ศึกปะทะ ebay กับเคสตัวอย่างคลาสสิก แจ็ค(หม่า)ผู้ฆ่ายักษ์ใหญ่จากอเมริกา

ต้องบอกว่ามีการต่อสู้ทางธุรกิจหลายครั้งระหว่างแพลตฟอร์มทางด้านเทคโนโลยีของอเมริกาที่คิดจะบุกไปหยามเจ้าถิ่นอย่างประเทศจีน ซึ่งการปะทะกันที่ถือว่าเป็นศึกที่คลาสสิกที่สุดครั้งหนึ่งของวงการเทคโนโลยีโลกก็คือ ศึกระหว่าง ebay และ taobao ของ แจ็ค หม่า

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1999 ในบ้านธรรมดาหลังหนึ่งในหมู่บ้านริมทะเลสาบเมืองหังโจว ซึ่งเป็นบ้านของแจ็ค หม่า เป็นบ้านที่แสนธรรมดา มีเนื้อที่เพียง 150 ตารางเมตร มีโต๊ะเก่า ๆ และเก้าอี้อยู่ไม่กี่ตัว

แต่สำหรับพนักงานอาลีบาบาแล้วนั้น เป็นวันที่ควรแก่การรำลึก บ้านหลังนี้เป็นที่แห่งแรกที่ใช้ในการบ่มเพาะความฝันแรกเริ่มของอาลีบาบา และที่แห่งนี้ยังเคยเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจแรกของแจ็ค อย่าง ไชน่าเพจเจส

สำหรับผู้ร่วมการประชุมครั้งนี้ คือบรรดาผู้ก่อตั้ง อาลีบาบา จนกลายเป็นชื่อที่เรียกกันติดปากในภายหลังว่าคือ “เหล่า 18 อรหันต์” ซึ่งในวันนั้นไม่ได้มาทั้งหมด ที่ประชุมมีเพียง 16 คน (ส่วนอีก 2 คนร่วมการประชุมผ่านทางโทรศัพท์)

ในวันนั้น แจ็ค มองการณ์ไกล และได้มีการบันทึกภาพการประชุมดังกล่าวไว้ด้วย พระเอกของการประชุมครั้งนี้ก็คือ แจ็ค ผู้ร่วมประชุมต่างนั่งบ้าง ยืนบ้าน ห้อมล้อมท่านผู้นำแจ็ค อย่างใจจดจ่อ น้ำเสียงและท่าทางของแจ็คในวันนั้น มันช่างปลุกใจ ปลุกพลังให้กับคนรุ่นใหม่เหล่านี้ได้อย่างดียิ่ง

เหล่า 18 อรหันต์ เหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่อายุยังน้อย ซึ่งยังมีต้นทุนให้เสียได้ หากอาลีบาบามันไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่แจ็คหวังไว้ พวกเขาเหล่านี้ ก็สามารถที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ทันอยู่

แจ็คกับเหล่าทีมงาน 18 คน ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง อาลีบาบา (CR:alizila)
แจ็คกับเหล่าทีมงาน 18 คน ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง อาลีบาบา (CR:alizila)

แต่แจ็ค ค่อนข้างมั่นใจอย่างมาก เพราะแนวโน้มของ internet กำลังมาแรง รวมกับประสบการณ์ที่สั่งสมมาของเขา ที่ได้เห็นถึงช่องทางการตลาดที่ใหญ่มหาศาล ที่ยังไม่มีใครสนใจมันในขณะนั้น แจ็ค เปรียบเหมือนแม่ทัพ ที่กระตุ้นคนหนุ่มสาวเหล่านี้ ให้สู้ พร้อมที่จะบุกและตะลุยกับ อาลีบาบา โปรเจคใหม่ของแจ็ค

แต่แม้ว่าแจ็ค จะปลุกเร้าอย่างไรก็ตาม บรรยากาศของที่ประชุมนั้นเต็มไปด้วยความลังเล และความอ้างว้าง ขณะนั้นเหล่าทีมงานทุกคนที่เข้ามาร่วมฟัง เต็มไปด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด แทบจะไม่เห็นรอยยิ้มจากใครคนใด เพราะมันคือการตัดสินชะตาและอนาคตของพวกเขาที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า

