ใคร ๆ ก็ไม่รัก ARM ก็เอาด้วย ประกาศหยุดทำธุรกิจกับ Huawei

ARM ผู้ออกแบบชิปในสหราชอาณาจักรได้บอกพนักงานว่าต้องระงับธุรกิจกับหัวเว่ยตามเอกสารภายในที่ได้รับจาก BBC โดยบริษัท ARM สั่งให้พนักงานหยุด “สัญญาที่ใช้งานอยู่ทั้งหมดรวมถึงการสนับสนุนและการนัดหมายใด ๆ ที่ค้างอยู่” กับ Huawei และ บริษัทในเครือเพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งการระงับการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯในช่วงที่ผ่านมา

การออกแบบของ ARM เป็นพื้นฐานของโปรเซสเซอร์อุปกรณ์พกพาส่วนใหญ่ทั่วโลก

ในบันทึกย่อของ บริษัท กล่าวว่าการออกแบบมี “เทคโนโลยีที่ถูกผลิตขึ้นในสหรัฐฯ” ซึ่งทำให้เชื่อได้ว่ามันได้รับผลกระทบจากการขึ้นบัญชีดำของประธานาธิบดี ทรัมป์

ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสามารถของ บริษัท ในการพัฒนาชิปของตัวเองซึ่งส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีพื้นฐานของ ARM ซึ่ง Huawei ได้จ่ายค่าใบอนุญาตในเทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้จาก ARM

ARM เป็นหัวใจของอุปกรณ์มือถือแทบจะทุกแบรนด์
ARM เป็นหัวใจของอุปกรณ์มือถือแทบจะทุกแบรนด์

สำนักงานใหญ่ของ ARM ในเคมบริดจ์ได้อธิบายว่า ARM นั้นเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรจนกระทั่งถูกยึดครอง Softbank ของ ญี่ปุ่น โดยมีพนักงาน 6,000 คน และมีสำนักงานในสหรัฐอยู่ 8 แห่ง

ในแถลงการณ์กล่าวว่า “มันเป็นการปฏิบัติตามกฎระเบียบล่าสุดที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ” แต่ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

หัวเว่ยได้ออกแถลงการณ์สั้น ๆ ว่า

“ เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับคู่ค้าของเรา แต่รับรู้ถึงแรงกดดันบางอย่างที่อยู่ภายใต้ผลของการตัดสินใจทางการเมืองที่มีแรงจูงใจให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว” 

“เรามั่นใจว่าสถานการณ์ที่น่าเศร้านี้สามารถแก้ไขได้และเรายังคงดำเนินการต่อไปเพื่อส่งมอบเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ระดับโลกให้กับลูกค้าของเราที่มีอยู่ทั่วโลก”

หัวเว่ยปัจจุบันจัดหาชิปบางส่วนจาก HiSilicon ซึ่ง หัวเว่ยนั้นเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตามชิปของ HiSilicon นั้นก็ถูกสร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีพื้นฐานที่สร้างโดย ARM

ต้องใช้ชิปบางส่วนจาก HiSilicon
ต้องใช้ชิปบางส่วนจาก HiSilicon

ในขณะที่ HiSilicon และ Huawei มีอิสระที่จะดำเนินการใช้และผลิตชิปที่มีอยู่เดิม การห้ามใช้หมายความว่า บริษัท จะไม่สามารถหันไปใช้ ARM และการขอความช่วยเหลือในการพัฒนาส่วนประกอบสำหรับอุปกรณ์ในอนาคต

หน่วยประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง Kirin 985 ของ HiSilicon จะถูกใช้ในอุปกรณ์ Huawei ในปลายปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามกระบวนการที่ใช้ในการผลิตซ้ำครั้งต่อไปของชิปนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งมีแนวโน้มว่าทางหัวเว่ยจะต้องสร้างขึ้นมาใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น แหล่งข่าวกล่าว

Huawei ยังใช้การออกแบบ ARM สำหรับชิป Kunpeng ที่เพิ่งเปิดตัว โดยจะใช้พลังงานเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ TaiShan ของตน ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ระบบ Cloud ในการจัดเก็บข้อมูลให้กับลูกค้า

