Cyberwar ตอนที่ 4 : Conspiracy Theory

โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เงินล้าน ที่เพ้อฝันว่าตัวเป็นมหาเศรษฐี ทรัมป์เป็นบุคคลที่ถูกจูงจมูกได้อย่างง่ายดาย เมื่อเขาได้รับคำชมเชยจากความกล้าหาญทางธุรกิจของเขา ที่รายล้อมไปด้วยหญิงสาว สวย ๆ และการแสดงความร่ำรวยที่เขาไม่เคยมีมาก่อน

เขาเป็นแม่แบบของชาวอเมริกัน ที่องค์กรเก่าแก่ของปูตินอย่าง KGB นั้นรอคอยมานานกว่า 70 ปี

ความคิดของหน่วยสืบราชการลับของรัสเซียคือ ชาวอเมริกันเป็นพวกที่มั่นใจในความเป็นตัวของตัวเอง เป็นคนโง่ที่มีอำนาจ และเชื่อว่าพวกเขาเพียงกลุ่มเดียวสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้ และเป็นชนชาติที่ไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของลักษณะนิสัย หรือ ความเป็นลูกผู้ชาย

ซึ่งหากสหภาพโซเวียตมีทรัพยากรทางด้านการเงินที่ทัดเทียมกับอเมริกา ความพินาศของอเมริกาจะเกิดขึ้นก่อนที่โซเวียตจะล่มสลายอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสหพันธรัฐรัสเซียใหม่ กำลังได้รับความมั่งคั่งจากน้ำมัน และปูติน ก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

ภายในปี 2000 ลัทธิคอมมิวนิสต์ของสหภาพโซเวียตเดิมนั้นสิ้นสุดลง สหพันธรัฐรัสเซียใหม่เป็นลูกผสมของสหภาพโซเวียตเก่า ด้วยความรักในเผด็จการ และ อำนาจทางเศรษฐกิจสมัยใหม่ ภายในปี 2007 ปูติน ได้ค้นพบวิธีการทางเทคโนโลยีเพื่อจะใช้ประโยชน์จากคนอย่างโดนัลด์ ทรัมป์

หน่วยสืบราชการลับของรัสเซียเปลี่ยนจากองค์กรที่โบราณคร่ำครึ ให้กลายมาเป็นองค์กรไฟแรง เต็มไปด้วยคนอายุน้อย และเข้าใจเทคโนโลยีได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ประโยชน์ของทรัมป์ต่อมอสโก มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเป้าหมายของพวกเขาในการทำลายความเชื่อมโยงระหว่างอเมริกาและพันธมิตรดั้งเดิมของพวกเขา ทรัมป์ดำเนินการตามความคาดหวังนั้นแทบจะทันที

ภายในปีแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์เริ่มดูถูกพันธมิตรเกือบทุกประเทศที่เป็นมหามิตรของอเมริกา รวมถึงสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ทั้งในแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียทั้งหมด

ความพยายามของรัสเซียเป็นผลแม้กระทั่งเรื่องในประเทศ ภายในต้นปี 2018 มีชาวอเมริกันมากถึง 65% ที่ต้องถูกเมินจากการบริหารของทรัมป์ เนื่องจากเขามีท่าทีที่ชัดเจนว่าจะปกครองเฉพาะสำหรับเขตเลือกตั้งหลัก 35% ของเขาเท่านั้น ผู้ที่ไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลัก และฝ่ายค้าน ไม่คู่ควรกับความสนใจของเขา

เขาต้องการเป็นผู้นำ และให้รางวัลแก่ผู้ที่เลือกเขาอย่างชัดเจน นโยบายได้รับการออกแบบมาเพื่อลงโทษรัฐสีฟ้าของพรรคเดโมแครตที่ลงคะแนนเสียงให้ ฮิลลารี คลินตัน กฏหมายที่สำคัญฉบับเดียวของเขาคือการลดภาษีมากถึง หนึ่งล้านล้านดอลลาร์สำหรับคนที่ร่ำรวยเป็นพิเศษ รวมถึงบทบัญญติหลายประการ ที่ขึ้นภาษีในรัฐต่าง ๆ เช่น แคลิฟอร์เนีย และ นิวยอร์ก และลดภาษีให้กับรัฐที่มีสีแดงเข้มอย่าง alabama และ Mississippi

