Neuralink กับการช่วยให้คุณสามารถสตรีมเพลงไปยังสมองของคุณได้โดยตรง

Neuralink อีกหนึ่งบริษัท Startup ของ Elon Musk กำลังทำงานบนอินเทอร์เฟซคอมพิวเตอร์กับสมองที่จะช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถสตรีมเพลงไปยังสมองของพวกเขาได้โดยตรง

Musk ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของทั้ง SpaceX และ Tesla จะมีการเปิดเผยข้อมูลใหม่ครั้งใหญ่เกี่ยวกับ Neuralink ในเดือนหน้า แต่เขาก็ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดบางส่วนทาง Twitter ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

การตอบสนองต่อนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง Austin Howard ที่กล่าวว่า Musk ยืนยันว่าเทคโนโลยีของ Neuralink จะช่วยให้ผู้คน “ฟังเพลงโดยตรงจากชิปของเรา”

เขายังกล่าวอีกว่า Neuralink “สามารถช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนและใช้มันเพื่อประโยชน์ของมนุษย์เราในด้านอื่น ๆ เช่น เพิ่มความสามารถและการใช้ในการบรรเทาความวิตกกังวล ฯลฯ”

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 Neuralink จัดงานนำเสนอครั้งสำคัญ เพียงแค่ครั้งเดียวเกี่ยวกับการทำงานของเทคโนโลยีของบริษัทใหม่แห่งนี้

Musk กล่าวในงานปี 2019 ว่า บริษัท กำลังทำงานกับอุปกรณ์แบบใหม่ ที่จะทำให้สามารถเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างคอมพิวเตอร์และชิปที่แทรกอยู่ในสมองของเรา

เทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อช่วยคนที่ทุกข์ทรมานจากโรคสมอง เช่น พาร์กินสัน แต่เป้าหมายสูงสุดของ Neuralink คือการทำให้มนุษย์สามารถแข่งขันกับปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงได้ในอนาคตนั่นเอง เขากล่าว

กระบวนการของการติดตั้งชิปจะคล้ายกับการผ่าตัดด้วยเลเซอร์เลสิก

โดยส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีนี้จะเกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ศัลยกรรมประสาท ซึ่งเหมาะกับความยืดหยุ่นในการฝังเข้าไปในสมองที่เชื่อมต่อกับชิปคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กมาก ๆ

ชิปใหม่ที่จะ Stream เพลงเข้าสู่สมองได้โดยตรง
ชิปใหม่ที่จะ Stream เพลงเข้าสู่สมองได้โดยตรง

รายงานการวิจัย ที่แสดงรายละเอียดอุปกรณ์ อ้างว่าสาย USB-C เพียงเส้นเดียวจะสามารถ“ สตรีมมิ่งข้อมูลแบบเต็มแบนด์วิดท์” ไปยังสมอง

Neuralink มีการประกาศรับสมัครงาน 11 รายการบนเว็บไซต์ของ บริษัท ซึ่งมีทั้งตำแหน่งวิศวกรเครื่องกล วิศวกรซอฟต์แวร์ วิศวกรด้านหุ่นยนต์ และ “ช่างทางด้านเทคนิค”

ในช่วงสุดสัปดาห์ Musk ได้ทวีตรับสมัครงาน โดยขอให้คนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในอุปกรณ์เหล่านี้เข้ามาร่วมงานกับเขา

“ หากคุณเคยแก้ไขใหญ่ ๆ เกี่ยวกับโทรศัพท์ / อุปกรณ์สวมใส่ (ส่วนของการประมวลผลสัญญาณ การชาร์จ การจัดการพลังงาน ฯลฯ ) โปรดพิจารณาการทำงานที่ [Neuralink]” เขาทวีต

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Musk พูดเป็นนัย ๆ ว่าชิป ของ Neuralink จะสามารถรักษาอาการซึมเศร้าและการติดยาเสพติดได้โดยการ train ส่วนของสมองที่รับผิดชอบต่อความทุกข์เหล่านี้

การทดลองได้ดำเนินการกับสัตว์แล้ว และการทดลองในมนุษย์มีกำหนดเริ่มต้นในปีนี้ แต่รายละเอียดยังไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ ซึ่งข้อมูลเพิ่มเติมจะถูกประกาศวันที่ 28 สิงหาคม ที่จะถึงนี้

