Animal Farm หนังสือที่นายกฯแนะนำให้ทุกท่านอ่าน

Animal Farm โดย George Orwell ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในปี 2488 ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงว่าเนื้อหามันจะเกี่ยวข้องกับผู้อ่านรุ่นใหม่หรือไม่  แต่ไม่ว่าจะยังไงหนังสือเล่มนี้ก็ได้ถูกบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรวรรณคดีอังกฤษของสหราชอาณาจักร มาจวบจนถึงปัจจุบัน

George Orwell ยังเป็นหนึ่งในนักเขียนที่โด่งดังที่สุดของเกาะอังกฤษซึ่งหนังสืออย่าง Animal Farm เป็นหนังสือที่ทำให้เขาได้รับความเคารพนับถือจากทั่วโลกเป็นครั้งแรกๆ เลยก็ว่าได้

โดย Animal Farm ตั้งอยู่ในฟาร์มซึ่งสัตว์เหล่านั้นตัดสินใจที่จะยึดครองที่ดินของชาวนาและสร้างสหกรณ์ที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการทำงานร่วมกันของพวกเขา อย่างไรก็ตามสัตว์บางตัวเห็นส่วนแบ่งผลตอบแทนมากกว่าสัตว์ตัวอื่นๆ

ซึ่งหลังจากนั้นเหล่าบรรดาสัตว์ก็เริ่มตั้งคำถามกับความคิดในอุดมคติของพวกเขา กฎเกณฑ์ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างลึกลับทีละเล็กละน้อย และหมูก็ดูเหมือนจะได้รับพลังทีละเล็กละน้อยทำให้สัตว์ทั้งหลายตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมของพวกเขา? 

Animal Farm เป็นหนึ่งในผลงานทางสังคมและการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล โดยเนื้อหามีการพาดพิงถึงเลนิน มาร์กซ์ หรือ สตาลิน  โดยมีการอุปมาอุปมัยเรื่องราวที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามนุษย์ดีที่สุดและเลวร้ายที่สุดเป็นอย่างไร และแสดงให้เห็นปีศาจในจิตใจมนุษย์ทุกคน รวมถึง ความหึงหวง ความโลภ ความเกียจคร้าน และความโหดร้ายที่เกิดจากความกลัวของมนุษย์นั่นเอง

คำอุปมานี้แสดงให้เห็นว่าความฝันที่ลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ดูดีมากในทางทฤษฎีนั้น เมื่อนำมาปฏิบัติจริงสามารถกลายเป็นฝันร้ายได้อย่างง่ายดาย ซึ่งที่ผ่านมานั้นลัทธิเผด็จการนิยมได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเป็นอย่างไร เนื้อหายังเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดระหว่างการปกครองแบบเผด็จการและเสรีภาพ และด้วยเหตุผลบางอย่างม้าผู้ซื่อสัตย์ได้ถูกทรยศ จนกลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่น่าเศร้าและเห็นใจที่สุดในหนังสือเรื่องนี้ 

ถือว่าเป็นหนังสือที่ เป็นหนังสือระดับตำนาน ที่ไม่ควรพลาดอ่านเป็นอย่างยิ่งนะครับ ยิ่งนายกท่านแนะนำให้อ่านอย่างงี้ รับรองว่าหนังสือเล่มนี้ ต้องกลับมาขายดีอีกครั้งอย่างแน่นอนครับผม

ยกระดับชีวิตให้ง่ายขึ้น ด้วย Google Lens

ในวันอังคารที่ผ่านมา  Google เปิดตัวฟิลเตอร์เลนส์ใหม่ห้าแบบสำหรับ Google Lens ซึ่งช่วยเราได้ตั้งแต่เรื่องอาหารไปจนถึงการแปลภาษาต่างประเทศ ช่วยยกระดับชีวิตเราให้ง่ายขึ้น โดยผ่านเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Google

คุณสมบัติใหม่ของเลนส์ Google จะให้การ Overlays ข้อมูลที่ดีขึ้นและเร็วขึ้นกว่าเดิม เมื่อนำมาใช้งานกับวัตถุในโลกแห่งความเป็นจริง โดย Google ให้ Scott Stein ทีมงานของ CNET ได้ตรวจดูก่อนว่า ฟิลเตอร์เลนส์ใหม่ สามารถทำอะไรก่อนการประชุมนักพัฒนา I / O เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