ความสัมพันธ์ระหว่าง ARM และวิศวกรของ Huawei นั้นยังมีความเหนียวแน่น – เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Huawei ได้ประกาศความตั้งใจที่จะสร้างศูนย์วิจัยแห่งใหม่ ที่อยู่ห่างเพียง 15 นาทีจากสำนักงานใหญ่ของ ARM ในเคมบริดจ์สหราชอาณาจักร

“ARM เป็นรากฐานของการออกแบบชิปสมาร์ทโฟนของ Huawei ดังนั้นนี่จึงเป็นอุปสรรคสำหรับ Huawei ที่ยากที่จะก้าวผ่านไปได้ มันหนักกว่ากรณีของ Google” Geoff Blaber จาก CCS Insight กล่าว

สิ่งที่ยังไม่ชัดเจนคือ การออกนโยบายใหม่ของ ARM ในครั้งนี้นั้น พวกเขาคิดตีความด้วยตัวเอง หรือ ถูกบีบบังคับจากรัฐบาลสหรัฐหรือไม่

“หากการตีความนั้นถูกต้อง ก็จะส่งผลกระทบต่อทุก บริษัท เซมิคอนดักเตอร์ในโลกทันที” Lee Ratliff นักวิเคราะห์จาก IHS Markit กล่าว

“พวกเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายอย่างแน่นอน ด้วยการที่ต้องออกแบบภายในใหม่ทั้งหมด – เพราะตอนนี้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศจีนกำลังตั้งไข่เท่านั้น”

ครบรอบรัฐประหาร 5 ปี กับสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ

เผลอแป๊บเดียว เราก็อยู่ในรัฐบาลชุดคสช ที่ทำการรัฐประหารรัฐบาลของนายกยิ่งลักษณ์มาครบ 5 ปีแล้ว ต้องบอกว่าบ้านเมืองเราเปลี่ยนไปมากพอสมควร ทั้งด้านดีและด้านร้าย ซึ่งก็เปรียบเหมือนกับทุก ๆ รัฐบาล ที่มีทั้งความดี และความแย่ อยู่ที่ว่าน้ำหนักแต่ละส่วนจะมากน้อยแตกต่างกันเพียงใด ซึ่งมันเป็นสัจธรรม ไม่ว่าจะมาจากรัฐบาลรูปแบบไหน

ในเมื่อทุกอย่างมันผ่านมาแล้ว สำหรับตัวผมนั้น ก็มีทั้งสิ่งที่ชอบ และ ไม่ชอบ กับรัฐบาลชุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบาย หรือ วิธีการต่างๆ  ที่รัฐบาลชุดนี้ใช้จัดการกับปัญหาต่าง ๆ ของประเทศเรา แต่วันนี้ ในฐานะครบรอบ 5 ปี ผมก็จะมาบอกสิ่งที่ชอบที่สุดและไม่ชอบที่สุดสำหรับรัฐบาลชุดนี้ ในวาระ ที่เรากำลังจะได้รัฐบาลใหม่เสียที ซึ่งไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนยังไงประเทศเราก็ต้องเดินหน้าต่อไปเหมือนเคย

สิ่งที่ชอบที่สุดสำหรับรัฐบาลชุดนี้

ต้องบอกว่า เหมือนหลายๆ รัฐบาล มีนโยบายที่เจ๋ง ๆ ออกมามากมาย อย่างรัฐบาลคุณทักษิณ เราอาจจะว้าวกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่สามารถนำมา Implement ได้จริงกับประเทศไทยอย่างเหลือเชื่อ และใช้มาอย่างยาวนานโดยที่ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าไปแตะต้องเลยด้วยซ้ำ

แต่สำหรับรัฐบาลชุดนี้ ผมยกให้ การสร้างบริการอย่าง PROMPT PAY (พร้อมเพย์) ขึ้นมาได้สำเร็จ ผมไม่รู้ว่าแนวคิดนี้ใครเป็นคนเริ่ม แต่ต้องยกเครดิตให้รัฐบาลชุดนี้ที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้สำเร็จ

โดยบริการ PROMPT PAY (พร้อมเพย์) ชื่อเดิมคือ Any ID ถือเป็นโครงแรกใน ยุทธศาสตร์ National e-Payment ของรัฐบาล เพื่ออำนวยความสะดวกทั้งประชาชนในการโอนเงิน และภาครัฐในการจ่ายสวัสดิการของรัฐ และเกี่ยวกับการคืนเงินภาษีแก่ประชาชนด้วย ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา

เรียกได้ว่าบริการนี้ ส่งผลกระทบหลายอย่างต่อประชาชนชาวไทย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง การคอรัปชั่น ฯลฯ มันเป็นการยกระดับประเทศไทยสู่ Cashless Society ซึ่งเราจะเห็นได้ในปัจจุบันว่า การชำระเงินออนไลน์นั้นกลายเป็นเรื่องปรกติ และ PROMPT PAY นั้นถือเป็นหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ การโอนเงินข้ามไปข้ามมาโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ที่ควรจะเกิดขึ้นนานแล้วสุดท้ายมันก็เกิดขึ้นได้ในรัฐบาลชุดนี้

และมันยังส่งผลไปอีกหลาย ๆ เรื่องทั้งเรื่องการคืนภาษี การตรวจสอบฐานรายได้เพื่อเก็บภาษี ซึ่งส่วนนี้คิดว่าจะทำให้ประเทศสามารถจะเก็บภาษีเพิ่มขึ้นได้ และ ช่วยให้เกิดความเป็นธรรมในการจ่ายภาษีให้กับคนในประเทศนี้ เพื่อนำเงินเหล่านี้ไปเป็นต้นทุนในการพัฒนาประเทศในที่สุด

สิ่งที่ไม่ชอบที่สุดสำหรับรัฐบาลชุดนี้

สิ่งที่ไม่ชอบ แน่นอนว่าหลายคนน่าจะเห็นปัญหาหลาย ๆ อย่างจากรัฐบาลชุดนี้ มีหลายเรื่องที่มีปัญหา แต่โดยส่วนตัวแล้วนั้น สิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดน่าจะเป็นเรื่องการตรวจสอบในเรื่องการทุจริต ซึ่งเราเห็นหลายๆ เคสในเรื่องประเด็นของการทุจริตนั้น ด้วยความที่ คสช. มีอำนาจมากล้นฟ้า มี ม.44 ทำให้มันเหนืออำนาจการตรวจสอบทุกอย่าง

แม้กระทั่ง ปปช. หน่วยงานหลักในการตรวจสอบทุจริต เรายังไม่สามารถพึ่งได้ นี่ยังไม่รวม การที่ไม่มีฝ่ายค้านในสภา ทำให้หลาย ๆ อย่าง หลาย ๆ โครงการที่เกิดขึ้น แม้อาจจะเป็นโครงการที่ดี แต่มันไม่มีใครที่จะมากล้าตรวจสอบความตรงไปตรงมา เพราะอำนาจที่มากเกินไปของรัฐบาลชุดนี้นั่นเอง

แล้วเพื่อน ๆ มีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ สำหรับรัฐบาลชุดนี้ ยังไงกันบ้าง กับรัฐบาลที่เราใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า 5 ปี มีความเห็นกันอย่างไรบ้างครับ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้น้า

แอพเปลี่ยนหน้า พา Snapchat กลับมาพุ่งทะยานอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้หลาย ๆ อย่างมันพิสูจน์ได้ว่า Snapchat หยุดการเติบโตมานานแล้ว โดยเฉพาะเมื่อ Kylie Jenner ประกาศว่า Snapchat มันได้ตายแล้ว และ Rihanna Celeb ชื่อดังอีกคนก็ปฏิเสธที่จะใช้มัน อย่างไรก็ตามเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าทุกคนกำลังดาวน์โหลดใหม่เปิดใหม่หรือลอง Snapchat เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี สาเหตุเกิดจาก Filter Snapchat ใหม่สองตัวซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเพศด้วยการเพิ่มคุณสมบัติความเป็นชายแบบดั้งเดิม (มีเคราและผมสั้น) หรือคุณสมบัติหญิงที่เป็นมาตรฐาน (การแต่งหน้า ผมยาวและผิวที่นุ่มนวล)

ซึ่ง Filter นี้ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทุกที่นอก Snapchat การ Share ปรากฏขึ้นทั่ว Twitter,  Instagram Story และแม้กระทั่ง Facebook เองก็ตาม เป็นที่ชัดเจนในทันทีว่าการที่จะเข้าร่วมในเทรนด์ออนไลน์ในสุดสัปดาห์นี้หมายถึงการต้องดาวน์โหลด Snapchat และถ่ายภาพเซลฟี่บางส่วนเพื่อแชร์กับเพื่อน ๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องแชร์ บน Snapchat

