Geek Daily EP49 : Vaccine Passports กับการใช้แอปใหม่เพื่อยืนยันผลการทดสอบ Covid-19 ของ Singapore Airlines

Singapore Airlines เริ่มทดลองใช้บริการใหม่ซึ่งจะช่วยให้สามารถตรวจสอบผลการทดสอบ Covid-19 ได้เร็วขึ้นซึ่งอาจปูทางไปสู่การนำหนังสือเดินทางวัคซีน (Vaccine Passports) มาใช้

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะสามารถสแกนรหัส QR โดยใช้แอปที่พัฒนาโดย บริษัท เทคโนโลยีของกลุ่ม Temasek

สิ่งนี้จะช่วยลดระยะเวลาที่จำเป็นสำหรับนักเดินทางในการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและปรับปรุงประสบการณ์การเดินทางของพวกเขาท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องที่ไม่มีทีท่าจะว่าจะสิ้นสุดลงง่าย ๆ ของ Covid-19

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
http://bit.ly/3pnddDa

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2m0PTzR

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/7qdiAG7TIoU

16 ปีคลื่นยักษ์สึนามิ กับประสบการณ์การเป็นอาสาสมัครที่ไม่เคยลืมเลือน

วันเวลาช่างผ่านมาได้รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ กับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ที่คนไทยไม่เคยลืมกับเหตุการณ์ในวันที่ 26 ธันวาคม ปี 2547 ที่คลื่นยักษ์ได้ซัดเข้าชายฝั่งอันดามันของประเทศไทย และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 5,000 คน

เป็นเหตุการณ์ที่โดยส่วนตัวก็ไม่เคยลืมเลือนจางหายไปจากความทรงจำของตัวเอง เนื่องจากในตอนนั้นในขณะที่ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย น่าจะเป็นช่วงชั้นปีที่ 3 ได้มีโอกาสรับอาสาสมัครเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในห้วงเวลาดังกล่าว

ด้วยความที่ตอนนั้นยังเป็นเด็กหนุ่มที่ไฟแรง และ มีการประกาศจากทางภาควิชาเพื่อหาตัวแทนอาสาสมัครเพื่อไปที่แนวหน้า บริเวณที่เหตุการณ์ค่อนข้างหนักที่สุดในประเทศไทย คือที่เขาหลัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา

ตอนนั้นยอมรับว่า ไม่ได้นึกภาพเหตุการณ์จริง ๆ เห็นแต่ทางช่องข่าวสารต่าง ๆ และคิดว่าหากไปเป็นอาสาสมัครราว ๆ 1 อาทิตย์ ก็ไม่ต้องเข้าเรียน ก็เลยคิดแบบเด็ก ๆ ในยุคนั้น เลยขอไปสนุก ๆ กับเพื่อน ๆ พี่ จะดีกว่าเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย

ตอนนั้นเหตุการณ์ผ่านไปราว ๆ เกือบ 1 อาทิตย์ ซึ่งมีอาสาสมัครชุดแรกที่ได้ออกไป ได้เดินทางกลับมาเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากพวกเขาบ้างพอสมควร ต้องบอกว่างานของอาสาสมัครชุดแรกนั้นโหดไม่ใช่น้อย ต้องไปคอยจัดการกับศพ ออกพื้นที่กับหน่วยกู้ภัย ที่บริเวณวัดย่านยาว อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา

ผมโชคดีที่ได้เข้าไปเป็น Group ที่สอง ที่ต้องบอกว่างานหนัก ๆ ในช่วงแรก ๆ นั้นได้ผ่านพ้นไปหมดแล้ว

ตอนนั้นพวกเราเดินทางด้วยรถตู้ของมหาวิทยาลัยด้วยกันราว 10 ชีวิต ซึ่งเป็นเพื่อน ๆ กลุ่มที่ซี้ ๆ และรุ่นพี่อีกคนที่มีบ้านอยู่จ.พังงา แถว ๆ วัดย่านยาว อ.ตะกั่วป่าพอดิบพอดี จึงได้ไปอาศัยหลับนอนที่นั่นในช่วงที่เราต้องไปทำงานกัน