ภายในเวลาไม่ถึงสองเดือน ทรัมป์ได้สร้างความเสียหายต่อระเบียบโลกทางการเมืองของอเมริกา มากกว่าเหตุการณ์ใด ๆ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง

จุดยืนของทรัมป์กับประชาชนชาวอเมริกัน ตกอยู่ในภาวะตกต่ำทันที ภายในเดือนมกราคม ปี 2018 ประชาชนชาวอเมริกันกว่า 53% ของประเทศให้คะแนนการบริหารงานของเขาล้มเหลว ขณะที่ 57% กล่าวว่าประเทศกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ผิด และ 61% เห็นว่านโยบายของทรัมป์ กำลังนำอเมริกาไปสู่การแบ่งแยกประเทศ

คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการจัดการแทบทุกนโยบายที่เขาเสนอ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่เรื่องการอพยพ ไปจนถึงนโยบายต่างประเทศ เขาได้รับคะแนนต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเอาชนะ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำที่เลวร้ายที่สุด หลังจากการบุกอิรักอย่างหายนะ ซึ่งได้ทำลายร่องรอยความมั่นคงสุดท้ายในตะวันออกกลาง

ได้รับคะแนนต่ำกว่า จอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่เคยล้มเหลวในสงครามอิรักที่สูญเปล่า
ได้รับคะแนนต่ำกว่า จอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่เคยล้มเหลวในสงครามอิรักที่สูญเปล่า

แน่นนอนว่า ทรัมป์เองนั้น ก็ถูกโจมตีในเรื่องการสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซีย แต่เขาก็ไม่เคยโต้แย้งความจริงที่ว่า เขาต้องการเป็นเพื่อนกับปูติน ซึ่งเขาพยายามปฏิเสธความพัวพันเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้งที่มาจากฝั่งรัสเซีย

แต่ต้องบอกว่าพฤติกรรมและการปกป้องตัวเองของทรัมป์นั้น เกินกว่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะปกป้องเกียรติของตัวเอง แต่เรื่องราวกำลังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อ ทรัมป์ได้ทำการปลด James Comey ผู้อำนวยการ FBI ที่ทรัมป์ต้องการให้ Comey ยุติการสอบสวนนายพล ไมค์ ฟลินน์

เนื่องจากว่านายพล ไมค์ ฟลินน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาโหมนั้นอยู่ภายใต้การสอบสวนด้านความมั่นคงแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับคำโกหก ที่เขาบอกเกี่ยวกับการโทรศัพท์พูดคุยกับเอกอัครราชทูตรัสเซียในเดือนธันวาคมปี 2016

แซลลี เยตส์ รักษาการอัยการสูงสุด ได้แจ้งต่อทำเนียบขาวว่า ฟลินน์ นั้นเสี่ยงต่อการถูกแบล็กเมล์ เนื่องจากมีเพียงชาวรัสเซียเท่านั้นที่รู้ว่ามีการพูดคุยอะไรกันในการสนทนาดังกล่าว ซึ่งทรัมป์ต้องการให้เรื่องดังกล่าวนี้จบลงไป จึงใช้ไม้แข็งด้วยการปลด Comey เสียก่อนที่เรื่องจะแดงไปมากกว่านี้

แต่การปลด Comey นั้น มันทำให้เรื่องราวบานปลายขึ้น เมื่อรองอัยการสูงสุด Rob Rosenstein ไม่สามารถรับแรงกดดันทางการเมืองได้ จึงแต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษเพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ของทรัมป์กับรัสเซีย

