Geek Monday EP206 : ผลกระทบของ ChatGPT ต่อระบบการศึกษาในเวียดนาม

ChatGPT เป็นโมเดลภาษาขั้นสูงที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ มีศักยภาพในการปฏิวัติหลายด้านของระบบการศึกษา แล้ว ChatGPT ถูกนํามาผนวกเข้ากับระบบการศึกษาในเวียดนามอย่างไร ประโยชน์ของมันที่จะส่งผลต่อนักเรียนและครู ความท้าทายที่มันสร้างขึ้น รวมถึงแนวโน้มในอนาคตของการศึกษาในเวียดนาม

ในขณะที่โลกก้าวไปสู่ยุคเทคโนโลยีขั้นสูง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถือเป็นตัวเปลี่ยนเกมในหลายสาขา รวมถึงเรื่องระบบการศึกษา ซึ่งเนื้อหาใน EP จะเกี่ยวข้องกับการศึกษาผลกระทบของ ChatGPT ต่อการศึกษาในเวียดนาม โดยเน้นที่การผนวกเทคโนโลยี AI ขั้นสูงเข้ากับกระบวนการสอนและการเรียนรู้ ได้อย่างน่าสนใจ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/2dew98us

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/2p8fy5es

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://tinyurl.com/ye25avub

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/ycykcwj5

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/Zfnv0Ov3LCs

Ilya Sutskever อัจฉริยะผู้รังสรรค์ ChatGPT ตัวจริง สู่ผู้นำกบฏแห่ง OpenAI

ในทางการเมืองหากหัวหน้ากลุ่มรัฐประหารกระทำการยึดอำนาจไม่สำเร็จ กลุ่มคนเหล่านั้นก็จะกลายเป็นกบฏทันที เฉกเช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สั่นสะเทือนโลกเทคโนโลยีล่าสุดของ OpenAI

มันเป็นช่วงเวลา 72 ชั่วโมงที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับชายอย่าง Ilya Sutskever แต่มันก็เป็นจุดสิ้นสุดของการเดินทาง 15 ปี ที่ทำให้เขาเติบโตจากนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่ทดลองกับอัลกอริธึมที่ไม่เป็นที่รู้จักไปสู่การเป็นผู้นำการรัฐประหารที่ปลดหนึ่งในบุคคลที่โดนเด่นที่สุดใน Silicon Valley

Sutskever เกิดในสหภาพโซเวียตและเติบโตในอิสราเอล มีความสนใจในเทคโนโลยี AI ตั้งแต่เริ่มแรก เขาเริ่มต้นจากการเป็นนักศึกษาด้าน Machine Learning ที่ University of Toronto และเป็นลูกศิษย์ของ Geoffrey Hinton ที่ถือได้ว่าเป็นปูชนียบุคคลด้าน AI

Sutskever ได้เขียนบทความร่วมกับ Geoffrey Hinton และ Alex Krizhevsky แสดงให้เห็นว่าอัลกอริธึม Deep Learning สามารถใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการจดจำรูปแบบซึ่งเทคนิคที่เคยมีมาก่อนหน้านี้แทบจะทำมันไม่ได้ ซึ่งจะนำไปสู่การนำไปประยุกต์ใช้งานใหม่ๆ สำหรับ Deep Learning และหนึ่งปีต่อมา นักวิจัยทั้งสามคนก็ได้กลายมาเป็นพนักงานของ Google

Hinton ซึ่งได้รับรางวัล Turing Award ในปี 2018 จากผลงานด้าน Deep Learning และเพิ่งลาออกจากการทำงานให้ Google เมื่อต้นปีนี้เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับ AI ที่จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดกว่ามนุษย์

Sutskever ได้มาทำโพสต์ด็อกที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดกับ Andrew Ng เทพด้าน AI อีกคนและช่วยสร้างเทคโนโลยี Neural Network ที่เรียกว่า AlexNet ก่อนที่จะเข้าร่วมทีม Brain ของ Google

ที่ Google นี่เองที่ Sutskever ได้เข้ามาทำงานเกี่ยวกับระบบ AI ขั้นสูงของบริษัทในโปรเจกต์ TensorFlow

ภายในปี 2016 Sutskever เองได้ถูกชักชวนโดย Elon Musk ให้มาร่วมงานเป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ด้าน AI ที่ OpenAI ซึ่งเขาได้มุ่งเน้นไปที่สองแนวคิด

แนวคิดแรกคือแนวคิดที่ว่าระบบ AI สามารถบรรลุการคิดในระดับเดียวกับมนุษย์ หรือที่เรียกว่า AGI และแนวคิดที่สองคือระบบเหล่านี้จะเป็นอันตรายหากไม่ได้ปลูกฝังค่านิยมแบบเดียวกับมนุษย์

“เขาฉลาดมาก แต่ผลงานที่โด่งดังที่สุดของเขา คืองานที่เขาทำที่ OpenAI ซึ่งหวังว่าเขาจะไม่ทำลายมัน” Oren Etzioni ศาสตราจารย์กิตติคุณที่ University of Washington กล่าว

