ปลดแอก App Store เมื่อ Epic ได้รับชัยชนะทางกฎหมายครั้งสำคัญเหนือบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี

ต้องบอกว่าหนึ่งในเครื่องจักรทำเงินของบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีที่สามารถควบคุม ecosystem โดยเฉพาะในระบบปฏิบัติการของมือถือสมาร์ทโฟนซึ่งตอนนี้เหลือเพียงแค่ Play Store ของ Google และ App Store ของ Apple เพียงเท่านั้น นั่นก็คือค่าคอมมิชชั่นที่สูงถึง 30%

ตามที่ Sensor Tower บริษัทที่ได้ทำการวิจัยในเรื่องดังกล่าว ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกใช้จ่ายเงินประมาณ 160 พันล้านดอลลาร์สำหรับการซื้อแอปในปีนี้ ซึ่งค่าคอมมิชชั่นที่ Google และ Apple ได้รับนั้นมีมูลค่าสูงถึง 5% ของรายได้รวมจากทุกธุรกิจของทั้ง Google และ Apple เลยทีเดียว

ในวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมาศาลแขวงของซานฟรานซิสโก คณะลูกขุนทั้ง 9 คนได้ตัดสินอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า Play Store ของ Google เป็นการผูกขาดและบริษัทได้มีส่วนร่วมในพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมต่อการแข่งขัน

ซึ่งต้องบอกว่าการถูกตัดสินความผิดครั้งนี้เป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ครั้งสำคัญของยักษ์ใหญ่ด้าน Search Engine ซึ่งตอนนี้เรียกได้ว่าเจอมรสุมรุมเร้าที่กำลังพัวพันในการต่อสู้ทางกฎหมายอื่น ๆ ในเวลาเดียวกัน และผลการตัดสินครั้งนี้อาจเป็นการกำหนดนิยามใหม่สำหรับคำว่า “App Store”

สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ทั่วโลกทำงานบนระบบปฏิบัติการเพียงแค่ 2 ระบบ ไม่ iOS ของ Apple ก็เป็น Android ของ Google เพียงเท่านั้น

Store ของ Google อาจจะมีความแตกต่างจาก Apple อยู่บ้างเพราะมีการอนุญาตให้ App Store อื่นๆ นอกเหนือจาก Google Play Store เข้ามาใช้งานใน ecosystem ของพวกเขาได้ แต่ของ Apple นั้นผูกขาดแต่เพียงรายเดียว

ในปี 2020 Epic Games ซึ่งเป็นสตูดิโอเกมชื่อดัง ได้ขอให้ผู้เล่นใช้ระบบการชำระเงินของพวกเขาเองในการซื้อสินค้าในเกม “Fortnite” เกมยอดนิยมของพวกเขา

แนวคิดหลักคือการหลีกเลี่ยงการถูกตัดค่าธรรมเนียม 30% ที่ Apple และ Google มีการเรียกเก็บจากการซื้อแอปส่วนใหญ่ใน App Store ของพวกเขา นั่นทำให้ Fornite ถูกแบนเป็นระยะเวลาสั้นๆ ใน Store ทั้งสองแห่ง

Epic ได้ฟ้องร้องว่า Google กำลังกระทำการผูกขาดและไม่ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันโดยมีการบรรลุข้อตกลงกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟน เช่น Samsung และ LG เพื่อให้ Play Store เป็น Store หลักของมือถือเหล่านี้

ซึ่งคณะลูกขุนไม่เชื่อว่าการป้องกันของ Google ที่ระบุว่ามีการแข่งขันอย่างดุเดือดกับทางฝั่ง Apple รวมถึงการปล่อยให้มี App Store อื่นๆ บนอุปกรณ์ของ Android ของตนเองเป็นข้ออ้างที่ฟังขึ้น

โดยทาง Epic หวังว่าผลการตัดสินในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองทศวรรษที่ศาลสหรัฐฯ ลงโทษบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ ว่ามีพฤติกรรมผูกขาด จะส่งผลดีต่อเหล่านักพัฒนาทั่วทุกมุมโลก

แต่สิ่งที่แปลกประหลาดมาก ๆ ในเคสนี้ก็คือคำตัดสินดังกล่าวกลับย้อนแย้งกับคำตัดสินในคดีที่คล้าย ๆ กันของ Epic กับ Apple ซึ่งคดีดังกล่าวสิ้นสุดลงในปี 2021 โดยฝั่ง Apple เอาชนะไปได้ 9 ใน 10 ประเด็น (มีเรื่องเดียวที่ Apple แพ้คือระบบการชำระเงินทางเลือก)

