General Motors กับอนาคตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบไร้พวงมาลัย

General Motors ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศอเมริกา กำลังมีแผนใหม่ในการทดสอบรถยนต์ที่ขับขี่ด้วยตนเอง: ด้วยการกำจัดพวงมาลัยออกไปจากรถยนต์ และปล่อยให้พวกมันขับเคลื่อนไปตามถนนสาธารณะได้แบบอิสระ

บริษัท กำลังร้อขอ ศูนย์บริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงของสหรัฐ (NHTSA) เพื่อขออนุญาตให้เริ่มต้นการทดสอบรถยนต์ไร้พวงมาลัยนี้ และในขณะที่ บริษัทดูเหมือนมั่นใจว่ารถยนต์จะสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยแม้จะไม่มีการควบคุมโดยมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่นั้นมองโลกในแง่ดีเกินไปเกี่ยวกับเทคโนโลยียานยนต์ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ

ซึ่งหากแผนได้รับการอนุมัติ GM จะเป็นบริษัทแรกที่ทำให้รถยนต์ปราศจากการควบคุมของมนุษย์โดยสิ้นเชิงบนท้องถนน ในขณะที่ Waymo เพิ่งเลือกที่จะนำคนขับที่เป็นมนุษย์ออกไปจากรถแท็กซี่ของตนเอง แต่อย่างไรก็ตามยานพาหนะของพวกเขาก็ยังคงมีพวงมาลัยและคันเร่งอยู่

“ ผมคาดหวังว่าเราจะสามารถก้าวไปข้างหน้ากับการทดสอบในสิ่งเหล่านี้ได้ในไม่ช้า และเร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้” รักษาการผู้บริหารของ NHTSA James Owens กล่าวกับรอยเตอร์ “ นี่จะเป็นเรื่องใหญ่เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่รถยนต์จะไม่มีพวงมาลัยอีกต่อไป”

Owens กล่าวเพิ่มเติมว่า ทาง NHTSA จะตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว อย่างแน่นอนไม่ทางใดก็ทางหนึ่งภายในปี 2020

แต่ Elaine Chao รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวว่า เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ที่ NHTSA ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบคำร้องของ GM ซึ่ง Chao นั้นมองว่าเจ้าหน้าที่ของอุตสาหกรรมยานยนต์และนักวิเคราะห์บางคนมองโลกในแง่ดีเกินไปเกี่ยวกับเวลาในการปรับใช้ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเหล่านี้อย่างเต็มที่

ความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้เขียน

ความน่าสนใจของ GM ในครั้งนี้ก็คือ การมองว่ารถยนต์ในอนาคตนั้นคงไม่จำเป็นต้องมีผู้ขับขี่ที่เป็นมนุษย์อีกต่อไป ซึ่งถือเป็นการเดิมพันที่สูงมาก ๆ ครั้งหนึ่งของ GM ในการมองไปที่รถยนต์แบบไร้พวงมาลัย

ส่วนตัวหากมองในเรื่องเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นกล้องความละเอียดสูง เซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบคันรถ ซึ่งยังไงมันก็สามารถแทนที่ความสามารถของมนุษย์ในการขับขี่ได้ไม่ยาก และมีประสิทธิภาพกว่าอย่างแน่นอน

แต่ปัญหาน่าจะเป็นเรื่องการยอมรับ และ ผู้ร่วมใช้ถนนนั้นจะสามารถยอมรับได้หรือเปล่า ถนนที่คุณกำลังขับขี่อยู่นั้น มีรถยนต์ที่ใช้ AI ขับเคลื่อนแบบ 100% มาเป็นเพื่อนร่วมทางเสียมากกว่า ซึ่งเหมือนในหลาย ๆ โดเมนที่ ตอนนี้ความสามารถของ AI นั้นพัฒนาเกินขีดจำกัดของมนุษย์ไปแล้ว เหลือเพียงอย่างเดียวคือเราจะยอมรับมันได้ขนาดไหนเท่านั้นเอง

References : https://in.reuters.com/article/uk-autos-autonomous-exclusive-idINKBN1YO2EE