เหล่าพนักงานทั้งในอดีตและปัจจุบัน ได้อธิบายความคลั่งไคล้ของ Sutskever ไว้ว่า เขาเป็นคนที่ทำงานอย่างเข้มข้นและพยายามแก้ปัญหาของ AI ด้วยความเชื่อที่เขามองว่ามันเป็นเหมือนลัทธิหรือศาสนาใหม่

“ถ้าคุณไม่รู้สึกถึง AGI เมื่อตื่นนอน และเมื่อคุณหลับไป คุณก็ไม่ควรอยู่ในบริษัทแห่งนี้” Sutskever ได้กล่าวกับพนักงานของเขาในงานประชุมกับพนักงานทั้งหมดของบริษัทเมื่อปลายปีที่แล้ว

Sutskever บอกกับเหล่าพนักงานว่าในที่สุดระบบ AGI จะปฏิบัติต่อมนุษย์เหมือนกับที่มนุษย์ปฏิบัติต่อสัตว์ในปัจจุบัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Sutskever มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของ AI มากขึ้น ที่ OpenAI เขาเป็นหัวหน้าทีม Superalignment ของบริษัท ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อใช้พลังการประมวลผลของบริษัทราวๆ 20% เพื่อให้แน่ใจว่าระบบ AI ที่สร้างขึ้นจะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์

แม้ว่าเหตุผลที่ Sam Altman ถูกรัฐประหารนั้นจะยังไม่มีความชัดเจน แต่แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับคณะกรรมการของ OpenAI กล่าวว่า Sutskever และ Altman ขัดแย้งกันในเรื่องความปลอดภัยของเทคโนโลยี AGI

สำหรับชายที่ Sutskever และสมาชิกบอร์ดคนอื่นๆ เลือกที่จะนำมาแทนที่ของ Altman คือ Emmett Shear อดีตผู้นำของแพล็ตฟอร์ม Twitch

Shear กล่าวในเดือนกันยายนว่าเขาสนับสนุนการชะลอความเร็วในการพัฒนา AI เพื่อความปลอดภัย

หลังจากการรัฐประหารไม่สำเร็จ Sutskever ได้โพสต์ข้อความใน x ปฏิเสธการกระทำของเขา “ฉันไม่เคยตั้งใจทำร้าย OpenAI” เขากล่าว “ฉันรักทุกสิ่งที่เราสร้างร่วมกันและฉันจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อกอบกู้บริษัทอีกครั้ง”

Altman ได้ตอบกลับอย่างรวดเร็วในข้อความที่ Sutskever โพสต์ พร้อมกับหัวใจสีแดงสามดวง

ต้องบอกว่าการก่อรัฐประหารที่เกิดขึ้นกับ OpenAI นั้นเป็นจุดพลิกผันครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ Sutskever เป็นยอดอัจฉริยะที่ได้รับการยกย่องซึ่งมีความหลงใหลในความปลอดภัยของ AI แต่การตัดสินใจของเขาที่จะไล่ Altman ออกอาจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออนาคตของ OpenAI

บทสรุป

อนาคตของ OpenAI ยังไม่มีความแน่นอน แต่การรัฐประหารครั้งนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าบริษัทกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ท้าทาย

แม้จะมีการประท้วงและการลาออกของพนักงานจำนวนมาก แต่ OpenAI ยังคงดำเนินต่อไปภายใต้การนำของ Emmett Shear ซึ่งกล่าวว่าเขามุ่งมั่นที่จะสานต่อภารกิจของ OpenAI ในการพัฒนา AI ที่ปลอดภัยและเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคำถามมากมายเกี่ยวกับอนาคตของ OpenAI ซึ่งแม้ Sutskever ยังคงเป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ด้าน AI ของบริษัทอยู่ แต่เขาก็ต้องทำงานเพื่อเอาชนะความไว้วางใจของพนักงานและเหล่านักลงทุนให้กลับคืนมาเหมือนเดิมให้ได้

และที่สำคัญแม้ฉากหน้าจะดูเหมือนสถานการณ์ยังปรกติสำหรับความสัมพันธ์ระหว่าง Altman และ Sutskever แต่เบื้องหลัง Altman คงไม่สามารถไว้ใจคนอย่าง Sutskever ได้แบบเต็ม 100% เหมือนเดิมอีกต่อไป

นอกจากนี้ OpenAI ยังเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ เช่น Google ซึ่งกำลังลงทุนอย่างหนักในการวิจัยและพัฒนา AI และอาจแซงหน้า OpenAI ได้หากบริษัทไม่สามารถรั้งตัวผู้นำยอดอัจฉริยะอย่าง Sutskever ไว้ได้นั่นเองครับผม

References :
https://www.axios.com/2023/11/20/sam-altman-fired-openai-board-illya-sutsever-regrets
https://www.wsj.com/tech/ai/ilya-sutskever-the-openai-genius-who-told-sam-altman-he-was-fired-26a3381c
https://www.fastcompany.com/90985752/ilya-sutskever-openai-chief-scientist