Blood Oil ตอนที่ 9 : Absolute Power

ตูร์กี บิน อับดุลลาห์ กำลังนอนหลับอยู่เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาถึงพระราชวังของเขาในตอนเช้ามืด เมื่อกษัตริย์อับดุลลาห์ แจ้งให้เข้าร่วมประชุมด่วนกับผู้อาวุโสของราชวงศ์อัล ซาอุด

“คุณต้องมาทันที” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของราชสำนักบอกกับ ตูร์กี ลูกชายของอดีตกษัตริย์อับดุลลาห์

ในขณะที่ขบวนรถกำลังเดินทางไปยังโรงแรม Ritz-Carlton ซึ่งได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นคุกชั่วคราว

อาคารผู้โดยสารของเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเหล่าเศรษฐีและราชวงศ์ถูกปิดตัวลง ธนาคารสั่งให้หยุดการทำธุรกรรมใด ๆ ที่รอดำเนินการสำหรับรายชื่อมากกว่า 380 ซึ่งรวมถึงกลุ่มเชื้อพระวงศ์อาวุโสหลายท่าน

เรียกได้ว่ามันเป็นการฉีดยาแรงครั้งสำคัญของโมฮัมเหม็ดในการกำจัดทุจริตของเหล่าเครือข่ายนักธุรกิจ ราชวงส์ และ ข้าราชการชั้นสูงที่มีมานานหลายทศวรรษ มันเป็นแผนการที่แยบยล โดยที่แทบจะไม่มีการรั่วไหล กับการดำเนินการขั้นเด็ดขาดของโมฮัมเหม็ดในครั้งนี้

สำหรับนักโทษแต่ละคนใน Ritz-Carlton ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต แต่ในหลายกรณีการจำคุกยังมีเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านั้น

ตูร์กี บิน อับดุลลาห์ ลูกชายคนที่เจ็ดของกษัตริย์อับดุลลาห์ผู้ล่วงลับ ในฐานะรองผู้ว่าการและผู้ว่าการกรุงริยาดตั้งแต่ปี 2013-2015 เขามีส่วนสำคัญในโครงการรถไฟฟ้าของเมืองริยาดที่ล่าช้าและผลาญงบประมาณของรัฐมากเกินไป

โมฮัมเหม็ดและเหล่าทีมสืบสวนของเขากล่าวหาว่าตูร์กีคิดราคาแพงเกินไปสำหรับการติดตั้งราง ทำให้มีเงินใต้โต๊ะจำนวนมหาศาลเข้ากระเป๋าตูร์กี

แต่ต้องบอกว่าเหตุผลใหญ่ที่สุดที่เขาต้องมาถูกจองจำที่ The Ritz และถูกปฏิบัติอย่างรุนแรงเป็นพิเศษ คือ บทบาทของเขาในการพยายามปลดกษัตริย์ซัลมานและโมฮัมเหม็ด โดยเริ่มตั้งแต่ก่อนพิธีราชาภิเษกของซัลมาน ตูร์กีไม่ยอมรับหรือถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมใด ๆ ต่อสาธารณะ

สำหรับโมฮัมเหม็ด ไม่เพียงแค่เรื่องแนวคิดล้มล้างกษัตริย์ซัลมานเท่านั้น แต่ตูร์กียังได้สร้างปัญหาอีกมากมาย รวมถึงเรื่องอื้อฉาว 1MDB ของมาเลเซีย

เจ้าชาย ตูร์กี บิน อับดุลลาห์ ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอื้อฉาว 1MDB ของมาเลเซีย
เจ้าชาย ตูร์กี บิน อับดุลลาห์ ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอื้อฉาว 1MDB ของมาเลเซีย (CR:Sarawak Report)

ตูร์กีมีความสัมพันธ์ในต่างประเทศและพยายามอย่างเงียบ ๆ ที่จะบ่อนทำลายโมฮัมเหม็ดในช่วงสองปีแรกของการครองราชย์ของกษัตริย์ซัลมาน แต่ต้องบอกว่าตูร์กี ประเมินโมฮัมเหม็ดต่ำเกินไป

ตูร์กีคิดว่าตราบใดที่พี่ชายของเขา มิเทบ ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยพิทักษ์แห่งชาติ และ โมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ ที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน คงไม่หาญกล้าที่จะทำอะไรบ้าๆ กับกลุ่มพี่น้องของเขาอย่างแน่นอน

และ ตูร์กียังมองว่า โมฮัมเหม็ดคงไม่มีสายลับ หรือ เทคโนโลยีอะไรที่จะมาดักฟังพวกเขา และยังประเมินความมุ่งมั่นของโมฮัมเหม็ดต่ำเกินไป