Geek Monday EP26 : Baidu กับเทคโนโลยี AI และ Machine Learning

ในต้นปี 2017 บริษัท เทคโนโลยีจีน Baidu ผู้ให้บริการการค้นหาอินเทอร์เน็ตภาษาจีนที่ใหญ่ที่สุดรวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอลอื่น ๆ มุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่นปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือ Machine Learning 

เนื่องจากประเทศจีนมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 731 ล้านคนเกือบสองเท่าของประชากรสหรัฐชุดข้อมูลของ Baidu จึงสามารถเติมพลังให้อัลกอริธึม AI ให้ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

และ ด้วยการมุ่งเน้นไปที่ปัญญาประดิษฐ์อย่างเต็มตัว Baidu ได้สร้างโปรแกรมค้นหา ที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับปัญญาประดิษฐ์และ Machine Learning รวมถึงในสำนักงานของพวกเขาที่เทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ที่ทำให้บัตรประจำตัวมาตรฐานอย่างบัตรประชน หรือ บัตรพนักงาน สามารถช่วยให้คุณสามารถสั่งซื้อเครื่องดื่ม หรือ สินค้าได้แบบไม่ต้องพกเงินสดอีกต่อไป

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : http://bit.ly/2C6J7x5

ฟังผ่าน Apple Podcast :   https://apple.co/2NdVmON

ฟังผ่าน Google Podcast : http://bit.ly/2NELJYv

ฟังผ่าน Spotify : https://spoti.fi/33efmX5

ฟังผ่าน Youtube :   https://youtu.be/NJ5CesSrjPk  

อนาคตของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจากการศึกษาของ Audi

ในขณะที่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ รวมถึงเทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตัวเองยังไม่พร้อมที่จะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีความก้าวหน้าที่น่าสนใจ แต่ก็ยังมีอุปสรรค์หนึ่งอย่างที่ยังสามารถพิสูจน์ได้ยาก: นั่นก็คือการยอมรับของมนุษย์

การศึกษาใหม่จากออดี้แบรนด์หรูของเยอรมัน ได้วาดภาพสองภาพที่แตกต่างกันของผู้ขับขี่ทั่วโลก บริษัท สำรวจและศึกษาผู้ตอบแบบสอบถาม 21,000 คนจาก 9 ประเทศทั่วโลก พลเมืองจากประเทศจีน เกาหลีใต้ อิตาลี สเปน เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาต่างก็ให้คำตอบกับแบบสอบถามดังกล่าวนี้

สำหรับการสำรวจดัชนีความพร้อมของมนุษย์ในการยอมรับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Human Readiness Index (HRI) ครอบคลุมกลุ่มอายุ เพศ สภาพแวดล้อม รายได้ การศึกษาและระยะทางที่ผู้ตอบแบบสอบถามใช้ขับขี่ในแต่ละวัน 

โดยคนรุ่นใหม่ที่อายุน้อยมีความคิดที่มองรถที่ขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติในแง่บวกมากขึ้น แม้ทั้ง 9 ประเทศนั้นผู้ที่อยู่ใน Generation Z (อายุต่ำกว่า 24 ปี) แสดงให้เห็นว่า “มีความพร้อมสูง” สำหรับเทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเองและ 73% กล่าวว่าพวกเขาอยากรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าวมากขึ้น

สำหรับคนกลุ่ม Millennials ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับ แม้ว่าจะไม่ค่อยพร้อมเท่าคน Gen Z ก็ตาม ในขณะที่ Baby Boomers แสดงความพร้อมน้อยที่สุด โดยรวมแล้วเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจยังคงมองว่ายานพาหนะควรที่จะอยู่ในกำกับของรัฐ ซึ่งมันเป็นการมองด้วยความเป็นคนมองโลกในแง่ดีนั่นเอง

ผลการสำรวจของ Audy
ผลการสำรวจของ Audy

ในระดับสากลผู้คนจำนวน 82% ที่สำรวจระบุว่าพวกเขาสนใจเทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเอง แต่แต่ละประเทศก็มีภาพที่แตกต่างกันมาก ผู้ที่อยู่ในประเทศจีนและเกาหลีใต้นั้นมีความกระตือรือร้นและสนใจ 98% และ 94%

แต่ในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกานั้นยังห่างไกลจากความกระตือรือร้นเหล่านี้อยู่มาก มีเพียง 74% และ 72% ของผู้ตอบแบบสอบถามของชาวญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาตามลำดับที่กล่าวว่าพวกเขาสนใจในเทคโนโลยีรถขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามทัศนคติทั่วไปเกี่ยวกับรถยนต์ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัตินั้น มีอยู่ในแต่ละประเทศ และก็มีความแตกต่างกันไปตามพื้นที่

โดยทั่วไปแล้วชาวเอเชีย (นอกเหนือจากญี่ปุ่น) มองว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองเปรียบเสมือนรถยนต์แห่งอนาคต ในขณะที่ประเทศตะวันตกยังมีความสงสัยมากขึ้น เกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าว และดูจะมีความสนใจน้อยกว่าอย่างชัดเจน

เมื่อพิจารณาถึงความกังวลของผู้ที่ไม่ได้ตื่นเต้นกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Audi พบข้อกังวลมากมายที่น่าสนใจ ส่วนใหญ่ (70%) เกี่ยวข้องกับการยกเลิกการควบคุมในเรื่องความเร็วของการขับขี่ 

วิธีที่รถยนต์ประเมินสถานการณ์ที่เป็นการขับเคลื่อนโดยปราศจากมนุษย์ นั้นมันยังเกี่ยวข้องกับผู้ตอบแบบสอบถามด้วย 65% ได้สังเกตเห็นถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องสำคัญคือการขาดกรอบทางกฎหมายในด้านความปลอดภัย และการขาดความสนุกสนานในการขับขี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขาดความกระตือรือร้นในความสนใจของการใช้รถยนต์แบบขับเคลื่อนอัตโนมัติน้อยลงไป

แม้จะได้รับความคุ้มครองจากอุบัติเหตุที่เกิดจากรถยนต์ที่ขับขี่ด้วยตัวเอง แต่ก็มีความเชื่อมั่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยรวมแล้ว 61% ของผู้ที่เคยเห็นการรายงานข่าวเกี่ยวกับการชนของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระบุว่าไม่ได้เปลี่ยนทัศนคติพวกเขาให้ดีขึ้นหรือแย่ลง

Audi ได้รวมรวมข้อมูลและแสดงใน Infographic วางไว้อย่างดี เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ แน่นอนว่าไม่ใช่ข้อเสนอที่เหมาะกับทุกคน ซึ่งผู้ที่มาจากชนบทหรือในเมืองและผู้ที่มีระดับรายได้ต่างกันต่างก็คาดหวังสิ่งต่าง ๆ จากโลกที่มีเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดความคล่องตัวในการขับขี่ 

โดยเป้าหมายต่อไปของ Audi คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เพียง แต่ให้ความรู้แก่สาธารณชนในเทคโนโลยีดังกล่าว แต่เป็นการสร้างวิธีการในการรับประกันความปลอดภัยและผลประโยชน์ต่อสาธารชนที่บริษัทได้เดิมพันไว้กับเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่าง Self Drving Car นั่นเองครับ

References : https://www.cnet.com

Geek Monday EP17 : Tesla กับการใช้ AI , Big Data สร้างความแตกต่างทางธุรกิจ

เทสลารวบรวมข้อมูลจากยานพาหนะทุกคันและคนขับอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเซ็นเซอร์ภายในและเซ็นเซอร์ภายนอกที่สามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับการจัดวางตำแหน่งมือของคนขับบน ไปจนกระทั่งวิธีการใช้งานรถในแบบต่าง ๆ ของผู้ขับ

ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นการช่วยเทสลาในการปรับแต่งระบบข้อมูล เพื่อใช้เพื่อสร้างแผนที่ ที่มีข้อมูลที่ละเอียดค่อนข้างสูง ซึ่งแสดงให้เห็นทุกอย่างตั้งแต่การเพิ่มความเร็วโดยเฉลี่ยในการจราจรบนถนน ไปจนถึงสถานที่อันตรายซึ่งทำให้ผู้ขับขี่ต้องระมัดระวัง

