ต้องบอกว่าความสัมพันธ์ทางการค้าที่ย่ำแย่ลงระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน ได้เร่งให้หนึ่งในอาณาจักรร่วมทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Sequoia กำลังแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
ความขัดแย้งดังกล่าวทำให้การดำเนินงานในสหรัฐอเมริกาและยุโรปจะถูกแยกออกจากสาขาในจีนซึ่งถูกบริหารโดย Neil Shen นักลงทุนชื่อดังซึ่งเป็นผู้นำการลงทุนใน Alibaba และ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok
โดยหลังปรับโครงสร้างใหม่ธุรกิจร่วมทุนในจีนจะถูกตั้งชื่อว่า HongShan ซึ่งเป็นคำแปลภาษาจีนของ Sequoia และยังคงรับผิดชอบสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเกือบ 56 พันล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Sequoia จะถูกแยกออกเป็นอีกหนึ่งบริษัท
Roelof Botha ซีอีโอของ Sequoia Captial ได้ยกย่องความสำเร็จของหน่วยธุรกิจใหม่เหล่านี้ เพราะเมื่อย้อนกลับไปในปี 2003 ธุรกิจในจีนและอินเดียแทบจะยังเป็นศูนย์ แต่ตอนนี้เรียกได้ว่ากำลังพุ่งแรงขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด
ต้องบอกว่าการลงทุนในจีนเริ่มมีความซับซ้อนขึ้นสำหรับเหล่าสถาบันการลงทุนของสหรัฐฯ โดย Sequoia China เผชิญกับการตรวจสอบทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ สำหรับการลงทุนในบริษัทจีน
โดยทางวอชิงตันได้กล่าวหาว่ามีความเสี่ยงเรื่องความมั่นคงของชาติ รวมถึงผู้ผลิตโดรนอย่าง DJI และ DeepGlint สตาร์ทอัพด้าน AI ที่กำลังถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้กับรัฐบาลจีนในการสอดแนมชาวอุยกูร์ในซินเจียง
การเข้าไปลงทุนกับ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ของ Sequoia China ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน โดยสหรัฐฯ ได้ขู่จะแบนแอปโซเชียลมีเดียของจีนภายในประเทศ และปัญหาดังกล่าวก็ทำให้แผนการเสนอขายหุ้นแก่สาธารณชนของบริษัทในปักกิ่งก็มีความยุ่งยากซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ฝ่ายบริหารของ Biden กำลังพิจารณากลไกในการคัดกรองการลงทุนเพื่อสกัดกั้นการไหลเวียนของเงินทุนสหรัฐฯ ไปยังกลุ่มชาวจีนในภาคส่วนที่ละเอียดอ่อน เช่น เซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์
แม้ Sequoia จะเน้นย้ำอยู่เสมอว่าหน่วยงานของสหรัฐฯ และ ยุโรป จีน และอินเดีย ดำเนินการด้วยการตัดสินใจที่เป็นอิสระ แต่ด้วยชื่อแบรนด์ที่ใช้ร่วมกันซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกนั้น ทำให้เหล่านักวิจารณ์เชื่อมโยงนักลงทุนที่มีชื่อเสียงของสหรัฐฯ กับบริษัทจีนที่กำลังเป็นที่ถกเถียง
โดย Sequoia ได้กล่าวว่าการตัดสินใจแยกทางเกิดขึ้นจากผู้นำปัจจุบัน 5 คนและอดีตผู้นำ 3 คนของบริษัท ซึ่งรวมถึง Botha , Doug Leone (อดีตผู้นำของ Sequoia Capital) และ Shen ที่ร่วมกันตัดสินใจ
ก่อนหน้านี้กลุ่มธุรกิจในจีนและอินเดียของ Sequoia ถึงแม้จะดำเนินการกิจการโดยอิสระ แต่จะมีการแบ่งปันผลกำไรบางส่วนกับ Sequoia Capital สำนักงานใหญ่ ซึ่งหลังจากนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป หลังจากการแยกทาง Sequoia Capital จะไม่ลงทุนร่วมกับกองทุนของจีนและอินเดียต่อไปในอนาคต
โดยที่ Sequoia Capital จะยังคงรักษาความสัมพันธ์กับกองทุนระยะยาวที่เรียกว่า Heritage แและหน่วยกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่เรียกว่า Global Equities
HongShan ของ Shen จะถูกทิ้งให้ต้องยืนหยัดด้วยตนเอง โดยเมื่อ Sequoia China ระดมทุนได้ 9 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ประมาณครึ่งหนึ่งมาจากนักลงทุนสหรัฐฯ เช่น MassPRIM,University of Texas Investment Management Company และ University of Washington ส่วนที่เหลือมาจากกองทุนบำเน็จบำนาญระดับโลกและนักลงทุนสถาบันอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
คนที่ได้ผลประโยชน์สูงสุดไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะคือ Shen นั่นเอง ที่ทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีทันที และ Shen เองก็มีแนวความคิดที่ต้องการที่จะแยกตัวเองให้เป็นอิสระมานานแล้ว
แต่ความท้าทายของ Sequoia ก็มีงานหนักรออยู่ข้างหน้าเช่นเดียวกัน เมื่อรัฐบาลจีนเริ่มปราบปรามกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสำหรับผู้บริโภค โดยกลุ่มบริษัทที่ Sequoia China เข้าไปลงทุนก็เผชิญกับความท้าทายจาการปราบปรามทางด้านเทคโนโลยีของปักกิ่งเช่นกัน
Meituan ถูกปรับจากการต่อต้านการผูกขาดครั้งใหญ่ ขณะที่กลุ่มเรียกรถ Didi ถูกบังคับให้เพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัยพ์นิวยอร์ก จีนยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปดูแลกิจการหลักของ ByteDance ในจีน
ผลกระทบครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับ Sequoia China มาจาจากการที่ปักกิ่งปราบปรามบริษัทการศึกษาออนไลน์ในปี 2021 เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐของจีนได้ทำการเคลื่อนไหวในชั่วข้ามคืนเพื่อทำให้รูปแบบของธุรกิจสตาร์ทอัพจำนวนมากผิดกฎหมายในชั่วข้ามคืน กฎดังกล่าวได้ทำลายการลงทุนขนาดใหญ่ในกลุ่มต่าง ๆ เช่น Zuoyebang และ VIPKID
References :
https://www.ft.com/content/9467a0f9-7618-490e-aa80-cc5881ba3ecf
https://www.ft.com/content/fc861ceb-91f5-4372-8877-d24f444c2719