ดังนั้น ตูร์กี จึงประมาท เขาไม่ได้ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสใด ๆ ในการสื่อสารเรื่องต่าง ๆ เขาใช้สายโทรศัพท์ธรรมดา ๆ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแผนการล้มล้างกษัตริย์ซัลมานอย่างเปิดเผย และระบายควาไม่พอใจโมฮัมเหม็ดออกมาผ่านการพูดคุยกับบุคคลกลุ่มต่าง ๆ

แต่เขาไม่ทราบว่าตั้งแต่แรกเริ่มโมฮัมเหม็ดได้ขยายอำนาจของเขา และสามารถเข้าถึงการสื่อสารและโทรคมนาคมทั่วประเทศได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตูร์กี เป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของโมฮัมเหม็ดมาตั้งแต่แรก เขาถูกนำมาทิ้งไว้ที่ห้องโถงของ The Ritz ที่กลายสภาพเป็นคุกชั่วคราว ต้องบอกว่าแม้จะเป็นลูกชายของอดีตกษัตริย์อับดุลลาห์ ก็ หนีสภาพดังกล่าวไปไม่ได้เหมือนกันในวันที่หมดอำนาจ

หลังจากถูกนำมาที่ The Ritz ชั่วคราว ตูร์กี ก็ถูกย้ายไปยังเรือนจำที่สกปรกซึ่งเป็นที่ตั้งของแหล่งคุมขังฆาตรกร และผู้ค้ายาเสพติด และต่อมาก็ถูกย้ายไปยังสถานกักกันคนผิวดำ โดยไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้

มิเทบ ถูกกล่าวหารุนแรงไปอีกขั้น เขาเป็นผู้ดูแลกองกำลังพิทักษ์ชาติ ซึ่งเขาได้ทำการโอนที่ดินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับมูลนิธิ เปลี่ยนทรัพย์สินของรัฐบาลให้เป็นทรัพย์สินขององค์กรส่วนตัวของครอบครัวเขา

เหล่าผู้ถูกคุมขับที่ The Ritz หลายคนอาจจะดูเหมือนเป็นอิสระ แต่ก็อยู่ภายใต้เงื้อมมือของโมฮัมเหม็ด มิเทบได้ถูกสั่งให้ยิ้มและถ่ายรูปกับโมฮัมเหม็ดไม่นานหลังจากนั้นเพื่อออกสื่อ

นอกจากเหล่าเจ้าชายเชื้อพระวงศ์และรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ ๆ แล้ว นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงของซาอุดิอาระเบียบางคนก็ถูกนำมาคุมขังด้วย

Fawaz al-Hokair นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีเพนต์เฮาส์สุดหรูที่สุดแห่งหนึ่งในแมนฮันตัน ใจกลางมหานครนิวยอร์ก โมฮัมเหม็ด อัล อามูดิ มหาเศรษฐีชาวซาอุดิอาระเบีย-เอธิโอเปียซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองและโรงกลั่นน้ำมันทั่วโลก ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตที่มีมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ

Ali al-Naimi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันของซาอุดิอาระเบียก็เป็นหนึ่งรายชื่อผู้ถูกคุมขัง เช่นเดียวกับ รามี ลูกชายของเขาที่ถูกจำคุกเช่นเดียวกัน ถูกกว่าหาว่าทุจริต แต่ชายทุกคนได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา โดยไม่ยอมรับการกระทำผิดใด ๆ ต่อสาธารณะ

สมาชิกห้าคนของครอบครัวบินลาเดน ก็ถูกยึดทรัพย์สินทุกอย่าง ทั้งบริษัทต่าง ๆ ไปจนถึงบ้านพักของบรรพบุรุษในริยาดและเจดดาห์ ก็ถูกยึดเป็นของรัฐทั้งหมด

เมื่อ Bakr bin laden ถูกนำตัวมาสอบปากคำ เขาต้องตกใจกับกองเอกสารที่ยาวครึ่งฟุต โมฮัมเหม็ดและทีมงานมีประวัติทางการเงินและรายการทรัพย์สินและรายละเอียดข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับการทำงานให้กับเหล่าราชวงศ์ รวมถึง โมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ มกุฏราชกุมารที่เพิ่งถูกขับออกไป

ในขณะที่การเจรจาเพื่อให้ครอบครัว บินลาเดน ยอมจำนน บริษัทของพวกเขาลงเอยด้วยการให้รัฐเข้าไปถือหุ้น 36% พี่น้องทุกคนยกเว้น Bakr ได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมาและได้รับทรัพย์สินบางส่วนคืน