แจ็คเริ่มวางพิมพ์เขียวให้กับบริษัทใหม่อย่าง อาลีบาบา โดยมีเป้าหมายใหญ่ 3 ประการคือ หนึ่งบริษัทที่เขาตั้งจะต้องอยู่ได้ถึง 80 ปี สองคืออาลีบาบาจะเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซเพื่อให้บริการกับเหล่า SME ของจีน และสุดท้ายที่ทำให้ทีมงานทุกที่ร่วมประชุมแทบอึ้งไปตาม ๆ กัน คือ แจ็คต้องการสร้างอาลีบาบาให้กลายเป็นเว๊บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก และจะต้องอยู่ใน top สิบอันดับแรกของเว๊บไซต์ทั่วโลก 

เขากล่าวกับทีมงานทุกคนอย่างมั่นอกมั่นใจว่า อีก 3-5 ปีข้างหน้า เมื่ออาลีบาบากลายเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สิ่งที่ทุกคนได้จ่ายไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน หรือ แรงกายแรงใจที่ทุ่มเทให้กับ อาลีบาบา จะได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าอย่างแน่นอน

จากเงินลงทุนเริ่มแรกที่ทุกคนสมทบกันได้ 500,000 หยวน อาลีบาบา ก็เริ่มการต่อสู้อย่างยากลำบากเลยทีเดียว ต้องประหยัดอดออมในทุก ๆ สิ่ง เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของแจ็คในวันข้างหน้า

….

ตัดภาพมาในปี 2003 มันได้เป็นดั่งคำทำนายของแจ็คไว้จริง ๆ เพราะมันเป็นช่วงเวลาขาขึ้นสุด ๆ สำหรับอาลีบาบา หลังจากเจอขุมทรัพย์ใหม่คือเหล่าพ่อค้าส่งทั้งหลายที่กำลังแห่แหนกันเข้ามาใช้บริการของอาลีบาบา เพียงไม่นานนักหลังจากเปลี่ยนกลยุทธ์หลักมา focus ที่เหล่าพ่อค้าคนกลาง อาลีบาบาก็สามารถที่จะกินรวบตลาด B2B ได้แบบเบ็ดเสร็จ 

แต่ปัญหาก็คือ แล้วตลาด C2C ล่ะ ( customer to customer) ในตอนนั้น EachNet เป็นผู้นำในตลาด C2C ของประเทศจีน บริษัทซึ่งก่อตั้งในปี 1999 สามารถกินรวบตลาด C2C ได้กว่า 90% ซึ่งช่วงแรก EachNet นั้นให้บริการทุกอย่างฟรี แต่มีโมเดลรายได้จากการโฆษณาเพียงเท่านั้น โดยไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ แบบที่ อาลีบาบาทำ

และมันทำให้ไปแตะจมูกยักษ์ใหญ่ทางด้าน C2C จากอเมริกาอย่าง ebay ซึ่งตอนนั้นต้องบอกว่าเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ ebay นั้นขยายอาณาจักรไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยใช้ โมเดล การ takeover กิจการเป็นหลักเพื่อใช้ในการบุกตลาดได้อย่างรวดเร็ว และ เป็นผู้นำในตลาดในทุก ๆ ประเทศที่บุกไปไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย แคนาดา เยอรมัน หรือ อังกฤษ ebay ขยายอาณาจักรเป็นว่าเล่น จนไปถึงประเทศยักษ์ใหญ่ในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น

และญี่ปุ่นนี่เองที่เป็นประเทศแรกที่ ebay พ่ายแพ้ ให้กับ YAHOO ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตอนนั้นทำบริการหลากหลายใน online ไม่ใช่แค่เพียงเฉพาะ เว็บไดเร็คทอรี่เพียงเท่านั้น และ พาร์ตเนอร์คนสำคัญของ YAHOO ญี่ปุ่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือ มาซาโยชิ ซัน แห่งซอฟต์แบงค์นั่นเอง