ถือเป็นโครงการลับที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับ Neuralink ที่ Musk เข้ามาทุ่มเทให้อีกงาน โดยโปรเจคก่อนหน้าทั้ง SpaceX , Tesla หรือ SolarCity นั้น เป็นบริษัทที่ล้วนอยู่ในอุตสาหกรรมที่มี Impact ต่อโลกเราอย่างมหาศาล

ทุกสิ่งที่เขาทำนั้นมีหลายคนเคยปรามาสว่าเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน และไม่มีทางเป็นไปได้ แต่มัสก์ ก็ได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าแม้จะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ หรือ ยากเย็นเพียงใด เขาก็สามารถทำมันให้เห็นผลเป็นประจักษ์ได้สำเร็จ

เขาจับอุตสาหกรรมอย่างยานอวกาศ และ รถยนต์ ที่อเมริกาเหมือนจะถอดใจไปแล้ว และพลิกโฉมจนมันกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ได้สำเร็จ ซึ่งหัวใจหลักของการเปลี่ยนแปลงนี้คือทักษะของมัสก์ในฐานะผู้สร้างซอฟต์แวร์และความสามารถในการประยุกต์มันเข้ากับเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และแน่นอนว่า Neuralink จะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เราจะตะลึงกับภาพความฝันนี้ที่ Musk จะทำให้มันกลายเป็นจริงอีกครั้งอย่างแน่นอนนั่นเองครับ

References : https://www.independent.co.uk/life-style/gadgets-and-tech/news/elon-musk-neuralink-brain-computer-chip-music-stream-a9627686.html
https://www.biorxiv.org/content/10.1101/703801v4
https://www.independent.co.uk/life-style/gadgets-and-tech/news/elon-musk-brain-chip-neuralink-depression-addiction-a9612931.html

Geek Daily EP14 : Neuralink กับแนวคิดยัด AI เข้าสู่สมองของ Elon Musk

Neuralink ร่วมก่อตั้งโดย Elon Musk และนำโดย CEO Jared Birchall มีสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโกและได้ทำการวิจัยร่วมกับ UC Davis เป้าหมายแรกของ บริษัท คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบของความผิดปกติทางระบบประสาทในผู้ป่วยที่มีผลกระทบรุนแรงต่อการเคลื่อนไหวและการทำงานประจำวันอื่น ๆ

Elon Musk ได้กล่าวถึงหลายครั้งที่เขาเชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงที่ไม่มีการควบคุมและไม่มีการดูแลที่ดีเพียงพอนั้น มีความเสี่ยงต่อมนุษย์และ Neuralink มีจุดประสงค์เพื่อเป็นวิธีการป้องกันภัยคุกคามดังกล่าว

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/309xSjf

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://bit.ly/3eqNt2W

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3fkPZsJ

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/VzTYLAXI4UY

References : https://techcrunch.com/2020/07/09/elon-musk-sets-update-on-brain-computer-interface-company-neuralink-for-august-28/
https://futurism.com/the-byte/elon-musk-teases-major-neuralink-reveal

Jack Ma vs Elon Musk คำพูดด้าน AI ใครมีน้ำหนักกว่ากัน?

หลังจากที่สองนักธุรกิจด้านเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Jack Ma จากประเทศจีน และ Elon Musk จากอเมริกา ที่มีโอกาสได้มาเจอกันบนเวที The WAIC 2019 (World Artificial Intelligence Conference) ณ มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน กับหัวข้อการพูดคุยด้าน AI – การไปดาวอังคาร – การศึกษา แล้วถ้าถามว่าคำพูดของใครมีน้ำหนักมากกว่ากันล่ะ?

สำหรับเรื่องราวของ Jack Ma อดีตครูสอนภาษาอังกฤษธรรมดา ๆ คนหนึ่งในเมืองหางโจว ที่ได้เริ่มต้นสร้างธุรกิจอย่าง Alibaba ให้สามารถกลายเป็น อาณาจักร E-Commerce ขนาดใหญ่ที่สุด แห่งหนึ่งของโลกในปัจจุบัน

อาณาจักรที่สร้างสถิติการเปิดขายหุ้น IPO ในตลาด New York Stock Exchange ด้วยเงินระดมทุน ที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งมีผลทำให้ Alibaba กลายมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงกว่า สามแสนล้านเหรียญสหรัฐ เขาทำในสิ่งที่เหลือเชื่อเช่นนี้ได้ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