แต่สำหรับชาวตะวันตกผู้ถูกคุมขังที่มีชื่อเสียงที่สุดคงจะหนีไม่พ้น เจ้าชาย อัลวาลีด หนึ่งในหลานชายของกษัตริย์ซัลมาน เขามีอำนาจเงินตรามากมายในต่างประเทศ แม้เขาจะพูดในที่สาธารณะเพื่อสนับสนุนแนวคิดหลาย ๆ อย่างของโมฮัมเหม็ด แต่เขาก็ไม่รอดพ้นจากการถูกจองจำ

เจ้าชายอัลวาลีด ที่สื่อตะวันตกสนใจมากที่สุด
เจ้าชายอัลวาลีด ที่สื่อตะวันตกสนใจมากที่สุด (CR:The Daily Beast)

สิ่งที่ทำให้ อัลวาลีด ต้องเข้ามาร่วมชะตากรรมใน The Ritz นั้น เนื่องมาจากเขาได้รับเงินมาหลายปีจากสมาชิกราชวงศ์รวมถึงจากกษัตริย์อับดุลลาห์ อัลวาลีดมีหน้าที่จัดการบัญชีสำหรับกษัตริย์ ซึ่งโมฮัมเหม็ดมองว่า อัลวาลีด เก็บเงินของรัฐโดยไม่ชอบธรรม

โมฮัมเหม็ดได้นำตัวอัลวาลีดเข้ามาใน The Ritz และเรียกร้องให้เขาจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อประกันการปล่อยตัว และบีบบังคับเขามากขึ้นด้วยการจับคาเลดพี่ชายของอัลวาลีด ที่ถูกส่งตัวไปที่คุก อัล-ฮาแอร์ สุดโหด

หลังจากได้รับการปล่อยตัว อัลวาลีด ได้ยืนยันกับ Bloomberg News ว่าเขามีส่วนร่วมอย่างผิด ๆ กับคนที่ทำเรื่องเสียหายเหล่านี้จริง ส่วนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่เขาต้องจ่ายนั้น เขาได้บอกกับนักข่าวว่า มันเป็นข้อตกลงที่เป็นความลับระหว่างเขากับกษัตริย์ซัลมาน

โมฮัมเหม็ดแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ และหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ชาติคนใหม่ทันที ทั้งคู่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเจ้าชายในวัยสามสิบต้น ๆ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการรวมอำนาจของเจ้าชายเสร็จสมบูรณ์แล้ว

หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ชาติคนใหม่ที่ดูแลทหารกว่า 125,000 คน คือ อับดุลลาห์ บิน บันดาร์ ลูกพี่ลูกน้องของโมฮัมเหม็ด และเป็นหนึ่งในเพื่อนที่เขาไว้ใจที่สุด

ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของอาณาจักร ซาอุดิอาระเบีย ไม่มีเจ้าชายองค์เดียวคนใด ที่บัญชาการกองกำลังติดอาวุธของราชอาณาจักรได้มากกว่าหนึ่งในสามแห่ง ตอนนี้โมฮัมเหม็ดได้เข้ามาควบคุมทั้งหมด และเขาได้กำจัดผู้คิดจะขึ้นมาท้าทายหรือกลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิดเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเหล่ามหาเศรษฐีหรือพี่น้องในสายเลือดก็ตามที

แต่ผู้สังเกตการณ์ชาวตะวันตกมองว่าการจับกุมที่ The Ritz นั้นเป็นศึกในการแย่งชิงอำนาจและใช้หลักนิติธรรมในทางที่ผิด แต่ประชาชนชาวซาอุฯ ต่างสนับสนุนสิ่งที่โมฮัมเหม็ดทำ

เป็นเวลาหลายสิบปีที่ซาอุฯ ต้องต่อสู้กับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์และนักธุรกิจที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเครือข่ายราชวงศ์ พวกเขาชนะสัญญาโครงการต่าง ๆ ของรัฐมากมาย โกยเงินไปอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้เครือข่ายเหล่านี้ได้ถูกทำลายไปเสียที และทำให้ประชาชน นักธุรกิจทั่วไปที่ทำงานอย่างสุจริต สามารถที่จะโงหัวขึ้นมาได้สำเร็จนั่นเองครับผม

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อกับโมฮัมเหม็ด หลังจากรวบรวมอำนาจได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในครั้งนี้ โปรดอย่าพลาดติดตามต่อในตอนหน้านะครับผม

–> อ่านตอนที่ 10 : Who’s More Powerful

ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube