NetScape Time ตอนที่ 9 : Move On

แน่นอนว่าเรื่องของ Branding นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ และการที่ Jim และทีมงานของเขาได้สร้างชื่อบริษัทจนเป็นที่รู้จักกันแล้วในนามของ Mosaic Communication ซึ่งถึงแม้ความต้องการของมหาลัยอิลลินอยส์ ต้องการให้พวกเขาเปลี่ยนชื่อ เพราะมันคล้องจองกับโปรแกรม Mosaic ที่ทางมหาลัยมีเครื่องหมายการค้าอยู่

แน่นอนว่าการเปลี่ยนชื่อนั้น สร้างความไม่พอใจให้กับเหล่าทีมงานพัฒนาของ Marc เพราะพวกเขาได้ร่วมกันพัฒนากันมาตั้งแต่ต้น แต่สุดท้าย Jim จึงเลือกการยอมถอยก้าวหนึ่งด้วยการยอมเปลี่ยนชื่อเป็น NetScape ตามชื่อของโปรแกรมที่เขาได้ปล่อยผลิตภัณฑ์ออกไปก่อนหน้านี้

มีการออกแบบโลโก้ใหม่ เป็นตัวอักษรตัว N บนพื้นหลังรูปท้องฟ้า และดวงดาว ซึ่งหลายหลังโลโก้ดังกล่าว ได้ถูกพัฒนาให้ดีขึ้น ด้วยการมีรูปดาวตกพุ่งอยู่ด้านหลัง หลังจากมีการแข่งขันเสนอความคิดกันบนโลกออนไลน์

และปัญหานี้มันยังส่งผลถึง James Barksdale ที่ยังไม่ให้คำตอบอย่างชัดเจนว่าจะมาเป็นผู้บริหารบริษัท แม้จะเข้ามาเป็นคณะกรรมบริษัทแล้วก็ตาม เนื่องด้วยปัญหาดังกล่าว ซึ่ง James ได้บอกกับ Jim ว่า ภาพพจน์ของบริษัทจะเสียหาย หากเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีตามกฏหมายกับมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาอยากให้หาวิธียุติปัญหานี้เสียก่อน

ปัญหาอีกอย่างที่ตามมาก็เรื่องของเงินทุน ซึ่งสถานการณ์ในขณะนั้น ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจ้างงานซึ่งเริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะการจ้างงานในแผนกบริการลูกค้าที่มีเพิ่มเข้ามาเยอะมาก ในขณะที่ธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงหยุดชะงัก ทำให้ Jim เองต้องคิดถึงแผนการปลดพนักงานครั้งแรก ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ควรเกิดอย่างยิ่งสำหรับบริษัทเกิดใหม่

มีนักลงทุนหลาย ๆ รายเริ่มถอนตัว จากความคิดที่จะลงทุนในบริษัท เนื่องจากปัญหานี้ ซึ่งสถานการณ์ของบริษัท ในเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานั้น ในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดอาจจะทำให้บริษัทเข้าสู่ภาวะล้มละลายได้เลยทีเดียว

Jim นั้นรู้สึกโมโหเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาได้ลงทุนด้วยเงินส่วนตัวไปกว่า 9-10 เดือนแล้ว กว่า 5 ล้านเหรียญ และเขามองว่า มหาวิทยาลัยไม่ควรหารายได้จากสิ่งประดิษฐ์ใด ๆ เพราะเนื่องจากองค์กรนี้ เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร โดยเฉพาะกับในเรื่องของทรัพย์สินทางปัญญา

ดูเหมือนทุกอย่างจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีของศาล โดยทนายฝั่งของ Spyglass ก็ได้พยายามยื้อเวลาออกไปให้นานที่สุด เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของ Jim เกิดปัญหา