แต่แน่นอนว่า หากใครได้อ่านประวัติของ Jack Ma อย่างละเอียดแล้วนั้น จะพบว่า Jack Ma นั้นไม่ใช่นักเทคโนโลยีโดยกำเนิด คือไม่ได้เกิดมาแบบวิศวกร Jack Ma เป็นตัวแทนของพ่อค้าที่มี idea เลิศล้ำ และสามารถผลักดัน idea นั้นให้กลายเป็นจริงได้ ด้วยทีมงานระดับเทพของเขานั่นเอง

ส่วน Elon Musk นักธุรกิจและนักลงทุนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากอเมริกา และเขายังเป็นวิศวกรและนักประดิษฐ์หลาย ๆ สิ่งที่เป็นนวัตกรรมอีกด้วย เขาเป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของบริษัท SpaceX และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ผู้บริหารและสถาปนิกผลิตภัณฑ์ของบริษัท Tesla Motor และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริษัทของ Paypal ตลอดจนบริษัทอื่นๆอีกมากมายที่เขาลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของโลกเราแทบจะทั้งสิ้น

แล้วคำพูดของใครมีน้ำหนักมากกว่ากันในเรื่องของ AI ?

ก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่าเป็นสุดยอดนักธุรกิจกันทั่งคู่ ทั้ง Jack Ma และ Elon Musk ไม่งั้นคงไม่พาบริษัทตัวเองมาถึงจุดที่เราเห็นในปัจจุบัน แน่นอนว่าทั้งคู่มีความอัจฉริยะ แต่ก็มีความแตกต่างระหว่างทัั้งสองอยู่ที่น่าสนใจ

เพราะตัว Jack Ma เองนั้น ดูเหมือนเป็น นักคิดค้น idea ต่าง ๆ เพื่อมาบริหารธุรกิจ เพื่อต่อสู้กับธุรกิจที่ดุเดือดอย่าง Ecommerce ในประเทศจีน ฝากผลงานไว้มากมาย ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ การล้ม Ebay ยักษ์ใหญ่ ecommerce จากอเมริกาที่เคยไปบุกจีนได้สำเร็จ

แต่มันเป็นการเข้าใจวัฒนธรรมความเป็นจีนมากกว่าของ Jack Ma ที่สามารถล้ม Ebay ได้ และที่สำคัญการทำธุรกิจในประเทศจีน มันไม่เหมือนกับทำในประเทศไหนในโลก ด้วยเรื่องของความสัมพันธ์กับรัฐบาลจีน รวมถึงประเพณีธรรมเนียมต่าง ๆ ซึ่ง คนแบบ Jack Ma นั้นมีเยอะมากในประเทศเสรีนิยม อย่างอเมริกา และต้องต่อสู้อย่างหนักกว่าจะขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าได้ ซึ่งก็น่าสนใจเหมือนกันว่า หาก Jack Ma นั้นเกิดในอเมริกา จะสามารถสร้างธุรกิจให้ยิ่งใหญ่ได้แบบที่เราเห็นในประเทศจีนหรือไม่?

ส่วน Elon Musk นั้นแน่นอนว่าภาพลักษณ์เป็นนักธุรกิจ ที่คลุกวงในแบบสุด ๆ เพราะมีพื้นฐานทางด้านวิศวกรรมที่แข็งแกร่ง มองเห็นภาพอนาคตของโลกได้อย่างชัดเจน จากบริษัทที่เขาเข้าไปลงทุน เขาไม่ลงทุนในธุรกิจที่จะเติบโตในระยะสั้น แต่เขามองในระยะยาว และยาวมาก ๆ ที่เป็นอนาคตของโลกที่กำลังเดินไป

ไม่ว่าจะเป็น Tesla , SpaceX , Neuralink นั้นล้วนเป็นธุรกิจที่มีอนาคตที่สดใสแทบจะทั้งสิ้น มันเป็นการมองภาพของอนาคตที่ชัดเจนของ Musk ซึ่งแน่นอนว่า หลายคนอาจจะเห็นว่าเค้าบ้า อย่างการเดินทางไปดาวอังคาร ไปใช้ชีวิตบนดาวอังคาร แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ

แต่ Musk นั้นเห็นภาพทุกอย่างของอนาคตโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงาน เรื่องภาวะสภาพภูมิอากาศโลกที่กำลังถูกทำลายลง จนอนาคตนั้น เราอาจจะอยู่ในโลกนี้กันได้ลำบาก ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคตที่เกิดขึ้นจริง ๆ แน่นอน แต่ใครจะยอมรับความคิดเหล่านี้ในตอนนี้ที่เรายังใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบายเช่นนี้