การนำเอาเทคโนโลยี Machine Learning ร่วมกับข้อมูลในระบบคลาวด์จะดูแลการให้ความรู้กับเหล่ายานพาหนะของเทสลาทั้งหมด

ในขณะที่การคำนวณที่ล้ำสมัยจะเป็นตัวตัดสินว่าการกระทำใดที่รถจำเป็นต้องดำเนินการ ณ ขณะกำลังขับขี่ และเทสลายังสามารถสร้างเครือข่ายกับรถเทสลาคันอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อแบ่งปันข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกในท้องถิ่นพื้นที่เหล่านั้น

ซึ่งในอนาคตอันใกล้ที่มีรถยนต์ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติเริ่มแพร่หลาย เครือข่ายเหล่านี้ ก็จะมีการติดต่อกับรถยนต์จากผู้ผลิตรายอื่น รวมถึงระบบอื่น ๆ เช่นกล้องจราจร เซ็นเซอร์ตามถนนหรือแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือที่ผู้ขับขี่ใช้งานอยู่นั่นเอง

ซึ่งการมุ่งเน้นในการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ อย่าง AI หรือ Big Data มาช่วยเหลือผู้ขับขี่นั้นจะนำเทสลาไปสู่ชัยชนะในการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงเพื่อความเป็นเลิศของตลาดรถยนต์ในอนาคตนั่นเองครับ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ  

ฟังผ่าน Podbean : 
https://tharadhol.podbean.com/e/geek-monday-ep17-tesla-ai-big-data/

ฟังผ่าน Spotify : 
https://open.spotify.com/episode/3JI2V2cYoXRpSuXmJIH5K7

ฟังผ่าน Youtube :
https://youtu.be/mAGRODwuc98

Self-Driving Car กับอนาคตการจราจรที่ดีขึ้น

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาทีมงานจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้เปิดตัววิดีโอที่มีรถยนต์แบบขับเคลื่อนอัติโนมัติขนาดเล็กที่สามารถเปลี่ยนเลนได้แบบอัตโนมัติ

รถยนต์ขับเคลื่อนอัติโนมัติที่มีความสามารถพิเศษ: รถแต่ละคันสามารถที่จะสื่อสารซึ่งกันได้ผ่านทาง WiFi จากการทดลองพบว่ามีความสามารถในการเพิ่มการไหลเวียนของการจราจรที่ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพขึ้นเป็นอย่างมาก   

นักวิจัยได้ทำการทดสอบอย่างแรกโดยให้รถยนต์วนอยู่ในเส้นทางเดินรถโดยไม่ต้องมีการสื่อสาร จากนั้นพวกเขาก็หยุดรถคันหนึ่งและดูเหล่ารถอีกหลายคันที่อยู่ด้านหลัง ในขณะที่กำลังรอช่องว่างในการจราจรเพื่อเปลี่ยนเลนเหมือนการจราจรในถนนจริง ๆ 

แต่ด้วยความสามารถในการสื่อสารกันได้ระหว่างรถนั้น สิ่งต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไป ทันทีที่รถคันแรกหยุดลงมันจะแจ้งเตือนผู้อื่นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น นั่นทำให้รถในเลนอื่นปรับความเร็วเพื่อให้รถด้านหลังหยุดพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย

ตามที่ทีมงาน Cambridge เพิ่มความสามารถในการสื่อสารระหว่างรถนั้น จะทำให้การจราจรดีขึ้นถึง 35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นสัญญาณว่านักพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนแบบอัติโนมัติ ในปัจจุบันควรทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าระบบต่างๆของพวกเขาสามารถสื่อสารได้นั่นเอง

“ รถยนต์ขับเคลื่อนอัติโนมัติสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มากมายที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ในเมืองใหญ่ ๆ ได้” Michael Michael นักวิจัยกล่าวในการแถลงข่าว “ แต่ต้องมีวิธีสำหรับรถเหล่านี้ในการทำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด”

References : 
https://futurism.com/the-byte/self-driving-cars-traffic-flow