และการพ่ายแพ้ของ ebay ที่ญี่ปุ่นนี่เอง ที่ทำให้ มาซาโยชิ ซัน ได้เรียกแจ๊คมาคุยที่โตเกียว เพื่ออัพเดทสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งมันคือการแจ้งให้แจ๊ค เตรียมรับมือกับ ebay ที่กำลังจะไปบุกประเทศจีนในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งมาซาโยชิ เองก็คิดว่า ในเมื่อเขาเอาชนะ ebay ที่ญี่ปุ่นได้ ก็ย่อมที่จะสามารถชนะในจีนได้เช่นกัน ทั้งนี้เพราะเขาพบว่าการดำเนินธุรกิจและการตลาดของ ebay ในเอเชียนั้น มีปัญหาคือเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นไม่ได้

 มาซาโยชิ ซัน ได้เรียกแจ๊คมาคุยที่โตเกียว เพื่ออัพเดทสถานการณ์เตรียมสู้กับ ebay (CR:Twitter)
มาซาโยชิ ซัน ได้เรียกแจ๊คมาคุยที่โตเกียว เพื่ออัพเดทสถานการณ์เตรียมสู้กับ ebay (CR:Twitter)

กำเนิด taobao

และแล้ววันหนึ่งในเดือนมีนาคม ปี 2003 มันเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งเหมือนทุก  ๆ วัน ภายในออฟฟิสใหม่ของอาลีบาบา แต่มันมีบางอย่างผิดปรกติ มีพนักงานกว่า 10 คนถูกเรียกตัวไปยังห้องทำงานของแจ๊คที่ชั้นแปดของอาคารหัวซิง ซึ่งตอนนั้นผู้บริหารระดับสูงรวมถึงแจ๊คต่างนั่งกันอยู่ครบ

แจ๊คให้พนักงานเข้ามาทีละคน เพื่อรับทราบภารกิจลับบางอย่าง และเซ็นสัญญาไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกสู่ภายนอก แม้กระทั่งครอบครัวของตัวเองก็ห้าม หลังจากเซ็นกันครบทุกคน แจ๊คก็ต้องเปิดเผยภารกิจอันเร้นลับนี้ ซึ่งมันก็คือ อาลีบาบาจะบุกตลาด C2C แล้วสู้กันซึ่ง ๆ หน้ากับ ebay โดยให้พนักงานเหล่านี้ไปทำเว็บไซต์เลียนแบบ ebay ขึ้นมาเว็บหนึ่ง และเส้นตายคือ 1 เดือนเท่านั้น เว็บต้องพร้อมออนไลน์ในเดือนพฤษภาคม เล่นเอาหนุ่มสาวทั้งสิบคนตกใจจนอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว

ซึ่งหลังจากนั้นทีมงานลับทั้ง 10 คนก็หายไปจากบริษัททันที เพราะแจ็ค ใช้ออฟฟิศเก่าคือบ้านริมทะเลสาบหังโจวของเขาเป็นฐานบัญชาการของเว๊บไซต์ C2C ตัวใหม่ที่จะทำมาแข่งกับ ebay 

ใน 10 คนนั้น สามคนเป็นวิศวกรด้านเทคนิคมือดี ที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีแล้ว ส่วนอีกเจ็ดคนนั้นรับผิดชอบส่วนของเว็บไซต์ และ บริการลูกค้า และโปรเจคลับที่ทั้ง 10 คนต้องร่วมกันพัฒนา นี้ถูกตั้งชื่อว่า taobao นั่นเอง

ผู้ดูแลหลักของโครงการ taobao คือ ซุนถงอวี่ ซึ่งแจ๊ค ส่งให้มาดูแลโปรเจคนี้โดยเฉพาะ และเป็นคนที่ช่วยกำหนดทิศทางของเว็บ เนื่องจากเหล่าทีมงานทั้ง 10 คนนั้นเคยทำมาแต่เว็บ B2B อย่างอาลีบาบา ไม่เคยเข้าใจธุรกิจของ C2C สุดท้ายจึงตัดสินใจร่วมกันว่ารูปแบบของ ebay นั้นดีที่สุด พวกเขารู้สึกว่าการประมูลคือรูปแบบหนึ่งเดียวของ C2C

