Paypal Mafia ตอนที่ 3 : Andrew McCormack

Andrew McCormack ถือเป็นอีกหนึ่งทีมงานคนสำคัญของ Peter Thiel ในการช่วยนำเอา Paypal เปิดระดมทุนจากประชาน (IPO) เพื่อเข้าสู่ตลาดหุ้น  ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในกลุ่ม paypal mafia ที่ไม่ได้มาจากสายเทคโนโลยีโดยตรงเหมือนคนอื่น ๆ จึงไม่ได้มีบทบาททางด้านเทคโนโลยีที่สำคัญของ paypal มากเท่าใดนัก

สำหรับ McCormack เอง ที่จบการศึกษาด้าน Political Science จาก University of Pennsylvania  แต่เขาได้หันเข้าสู่วงการเทคโนโลยีเนื่องจากหลังจากจบการศึกษาในปี 1998 

เข้าได้เข้าร่วมงานกับ Ecount เป็นบริการทางด้าน Solution ทางการเงินให้กับองค์กร ในลักษณะ Prepaid โดยเป็นบริการที่ได้รับความนิยมในหลาย ๆ อุตสาหกรรมในสมัยนั้น ทั้ง อุตสาหกรรมสื่อสาร , ยานยนต์ , สื่อ หรือ แม้กระทั้งการค้าปลีกเองก็ตาม

ซึ่งสุดท้ายนั้นบริการอย่าง Ecount ก็ได้ถูกซื้อโดยสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอย่าง Citibank โดยท้ายที่สุดแล้วก็ควบรวมจนกลายมาเป็นบริการในชื่อว่า Citi Prepaid Services

Ecount ที่สุดท้ายถูก Citi ซื้อไป
Ecount ที่สุดท้ายถูก Citi ซื้อไป

โดย McCormack นั้น รับตำแหน่งในส่วนของงานด้าน Business Development ก่อนที่จะย้ายไปยัง Yahoo ก่อนมาจบลงที่การเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของ Peter Thiel ที่ paypal

ซึ่งงานหลักใน paypal ของ McCormack นั้นจะเกี่ยวข้องกับการทำงานกับเหล่าผู้บริหาร paypal เพื่อเดินสาย road show เพื่อทำ IPO ระดมทุนจากประชาชนทั่วไป

รวมถึงงานด้านอื่นอย่างเช่น การกำหนดยุทธศาสตร์ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฏเกณฑ์ต่าง ๆ ทางด้านการเงิน ซึ่งเนื่องจาก paypal นั้นเป็นบริการรูปแบบใหม่ในขณะนั้นในด้านการเงิน ซึ่งมีระเบียบกฏเกณฑ์อยู่มากมาย จากองค์กรต่าง ๆ ของรัฐ

และเมื่อ paypal ถูกซื้อโดย ebay ในปี 2002 เขาก็ยังเป็นคนสนิทของ Peter Thiel โดยได้มาช่วยเหลือ Thiel ในการสร้างบริษัทลงทุนใน startup หน้าใหม่ ในชื่อ Clarium Capital 

หลังจากนั้นเขาก็ได้เริ่มหันเห ไปสร้างธุรกิจส่วนตัว โดยได้ไปเข้าซื้อ Sprezzatura Restaurant Group ซึ่งเป็นธุรกิจร้านอาหารใน เมืองซานฟรานซิสโก

แต่สุดท้ายก็ได้ถูก Thiel ดึงตัวกลับมาช่วยสร้าง Thiel Captial ในปี 2008 โดยมุ่งโฟกัสตลาดในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มมองหา startup หน้าใหม่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างเช่นในยุโรป

Mccormack มี Thiel เป็น backup คนสำคัญ
Mccormack มี Thiel เป็น backup คนสำคัญ

สุดท้าย ก็ได้ Thiel มาสนับสนุนก่อตั้ง Valar Ventures โดยให้ทาง McCormack เป็นคนดูแลหลัก โดยตั้งฐานบัญชาการอยู่ที่นิวยอร์ก โดย Valar Ventures ที่มี Thiel หนุนหลังแห่งนี้ จะโฟกัสเหล่า startup ที่อยู่นอก Silicon Valley และมีศักยภาพที่จะรองรับการเติบโตในระดับโลกได้