Features อย่าง Instagram Story ได้ดึงผู้คนจำนวนมากออกจาก Snapchat อย่างรวดเร็ว แต่มีบางสิ่งที่ Snapchat ยังคงทำได้ดีอยู่เช่นการนำเสนอ Filter ที่สร้างสรรค์โดยเฉพาะ Snapchat เป็นแพลตฟอร์มการสร้างเนื้อหาที่ดีที่สุดและผู้คนใช้มันอย่างเหมาะสมเป็นเครื่องมือในการสร้างภาพถ่ายที่น่าสนใจที่พวกเขาสามารถแบ่งปันได้ที่อื่น สิ่งเดียวกันนี้เพิ่งเกิดขึ้นกับ Filter Baby Face ของ Snapchatเมื่อผู้คนโพสต์รูปภาพโดยใช้ Filter นี้ทั่วทั้ง Twitter

Filter Baby Face กลับมาเป็นกระแสให้กับ Snapchat อีกครัง
Filter Baby Face กลับมาเป็นกระแสให้กับ Snapchat อีกครัง

Snapchat ได้อันดับเพิ่มขึ้นในการจัดอันดับดาวน์โหลดทุกวันนับตั้งแต่ Filter เปลี่ยนเพศถูกเผยแพร่ออกมา ซึ่งการที่ Celeb ชื่อดังอย่าง  Miley Cyrus และ ซาราห์ ซิลเวอร์ แชร์รูปภาพ Snapchat ของพวกเขาบน  Twitter และ Instagram  และในฐานะของ Content Creater ใน YouTube  Roly West ทวีตว่า“ ฉันชอบ Snapchat ที่ออกมาพร้อมกับ Filterใบหน้า / Filter หน้าทารกใหม่เหล่านี้ และทุกคนเพิ่งดาวน์โหลดอีกครั้งเพื่ออัปโหลดภาพไปยัง Instagram”

ในขณะที่การเติบโตของผู้ใช้หยุดชะงักลง แต่ไม่ได้หมายความว่า Snap นั้นจะตายไปแล้ว Snap อาศัยช่วงเวลาเช่นนี้เพื่อให้ผู้คนใช้แอพแทนคุณสมบัติที่เหมือนกันเกือบทุกที่ใน Facebook คำถามที่ยังคงมีอยู่คือมันจะกลายเป็นแค่กระแสหรือเปล่า ไม่ชัดเจนว่าคนจะกลับมาใช้เวลากับ Snapchat เหมือนเมื่อก่อน พวกเขาอาจจะใช้ Snapchat แค่เป็นทางผ่านไปยัง Platform อื่น ๆ เพียงเท่านั้น

มีเหตุผลมากมายที่ผู้คนอาจต้องการ Share รูปถ่ายของตัวเองใน Instagram แทน Snapchat User Interfaceของผู้ใช้ของแพลตฟอร์ม Facebook นั้นสนุกกว่าในการใช้งานและทำให้การติดตามเพื่อนและคนดังทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าคนที่คุณรู้จักนั้นจะใช้ Instagram บ่อยกว่า Snapchat จำนวนผู้ใช้ที่ใช้งาน Instagram Story มีมากกว่าสามเท่าของฐานผู้ใช้ Snapchat ทั้งเดือนเสียด้วยซ้ำ

Instragram Story ที่มาฆ่า Snapchat โดยตรง
Instragram Story ที่มาฆ่า Snapchat โดยตรง

สาเหตุที่ Snapchat ต้องคอยสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะ Instagram มี Filter ที่สนุกและเหล่าผู้ใช้งานก็หลงรักมัน ซึ่ง Instragram มี Filter จำนวนหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้งานดูดี และเมื่อเทรนด์ใหม่ ๆ เช่น Filter การแลกเปลี่ยนเพศปรากฏขึ้นและทุกคนต้องการรู้สึกว่าพวกเขากำลังอยู่ใน Trend นี้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าการติดตั้งหรือดาวน์โหลด Snapchat ใหม่อีกครั้งนั้นเป็นสิ่งสำคัญ 