ไม่มีผู้ตรวจสอบคนใดที่ดีสำหรับงานนี้มากไปกว่า Robert Swan Mueller III เขาเป็นทหารผ่านศึกในสงครามเวียดนาม ผู้ได้รับรางวัล Silver Star เคยเป็นอัยการของรัฐบาลกลาง และ ผู้อำนวยการ FBI ผ่านประธานาธิบดีมาสามคน เขาจัดระเบียบและฟื้นฟูสำนักงานหลังจากเหตุการณ์ 9/11 และเป็นที่ชื่นชมอย่างมากทั่ววอชิงตัน เขาเป็นคนสุดท้ายที่โดนัลด์ ทรัมป์ต้องการให้มาสอบสวนเขา

Robert Mueller คนที่ทรัมป์หวาดกลัวที่สุดที่จะต้องมาสอบสวนเขา (CR:Vox.com)
Robert Mueller คนที่ทรัมป์หวาดกลัวที่สุดที่จะต้องมาสอบสวนเขา (CR:Vox.com)

Mueller ต้องการทราบว่า ทรัมป์ และทีมของเขาเคยเป็นภาคีของปฏิบัติการข่าวกรองต่างประเทศ ที่อาจทำลายระบอบประชาธิปไตยของอเมริกาหรือไม่ ซึ่งหลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่ทีมของทรัมป์ มีส่วนร่วมในการสมรู้ร่วมคิดกับเครมลิน และมีความสัมพันธ์ทางด้านการเงินที่น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง

ต้องบอกว่า เมื่อ Mueller เข้ามา มันได้ทำให้ทรัมป์ตกอยู่ในอันตรายแทบถึงตายจากรัฐบาลของเขาเอง ดังนั้น เขาจึงต้องพยายามทำสิ่งเดียวและสำคัญที่สุด นั่นก็คือ การไล่ Mueller ออกไปให้พ้นทาง

ตามรายงานของ New York Times เพียงแค่ไม่ถึง 30 วันหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาพิเศษของ Mueller ทรัมป์ก็ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะไล่ Mueller ออกไป

ทรัมป์ แย้งว่า Mueller มีความจำเป็นต้องถูกไล่ออกเนื่องจากปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ทรัมป์กล่าวว่า Mueller โต้แย้งค่าธรรมเนียมกอล์ฟที่ Trump National Golf Club ในเมืองสเตอร์ลิง รัฐเวอร์จิเนีย และนั่นทำให้เขาขาดคุณสมบัติในการสอบสวนการบริหารของทรัมป์

ต้องบอกว่าชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น นำไปสู่กิจกรรมน่าสงสัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลรัสเซีย

ภายในไม่กี่วันหลังการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ เห็นได้ชัดว่าทำเนียบขาวต้องการเอาใจปูติน การคว่ำบาตรทั้งหมดต่อรัสเซียถูกยกเลิก รวมถึงเรื่องเส้นทางการเงินของเหล่าทีมงานของปูติน

การสอบสวนเริ่มต้นด้วย James Comey อดีตผู้อำนวยการ FBI รวมถึงที่ปรึกษาพิเศษ Robert Mueller และคณะกรรมการข่าวกรองของสภาและวุฒิสภา ซึ่งพบว่านั่นเป็นสาเหตุหลักของการเลือกโจมตีของรัสเซีย

ตัวอย่างเช่น กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน เริ่มหาวิธียกเลิกมาตรการคว่ำบาตรในยุคโอบามา ที่ได้ทำไปเพื่อลงโทษรัสเซียจากการจารกรรมแฮ็กข้อมูลและการละเมิดกฏหมายระหว่างประเทศ รวมถึงการรุกรานไครเมีย และการส่งเสริมการก่อความไม่สงบทางชาติพันธุ์รัสเซียในยูเครน

ต้องบอกว่ามาตรการคว่ำบาตรของอเมริกานั้นไม่ได้ทำร้ายเศรษฐกิจรัสเซีย มันเป็นการทำร้ายการเงินส่วนบุคคลของพลเมืองระดังสูงของมอสโก และ เหล่าคนใกล้ชิดปูตินเป็นการส่วนตัวเสียมากกว่า

