โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน PIF กับการผลัดใบซาอุดิอาระเบียเข้าสู่ยุคใหม่ที่ไร้ซึ่งการเสพติดน้ำมัน

ในปี 2016 โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบียสวมเสื้อคลุมและรองเท้าแตะ ประกาศวิสัยทัศน์ปี 2030 โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติการเสพติดน้ำมันของราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย

แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือการผลักดัน Saudi Aramco บริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์และนำเงินที่ได้มาก่อตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติ (Svereign-Wealth Fund – SWF) เพื่อลงทุนในอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่น้ำมัน

วันนี้กองทุน SWF ของซาอุดิอาระเบียหรือที่เรียกว่า Public Investment fund (PIF) กำลังทำสิ่งที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ดใฝ่ฝัน เพราะมูลค่าทรัพย์สินของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีพนักงานกว่า 1,400 คน

กองทุน PIF นั้นเข้าไปเชื่อมโยงในทุกสิ่งทั้งบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง การเข้าไปปฏิวัติวงการกอล์ฟ การซื้อสโมสรฟุตบอลชื่อดังอย่างนิวคาสเซิลในพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษ เดิมพันกับบริษัทเกมชื่อดัง การสร้างสายการบินใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น หรือการ transform สู่รถยนต์ไฟฟ้าของ Aston Martin

แนวทางการลงทุนของ PIF นั้นเรียกได้ว่าแหกกฎของกองทุนส่วนใหญ่ในโลก เพราะพวกเขาลงทุนทุกอย่าง ทุกที่ ทุกเวลา แต่ก็คอยพิจารณาดูอย่างระมัดระวังเช่นเดียวกัน

เป้าหมายของ PIF นั้นก็มีลักษณะคล้ายกับกองทุน SWF ของหลาย ๆ ประเทศคือเปลี่ยนความมั่งคั่งด้านน้ำมันของประเทศไปสู่สินทรัพย์ระดับโลกเพื่อการเติบโตในระยะยาว แต่ก็ยังจำเป็นต้องหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายภายในราชอาณาจักรเช่นเดียวกัน

แผนการลงทุนนั้นมีความทะเยอทะยานสูงเป็นอย่างมาก โดยมีเป้าหมายที่จะมีสินทรัพย์ในพอร์ตภายใต้การบริหารงานให้ได้มากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2025 และ อย่างน้อยต้องเพิ่มเป็นสองเท่าภายในปี 2030

แผนที่ทะเยอะทะยานดังกล่าวนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับน้ำมันเพียงเท่านั้น เพราะมูลค่าทรัพย์สินของ PIF สามารถที่จะเพิ่มสูงขึ้นได้หากสามารถดึงดูดผู้ร่วมลงทุนให้เข้ามาลงทุนโครงการภายในราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย

มันผ่านการคิดและวิเคราะห์มาอย่างยอดเยี่ยม เพราะเป็นจุดที่กลยุทธ์ภายในประเทศนั้นถูกประสานเข้ากับกลยุทธ์การลงทุนในต่างประเทศ PIF ได้ถือหุ้น 75% ใน 4 ทีมกีฬาชั้นนำของประเทศซาอุดิอาระเบีย รวมถึงโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่เกิดขึ้นมากมายภายในประเทศ

ซึ่งเมื่อเวลาผ่านพ้นไป การลงทุนดังกล่าวยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการขนาดใหญ่ด้านอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว เช่น โครงการ Neom ซึ่ง PIF มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนเป็นเมืองยูโทเปียในทะเลทราย ซึ่งจะดึงดูดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวได้อีกมหาศาล หรือโครงการ The Line เมืองแนวตั้งแห่งเดียวในทะเลทราย โดยมีความยาว 170 กิโลเมตร และรองรับประชากรได้กว่า 9 ล้านคน ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในขณะนี้

Neo และ The Line สุดยอดโครงการเมกะโปรเจกต์ของซาอุดิอาระเบีย (CR: ipgegypt)
Neo และ The Line สุดยอดโครงการเมกะโปรเจกต์ของซาอุดิอาระเบีย (CR: ipgegypt)

เจ้าชาย บิน ซัลมาน ต้องการปักหมุด ซาอุดิอาระเบียเป็น Landmark แห่งใหม่บนแผนที่โลก เหมือนกับที่ ดูไบ เคยทำได้สำเร็จมาแล้ว

กลยุทธ์ด้านกีฬา

กลยุทธ์ที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของกีฬา ไม่ว่าจะเป็นการดึงนักกอล์ฟชื่อดังเข้ามา การซื้อทีมนิวคาสเซิลยูไนเต็ดซึ่งเป็นสโมสรในพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษ

มันเป็นการลงทุนเพื่อเปลี่ยนอาณาจักรให้กลายเป็นขุมพลังแห่งวงการฟุตบอล การดึงซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง Cristiano Ronaldo ซึ่งจ่ายเงินเดือนสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์เพื่อเล่นให้กับทีมในลีกซาอุดิอาระเบีย แถมในปีนี้ยังมีนักเตะดัง ๆ ย้ายตาม Ronaldo เข้ามาสร้างสีสันให้กับลีกซาอุดิอาระเบียกันเป็นว่าเล่น

การดึงซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง Cristiano Ronaldo มาสร้างกระแสในประเทศ (CR:SuperSport)
การดึงซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง Cristiano Ronaldo มาสร้างกระแสในประเทศ (CR:SuperSport)

PIF ยังมีการลงทุนเชิงกลยุทธ์อื่น ๆ ที่หวังผลต่อเนื่องให้เกิดการพัฒนาในประเทศ เช่น การเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นต่างชาติรายใหญ่ที่สุดใน Nintendo ซึ่งเป็นบริษัทเกมของญี่ปุ่น รวมถึงใน Activision Blizzard และ Electronic Arts และหวังจะทำให้ Neom เป็นศูนย์กลางการพัฒนาเกมในอนาคต

รวมถึงในเรื่องพลังงานสะอาด หนึ่งในการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดคือ Lucid ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา Lucid ได้รับสัญญาในการจัดหามอเตอร์ไฟฟ้าและระบบแบตเตอรี่ให้กับ Aston Martin ผู้ผลิตรถยนต์หรูสัญชาติอังกฤษ ซึ่ง PIF เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Lucid กำลังสร้างโรงงานในต่างประเทศแห่งแรกในซาอุดิอาระเบีย

แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะสวยหรูไปซะหมด เพราะการเดิมพันบางอย่างก็มีประสิทธิภาพต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก เช่น Vision Fund ที่ร่วมทุนกับ Softbank ก็สร้างความมัวหมองด้วยผลการขาดทุนของ Uber , WeWork และในอีกหลายๆ บริษัทที่ดูเหมือนจะล้มเหลว

รวมถึงธนาคารแห่งชาติซาอุดิอาระเบียก็ได้รับความเสียหายกับการลงทุนใน Credit Suisse หรือ เมกะโปรเจกต์เช่น Neom นั้นดูจะยิ่งใหญ่มาก มันเป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกัน หากล้มเหลวมันจะกลายเป็นเรื่องขายหน้าระดับชาติครั้งใหญ่

บทสรุป

ต้องบอกว่าในตอนนี้ ไม่มีกองทุนรัฐใดที่มีความทะเยอทะยานสูงเท่า PIF ของซาอุดิอาระเบียอีกแล้ว แน่นอนว่าแง่หนึ่งมันเหมือนเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของ โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ที่ก่อนหน้านี้เคยมีภาพลักษณ์ที่มัวหมองโดยเฉพาะประเด็นเรื่องการฆาตกรรมในปี 2018 ของ Jamal Khashoggi คอลัมนิสต์ชาวซาอุดีอาระเบียของ Washington Post ที่กลายเป็นประเด็นฉาวโฉ่ไปทั่วโลก

แม้จะมีเงินมากมายมหาศาลแต่ PIF ก็อยู่ภายใต้แรงกดดันเป็นอย่างมาก เพราะมันแทบจะเป็นการเดิมพันอนาคตของราชอาณาจักรที่เสพติดกับน้ำมันมาอย่างยาวนาน และต้องการพลิกโฉมหน้าประเทศในแบบที่ไม่มีประเทศไหนในโลกเคยทำได้สำเร็จมาก่อนนั่นเองครับผม


เรื่องราวการก้าวขึ้นมาเถลิงอำนาจของ โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน นั้นเป็นเรื่องราวดราม่าที่โครตมันส์ อย่าลืมอ่านต่อได้ที่

Blog Series : Blood Oil – The Rise to Power of Mohammed Bin Salman

–> อ่านตอนที่ 1 : Prologue


References :
https://www.economist.com/business/2023/06/29/meet-the-worlds-most-flirtatious-sovereign-wealth-fund
https://www.thetimes.co.uk/article/saudi-crown-princes-500bn-city-of-the-future-in-crisis-kmg9mqznp
https://www.japantimes.co.jp/sports/2023/06/06/soccer/saudi-wealth-fund-to-take-control-of-cristiano-ronaldos-club/