Snapchat ยังคงมีผู้ใช้งานกว่า 186 ล้านคนต่อวันซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น อย่างไรก็ตามมีความชัดเจนมากขึ้นว่า หลาย ๆ คนรู้ว่าวัตถุประสงค์ของแอพนั้นได้เปลี่ยนไป พวกเขาจะยังคงคิดที่จะติดตั้งหรือเข้าสู่ระบบอีกครั้งเมื่อใดก็ตามที่ Filter ใหม่ปรากฏบน Twitter และ Instagram แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องโพสต์หรือมีส่วนร่วมใน Snapchat เพียงอย่างเดียว ซึ่งเราจะรู้ว่ามี Trend ใหม่ ๆ เกิดขึ้นใน Snapchat ก็เพราะเพื่อนของเราได้แจ้งเตือนเรา – ผ่าน Instagram Story และ Twitter นั่นเอง

References : 
https://www.theverge.com/tech/2019/5/15/18625089/snapchat-gender-swap-photos-viral-trend-instagram-stories-twitter-facebook

SCB ธนาคารไทยรายแรกๆ ที่เปิด Developer API

ต้องบอกว่าเป็นธนาคารเจ้าแรกๆของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ที่ทำการเปิด API ให้นักพัฒนาภายนอกมาเชื่อมต่อกับหลังบ้านของธนาคารชื่อดังอย่าง SCB หรือ ธนาคารไทยพานิชย์นั่นเอง

การที่ SCB นั้นเริ่มที่จะวาง Positioning ของ App SCBEasy ให้กลายเป็น Platform เหมือน ๆ กับ Platfrom ยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศหลาย ๆ เจ้านั้นถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวกับบริการธนาคารของไทย

เราจะเห็นได้ว่า บริการยักษ์ใหญ่หลาย ๆ เจ้านั้น ก็เปิดให้บริการในลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น LINE , Facebook , Twitter ซึ่งล้วนก็ต่างให้เราสามารถเชื่อมต่อไปใช้บริการกับโปรดักต่าง ๆ ของบริการเหล่านี้ได้แทบทั้งสิ้น ตัวอย่างที่เราเห็นได้ชัดเจนที่สุดนั้น น่าจะเป็น Chatbot ที่ สามารถทำได้ทั้งใน LINE รวมถึง Facebook Messenger เองก็ตามที

ผมมองว่าการเปิด API ลักษณะนี้ จะเกิด Ecosystem แบบใหม่ ๆ ขึ้นมาอย่างแน่นอน และต่อไปคงมีหลาย ๆ บริการที่เข้าไปใช้งานผูกกับเจ้า API ของ SCB และสร้างบริการที่ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับบริการทางด้านการเงินได้อย่างแน่นอนครับผม

รายละเอียด API ของ SCB

SCB ช่วยให้นักพัฒนาผู้ประกอบการผู้เริ่มธุรกิจและองค์กรสามารถสร้างแอพที่เชื่อมต่อกับบริการและผลิตภัณฑ์ของ SCB ผ่าน API (Application Programing Interface) นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำและตัวอย่างเคสที่เกี่ยวกับวิธีการใช้ API

โดยรูปแบบบริการ API ที่รองรับของ SCB นั้นประกอบด้วย

1. ชำระผ่าน SCB

เปิดใช้งานการชำระเงินผ่านการเชื่อมต่อที่ราบรื่นระหว่างแอพของคุณกับแอพ SCB EASY

2. ข้อมูลลูกค้า

การเปิดเผยข้อมูลลูกค้าของ SCB เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลายกรณี เช่น การทำ identity sharing  และการเปิดให้บริการที่เกี่ยวข้องกับ SCB ให้กับลูกค้า

3. การรับรอง

รักษาความปลอดภัยและอนุญาตการเรียก API ทั้งหมดที่ทำกับแพลตฟอร์มด้วยมาตรฐาน OAuth 2.0 เพื่อรับรองความถูกต้องของนักพัฒนาที่จะใช้ API ของ SCB

4. สร้างและสแกนรหัส QR

สร้าง / สแกนการชำระเงิน QR มาตรฐานแบบไทยเพื่อรับ / จ่ายบิลทันที                             *** หมายเหตุ เปิดให้บริการในเร็ว ๆ นี้ ***

5. การตรวจสอบสลิป

การตรวจสอบสลิปโดยสแกนรหัส QR ที่แสดงบนสลิป                                                          
*** หมายเหตุ เปิดให้บริการในเร็ว ๆ นี้ ***

References : https://developer.scb.co.th/
ภาพประกอบจาก : techoffside.com