One Man’s View กับมุมมองต่อประเทศไทย ของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่แห่งสิงค์โปร์

เพิ่งได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนึงที่มีชื่อว่า One Man’s View of the World โดย Lee Kuan Yew (ลี กวน ยู) อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศสิงค์โปร์ ซึ่งท่านได้ถ่ายทอดมุมมองความคิดที่มีต่อประเทศไทยที่น่าสนใจ ที่ผมอยากจะมาสรุปให้ฟัง

การมาของ นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนไปอย่างถาวร ก่อนที่เขาจะเข้ามา การแข่งขันทางการเมืองทุกด้านและการปกครองส่วนใหญ่เพื่อผลประโยชน์ของเมืองหลวงของประเทศอย่างกรุงเทพเป็นหลัก

สิ่งที่ทักษิณทำนั้น ทำให้สถานะทางการเมืองของไทยแย่ลง โดยการที่เขาได้หันเหการพัฒนาไปยังส่วนที่ยากจนกว่าของทรัพยากรของประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลส่วนใหญ่มักจะมีนโยบายที่เน้นไปที่คนกรุงเทพฯ และชนชั้นกลาง 

ทักษิณเป็นแบรนด์การเมืองที่ครอบคลุมมากขึ้นทำให้ชาวนาจากภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีส่วนร่วมในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งก่อนที่เขาจะมาถึงนั้น นโยบายส่วนใหญ่ของรัฐบาลนั้นมักจะโฟกัสให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางของรุ่นก่อนหน้า 

สิ่งที่เขาทำคือปลุกผู้คนให้ตื่นขึ้น และพยายามแสดงให้เห็นถึงความไม่ยุติธรรมของมัน และเสนอแนวทางแก้ไขเชิงนโยบาย ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น ผม (ลี กวน ยู) เชื่อว่าก็จะมีคนอื่นเข้ามาทำเช่นเดียวกัน

เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ 2544 ทักษิณเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและเป็นมหาเศรษฐีอยู่แล้ว แต่ถ้ากลุ่มคนไทยที่ร่ำรวยหวังให้เขา (ทักษิณ) แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พวกเขาจะต้องผิดหวังอย่างมากในไม่ช้า 

เขาดำเนินนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อคนยากจนในชนบทในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เขาขยายเงินกู้ให้กับเกษตรกร ทุนการศึกษาในต่างประเทศให้กับนักเรียนจากครอบครัวในชนบท และที่อยู่อาศัยที่รัฐบาลอุดหนุนให้กับคนยากจนในเมือง ซึ่งหลายคนอพยพเข้ามาในเมืองเพื่อหางานทำ

อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ผู้เปลี่ยนโฉมการเมืองไทยไปตลอดกาล
อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ผู้เปลี่ยนโฉมการเมืองไทยไปตลอดกาล

แผนการรักษาพยาบาลของเขามุ่งเป้าไปที่ผู้ที่ไม่สามารถจ่ายค่าประกันสุขภาพของตนเองได้โดยให้ความคุ้มครองเพียง 30 บาท (ประมาณ US $ 1) ต่อการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

สำหรับฝ่ายตรงข้ามของทักษิณ พวกเขาเสียผลประโยชน์อย่างชัดเจน และไม่เห็นด้วยกับนโยนบายของทักษิณ พวกเขาเรียกมันว่า ประชานิยม และอ้างว่านโยบายของทักษิณ จะทำให้รัฐล้มละลาย (น่าสังเกตว่านี่ไม่ได้หยุดพวกเขาจากการดำเนินนโยบายเหล่านี้ต่อไปและนำนโยบายอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันมาใช้เมื่อพวกเขากุมอำนาจตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551 ถึงสิงหาคม 2554)

พวกเขากล่าวหาว่านายก ทักษิณ คอร์รัปชั่น และสนับสนุนธุรกิจครอบครัวของเขา ข้อหาที่เขาปฏิเสธ พวกเขาไม่พอใจกับ บริษัท ของทักษิณ – บางคนบอกว่าทักษิณเป็นเผด็จการ – การจัดการสื่อและการทำสงครามขัดแย้งกับยาเสพติดทางตอนใต้ของประเทศ

ซึ่งในบางครั้งทำให้สิทธิมนุษยชนอาจถูกมองข้ามไป อย่างไรก็ตามชาวนาจำนวนมากไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์และเลือกเขาใหม่ในปี 2548 และในที่สุดชนชั้นนำในกรุงเทพฯก็ทนไม่ได้