ส่วนฝั่งทีมพัฒนานั้น ก็กำลังเร่งดำเนินการในการออกผลิตภัณฑ์ เวอร์ชั่น 1.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นจริงตัวแรกที่จะปล่อยออกมาตามแผน ซึ่งเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงเดือนพฤศจิกายน ทางทีมทนายของ Jim ก็พยายามที่จะจบปัญหานี้ให้เร็วที่สุด ไม่ให้มันบานปลายไปมากกว่านี้

NetScape 1.0 ที่จะปล่อยเวอร์ชั่นจริงอย่างเป็นทางการ
NetScape 1.0 ที่จะปล่อยเวอร์ชั่นจริงอย่างเป็นทางการ

Jim ได้ทำการเสนอหุ้น จำนวน 6 หมื่นหุ้นให้กับทางมหาวิทยาลัย แต่พวกเขาก็ตอบปฏิเสธ และเรียกร้องมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมีการเสนอเรียกร้อง กันไปมาหลายรอบมาก ๆ เป็นช่วงเดือนที่เสียเวลาไปเปล่า ๆ สำหรับทีมงานของ Jim

สถานการณ์สุดท้ายนั้น ทางมหาวิทยาลัย มีทางเลือกด้วยกัน 3 ทาง คือ ทางที่หนึ่ง คือการปกป้องบริษัทที่ได้รับลิขสิทธิ์อย่าง Spyglass โดยการยื่นฟ้อง ทางที่สองคือการตกลงยอมให้มีการตรวจสอบโปรแกรมและ Sourcecode ดั่งที่ Jim หวังไว้ ส่วนทางสุดท้าย คือ ปล่อยให้ Jim ดำเนินการตามที่มีการยื่นฟ้องไป

Jim ต้องการให้ตรวจสอบถึงระดับ Source Code ของโปรแกรม ว่าเขาได้พัฒนาขึ้นมาใหม่
Jim ต้องการให้ตรวจสอบถึงระดับ Source Code ของโปรแกรม ว่าเขาได้พัฒนาขึ้นมาใหม่

สุดท้าย เมื่อถึงช่วงปลายเดือนธันวาคม ซึ่งใกล้กำหนดโปรแกรมตัวจริงจะเผยแพร่อย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายก็ได้ข้อสรุปกันเสียที โดยตกลงจะไม่เผยแพร่ข้อตกลงที่เกิดขึ้น

และสิ่งที่น่าเซอร์ไพรซ์ก็คือ ภายใน 2 อาทิตย์หลังจากที่มีข้อตกลง บริษัท Microsoft ได้รับลิขสิทธิ์โปรแกรม Mosaic โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์โปรแกรมเหมือนที่ Jim และบริษัทของเขาเคยถูกเรียกร้องมาก่อน

Marc และเพื่อนทีมงานนักพัฒนาต้องยอมประนีประนอมกับทางมหาวิทยาลัย หนังสือพิมพ์ชื่อดังอย่าง Wall Street Journal ลงบทความในวันก่อนคริสต์มาส ว่าบริษัท NetScape Communication (หลังเปลี่ยนชื่อ) และมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ได้ตกลงความขัดแย้งเรื่องทรัพย์สินทางปัญญากันได้เสียที เป็นการสิ้นสุดปัญหาเรื่องดังกล่าวในที่สุด

ต้องบอกว่าเป็นของขวัญวันคริสต์มาส ที่เยี่ยมยอดมาก ๆ สำหรับ Jim เพราะเขาจะได้เดินหน้าต่อกับบริษัทเสียทีหลังจากการมีปัญหากันมาหลายเดือน ซึ่งส่งผลร้ายแรงต่อบริษัทในหลาย ๆ ด้าน และภารกิจต่อไปของ Jim ก็คือ การดึงตัว James Barksdale เข้ามาร่วมงานให้เร็วที่สุด หลังจากปัญหาต่าง ๆ คลี่คลายลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อขับเคลื่อนบริษัทให้เดินหน้าต่อไปให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้ พี่ใหญ่อย่าง Microsoft เริ่มเข้ามาในธุรกิจนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อกับ Jim และทีมงานยอดอัจฉริยะของเขา โปรดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 10 : Breakout

