Sam Altman vs Elon Musk พันธมิตร คำมั่นสัญญา สู่เรื่องราวการหักหน้าในแวดวง AI

เรียกได้ว่าทั้ง Sam Altman และ Elon Musk ต่างไม่ใช่คนแปลกหน้า ทั้งคู่เคยรับประทานอาหารค่ำร่วมกันและร่วมเวทีเดียวกันในการประชันวิสัยทัศน์ทางด้านเทคโนโลยี และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ได้พัฒนาไปสู่การร่วมก่อตั้ง OpenAI ในปี 2015 เพื่อต่อต้านการครอบงำของ Google ในวงการปัญญาประดิษฐ์

ในงานเลี้ยงอาหารค่ำในปี 2015 ที่ Rosewood Sand Hill โรงแรมสุดหรูใน Silicon Valley ในตอนนั้น Google เพิ่งเข้าซื้อกิจการของ Deepmind บริษัทสตาร์ทอัพด้าน Neural Network จากลอนดอน

ทุกคนในแวดวงเทคโนโลยีต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า Google มีความได้เปรียบอย่างมากที่จะพัฒนาเทคโนโลยี AGI ซึ่งเป็นระบบ AI ที่มีความสามารถเทียบเท่ากับมนุษย์เมื่อเผชิญกับงานที่ไม่คุ้นเคย

ในงานเลี้ยงอาหารค่ำทั้ง Altman และ Musk พร้อมด้วยคนอื่น ๆ ได้พูดคุยเกี่ยวกับเริ่มต้นห้องปฏิบัติการด้าน AI ที่มีความโปร่งใส เปิดเผยแหล่งที่มา และอุทิศตนเพื่อทำให้ประโยชน์ของเทคโนโลยี AI ขั้นสูงมีความเป็นประชาธิปไตยสำหรับทุกคน

นั่นทำให้ในวันนั้น Musk และสมาชิกคนอื่น ๆ ของกลุ่ม “PayPal Mafia” รวมถึง Peter Thiel และ Reid Hoffman ได้ลงทุนหลายล้านดอลลาร์เพื่อให้ห้องปฏิบัติการด้าน AI แนวคิดใหม่นี้เกิดขึ้นได้

OpenAI ซึ่งเปิดตัวในปี 2015 แต่หลังจาก Musk ต้องการที่จะเข้ามาควบคุมและพ่ายแพ้ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงบริษัทในปี 2018 ทำให้องค์กรแห่งนี้ที่ต้องการทรัพยากรโดยเฉพาะด้านการเงินรวมถึงพลังในการประมวลผลได้หันไปจูบปากกับ Microsoft

Altman ได้ปรับรูปแบบองค์กรใหม่สร้างหน่วยธุรกิจที่ต้องมีการหากำไรภายใต้องค์กรหลักที่เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ผิดเพี้ยน และมีส่วนสำคัญที่ทำให้เขาถูกไล่ออกชั่วคราวก่อนที่จะกลับมายึดอำนาจคืนได้สำเร็จเมื่อเดือนที่แล้ว

ซึ่งนับตั้งแต่แยกทางกับ OpenAI เรียกได้ว่าตอนนี้ทั้ง Musk และ Altman แทบจะไม่เผาผีกันแล้ว มีการโจมตีกันด้วยถ้อยคำที่รุนแรงผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดียรวมถึงในสถานที่สาธารณะอื่น ๆ มันน่าสนใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในความสัมพันธ์ของทั้งคู่

นับตั้งแต่แยกทางกับ OpenAI ทาง Musk เองได้แสดงท่าทีที่รังเกียจเอามาก ๆ กับทิศทางใหม่ของ OpenAI ภายใต้การนำของ Altman โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก OpenAI ยอมรับการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์จาก Microsoft

ภายในปี 2021 บริษัทได้เปิดตัว DaLL-E ซึ่งเป็น AI ที่ใช้ในการสร้างรูปภาพที่ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาสนใจ แต่หลังการเปิดตัว ChatGPT ในปี 2022 มันล้ำหน้ามากจนสามารถดึงดูดความสนใจจากทั่วโลกได้แทบจะทันที