ในที่สุดหลังจากทำงานกันอย่างหนักแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน วันที่ 10 พฤษภาคม 2003 เว็บ taobao ก็ออนไลน์ได้สำเร็จ แจ๊คกับซุนถงอวี่ และผู้บริหารระดับสูงก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำว่ามันจะออนไลน์ได้สำเร็จในเพียงแค่เดือนเดียว

และแน่นอนในตอนนั้นพนักงานส่วนใหญ่ใน อาลีบาบา แทบจะไม่มีใครล่วงรู้ถึงการแอบพัฒนา taobao อย่างลับ ๆ แจ็คปล่อยให้มันเป็นปริศนาในโลกออนไลน์ ในช่วงแรกของการเปิดตัว taobao ซึ่งแม้กระทั่งพนักงานอาลีบาบาเอง ก็คิดว่า taobao จะมาเป็นคู่แข่งกับ อาลีบาบา ด้วยซ้ำไป

และในที่สุดหลังจากปล่อยให้เป็นปริศนากว่า 2 เดือน ตอนนั้นเริ่มมีสมาชิกเข้ามาใช้งาน taobao จำนวนหนึ่งแล้ว แจ็คก็ทำการเฉลยให้เหล่าพนักงานอาลีบาบาได้รับรู้ว่า taobao นั้นเป็นผลงานภารกิจลับของทีมที่หายไปนั่นเอง และ ทารกน้อยตัวใหม่อย่าง taobao ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยอาลีบาบาประกาศจะทุ่มเงิน 100 ล้านหยวน บุกตลาด C2C ต่อหน้าสื่อที่เข้ามาทำข่าวการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งนี้

แจ็คแอบทำโปรเจค taobao โดยไม่บอกแม้กระทั่ง มาซาโยชิ ซัน ที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการอาลีบาบาในขณะนั้น ทำให้ มาซาโยชิ นั้นร้อนใจจนต้องไปลงทุนกว่า 40 ล้านเหรียญในเว๊บ snda.com ซึ่งเป็นเว๊บ C2C ที่กำลังฮิตอยู่ในขณะนั้น โดยเป็นการลงทุนสูงที่สุดของมาซาโยชิในประเทศจีน เพราะเขาไม่รู้ว่าแจ็คกำลังแอบสร้าง taobao อยู่

หลังจากรู้ข่าวเรื่อง taobao จึงทำให้มาซาโยชิ อยากลงทุนเพิ่มในอาลีบาบาเพื่ออัดฉีดเงินเข้าไปยัง taobao ในการสู้ศึก C2C กับ ebay ที่ขณะนั้นกำลังเข้าสู่ตลาดจีนผ่านการ take over EachNet เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้ทารกน้อยคนใหม่อย่าง taobao ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมแรงสนับสนุนด้านเงินทุนแบบไม่มีอั้นจากป๋าใจใหญ่อย่าง มาซาโยชิ ซัน ทำให้ตอนนี้ ebay ซึ่งในขณะนั้นเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการ C2C ซึ่งแทบจะไม่เคยแพ้ใครที่ไหนนอกจากในญี่ปุ่น ได้เจอกับศัตรูที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว

สภาพแวดล้อมในธุรกิจค้าปลีกของจีนนั้นมีพัฒนาการแตกต่างจากหลาย ๆ ประเทศ วิวัฒนาการปรกติของธุรกิจค้าปลีกมักจะเริ่มต้นขึ้นจากร้านโชว์ห่วย พัฒนามาเป็นห้างสรรพสินค้า เป็นดิสเค้าท์สโตร์ เป็นร้านค้าเฉพาะทาง และจบลงด้วยธุรกิจรูปแบบใหม่คือ อีคอมเมิร์ซ

แต่สำหรับประเทศจีนนั้นมันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากประเทศจีนนั้นเปิดประเทศมาเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น และมีการเติบโตของชนชั้นกลางที่รวดเร็วที่สุดประเทศหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ย่อมทำให้เกิดการก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วของพัฒนาการในธุรกิจค้าปลีกเหล่านี้ และจีนเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ประเทศ ที่กระโดดจากร้านโชว์ห่วยข้ามมาเป็น อีคอมเมิร์ซ ได้รวดเร็วและรุนแรงที่สุด