ต้องบอกว่า เมื่อเดินทางไปถึง ภาพในทีวีนั้นต่างจากภาพสถานที่จริงอย่างสิ้นเชิง รถจากอาสาสมัครที่ติดยาวหลายกิโลเมตร เพื่อเข้าไปยังพื้นที่หลักในวัดย่านยาว บรรยากาศมันช่างหดหู่เสียยิ่งกะไร

เมื่อเดินทางถึงบ้านของรุ่นพี่ ที่ต้องบอกว่าอยู่ไม่ไกลจากวัดย่านยาวมากนักนั้น สิ่งแรกที่สัมผัสได้อย่างชัดเจน คือ กลิ่น เพราะเป็นกลิ่นที่แรงมาก ๆ และตัวผมเองก็ไม่เคยประสบพบเจอกลิ่นแบบนี้มาก่อน มันเป็นกลิ่นของศพหลายร้อย หลายพันศพ ที่มาจากวัดย่านยาว ห่างกันไม่ถึง 500 เมตรจากบ้านพักของรุ่นพี่ที่เราไปอาศัยอยู่

เช้าวันรุ่งขึ้น เราก็ได้เริ่มทำงานกันจริง ๆ จัง เสียที เริ่มต้นด้วยการที่ทีมงานพาไปดูสถานที่เกิดเหตุที่วิกฤติที่สุดในตอนนั้นอย่าง บริเวณเขาหลัก อ.ตะกั่วป่า ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลนักจากวัดย่านยาวสถานที่ทำงานหลัก

พอได้เห็นภาพจริง ๆ ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงมีผู้เสียชีวิตมากมายขนาดนั้น ในบริเวณดังกล่าว เพราะเป็นพื้นที่แอ่งที่มีเขาล้อมรอบ ที่หนียังไงก็หนีไม่พ้น สภาพของเรือตรวจการณ์ลำยักษ์ที่ถูกพัดมาจนถึงริมเขา ยังเป็นภาพติดตามาจนถึงทุกวันนี้

หลังจากนั้นเราก็ได้เริ่มเข้าไปปฏิบัติงานจริง ๆ ครั้งแรกที่วัด ตอนนั้นสถานการณ์เริ่มคลี่คลายบ้างแล้ว ไม่วุ่นวาย เหมือนในช่วงที่ทีม Group แรกได้ประสบพบเจอมา แต่ก็เต็มไปด้วยญาติพี่น้องของผู้สูญหายที่มาตามหาพวกเขาด้วยอารมณ์ที่น่าเศร้าและน่าหดหู่เป็นอย่างยิ่ง

ยังมีการแบกศพเข้ามาเรื่อย ๆ อยู่ ในตอนที่ผมเข้าไป แต่ก็ไม่มากเท่าช่วงแรก ๆ เราใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวัน ก็สามารถปรับตัวได้กับกลิ่นแรงมาก ๆ ของศพที่เต็มวัด แม้จะมีการบรรจุเข้าโลงไปเกือบหมดแล้วก็ตามที

ตอนนั้นทีมงานหลักคือทีมงานของหมอพรทิพย์ งานแรกที่ทีมเราต้องไปช่วยทำ คือการสร้างฐานข้อมูล เพื่อทำการเก็บข้อมูลของผู้สูญหายและเสียชีวิต ทีมเราพอดีเป็นทีมจากภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เลยเข้าไปช่วยเหลือในส่วนนี้ ตอนแรกยังจำได้ว่าใช้เพียงแค่ฐานข้อมูล Microsoft Access ง่าย ๆ เท่านั้น

รายละเอียด ที่เราต้องคีย์เข้าไปในฐานข้อมูลนั้น เป็นรายละเอียดที่พบศพ เช่น บริเวณที่พบ หรือ บางคนอาจจะมีบัตรประชาชนอยู่ ที่สามารถระบุตัวตนได้ เราก็ key เข้าไปเพื่อเก็บข้อมูล เพื่อให้ฝั่งด้านหน้าสำหรับญาติ มาค้นหาได้ง่ายขึ้น