ฟิลเตอร์ อาหารจะไฮไลต์อาหารที่เป็นที่นิยมในเมนูโดยอัตโนมัติ โดยสามารถแตะที่ Google Map เพื่อดูรูปภาพและรีวิวอาหารนั้นได้ทันที

“และเมื่อคุณทำอาหารเสร็จแล้วเพียงแค่เล็งกล้องที่ใบเสร็จรับเงินของคุณ และเลนส์จะช่วยคำนวณทิปให้โดยอัตโนมัติ” Google กล่าว

ส่วน ฟิลเตอร์ การแปลภาษา Google Lens จะตรวจจับภาษาและซ้อนทับคำแปลที่ด้านบนของคำ มันรองรับการทำงานได้ในกว่า 100 ภาษาทั่วโลก

ฟิลเตอร์ข้อความ จะอนุญาตให้ผู้ใช้คัดลอกและวาง ข้อความจากวัตถุ ซึ่งรวมถึงรหัสผ่าน Wi-Fi รหัสบัตรของขวัญ และสูตรอาหารลงในโทรศัพท์ของพวกเขาได้ทันที และยังช่วยในเรื่องการช้อปปิ้ง โดยเลนส์จะช่วยค้นหารายการที่คล้ายกันเมื่อนำกล้องชี้ไปที่เสื้อผ้าเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งบ้าน รวมถึงความสามารถในการสแกนบาร์โค้ด

แสดงผลการค้นหาตามวัตถุใด ๆ โดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้กำลังเล็งกล้องไปที่วัตถุใด ๆ ก็ตาม

‘Google Lens เป็นเครื่องมือระบุตัวตน หรือสิ่งของ ว่าสิ่ง ๆ นั้นคืออะไรและค้นหาข้อมูลจากมันได้โดยผ่านบริการต่าง ๆ ของ Google’   Aparna Chennapragada รองประธานและผู้จัดการทั่วไปสำหรับผลิตภัณฑ์กล้องและ AR ที่ Google กล่าวกับ CNET เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม

“หนึ่งในคำถามที่สำคัญคือ ถ้าเราสามารถสอนกล้องให้อ่านภาษาต่าง ๆ ได้นั้น จะช่วยให้เราสามารถใช้กล้องเพื่อช่วยให้ผู้คนให้อ่านภาษาต่าง ๆ ได้หรือไม่?” เธอกล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติการแปลของเลนส์ “เห็นได้ชัดว่ามีประโยชน์ในกรณีที่คุณอยู่ในเมืองต่างประเทศและคุณไม่สามารถพูดภาษานั้นได้ และยังมีอีกหลาย ๆ ส่วนของโลกที่ผู้คนไม่สามารถพูดหรืออ่านภาษาของตัวเองได้เช่นกัน”

References : 
https://www.cnet.com/news/google-launches-lens-dining-and-translate-features/?ftag=COS-05-10aaa0b&linkId=68209243

AI Traffic Lights เมื่อการข้ามถนนไม่ต้องกดปุ่มรออีกต่อไป

นักวิจัยในออสเตรียได้พัฒนาสัญญาณไฟจราจรอัจฉริยะที่วิเคราะห์พฤติกรรมของคนเดินเท้าในจุดที่คนกำลังจะข้ามถนนและหยุดการจราจรสำหรับพวกเขาโดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มและรออีกต่อไป

ระบบซึ่งมีกำหนดจะถูกใช้บนถนนของกรุงเวียนนาในปีหน้า ใช้กล้องที่ตรวจสอบครอบคลุมพื้นที่ประมาณแปดถึงห้าเมตร โดยมันจะตรวจสอบการเคลื่อนไหวของผู้คนที่เดินใกล้ถนนและทำการวิเคราะห์ถึงความตั้งใจที่จะข้ามถนนภายในหนึ่งวินาที

“หลังจากนั้นสองวินาทีที่ระบบทำการวิเคราะห์ จากการทดสอบแล้วนั้นสามารถทำงานที่มีความน่าเชื่อถือได้” Horst Possegger จากสถาบันคอมพิวเตอร์กราฟฟิกและวิสัยทัศน์ของเวียนนากล่าวซึ่งสร้างระบบขึ้นมา

หากคนกลุ่มใหญ่แสดงความตั้งใจที่จะข้าม ระบบสามารถระงับการจราจรได้นานขึ้นเพื่อให้พวกเขามีเวลาไปถึงอีกฝั่งได้อย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ยังสามารถรองรับสำหรับผู้ที่มีเก้าอี้ล้อ หรือ เข็นรถเข็น ที่อาจจะต้องการใช้เวลาเพิ่มเล็กน้อย