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Billion Dollar Company *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References : https://www.industryweek.com/leadership/companies-executives/article/21963789/jim-clark-the-shooting-star-netscape

NetScape Time ตอนที่ 1 : Billion Dollar Company

ช่วงทศวรรษ 1990 แม้ว่าตลาดหุ้น Wallstreet นั้นจะตอบรับบริษัทเทคโนโลยี อย่างดียิ่ง เป็นหุ้นกลุ่มที่ร้อนแรงที่สุดของตลาดในขณะนั้น แต่นักวิเคราะห์หลาย ๆ คนก็คิดว่ามันกำลังเริ่มที่จะร้อนแรงเกินไปเสียแล้ว มันกำลังจะเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ เหมือนกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา

วันที่ 9 สิงหาคม 1995 เป็นวันที่ หุ้นของ NetScape จะถูกนำมา IPO เปิดขายให้กับสาธารณชนเป็นครั้งแรกในตลาดหุ้น Nasdaq ของอเมริกา โดย NetScape ที่สร้างโดย Marc Andreessen และ Jim Clark ที่ร่วมกันสร้างขึ้นมาจะกลายเป็นธุรกิจพันล้านใหม่ในตลาดหุ้นในวันนั้น

สิ่งที่ NetScape ได้สร้างมาเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่เปลี่ยนทุกอย่างของโลกเราไปตลอดกาล โปรแกรม Nevigator ที่ช่วยให้ผู้คนเข้าสู่ Internet นั้นถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นใหม่ ที่ไม่มีใครเคยได้พบเจอมาก่อน

มันทำให้ผู้คนสามารถเข้าสู่โลกของ World Wide Web ได้อย่างง่ายดาย NetScape ได้ฉีกแนวธุรกิจใหม่ขึ้น เมื่อสร้างสินค้าที่เผยแพร่ไปบน Internet ไปสู่ผู้ใช้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านชั้นวางสินค้า ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 6 เดือนหลังจาก่อตั้ง มีผู้ดาวน์โหลดไปใช้งานกว่า 6 ล้านชุด

แน่นอนว่าในตอนแรก พวกเขาก็ยังไม่มี Business Model ที่ชัดเจนนัก ว่าจะทำกำไรจาก NetScape Navigator นี้ได้อย่างไร และต้องบอกว่ามันเป็นครั้งแรก ๆ ที่มีการคิด Model ปล่อยให้ใช้ฟรี แล้วค่อยมาทำเงินจากมันในภายหลัง ให้เกิดขึ้นบนโลกของเทคโนโลยีก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องปรกติในยุคปัจจุบันนั่นเอง

แน่นอนว่ามันเป็นการพนันครั้งยิ่งใหญ่ของ Marc Andreessen และ Jim Clark สองผู้ก่อตั้ง ที่จะไม่ขายให้ผู้ใช้โดยตรงตั้งแต่ครั้งแรก แต่พวกเขามองว่ารายได้จะเข้ามาเองเมื่อผู้ใช้เหล่านั้นพอใจกับสินค้าที่พวกเขาเสนอ ซึ่งถือเป็นแนวคิดใหม่มาก ๆ ในยุคนั้น

James Barksdale หนึ่งในผู้บริหารของ NetScape ในขณะนั้น ก็ยังมองว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป ที่จะนำเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เพราะสถานการณ์ในขณะนั้น NetScape แทบจะยังไม่สามารถสร้างกำไรจากธุรกิจได้เลยด้วยซ้ำ

3 ทีมงานคุณภาพของ NetScape  James Barksdale , Marc Andreessen , Jim Clark
3 ทีมงานคุณภาพของ NetScape James Barksdale , Marc Andreessen , Jim Clark