ซึ่งความแตกต่างของทั้งสองคดีก็คือชะตากรรมของ Google นั้นถูกตัดสินโดยคณะลูกขุน ไม่ใช่ผู้พิพากษา ความคิดเห็นในสื่อสาธารณะหรือโลกโซเชียลมีเดียอาจมีผลกระทบต่อการตัดสิน ซึ่งสองในสามของชาวอเมริกันเองก็มองว่าบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้มีอำนาจมากเกินไป

ในขณะที่คณะลูกขุนเองก็อาจมีปัญหาในการทำความเข้าใจความแตกต่างของกฎหมายต่อต้านการผูกขาด

ในขณะเดียวกันก็มีมุมมองอีกฝ่ายหนึ่งที่มองว่า Google นั้นพยายามทำให้ซอฟต์แวร์มือถือของตนเองเปิดกว้างจนเกินไป ทุกคนสามารถใช้ source code ของ Android เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการของตนเองได้ฟรี

ในทางตรงกันข้าม ลูกค้าและเหล่านักพัฒนาของ Apple ต่างรู้ว่า Apple ควบคุมทุกอย่างแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งทำให้สิ่งที่ Apple ทำเป็นเรื่องที่อาจยอมรับได้ เพราะเหล่าผู้บริโภคมองว่า Apple มีความปลอดภัยกับพวกเขามากกว่า

คำตัดสินในครั้งถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ Google เพราะยังมีคดีค้างอยู่อีกสองคดีโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ทั้งเรื่องเครื่องมือค้นหาและ Browser ที่กลายเป็นค่าเริ่มต้นของอุปกรณ์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งใน iPhone เองก็ตามที

เทรนด์ของโลกไปในทิศทางเดียวกันที่ต้องการปลดแอกจากการผูกขาดเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น เกาหลีใต้บังคับให้ Apple และ Google เปิดใช้งานรูปแบบการชำระเงินทางเลือกอื่น ๆ หรือกฎหมายดิจิทัลใหม่ของสหภาพยุโรปก็มีบทบัญญัติที่คล้ายคลึงกัน

นั่นทำให้ต่อจากนี้เป็นต้นไปรูปแบบธุรกิจ App Store จะมีการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับเกมซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีผลประโยชน์มหาศาล

Microsoft ซึ่งเพิ่งเข้าซื้อกิจการ Activision-Blizzard มูลค่า 6.9 พันล้านดอลลาร์ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสตูดิโอพัฒนาเกมรายใหญ่ของโลก กำลังวางแผนที่จะสร้าง App Store ของตัวเอง หรือเคสของ Epic ก็สร้างของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วน Riot Games ก็มีแนวโน้มที่จะเปิด Store ของตนเองเช่นเดียวกัน

บทสรุป

มันเป็นเคสที่น่าสนใจที่จะส่งผลต่อเหล่านักพัฒนาแอปทั่วโลกให้มีทางเลือกอื่น ๆ โดยเฉพาะในเรื่องการชำระเงินที่ถูกผูกขาดจากเจ้าของระบบปฏิบัติการทั้ง Android ของ Google และ iOS ของ Apple มานานแสนนาน

บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในตอนนี้กำลังประสบพบเจอกับปัญหาเดียวกัน นั่นก็คือ กฎหมายเริ่มรู้เท่าทันพวกเขา หลังจากที่โกยเงินจากการผูกขาดเหล่านี้มานานแสนนาน

มันเป็นตัวอย่างให้เห็นชัดเจนว่าการออกแบบธุรกิจโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีนั้น ที่มักจะพยายามหาช่องโหว่ของกฎหมาย หรือกฎหมายที่ตามไม่ทัน ซึ่งหลายๆ แพลตฟอร์มก็ทำแบบนี้ ทั้งเรื่อง อีคอมเมิร์ซ การจัดส่งอาหาร บริการเรียกรถต่าง ๆ

และสิ่งที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลกในตอนนี้ ก็คือการเริ่มเข้ามาจัดการ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในสหภาพยุโรปที่เรียกได้ว่ายกเครื่องกฎหมายทางด้านดิจิทัลใหม่ทั้งหมด

เพราะฉะนั้นในอนาคต การประเมินมูลค่าแบบเว่อร์ ๆ เกินจริงของเหล่าบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งคิดจะเติบโตแบบร้อยเท่าพันเท่าเหมือนในอดีตนั้น มันคงไม่เป็นเรื่องง่ายอีกต่อไปนั่นเองครับผม

References :
https://www.economist.com/business/2023/12/14/what-googles-antitrust-defeat-means-for-the-app-economy
https://www.ft.com/content/a2ad4277-13a9-411e-ad59-230d5bea626c