Stop, Scanner time

ผู้คนอาจจะไม่ชอบความคิดในเรื่องที่มีการติดกล้องในที่สาธารณะ และคอยจับทุกการเคลื่อนไหวและทำนายการกระทำของคุณ แต่ Possegger และทีมของเขาชี้ให้เห็นว่าการตรวจสอบและการคำนวณทั้งหมดเกิดขึ้นภายในตัวของมันเองและไม่มีข้อมูลใดถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก 

ซึ่งไฟจราจรอัจฉริยะนี้ยังมีระบบในการรายงานข้อผิดพลาดโดยอัตโนมัติ ดังนั้นคนเดินถนนจะไม่ถูกทิ้งไว้ที่ริมถนนโดยไม่มีสัญญาณ หากกล้องเกิดล้มเหลวหรือทำงานผิดพลาด “ นี่เป็นการป้องกันสองชั้น” Possegger กล่าว“ ระบบได้รับการพัฒนาในลักษณะที่สามารถทำงานได้ตลอดเวลาแม้ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงและยังสามารถรับมือกับความผันผวนของแรงดันไฟฟ้าได้ด้วย”

หากพิสูจน์ได้ว่าประสบความสำเร็จเราจะเห็นไฟสมาร์ทไลท์เปิดตัวในประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกันซึ่งพวกเขาจะคอยตรวจสอบเหล่ารถยนต์ไร้คนขับได้ในอนาคต

References : 
https://www.techradar.com/uk/news/tomorrows-ai-traffic-lights-will-predict-when-you-want-to-cross-the-street?utm_content=bufferd628b&utm_medium=social&utm_source=twitter.com&utm_campaign=buffer_trtw

Ark OS กับชีวิตหลัง Android ของ Huawei

จากข่าวใหญ่ที่ว่า Huawei อาจสูญเสียการเข้าถึงแพลตฟอร์ม Android ของ Google ซึ่งทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากจีนจำเป็นต้องมีระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับโทรศัพท์มือถือในอนาคตและตอนนี้ชื่อของระบบปฏิบัติการใหม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว

ดูเหมือนว่า Huawei จะมีเครื่องหมายการค้าสองสามชื่อในยุโรปโดยมีแอพพลิเคชั่นที่เป็นพาดหัวข่าวของ Android ซึ่งชี้ไปที่ระบบปฏิบัติการใหม่ซึ่งถูกเรียกว่า Huawei Ark OS

ในความเป็นจริงมีหลายชื่อที่ Huawei มีเครื่องหมายการค้าอยู่รอบชื่อเล่นนี้รวมถึง “Huawei Ark”, “Ark” และ “Ark OS” ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า Ark OS นั้นจะเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ของ Huawei ที่แอบซุ่มทำมานาน

การทำงานในระบบปฏิบัติการใหม่

สัญญาณค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าหัวเว่ยกำลังสร้างระบบปฏิบัติการมือถือของตัวเอง ในกรณีที่มีการสั่งห้ามยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ดังนั้นข่าวที่เกี่ยวกับชื่อของระบบปฏิบัติการที่เป็นไปได้ที่หัวเว่ยได้ทำการจดเครื่องหมายการค้านั้นเป็นส่งที่ไม่น่าแปลกใจเลย 

แม้จะไม่มีการรับประกันว่า Ark OS จะเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มมือถือใหม่ของ บริษัท แต่ช่วงเวลานี้ ดูเหมือนเรื่องดังกล่าวจะมีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก โดยมีรายงานว่าระบบปฏิบัติการใหม่นี้อาจพร้อมสำหรับการเปิดตัวก่อนสิ้นปีนี้

ภาพหลุด Ark OS ที่เป็นระบบปฏิบัติการในอนาคตของ Huawei
ภาพหลุด Ark OS ที่เป็นระบบปฏิบัติการในอนาคตของ Huawei (ที่มา: Huawei Central)

ยังไม่ชัดเจนว่าปัญหาเรื่องสงครามการค้าจะเป็นจุดจบอย่างเป็นทางการของการเป็นพันธมิตรกับ Android ของ Huawei หรือหาก Google กลับมาในภายหลังหากมีการเจรจากันได้สำเร็จ  แต่ตอนนี้บริษัทจีนมีแนวโน้มที่จะเลิกใช้ Android อย่างถาวรสูง เพื่อลดความเสี่ยง และหันไปในแนวทางที่จะเป็นเจ้าของระบบปฏิบัติการเสียเอง