แต่ตัวเร่งที่สำคัญที่ทำให้ NetScape ต้องลุยเข้า IPO โดยด่วนก็คือ บริษัทอย่าง Spyglass ที่เป็นบริษัทขนาดเล็กในอิลลินอยส์ เช่นเดียวกัน และได้รับลิขสิทธิ์จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ในการเผยแพร่โปรแกรม Mosaic ซึ่งเป็นโปรแกรมที่พัฒนาโดย Marc Andreessen และเพื่อร่วมงานของเขา (สมัยที่ยังศึกษาอยู่) และสามารถระดมเงินทุนได้ถึง 200 ล้านเหรียญ และกำลังจะกลายมาเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ NetScape อีกด้วย

แน่นอนว่า Spyglass เองพยายามพูดถึง NetScape ในแง่ลบ ในการขโมยความคิดมาจากหน่วยงาน National Center of Supercomputer Application (NCSA) แห่งมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ในขณะนั้น ซึ่ง Marc Andreessen ผู้ร่วมก่อตั้ง NetScape เคยทำงานวิจัยอยู่ที่นั่น

และในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงในเวลา 11.30 ของเช้าวันที่ 9 สิงหาคม 1995 ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะมีการเปิดตัวหุ้น NetScape นั้น ราคาหุ้นได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1 เท่าตัว ได้เกิดบันทึกหน้าใหม่ให้กับตลาดหุ้น Wallstreet เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และนั่นเอง มันได้ทำให้ NetScape ที่ยังแทบจะไม่มี model ในการสร้างรายได้ในระยะยาว และไม่ต้องพูดถึงกำไรที่ยังแทบจะไม่มี ได้กลายเป็นบริษัทที่มูลค่าตลาดพุ่งไปสูงกว่า 1 พันล้านเหรียญ ได้สำเร็จ ทำให้ Jim Clark สร้างบริษัทที่สองให้กลายเป็นบริษัทพันล้านเหรียญได้สำเร็จ และหุ้นที่เขาถืออยู่ในมือ ก็กำลังมีมูลค่าสูงถึง 663 ล้านเหรียญด้วยเช่นเดียวกัน

ซึ่งการพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วของหุ้น NetScape นี่เอง เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของตลาดหุ้น Wallstreet และสร้างความประทับใจให้กับสื่อมวลชนเป็นอย่างยิ่ง มีการพาดหัวในหนังสือพิมพ์ Newyorktime ว่า “ด้วยกระแสของ internet แม้จะไม่มีกำไร หุ้นของบริษัทใหม่ก็เป็นที่ต้องการของ Wallstreet”

และเพียงแค่วันแรกของการเปิดตลาด IPO ของ NetScape นั้น เมื่อสิ้นสุดวัน ราคาหุ้นของพวกเขาก็ได้ปรับตัวขึ้นไปสูงถึง 58.25 เหรียญ และนี่คือจุดเริ่มต้นครั้งยิ่งใหญ่ของพวกเขา ที่ทำให้เหล่าพนักงาน รวมถึงผู้ก่อตั้งกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านไปได้ในชั่วข้ามคืนในที่สุดนั่นเองครับ

ต้องบอกว่า เรื่องราวของ NetScape นั้นถือเป็นอีกหนึ่ง Story ทางธุรกิจที่น่าสนใจ กับธุรกิจเทคโนโลยี ที่สุดท้ายต้องมาประมือกับยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ผมจะพาย้อนไปตั้งแต่พวกเขาเริ่มต้น ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งต้องบอกว่าเรื่องราวของ NetScape นั้น ไม่แพ้การต่อสู้ในหลาย ๆ ธุรกิจที่ผมเคยเล่าผ่าน Blog Series ชุดต่างๆ มาเลยทีเดียวครับ โปรดอย่าพลาดติดตามต่อในตอนหน้านะครับผม

–> อ่านตอนที่ 2 : Mosaic Killer

References : https://www.britannica.com/topic/Netscape-Communications-Corp