แต่ปัญหาที่พบในตอนนั้นก็คือ ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ได้มา เป็นการเขียนด้วยลายมือ ทำให้บางอย่างมันอ่านไม่ออก เป็นลายมือจากหน่วยกู้ภัยที่ไปพบศพ และ ทำการเขียนเข้ามา เราก็ใช้เวลาอย่างมากในการพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่พวกเขาเขียนมา

เพื่อนบางคนที่มีร่างกายกำยำหน่อย ก็ไปช่วยในการแบกศพบ้าง ซึ่งสถานการณ์ในตอนนั้น เริ่มมีอาสาสมัครมามากขึ้น ทั้งไทยและต่างชาติ ทำให้ไม่ได้เป็นงานหนักมากนักเหมือนที่ทีมชุดแรกต้องประสบพบเจอ

ที่นั่นอาหารการกินค่อนข้างดี เพราะมีการบริจาคมาให้อาสาสมัครจำนวนมาก เรียกได้ว่า แบรนด์หลาย ๆ แบรนด์ส่งอาหารมาให้อย่างเต็มที่ รวมถึงมีบริการนวดผ่อนคลายให้เหล่าอาสาสมัครอยู่ตลอดเวลา

ทำงานแรกได้ประมาณ 1-2 วัน ผมก็ถูกสั่งให้ไปช่วยทำอีกงาน เป็นงานระบุหาสิ่งต่าง ๆ ของศพ เพื่อคอยช่วยเป็นข้อมูลเสริม เพื่อให้ญาติสามารถหาเจอได้ง่ายยิ่งขึ้น

วิธีการก็คือ เราจะได้ภาพศพมาแต่ละศพ ที่ถูกอัพโหลดลงในคอมพิวเตอร์ หลังจากนั้น เราก็จะใช้โปรแกรม Photo Editor ง่าย ๆ (ตอนนั้นผมจำไม่ได้ว่าใช้โปรแกรมอะไร) เราก็มีหน้าที่คอย Zoom ดูรายละเอียดต่าง ๆ ของศพ และ key ข้อมูลว่าเจออะไรบ้าง

เช่น แหวน ต่างหู สร้อย สิ่งต่าง ๆ ที่ติดตัวอยู่กับศพ เพราะตอนนั้นภาพส่วนใหญ่โดยเฉพาะที่เป็นชาวต่างชาตินั้น เมื่อศพบวมน้ำ ทำให้ร่างกายขยายค่อนข้างใหญ่มาก ๆ ทำให้มันค่อนข้างที่จะระบุอะไรได้ยากมาก ๆ เราต้องอาศัยการ Zoom ดูอย่างละเอียด บางครั้งคิดว่าเป็นต่างหู แต่กลับเป็นหนอน ซะอย่างงั้น

ส่วนประสบการณ์ในเรื่องสิ่งเล้นลับ หรือ ผี นั้น ก็ต้องบอกว่าทุกคนที่มาทำงานเมื่อกลับมาพัก หลับเป็นตาย แต่ฟังจากหลายคนก็มีประสบพบเจอกันบ้าง เพราะที่เราพักนั้นอยู่ใกล้วัดมาก มีคนได้ยินเสียงแปลก ๆ ตอนกลางคืนอยู่บ่อย ๆ เหมือนกัน

เมื่อจบ 1 อาทิตย์ เรียกได้ว่า เป็นประสบการณ์ที่ผมไม่มีวันลืมเลย ยังจำภาพต่าง ๆ มาได้จวบจนถึงทุกวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าอย่างนึง ที่ครั้งนึงเคยได้เข้าไปเป็นอาสาสมัครในเหตุการณ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง สึนามิ ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น และอย่างน้อยก็ได้เป็นส่วนเล็ก ๆ ส่วนนึงที่ช่วยให้เหล่าญาติ ๆ ได้ตามหาผู้สูญหายได้ง่ายดายยิ่งขึ้น นั่นเองครับผม