ตัวอย่างการลงทุนจาก Valar Ventures เช่น TransferWise บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินแบบ peer-to-peer  , N26 ซึ่งเป็นธนาคารรูปแบบใหม่โดยเน้นการใช้นวัตกรรมเปลี่ยนธนาคารเดิม ๆ ให้มาอยู่บนมือถือแบบ 100% , Xero บริการด้านการบัญชีในระบบ Cloud เพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดย่อม เป็นต้น

แม้บทบาทของ McCormack ใน Silicon Valley นั้นจะมีไม่มากนัก แต่ด้วยความที่เป็นคนสนิทของ Peter Thiel ทำให้เขาได้มีโอกาสแจ้งเกิดอีกครั้งในการมองหาเหล่า Startup ช้างเผือก ที่ไม่ได้อยู่ใน Silicon Valley ซักวันหนึ่งเราอาจจะได้เห็น Unicorn หน้าใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนทุนเริ่มต้นจาก Valar Ventures ของ McCormack ซักครั้งหนึ่งในอนาคตก็เป็นได้

–> อ่านตอนที่ 4 : Premal Shah

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References : wikipedia.org

Paypal Mafia ตอนที่ 2 : Jeremy Stoppelman

สำหรับ Jeremy Stoppelman หนึ่งในผู้บทบาทสำคัญกับ paypal  โดยเขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ เรียนด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์  มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ โดยจบการศึกษาในช่วงปี 1999 ก่อนฟองสบู่ดอทคอมแตกพอดี

Stoppelman นั้น เริ่มชีวิตการทำงานที่ @Home Network โดยใช้ระยะเวลาเพียงช่วงสั้น ๆ ในบริษัทดังกล่าว ก่อนจะมาร่วมงานกับ Elon Musk ใน X.com ซึ่งเขาค่อนข้างมีบทบาทสำคัญใน X.com ก่อนจะควบรวมกับ Paypal โดยตำแหน่งสุดท้ายนั้นเขาดูแล Engineer ทั้งหมดในตำแหน่ง VP of Engineering 

ซึ่งหลังจากอยู่กับ Paypal เพียงไม่นาน เขาก็ได้ลาออกไปไปเรียนต่อด้านธุรกิจที่ Harvard Business School ที่มหาวิทยาลัย Harvard และเขาเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริการเกี่ยวกับการค้นหาร้านอาหารชื่อดังของสหรัฐอย่าง Yelp ( คล้าย ๆ Wongnai ของไทย )

Stoppelman นั้นเป็นชาวยิว เหมือน ๆ กับหลาย ๆ นักธุรกิจชื่อดังที่ประสบความสำเร็จทางด้านเทคโนโลยี โดยเขาเกิดที่ Arlington รัฐ Verginia โดยมีความสนใจทางด้านคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็ก

เขาได้เริ่มลงทุนในหุ้นตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี เท่านั้น ความฝันอย่างนึงในวัยเด็กของเขาก็เหมือนเด็ก ๆ ทั่วไป คือการสร้างเกมส์ขึ้นมา และได้เริ่มศึกษาการเขียนโปรแกรมอย่างจริงจัง โดยเริ่มเรียนด้านโปรแกรมมิ่งภาษาแรกคือ Turbo Pascal 

สำหรับชีวิตการทำงานของเขาใน X.com ของ อีลอน มัสก์ นั้นทำให้ได้เจอะเจอผู้คนมากหน้าหลายตา รวมถึงนักลงทุนชื่อดังอย่าง Max Levchin ซึ่งต่อมาก็เป็น Levchin นี่เองที่กลายมาเป็นนักลงทุนหลักของ Yelp  บริการที่เขาได้ก่อตั้งขึ้นมาหลังจากได้มีโอกาสเข้าไปอบรมในโปรแกรม Business Incubator ของ MRL Ventures