ซึ่งสำหรับส่วนตัวนั้นหากเทียบกันจริง ๆ ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีในอนาคตอย่าง AI นั้นคำพูดของ Elon Musk ควรจะเป็นคำพูดที่มีน้ำหนักกว่าคนอย่าง Jack Ma อย่างแน่นอน เพราะ Musk เป็นวิศวกรตัวจริง ที่เข้าไปคลุกคลีกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ จริง ๆ และลงมือทำเองจริง ๆ เพราะฉะนั้นเค้าจะเห็นภาพที่กว้างกว่า Jack Ma อย่างแน่นอน

และที่สำคัญ Jack Ma ได้วางมือจากธุรกิจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เค้าทำมาตอนนี้ได้กลายเป็นตำนานเรื่องเล่าให้คนรุ่นหลัง แต่ Elon Musk นั้นยังเดินหน้าสรรค์สร้างสิ่งใหม่ ๆ อยู่ต่อเนื่องแม้จะยังไม่เห็นผลงานของเขาชัดเจนในตอนนี้ แต่ผมมั่นใจว่าในอนาคตนั้น เราอาจจะได้จารึกชื่อของ Elon Musk เป็นนักประดิษฐ์คิดค้นผู้ยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากที่เรานับถือคนอย่าง โทมัส อัลวา เอดิสัน , อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้อย่างแน่นอนครับ

สำหรับคนที่สนใจประวัติทั้งสองเพิ่มเติม ก็สามารถอ่านได้จาก Blog Series ที่ผมเคยเขียนไปแล้วได้เลยนะครับผม

Blog Series : Jack Ma Rise of the Dragon

Blog Series : Jack Ma Rise of the Dragon

–> อ่านตอนที่ 1 :Internet

Blog Series : Elon Musk The Real Life Iron Man

Blog Series : Elon Musk The Real Life Iron Man
Blog Series : Elon Musk The Real Life Iron Man

–> อ่านตอนที่ 1 :Sand Hill Road

References : https://www.teslarati.com/wp-content/uploads/2019/08/elon-musk-jack-ma.jpg

Elon Musk : มนุษย์เราสื่อสารช้าเกินไปสำหรับ AI ในอนาคตที่จะเข้าใจ

มีอุปสรรคทางภาษาที่สำคัญระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ ซึ่งแน่นอนการที่มนุษย์จะสื่อสารกับคอมพิวเตอร์นั้นทำได้โดยการสื่อสารผ่านภาษาทั้งในรูปแบบของข้อความและรูปภาพ ซึ่ง อินพุตทั้งหมดนั้นช้ากว่า การสื่อสารโดยตรงระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง

แต่กับคอมพิวเตอร์นั้นมีความสามารถในการรับรู้ในเวลาที่แตกต่างจากมนุษย์เป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะความสามารถในการประมวลผลข้อมูลด้วยความเร็วสูงกว่าที่มนุษย์ทำได้นั่นเอง

และเมื่อนักวิทยาศาสตร์สามารถสร้าง AI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ขึ้นมาได้สำเร็จ การสื่อสารระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรอาจะต้องเลิกใช้วิธีการแบบเดิม ๆ ตามที่ Elon Musk ได้กล่าวไว้

ปัญหาเหล่านี้นั้น Musk เชื่อว่ามาจากความเร็วที่แตกต่างกันระหว่างมนุษย์และคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ  ซึ่งด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในปัจจุบันนั้น เหล่าวิศวกรคอมพิวเตอร์ได้สร้างตัวประมวลผลที่ทำงานด้วยความเร็วที่รวดเร็วกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก

แต่ในทางตรงกันข้ามสมองมนุษย์ของเรากลับทำงานช้าลงมาก  ซึ่งด้วยความแตกต่างดังกล่าวนั้น Elon Musk คิดว่ามันสามารถที่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และ AI ในอนาคตได้

Musk อธิบายว่าคอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลข้อมูลได้เร็วกว่ามนุษย์มากเพียงใดในระหว่างการนำเสนอเกี่ยวกับ AI เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามรายงานของ Business Insider

“ สำหรับคอมพิวเตอร์…สามารถประมวลผลข้อมูลในระดับมิลลิวินาที และสามารถทำงานได้อย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย แต่สำหรับมนุษย์ มันแทบจะไม่มีอะไรไปสู้คอมพิวเตอร์ได้เลย” Musk กล่าว 

โดย Musk อ้างว่า Neuralink ซึ่งเป็น บริษัทที่สร้างส่วนติดต่อของสมองกับคอมพิวเตอร์ของเขาอาจจะช่วยเราในการสื่อสารกับ AI ขั้นสูงในอนาคตได้ 