อ่านมาถึงตอนนี้ ใครมีโอกาสได้เข้าไปเป็นอาสาสมัครที่นั่นกันบ้าง? หรือประสบพบเจออยู่ร่วมกับเหตุกาณ์ดังกล่าว เล่าประสบการณ์ให้ฟังกันบ้างนะครับผม

Credit Image : https://www.springnews.co.th/society/588257

Geek Daily EP48 : Solid-State Battery กับอนาคตใหม่ของ Toyota

การเดินทาง 500 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ชาร์จไฟจากศูนย์จนเต็มใน 10 นาที โดยทั้งหมดนี้คำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด แบตเตอรี่โซลิดสเตตที่ Toyota เปิดตัวใหม่ จะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกม ไม่เพียงแค่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แต่สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหมด

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
http://bit.ly/3ruohA3

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2m0PTzR

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/nZXctNoib4g

References : https://www.inceptivemind.com/toyota-plans-launch-solid-state-battery-ev-charge-10-minutes/16884/

เมื่อเด็กนักเรียนของจีนเอาชนะนักเรียนอเมริกันได้จากการทดสอบของ PISA ในทุกสาขาวิชา

นักศึกษาจีนมีความสามารถมากกว่าใคร ในการทดสอบระหว่างประเทศของการทดสอบการอ่าน คณิตศาสตร์ และทักษะทางวิทยาศาสตร์ จากผลของโปรแกรมสำหรับการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ

การทดสอบนี้ดำเนินการโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กับเด็กอายุ 15 ปี 600,000 คนใน 79 ประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือวัดระดับโลกสำหรับระบบการศึกษาในส่วนต่างๆของโลกและภายใต้เงื่อนไขทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกัน

ผลการวิจัยพบว่านักเรียนจาก 4 จังหวัดของจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และมณฑลทางตะวันออกของมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียงได้รับคะแนนสูงสุดระดับ 4 จากทั้งสามประเภท นักเรียนในสหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 3 ในด้านการอ่านและวิทยาศาสตร์และระดับ 2 ในวิชาคณิตศาสตร์

Angel Gurria เลขาธิการ OECD กล่าวว่าผลการดำเนินงานในปัจจุบันของนักเรียนในประเทศทำนายศักยภาพทางเศรษฐกิจในอนาคต

“คุณภาพของโรงเรียนในวันนี้จะเติบโตไปสู่ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจในวันหน้า”

อย่างไรก็ตามประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศไม่สามารถปรับปรุงคุณภาพการศึกษาได้ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาแม้ว่า “ค่าใช้จ่ายในการศึกษาเพิ่มขึ้นมากกว่า 15% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเพียงอย่างเดียว” รายงานระบุ

“เป็นที่น่าผิดหวังที่ประเทศ OECD ส่วนใหญ่ ไม่มีผลการเรียนของนักเรียนที่ดีขึ้นเลยนับตั้งแต่ PISA ดำเนินการทดสอบครั้งแรกในปี 2000” Gurria กล่าว

ภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคมมีบทบาทในคะแนนการทดสอบซึ่งคิดเป็น 12 เปอร์เซ็นต์ของการเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพการอ่านในแต่ละประเทศโดยเฉลี่ย 

แต่ผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า “นักเรียนที่ยากจนที่สุด 10 เปอร์เซ็นต์ในจีนยังคงมีประสิทธิภาพสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ OECD” อาจเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับประเทศที่มีรายได้สุทธิจากครัวเรือนโดยเฉลี่ยต่อหัวประชากรซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ย OECD ประมาณ 3 เท่าที่ประมาณ 30,500 ดอลลาร์ เพียงเท่านั้น

ปัญหาการอ่านในสหรัฐอเมริกา

ผลการศึกษาของ PISA พบว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของเด็กอายุ 15 ปีชาวอเมริกันอ่านหนังสือได้ไม่ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้ผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพการอ่านและทักษะด้านคณิตศาสตร์ของชาวอเมริกันยังคงอยู่ในระดับคงที่นับตั้งแต่ปี 2000