และหลังจากที่แจ็ค หม่า ได้สร้าง taobao ขึ้นมาออนไลน์ได้เรียบร้อยแล้วนั้น มันคือจุดเริ่มต้นของการสู้รบระหว่างธุรกิจ C2C ของ อาลีบาบา และผู้นำในตลาดอีคอมเมิร์ซจากอเมริกาอย่าง ebay ซึ่งในตอนนั้นต้องบอกว่า ebay เป็นยักษ์ใหญ่ที่สุดในวงการอีคอมเมิร์ซโลกเลยก็ว่าได้ 

ebay นั้นบุกไปที่ประเทศไหน ก็สามารถยึดครองตลาดได้แทบเบ็ดเสร็จ มีเพียงแค่ญี่ปุ่นที่เดียวเท่านั้น ที่ ebay ไม่สามารถยึดครองได้ เนื่องจากพ่ายแพ้ต่อ YAHOO Japan แต่อย่างไรก็ดี ebay ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถยึดตลาดจีนได้ เพราะตอนนั้นเอง taobao ก็ยังเล็กเกินกว่าที่จะต่อสู้กับ ebay  

ซึ่งหลังจาก ebay เข้าตลาดจีนได้สำเร็จจากการ take over EachNet โดย Meg Whitman ที่ดำรงตำแหน่ง CEO ของ ebay ในขณะนั้น ได้กล่าวไว้ว่าประเทศจีนคือตลาดที่สำคัญที่สุดอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกา และเขาคาดว่าในอีก 10-15 ปี ตลาดจีนจะกลายเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของ ebay และที่สำคัญยังประกาศท้ารบกับคู่แข่งโดยกล่าวไว้ว่าจะทำการยุติสงครามอีคอมเมิร์ซให้ได้ภายใน 18 เดือน ซึ่งถือเป็นคำขู่จากบริษัทที่ถือเป็นยักษ์ใหญ่วงการอีคอมเมิร์ซโลก

ebay take over EachNet เพื่อเริ่งเข้าสู่ตลาด C2C จีน (CR:GettyImage)
ebay take over EachNet เพื่อเริ่งเข้าสู่ตลาด C2C จีน (CR:GettyImage)

กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง

ตอนนั้น ebay ทุ่มหมดหน้าตัก ทำการโฆษณาสัมพันธ์ไปทั่วทั้งจีน โดยเว็บไซต์ใหญ่ ๆ ในประเทศจีนในตอนนั้น ได้ถูก ebay ซื้อพื้นที่โฆษณาไปแทบจะหมดแล้ว แล้วแจ็คตัวน้อยกับ taobao ของเขาจะทำอย่างไร ด้วยทุนรอนที่น้อยกว่า แถมเครือข่ายเว็บใหญ่ ๆ นั้นได้ถูก ebay ยึดครองไปหมดแล้ว

แต่เนื่องจากหลังปี 2000 จำนวนผู้ใช้ internet ในจีนเพิ่มมากขึ้นและต้นทุนการทำเว็บก็ลดลงไปมาก เว็บไซต์ขนาดเล็กจึงเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด เว็บเหล่านี้ส่วนมากทำโดยบุคคลทั่วไป และเป็นเว็บไซต์เจาะจงในความสนใจหรือความต้องการของเจ้าของเว็บเป็นหลัก

ซึ่งเครือข่ายเว็บไซต์เหล่านี้ล้วนเสนอราคาค่าโฆษณาที่ต่ำมาก และมีการผูกโยงเป็นเครือข่ายไว้บ้างแล้ว ซึ่งทำให้ taobao นั้นจะไปโฆษณาอยู่ในเครือข่ายเว็บเหล่านี้แทนเว็บไซต์ขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อเทียบจากผลลัพธ์แล้วนั้น พบว่าได้ผลดีกว่าเว็บไซต์ใหญ่ ๆ เสียอีก โดยใช้เงินทุนที่น้อยกว่ามาก