“คอมพิวเตอร์ในอนาคตก็จะอาจจะใจร้อนได้ ถ้าไม่มีอะไรตอบสนองมันได้รวดเร็วเพียงพอ” Musk กล่าวกับ Business Insider “ คอมพิวเตอร์มองการคุยกับเราเหมือนกับการพูดคุยกับต้นไม้ – แต่ไม่ใช่เลยนั่นคือมนุษย์ต่างหาก”

References : 
https://www.businessinsider.com
https://strangesounds.org/wp-content/uploads/2019/07/neuralink-elon-musk-wants-to-read-your-mind.jpg

Brain Chip กับแนวคิดยัด AI เข้าสู่สมองของ Elon Musk

เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา Elon Musk ได้ สร้างความฮือฮาด้วยการประกาศถึงเรื่องราวใน  Startup ด้าน Neurotechnology ที่ชื่อว่า Neuralink ของเขา : “Brain Chip” ชิปคอมพิวเตอร์ที่ฝังในสมองมนุษย์ “จะผสานเทคโนโลยี biological intelligence กับ
machine intelligenc”

ตามคำอธิบายของ Musk ชิปนี้จะถูกติดตั้งในสมองของมนุษย์ โดยการเจาะรูสองมิลลิเมตรในกะโหลกศีรษะ “ ซึ่งจะมีส่วนต่อประสานกับชิปไร้สาย โดยที่จะไม่มีสายไฟโผล่ออกมาจากหัวของผู้ที่ถูกติดตั้งชิป” เขากล่าว

 Elon Musk หวังว่า Startup ของเขาอย่าง Neuralink ในเร็ว ๆ นี้จะช่วยรักษาคนที่มีความผิดปกติทางระบบประสาทได้ หรือแม้กระทั่งในที่สุดก็สามารถที่จะแข่งขันกับ Superintelligent หรือแม้แต่เทคโนโลยี AI ที่มีทั่วไปได้ 

แต่นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่นอน โดยซูซาน ชไนเดอร์ นักวิจัยด้าน Cognitive Psychologist แห่งมหาวิทยาลัยแปซิฟิก ได้กล่าวในนิตยสาร Financial Times ว่าโครงการนี้สามารถทำให้เกิดการฆ่าตัวตายกับผู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ได้”

เพื่อให้แน่ใจว่ามนุษยชาติของเราจะไม่ถูกยึดครองได้ในอนาคต โดย AI ในแผนของ Musk คือการผสานสมองมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์ที่จะเพิ่มพลังสติปัญญาของเรา เพื่อให้มั่นใจได้ว่ายังไงมนุษย์เราก็สามารถที่จะเอาชนะ AI ได้อย่างแน่นอน

แต่ ชไนเดอร์ ระบุว่าการผสานสมองของคุณเข้ากับเครื่องจักรหรือชิปทางคอมพิวเตอร์ อาจทำให้คุณมีโอกาสที่จะฆ่าตัวตายโดยไม่ได้ตั้งใจได้

“ คุณสามารถเพิ่มความฉลาดของคุณด้วยชิป แต่จะมีจุดจบของชีวิตคุณเช่นเดียวกัน” เธอกล่าว 

อนาคตของ AI กับความเสี่ยงของอนาคตของมนุษยชาติ

แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ ถ้าเราได้เห็นเทคโนโลยีด้าน AI โดยเฉพาะเมื่อเสริมด้วยพลังของ Machine Learning ต่าง ๆ นั้นทำให้ AI กำลังก้าวข้ามขีดจำกัดหลาย ๆ อย่างของมนุษย์ไปมาก ซึ่งงานวิจัยใหม่ ๆ ส่วนใหญ่นั้นจะเน้นให้ AI เริ่มที่จะคิดตัดสินใจเอง โดยไม่ต้องมีการ Training จาก Dataset เหมือนในอดีต

ซึ่งแน่นอนว่า ต่อไป AI จะต้องคิดเองและสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ออกมาเองได้อย่างแน่อน ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากต่อมนุษยชาติ ซึ่งแนวคิดของ Musk นั้นก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะ อย่างน้อยพลังสติปัญญาของเรานั้น ก็ไม่มีทางที่จะแพ้ AI  หากสามารถนำชิปเหล่านี้เข้าสู่สมองของเราได้จริง ซึ่งคิดว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนในอนาคต

References : 
https://observer.com