นั่นเองที่ทำให้ปูติน โมโหเป็นอย่างมากและไม่ชอบทั้งโอบามาและฮิลลารี คลินตัน จึงเริ่มเข้าแทรกแซงชาวอเมริกันด้วยเงินสกปรก เพื่อหยุดการคว่ำบาตรพวกเขา และที่สำคัญเขาได้พันธมิตรในสำนักงานรูปไข่ที่จะช่วยเหลือเขาในความพยายามครั้งนี้ ซึ่งพวกเขาพบสิ่งนี้ในตัว โดนัลด์ ทรัมป์

ภายในฤดูใบไม้ร่วงปี 2017 รายงานข่าวพบว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงและครอบครัวของทรัมป์เกือบทั้งหมดมีการติดต่อกับรัสเซียหลายครั้ง นายพล ไมเคิล ฟลินน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาโหม (DIA) ถึงกับคิดจะลาออกเนื่องจากโกหกเรื่องการคุยโทรศัพท์ลับกับทูตรัสเซีย

ซึ่งครอบครัวของทรัมป์ก็มีส่วนสำคัญโดยตรง ซึ่งรวมถึง Jared Kushner สามีของ Ivanka Trump ซึ่งมีรายงานพบว่ารัสเซียได้ขอเครือข่ายการสื่อสารที่ปลอดภัยภายในสถานทูตรัสเซียเพื่อสื่อสารโดยไม่มีการตรวจสอบจาก NSA หรือ CIA

จอร์จ ปาปาโดปูลอส ถูกตั้งข้อหาโกหกเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลาง และมีความผิดร่วมกับ ไมเคิล ฟลินน์ มีรายงานมากมายเกี่ยวกับลูกชาย ลูกเขยและที่ปรึกษาอาวุโสของทรัมป์ จงใจมีส่วนร่วมในแผนการกำจัดฮิลลารี คลินตัน และมีการทำซ้ำ เพื่อโฆษณาชวนเชื่อที่มีการปรับแต่งเนื้อหาในสื่อออนไลน์อย่างปราณีตจากเครมลิน โดยไม่เจตนา

ซึ่งด้วยหลักฐานทั้งหมดนี้ สิ่งที่ทรัมป์ตอบตลอด 1 ปีหลังจากการขึ้นครองอำนจก็คือ “ไม่มีการสมรู้ร่วมคิด ไม่มีการสมรู้ร่วมคิด ไม่มีการสมรู้ร่วมคิด” ซึ่งไม่เพียงแต่อเมริกาจะไม่ทำอะไรเลยเกี่ยวกับการแทรกแซงของเครมลินในกิจการของตน

แต่พวกเขายังมีทีมงานในสภาคองเกรส ที่อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือพวกเขาผ่านการเพิกเฉย และไม่เชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้คือเรื่องจริง และมองว่ามันเป็นเพียงทฤษฏีสมคบคิดเพียงเท่านั้น

ในสภาผู้แทนราษฏร Devin Nunes ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นขี้ข้าของทรัมป์ในคณะกรรมการคัดเลือกของสภาข่าวกรองถึงกับออกรายงานฝ่ายเดียวของตัวเอง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของทรัมป์

ซึ่งเมื่อสถานการณ์ผ่านไปดูเหมือนว่า ด้วยอำนาจที่มีมหาศาลในตำแหน่งประธานาธิบดีของอเมริกา และการที่ โดนัลด์ ทรัมป์ และพันธมิตรของเขาทำงานร่วมกับมอสโกและมีอำนาจควบคุมสภาคองเกรส ก็ไม่มีใครที่จะหยุดยั้งความฝันอันยิ่งใหญ่ของปูติน ที่กำลังดำเนินการในรูปแบบเดียวกันทั่วโลก ซึ่งแผนการของพวกเขานั้นคงไม่ได้มองเพียงแค่อเมริกาเพียงเท่านั้นอย่างแน่นอน

–> อ่านตอนที่ 5 : Make Russia Greate Again

ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