นั่นแสดงให้เห็นว่าโครงการของรัฐบาลกลางซึ่งมีค่าใช้จ่ายหลายพันล้านดอลลาร์ของรัฐบาลกลางยังไม่ได้ปรับปรุงคุณภาพการศึกษาในสหรัฐอเมริกา

หนึ่งในผลการวิจัยที่น่าประหลาดใจที่สุดคือมีนักเรียนอเมริกันเพียง 14 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่สามารถแยกแยะข้อเท็จจริงจากความคิดเห็นในการทดสอบการอ่านได้อย่างน่าเชื่อถือ

ตัวอย่าง เช่น แบบฝึกหัดหนึ่งขอให้นักเรียนอ่านงานเขียนสองชิ้น ได้แก่ บทความข่าวที่ครอบคลุมงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับนม และรายงานจาก International Dairy Foods Association จากนั้นนักเรียนจะนำเสนอข้อความต่างๆเกี่ยวกับนม และขอให้ตัดสินว่าพวกเขากำลังอ่านข้อเท็จจริงหรือความคิดเห็น ตัวอย่างเช่น:

“การดื่มนมเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ดีที่สุด”

นักเรียนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่สามารถบอกได้ว่าข้อความเช่นนี้แสดงถึงความคิดเห็นไม่ใช่ข้อเท็จจริง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับนักเรียนชาวอเมริกาัน? ปัจจัยหลักประการหนึ่งคือเรื่องของเทคโนโลยี รายงานกล่าว

“ในอดีตนักเรียนสามารถค้นหาคำตอบที่ชัดเจน สำหรับคำถามของพวกเขาได้ในหนังสือเรียนที่ได้รับการดูแลอย่างดีและได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลและพวกเขาสามารถเชื่อว่าคำตอบเหล่านั้นเป็นความจริง แต่ในวันนี้พวกเขาจะได้พบกับคำตอบหลายแสนคำตอบสำหรับคำถามของพวกเขาทางออนไลน์และ มันขึ้นอยู่กับพวกเขาที่จะคิดให้ออกว่า อะไรจริง อะไรเท็จ อะไรถูก อะไรผิด “รายงานกล่าว “การอ่านไม่ได้เป็นข้อมูลเป็นหลักอีกต่อไป แต่เป็นการสร้างความรู้การคิดวิเคราะห์และการใช้วิจารณญาณที่ดี”

Elizabeth อดีตครูจากพอร์ตแลนด์ รัฐเมน บอกกับ New York Times ว่าเธอเชื่อว่าเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้ความสนใจของนักเรียนสั้นลงในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา

“ข้อสรุปของฉัน: เทคโนโลยีไม่ใช่เพื่อนของเราเสมอไป” เธอกล่าว “แล็ปท็อปและมือถือที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในโรงเรียนของเราเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กนักเรียนไขว้เขวจากการเรียน”

ระบบการศึกษาอเมริกัน 50 ระบบ

แน่นอนว่ามีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการเรียนที่ค่อนข้างแย่ของนักเรียนอเมริกัน ได้แก่ สภาพเศรษฐกิจและสังคม หรือความแตกต่างทางวัฒนธรรม

สาเหตุหนึ่งที่ยากที่จะบอกได้ว่าทำไมนักเรียนอเมริกันถึงเป็นฝ่ายพ่ายแก้นักเรียนจากจีนเนื่องจากในอเมริกาไม่เหมือนกับประเทศอื่น ๆ ที่อเมริกาไม่มีหน่วยงานการศึกษาแบบรวมศูนย์ซึ่งหมายความว่ามีระบบการศึกษาที่แตกต่างกัน 50 ระบบ ความไม่เท่าเทียมกันในระบบเหล่านั้นย่อมเกิดขึ้น, Henry Braun ศาสตราจารย์นโยบายการศึกษาที่วิทยาลัยบอสตันบอก Politifact