Localization

กลยุทธ์อีกอย่างที่สำคัญของ taobao คือ ความเข้าใจในพื้นที่ ซึ่ง taobao มีสูงกว่า ebay มาก แจ็คได้ปรับ taobao ให้เป็นเว็บไซต์ที่มีหน้าตาแบบจีนแท้ ๆ คือมีตัวหนังสือเต็มไปหมดทั้งหน้าจอ เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีพื้นที่ว่างเลยด้วยซ้ำ

ในสายตาของ ebay ที่คิดแบบฝรั่งนั้น มันคือความรกชัด ๆ ebay ต้องการหน้าจอที่ใช้งานได้แบบเรียบง่ายตามสไตล์อเมริกา ที่เน้นหน้าจอที่ดูสะอาดใช้งานง่าย ๆ แต่นี่คือประเทศจีน มันคือความเคยชิน ที่เหล่าลูกค้าคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน

การเรียงหมวดหมู่สินค้าก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ  taobao นั้นเรียงหมวดหมู่ของสินค้าตามสไตล์จีนแท้ ๆ คือเรียงหมวดหมู่สินค้าแบบห้างสรรพสินค้าในจีน ในขณะที่ ebay นั้นจัดเรียงแบบบริษัทแม่ที่อยู่ในอเมริกา ทำให้ลูกค้าชาวจีนที่เข้ามาใช้บริการใหม่ ๆ จะรู้สึกคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มของ taobao มากกว่า

หน้าเว๊บไซต์ สไตล์จีนแท้ รวมถึงการเรียงหมวดหมู่สินค้าแบบวัฒนธรรมจีน (CR:SlideServe)
หน้าเว๊บไซต์ สไตล์จีนแท้ รวมถึงการเรียงหมวดหมู่สินค้าแบบวัฒนธรรมจีน (CR:SlideServe)

ebay นั้นได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดอีกอย่างนึงที่ไม่เข้าใจถึงวัฒนธรรมจีนเลย ก็คือ การทำให้ แพลตฟอร์มของ ebay ทั่วโลกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้ต้องมีการปรับหน้าเว็บจาก EachNet เดิมที่คนจีนคุ้นเคย เปลี่ยนมาเป็น ebay แบบเดียวกับที่อเมริกา ทำให้ ขั้นตอนการซื้อขาย กลไกการประเมินราคา และอื่น  ๆ อีกมากมาย ซึ่งทำให้ลูกค้าเก่าในประเทศจีนที่ชินกับลักษณะเดิม ๆ ปรับตัวไม่ได้

ebay พยายามมาคั่นกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายด้วยความกลัวว่าจะไม่ได้ค่าธรรมเนียม ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท แต่ taobao ปล่อยให้ผู้ซื้อและผู้ขายคุยกันได้อย่างอิสระ แถมยังมีโปรแกรม Messenger ให้คุยกันง่ายขึ้นด้วย เพราะ taobao นั้นไม่มีค่าธรรมเนียมจึงไม่ต้องกลัวว่าผู้ซื้อและผู้ขายจะไปขายกันเองโดยไม่ผ่านแพลตฟอร์ม

สุดท้ายคนก็ใช้ แพลตฟอร์มของ taobao ที่ง่ายกว่า เพราะไม่ว่าจะซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มหรือไม่ก็ไม่ได้เสียเงินอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ลูกค้าของ taobao รู้สึกว่า taobao จริงใจในการช่วยเหลือพวกเขาและไม่หน้าเลือด มุ่งแต่จะเก็บแต่ค่าธรรมเนียมเหมือน ebay

และลำพังการให้บริการฟรีเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะ ebay ได้อย่างแน่นอน แจ็คจึงต้องสร้างระบบให้บริการบนเว็บที่ดีด้วย เขาจึงทุ่มเทอย่างหนักเพื่อปรับปรุงการบริการให้ตอบสนองลูกค้าให้ดีที่สุด เขามุ่งมั่นที่จะทำระบบบริการลูกค้าสำหรับเว็บที่ให้ใช้ฟรีอย่าง taobao ให้ได้ดียิ่งกว่าเว็บที่คิดค่าธรรมเนียมอย่าง ebay อีกด้วย