ตั้งแต่นั้นมาเมืองหลวงของประเทศไทยก็ประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ฉากแห่งความโกลาหลเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนท้องถนนในกรุงเทพฯตั้งแต่ปี 2551 โดยมีการประท้วงของกลุ่มคนเสื้อเหลืองที่ต่อต้านทักษิณ และหลังจากนั้นก็ทำเช่นนั้นแบบเดียวกัน ในนามของคนเสื้อแดงซึ่งประกอบด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนทักษิณ 

ปรากฏการณ์ม็อบบนท้องถนนในประเทศไทย ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
ปรากฏการณ์ม็อบบนท้องถนนในประเทศไทย ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า

แต่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งซึ่งจัดขึ้นในปี 2554 ซึ่งส่งให้นางสาวยิ่งลักษณ์ น้องสาวของทักษิณได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นการพิสูจน์ที่ชัดเจนของเขตเลือกตั้งของไทยในเส้นทางใหม่ที่ทักษิณเลือกสำหรับประเทศไทย

ชาวนาในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมื่อได้ลิ้มรสการเข้าถึงแหล่งทุนแล้วก็ไม่ยอมแพ้อีกต่อไป ทักษิณและพรรคพวกได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปถึง 5 ครั้งติดต่อกันในปี 2544 2548 2549 2550 และ 2554 สำหรับฝ่ายตรงข้ามของทักษิณที่พยายามต่อต้านทุกวิถีทางก็ไร้ผล

แม้จะมีการหมักหมมของปัญหาความแตกแยกในสังคมไทย แต่ก็มีสาเหตุของการมองโลกในแง่ดีในระยะยาว คนเสื้อแดงและกลุ่มผู้สนับสนุนทักษิณจะมีจำนวนมากกว่าคนเสื้อเหลืองไปอีกนาน เพราะกลุ่มหลังดึงมาจากเขตเลือกตั้งที่หดหาย คนรุ่นใหม่มีมุมมองที่นับถือราชวงศ์เริ่มน้อยลงไปแล้ว 

กองทัพมีบทบาทเป็นศูนย์กลางในการเมืองไทยมาโดยตลอด ได้ทำให้แน่ใจว่าไม่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านสถาบันกษัตริย์  อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นมากนักสำหรับประเทศไทย ที่นอกจากยอมรับและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป 

หลังจากที่ทุกคนไม่สามารถต่อต้านเจตจำนงของการเลือกตั้งที่ยืดเยื้อได้ เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ตำแหน่งต่าง ๆ จะเต็มไปด้วยทหารจากคนรุ่นใหม่ซึ่งไม่ค่อยมีความสนใจในสถาบันกษัตริย์ แต่เหล่าผู้นำทางทหารจะยังคงยืนยันในสิทธิพิเศษ และจะไม่พอใจกับการถูกลดตำแหน่งให้เป็นกองทัพธรรมดาเหมือนในประเทศอื่น ๆ

แต่พวกเขายังจะได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับรัฐบาลที่ประกอบด้วยพันธมิตรของทักษิณ อาจเป็นไปได้ที่กองทัพจะยอมรับการกลับประเทศไทยของทักษิณในที่สุด หากเขาสามารถสัญญาว่าจะอยู่ร่วมกับพวกเขาได้อย่างปรองดอง

แน่นอนว่า สถานการณ์ของไทยนั้น จะไม่สามารถย้อนกลับไปสู่การเมืองแบบเก่าของไทยได้อีกต่อไปแล้วในยุคก่อนทักษิณที่ชนชั้นนำในกรุงเทพมีอำนาจผูกขาด ประเทศไทยจะเดินต่อไปตามเส้นทางที่ทักษิณนำพาประเทศไปเป็นครั้งแรก ช่องว่างของมาตรฐานการครองชีพทั่วประเทศจะแคบลง ชาวนาจำนวนมากจะถูกยกขึ้นเป็นชนชั้นกลางและจะช่วยขับเคลื่อนการบริโภคภายในประเทศ ประเทศไทยจะทำได้ดีในท้ายที่สุด

ต้องขอออกตัวก่อนว่า หนังสือเล่มนี้ได้ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2556 ซึ่งอาจจะไม่ได้อัพเดทสถานการณ์การเมืองมาจวบจนถึงปัจจุบันนัก แต่ก็เห็นภาพใหญ่ ที่เขามองประเทศไทย จากอดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของสิงค์โปร์อย่าง ลี กวน ยู นั้นมองมายังประเทศเรา ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจ และน่าคิด เป็นอย่างยิ่งครับผม

References : หนังสือ One Man’s View of the World by Lee Kuan Yew
https://www.asiaone.com/singapore/lee-kuan-yews-world-views-new-book


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube