยจุดเริ่มต้นของโปรเจค “Sound of Nature”  สิงห์ปาร์ค เชียงราย ต้องการเป็นสื่อกลางในการส่งเสียงจากธรรมชาติไปถึงผู้ฟัง ให้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญในการมีอยู่ของธรรมชาติ ร่วมหันมาใส่ใจดูแล และอยู่ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ซึ่งการทำแคมเปญ “Sound of Nature”  เป็นการนำบทเพลงที่ได้รับความนิยม กลับมาทำใหม่ในแบบอะคูสติก มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพื่อเชื่อมโยงให้ผู้ฟังได้สัมผัสกับธรรมชาติ ถ่ายทอดผ่านศิลปินนักร้องที่เป็นที่รู้จัก รวมทั้งมิวสิควิดีโอ (MV) ที่เห็นความสมบูรณ์และความสวยงามของธรรมชาติ เพื่อที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาธรรมชาติไปด้วยกัน”

โปรเจค Sound of Nature เป็นการนำ 3 บทเพลงฮิตมาเรียบเรียงทำนองและตีความขึ้นมาใหม่ โดย 4 ศิลปิน จากค่ายในเครือ “มิวซิกมูฟ” นำโดย เอ๊ะ จิรากร Feat. เต้ ภูริต, ซีเรียสเบคอน และเอิ๊ต ภัทรวี X ทะเล สงวนดีกุล ร่วมถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์

โดยทุกบทเพลงจะถ่ายทำมิวสิควิดีโอ (MV) บนโลเคชั่นพื้นที่กว่า 8,600 ไร่ ของ สิงห์ปาร์ค เชียงราย เตรียมเปิดตัวเพลงแรกกับ “เอ๊ะ จิรากร Feat. เต้ ภูริต” หรือ ภูริต ภิรมย์ภักดี ที่จะร่วมกันถ่ายทอดเพลง “โลกที่ไม่มีเธอ” เสียงสะท้อนของธรรมชาติสวยงาม

ที่ต้องการสื่อสารกับทุกคนที่ได้ฟังว่า ต่อให้โลกหรือธรรมชาติจะงดงาม สมบูรณ์มากแค่ไหน หากไม่มีใครมาสัมผัส ใส่ใจดูแลความสวยงามของธรรมชาติเหล่านี้ย่อม ไร้ความหมาย การมีอยู่ของโลกที่สดใส ทุกคนอย่าลืมรักษาไว้ให้ยั่งยืน ทุกท่านสามารถรับชม MV Live Session ได้ที่ Youtube : Muzik Move ตลอดจนรับฟังได้ที่ช่องทาง Streaming ทุกแพลตฟอร์ม ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Singha Park Chiangrai