“เหตุผลที่เราทำผลงานได้ไม่ดีโดยรวมก็คือเรามีนักเรียนจำนวนมากขึ้นในชั้นที่ต่ำกว่าซึ่งโดยปกติแล้วจะมีผลการเรียนที่ไม่ดีมากกว่า” Braun กล่าว “นั่นเป็นข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันในระบบสังคมของเรามากกว่าระบบการศึกษาของเรา”

ความน่าสนใจของประเด็นเรื่องเทคโนโลยีกับอนาคตของการศึกษา

ต้องบอกว่าความน่าสนใจของเรื่องนี้ ในประเด็นนึงก็คือเรื่องของเทคโนโลยีที่กำลังมีบทบาทอย่างมากกับโลกเราในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะแพล็ตฟอร์ม Social Network ต่าง ๆ ที่เด็กยุคใหม่ ๆ ได้เติบโตมากับแพล็ตฟอร์มเหล่านี้

ความแตกต่างที่สำคัญของจีน กับ อเมริกา ก็คือ การที่แพล็ตฟอร์มต่าง ๆ ของจีนนั้นเป็นระบบปิดที่ถูก เซ็นเซอร์ผ่านทาง The Great Firewall ซึ่งทำให้เป็นเรื่องยากที่จะมีการปั่นกระแสข่าวปลอมต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ของจีน เพราะถูกรัฐบาลควบคุมอยู่อีกชั้นนึง

ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าสนใจว่า โลกเราในวันนี้ พวกเราทุกคนเริ่มมีปัญหากับการแยกแยะ เรื่องจริงกับ เรื่องเท็จ ในโลกออนไลน์ได้อย่างแท้จริง และมันเริ่มส่งผลกระทบต่อเรื่องของการศึกษาอย่างชัดเจน อย่างที่เห็นได้จากผลการทดสอบของ PISA

มันก็เป็นเรื่องที่น่าคิดจริง ๆ ว่า โลกแบบ Free Speech ที่เราได้เห็นในแพล็ตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ของอเมริกา หรือ โลกแบบปิด ที่เนื้อหาถูกกลั่นกรองโดยรัฐบาลเหมือนประเทศจีน แบบไหน ที่ดีต่ออนาคตของประเทศกว่ากันแน่

แล้วคุณล่ะ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ ?

References : https://www.scmp.com/economy/china-economy/article/3114652/china-strikes-triumphal-note-over-economic-recovery-it-looks
https://edtechchina.medium.com/china-1-on-2018-pisa-is-the-country-really-an-education-powerhouse-as-the-rankings-suggest-8b626cc1ae92
https://www.norrag.org/how-unrepresentative-are-chinas-stellar-pisa-results-by-rob-j-gruijters/
https://www.nytimes.com/2019/12/03/us/pisa-results-us.html

Geek Story EP72 : HostGator กับ Web Hosting ระดับโลกที่ก่อกำเนิดขึ้นในหอพักมหาวิทยาลัย

ต้องบอกว่าธุรกิจ Web Hosting ถือเป็นธุรกิจที่มาแรงธุรกิจนึงในโลกอินเตอร์เน็ตเพราะการก่อเกิดของเว๊บไซต์ที่มีขึ้นมากมายอย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบัน และอินเตอร์เน็ตกำลังเข้าถึงผู้ใช้งานทั่วโลก แต่การสร้างบริการ web hosting ที่มีคุณภาพก็ถือว่าไม่เป็นเรื่องง่ายเลย เหมือนอย่างที่ HostGator ทำได้สำเร็จ

สำหรับไอเดียของ HostGator นั้นเกิดขึ้นจาก Brent Oxley ในขณะที่เขาเรียนมหาวิทยาลัย Florida Atlantic University ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเป็นช่วงเวลาที่ Brent มีเวลาว่างในรอบหลาย ๆ ปี เขาจึงคิดที่จะสร้างธุรกิจอะไรซักอย่างขึ้นมา และด้วยทุนทรัพย์ที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียง 1,000 ดอลลาร์เท่านั้น ทำให้เขาเลือกที่จะสร้างบริการ web hosting ขึ้นมา

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
http://bit.ly/38uDCIv

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2m0PTzR

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/yw9n-5NPGqs