“OpenAI ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นโอเพ่นซอร์ส (ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำไมมันถึงถูกเรียกว่า ‘OpenAI’) บริษัทที่แต่เดิมตั้งขึ้นเพื่อไม่แสวงหาผลกำไรและคอยสร้างแรงกดดันให้กับบริษัทอย่าง Google แต่ตอนนี้ได้กลายสภาพเป็นบริษัทที่ปิดแหล่งที่มาและมุ่งเน้นผลกำไรสูงสุดที่ควบคุมโดย Microsoft ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

Musk ได้ทวีตไว้เมื่อต้นปี “มันไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งใจไว้เลย”

Musk เองได้เตือนมานานถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากเทคโนโลยี AI ขั้นสูงที่อาจจะสร้างภัยอันตรายต่อมวลมนุษยชาติ แต่เขาก็ยังเห็นถึงศักยภาพหากเทคโนโลยีนี้ได้รับการพัฒนาอย่างปลอดภัย

ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองที่ Musk ได้ประกาศเปิดตัว Grok แชทบอท AI เพื่อแข่งขันกับ ChatGPT ของ OpenAI

Musk ได้ออกมาเหยียดหยัน GPT-4 ของ OpenAI ซึ่งเขาได้ขนานนามมันว่า “GPT-Snore” ขาดอารมณ์ขัน ไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์อยู่เลย

ส่วน Altman ก็ออกมาตอบโต้และเรียก Musk ว่า “ไอ้หน้าโง่” ในระหว่างการให้สัมภาษณ์พอดแคสต์ On With Kara Swisher

แต่หากย้อนกลับไปในยุคเริ่มต้นของ OpenAI ก็ต้องบอกว่า Musk เองก็เป็นบุคคลสำคัญที่ได้นำตัว Ilya Sutskever วิศวกรด้าน AI ระดับแนวหน้าของ Google ให้เข้ามาร่วมงานกับ OpenAI และ Sutskever นี่เองที่เป็นหนึ่งในคนที่เข้าร่วมกับคณะกรรมการของ OpenAI คนอื่น ๆ ทำการไล่ Altman ออกเมื่อเดือนที่แล้วและสุดท้ายเกมพลิก

แต่ก็ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งของความขัดแย้งอาจเกิดจากบุคลิกส่วนตัวของ Musk เอง เพราะเคยมีปัญหากับหลายคนก่อนหน้านี้ แม้กระทั่ง Larry Page อดีตเพื่อนรักที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Google ก็มีปัญหากันในภายหลังจากการที่ Musk แย่งตัวสุดยอดวิศวกรด้าน AI อย่าง Sutskever ไป

“ผมไม่ต้องการเป็นอย่างเขา (Musk)” Altman กล่าวถึง Musk ในพอดแคสต์ Swisher

แต่ท้ายที่สุด Altman ยังให้เครดิต Musk ว่ามีความห่วงใยที่ดีกับเทคโนโลยี AGI ซึ่งอาจย้อนกลับไปในคำกล่าวล่าสุดของ Musk ที่ว่า “ยิ่งผู้คนมุ่งไปในทิศทางเดียวกันมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ความขัดแย้งก็จะยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น”

ศึกด้าน AI ในตอนนี้เรียกได้ว่าเดือดมาก ๆ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ต้องการครอบครองและเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ ซึ่งก็ต้องบอกว่าใครที่สามารถควบคุมอำนาจทางด้าน AI ได้สำเร็จ พวกเขาก็มีโอกาสสูงที่จะมีพลังอำนาจในการครองโลกของเราได้ในท้ายที่สุดนั่นเอง

References :
https://www.businessinsider.com/history-of-elon-musk-and-sam-altman-relationship-feuds-2023-3#musk-was-reportedly-furious-about-chatgpts-success-semafor-reported-in-march-8
https://www.semafor.com/article/03/24/2023/the-secret-history-of-elon-musk-sam-altman-and-openai
https://cybernews.com/tech/chatgpt-war-musk-vs-altman/
https://fortune.com/2023/12/03/sam-altman-elon-musk-openai-ai-tech-feud/