โชคชะตาพามาเจอเทพอย่าง อีลอน มัสก์
โชคชะตาพามาเจอเทพอย่าง อีลอน มัสก์ ที่ X.com

ในช่วงฤดูร้อนของปี 2004 เกิดจุดหักเหสำคัญขึ้นกับ Stoppelman ตอนนั้นเขาป่วยเป็นไข้หวัดอย่างหนัก และไม่สามารถที่จะออกไปไหนได้ และมันทำให้เขาได้คิดถึงไอเดียของ Yelp ที่ต้องการสร้าง Online Community ที่จะช่วยแชร์บริการต่าง ๆ ในท้องถิ่นใกล้เคียง ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของ Yelp ในช่วงแรก ๆ 

ซึ่งเขาก็ได้ชักชวนอดีตเพื่อนร่วมงานที่ paypal อย่าง Russel Simmons ซึ่งขณะนั้นทำงานอยู่ที่ MRL Ventures และได้ทำการเสนอไอเดียของ Yelp ให้กับ Levchin ซึ่งท้ายที่สุดก็ได้ให้เงินลงทุนให้กับทั้งสองหนุ่มในการตั้งต้นธุรกิจจำนวน 1 ล้านเหรียญ

ด้วยความสามารถทั้งทางด้านเทคโนโลยีและธุรกิจของ Stoppelman ทำให้เขาสามารถพา Yelp กลายเป็นบริการที่คนแห่มาใช้กันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระแสปากต่อปาก ด้วยบริการง่าย ๆ ที่ตอนนั้นยังไม่มีใครคิดทำมาก่อน

ซึ่งในเวลาเพียงไม่นาน Yelp ก็มีการเข้ามา Review ของ User ในระบบกว่า 138 ล้าน Reviews และมันได้ทำให้มูลค่าของ Yelp พุ่งสูงขึ้นไปถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ ด้วยความที่เป็นบริการที่ใช้ผลการค้นหาของ Google เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้าง traffic ให้ Yelp นั้น

ในที่สุด Google ก็ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อขอซื้อ Yelp จาก Stoppelman เป็นมูลค่ามหาศาลที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ Stoppelman ก็ได้ทำสิ่งที่เป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์วงการด้วยการปฏิเสธข้อการเข้าซื้อของ Google อย่างไร้เยื่อใย

และในที่สุดในปี 2012 Stoppelman ก็พา Yelp เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ได้สำเร็จ ต้องเรียกได้ว่าเขาสามารถที่จะนำ Startup จากบริษัทเล็ก  ๆ ที่มีพนักงานไม่กี่คน ฝ่าฟันจนสามารถเข้าไปอยู่ตลาดหุ้นได้สำเร็จ

พา Yelp เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้สำเร็จ
พา Yelp เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้สำเร็จ

กล่าวกันว่า สไตล์การบริหารงานของ Stoppelman ในการสร้าง Yelp นั้น เขามักจะเป็นผู้บริหารที่มารับฟังปัญหาลูกน้องอยู่สม่ำเสมอ และพยายามแก้ไขแบบ 1 ต่อ 1 อย่างมืออาชีพ ภายใน Yelp เองเขาก็ไม่ได้มีห้องผู้บริหารส่วนตัว แม้จะเป็น CEO ก็จริงแต่ก็มาคลุกคลีทำงานกับลูกน้องของเขาอยู่เสมอ ซึ่งทำให้เหล่าพนักงาน Yelp รักเขามาก

ซึ่งที่ Yelp เขาได้พาน้องชายเข้าร่วมงานด้วยในตำแหน่ง Senior Vice President of Engineering เขามักจะคอยสอดส่องบริการของตัวเองอยู่สม่ำเสมอ เพื่อหาจุดบกพร่องที่ควรแก้ไข ซึ่งใน Yelp Platform เองนั้นก็มี Review ของเขาอยู่กว่า 1,000 reviews ซึ่งสุดท้ายหลังจากพาบริษัทเข้าตลาดหุ้นได้สำเร็จ หุ้นของเขาที่มีอยู่กว่า 11% นั้นก็ทำให้เขามีมูลค่าทรัพย์สินราว ๆ 111 ล้านเหรียญ – 222 ล้านเหรียญ ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนของ Silicon Valley จวบจนถึงปัจจุบัน

–> อ่านตอนที่ 3 : Andrew McCormack

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References : wikipedia.org