เราได้เห็นระบบปฏิบัติการมือถือทางเลือกจำนวนมากพยายามที่จะเข้ามาแข่งขัน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเช่น Windows Phone, BlackBerry OS, Sailfish OS, Ubuntu สำหรับสมาร์ทโฟน และ Firefox OS – พิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Android และ iOS

ความล้มเหลวที่สำคัญของระบบปฏิบัติการทางเลือกเหล่านี้คือการขาดแอพพลิเคชั่นและหาก Huawei มีความหวังว่าจะมีแพลตฟอร์มใหม่ที่อยู่นอกประเทศบ้านเกิดของตน พวกเขาจะต้องแน่ใจว่าได้รองรับแอพหลัก ๆ ที่เหล่าลูกค้าทั่วโลกใช้งานอยู่ – ซึ่งมันคงจะไม่เป็นเรื่องง่าย ๆ เลยทีเดียว เหมือนที่หลายๆ ระบบปฏิบัติการเคยลองมาแล้ว และไม่สำเร็จนั่นเอง

References : 
https://www.techradar.com/news/huawei-may-be-building-an-ark-os-as-it-prepares-for-life-after-android

TikTok Startup อันดับ 1 ของโลกเตรียมสร้างมือถือ

ByteDance บริษัท ที่อยู่เบื้องหลังแอปวิดีโอ TikTok กำลังสร้างสมาร์ทโฟนของตัวเองเช่นกัน ตามสองแหล่งข่าวใน สื่อดังอย่าง Financial Times ที่รายงานว่าโทรศัพท์จะมาพร้อมกับแอปหลายตัวของ ByteDance 

Financial Times กล่าวว่าซีอีโอ ByteDance Zhang Yiming มีความฝัน ในการสร้างมาร์ทโฟนเต็มรูปแบบเพื่อรองรับแอพพลิเคชั่นของ ByteDance บริษัทซึ่งมีฐานอยู่ในปักกิ่งยืนยันข้อตกลงกับผู้ผลิตโทรศัพท์ Smartisan เมื่อต้นปีที่ผ่านมาโดยกล่าวว่า บริษัท ได้รับสิทธิบัตรและว่าจ้างพนักงานของ Smartisan บางคน ByteDance อ้างว่าสิ่งนี้จะช่วยให้“ สำรวจความเป็นไปได้ของธุรกิจมือถือ” 

รายงานดังกล่าวไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบโทรศัพท์หรือตลาดที่ตั้งใจไว้แม้ว่าจะแสดงให้เห็นว่า ByteDance อาจถูกขัดขวางจากรัฐบาลสหรัฐที่มีต่อ บริษัท โทรคมนาคมจีน ByteDance เผชิญกับปัญหาในอินเดียซึ่ง TikTok ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม แต่รัฐบาลสั่งห้ามในช่วงสั้น ๆ เพราะมีปัญหาในเรื่องการสร้างความเสื่อมโทรมทางวัฒนธรรมที่ไม่ดีให้กับวัยรุ่นชาวอินเดีย

TikTok ถูกแบนชั่วคราวในอินเดีย
TikTok ถูกแบนชั่วคราวในอินเดีย

โดยรวมแล้วรายงานของ FT ก็เกิดข้อสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับโอกาสของธุรกิจโทรศัพท์ พวกขาตั้งข้อสังเกตว่า Facebook และ Amazon ได้เปิดตัวโทรศัพท์พร้อมกับแอปพิเศษ แต่ทั้งสอง บริษัท ก็ไม่สามารถแจ้งเกิดในธุรกิจมือถือได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ Facebook ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอพที่พวกเขาต้องการบนโทรศัพท์ได้เหมือนมือถืออื่น ๆ แต่ก็ไม่สามารถดึงดูผู้ใช้ได้

ByteDance อาจต้องเผชิญความท้าทายแบบนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งมือถือหลาย ๆ แบรนด์ในจีน เช่น Meitu ก็ประสบความสำเร็จในธุรกิจสมาร์ทโฟนได้เช่นเดียวกับ Xiami ที่ผู้ใช้ติดการใช้งาน MIUI ที่มีความลื่นเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับ มือถือ Android อื่น ๆ 

References : 
https://www.theverge.com/2019/5/27/18641295/bytedance-tiktok-owner-reportedly-building-smartphone-smartisan-patents