นั่นมันทำให้ลูกค้าเริ่มหลั่งไหลมาใช้งาน taobao แทน แต่ทางผู้บริหาร ebay ก็ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาดของตน โดย ทำการเผาเงินเพื่อทุ่มโฆษณาขนานใหญ่เพื่อหวังฆ่า taobao ให้ตาย ด้วยเงินทุนที่มากกว่า

แต่หารู้ไม่ว่านั่นเป็นการโฆษณาที่ไร้ตรรกะสิ้นเชิง ผู้บริหารระดับสูงของ ebay นั้นละเลยความจริงพื้นฐานข้อหนึ่งที่ว่า taobao ของ อาลีบาบานั้นกำลังกลายเป็นหนุ่มใหญ่วัยกำลังเจริญเติบโต

ในขณะนั้นการซื้อขายออนไลน์ยังไม่ฝังลึกลงในใจชาวจีน โฆษณาทั้งหมดเกี่ยวกับการซื้อขายออนไลน์จึงล้วนกลายเป็นการทำตลาดให้ธุรกิจ C2C ทั้งหมดของจีนไปด้วย ดังนั้น ebay จึงกลายเป็นฮีโร่ในตลาด C2C การโฆษณาแบบเหวี่ยงแหของ ebay กลับกลายเป็นการทำโฆษณาฟรีให้ taobao ไปด้วย

และไม่ว่าจะด้วยตรรกะของแจ็ค หรือความจริงที่ปรากฏในภายหลังล้วนพิสูจน์ได้ว่า ในการแข่งขันทางธุรกิจนั้นการเผาเงินอย่างบ้าคลั่งของ ebay ไม่มีคุณค่าเลยแม้แต่น้อย และสำหรับตลาดประมูลของประเทศจีนแล้ว ebay ดูเหมือนจะกลายเป็นผู้เสียสละด้วยซ้ำโดยเฉพาะการสละเงินจำนวนมากในการทุ่มโฆษณาครั้งนี้

ในเดือนพฤษภาคม 2005 ส่วนแบ่งการตลาดของ taobao คือ 67.3% แซงหน้า ebay ที่ครอง 29.1% สมาชิกลงทะเบียน taobao 19 ล้านราย ในปี 2006 สามาชิกของ taobao เพิ่มเป็น 22.5 ล้านรายมากกว่า ebay ในที่สุด taobao ก็ครองแชมป์ตลาด C2C ของจีนทั้งด้านจำนวนสมาชิกและยอดเงินจากการซื้อขาย

และในที่สุดในช่วงฤดูหนาวปี 2006 ebay ก็ต้องถอนตัวจากประเทศจีน โดยขายกิจการให้กับ กลุ่ม TOM เป็นอันสิ้นสุดสงคราม C2C ของประเทศจีนที่ฝ่าย taobao เอาชนะไปได้อย่างขาดลอย

ต้องบอกว่า สงครามระหว่าง taobao กับ ebay ในประเทศจีนครั้งนี้ ถือเป็น case study ที่สำคัญของวงการธุรกิจโลก ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้นำทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด และกำลังบูมสุดขีดในขณะนั้น แต่ฝ่ายหลังที่สร้างเว๊บไซต์ขึ้นมาใหม่ใช้เวลาแค่ 2 ปีก็แย่งส่วนแบ่งการตลาดมาได้ถึง 70% 

และสุดท้ายมันก็พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนแล้วว่าสงครามในครั้งนี้ taobao เอาชนะไปได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด และทำให้ท้ายที่สุดแพลตฟอร์มจากอเมริกาเริ่มเข็ดขยาดที่จะคิดมาบุกประเทศจีนไปในที่สุดนั่นเองครับผม

References :
หนังสือ Alibaba : The House That Jack Ma Built by Duncan Clark
หนังสือ ชีวประวัติ แจ็ค หม่า มีชีวิตอยู่เพื่อสะท้านโลก
ผู้เขียน หลิวซื่ออิง
ผู้แปล ชาญ ธนประกอบ
https://www.brandinginasia.com/alibaba-founder-jack-ma-stars-in-short-martial-arts-film-by-alibaba-pictures/


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube