ต้นกำเนิดโมเดล Freemium จากงานวิจัยมหาวิทยาลัยสู่เส้นทางธุรกิจพันล้านของ NetScape

ช่วงทศวรรษ 1990 แม้ว่าตลาดหุ้น Wallstreet นั้นจะตอบรับบริษัทเทคโนโลยีอย่างดียิ่งเป็นหุ้นกลุ่มที่ร้อนแรงที่สุดของตลาดในขณะนั้น แต่นักวิเคราะห์หลาย ๆ คนก็คิดว่ามันกำลังเริ่มที่จะร้อนแรงเกินไปเสียแล้ว มันกำลังจะเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ เหมือนกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา

วันที่ 9 สิงหาคม 1995 เป็นวันที่ หุ้นของ NetScape จะถูกนำมา IPO เปิดขายให้กับสาธารณชนเป็นครั้งแรกในตลาดหุ้น Nasdaq ของอเมริกา โดย NetScape ที่สร้างโดย Marc Andreessen และ Jim Clark ที่ร่วมกันสร้างขึ้นมาจะกลายเป็นธุรกิจพันล้านใหม่ในตลาดหุ้นในวันนั้น

สิ่งที่ NetScape ได้สร้างมาเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่เปลี่ยนทุกอย่างของโลกเราไปตลอดกาล โปรแกรม Nevigator ที่ช่วยให้ผู้คนเข้าสู่ Internet นั้นถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นใหม่ ที่ไม่มีใครเคยได้พบเจอมาก่อน

ต้องบอกว่าในยุคนั้น หลังจาก Tim berners-lee ได้สร้างแนวคิดของ World Wide Web (WWW) ที่ให้บุคคลทั่วไปเข้ามาใช้งานได้ฟรี แต่อุปสรรคที่สำคัญก็คือ ในตอนนั้นมันยังส่งผ่านข้อมูลได้เฉพาะรูปแบบของข้อความเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้กับภาพที่เป็น Graphic ได้

Mosaic Killer

ในช่วงปลายปี 1992 Marc และเพื่อนนักวิจัยของเขาที่ทำงานร่วมกันในศูนย์ National Center for Supercomputing Applications (NCSA) ใน University of Illinois at Urbana–Champaign ได้พัฒนาต่อยอดสิ่งที่ Tim berners-lee สร้างไว้ โดยพวกเขาได้เพิ่มส่วนที่เป็นรูปภาพและส่วนต่าง ๆ ที่จะทำให้ข้อมูลข่าวสารทาง internet สามารถเข้าได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นก็คือ Mosaic โปรแกรม Web Browser ตัวแรกของโลกนั่นเอง

และเมื่อ Marc เรียนจบในเดือนธันวาคมปี 1993 เขาก็ได้ถูกชักชวนให้ทำงานต่อกับ NCSA แต่ทางสถาบันดันมีข้อแม้ว่า ให้ Marc นั้นเลิกยุ่งกับโครงการ Mosaic ซึ่งเป็นแนวคิดที่ต้องการที่จะแยกตัว Marc ออกจากสิ่งประดิษฐ์ และยกความสำเร็จผลงานที่ได้ให้กับสถาบันแทนที่จะเป็นตัวผู้ประดิษฐ์นั่นเอง

และ Marc ก็ได้ปิ๊งไอเดียที่จะสร้าง Mosaic Killer ขึ้นมาซึ่งก็คือ โปรแกรม Browser ตัวใหม่ที่ดีกว่าโปรแกรม Mosaic ของเขาที่สร้างไว้ให้กับ NCSA ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Mosaic แล้ว และทาง NCSA ก็ต้องการสร้างธุรกิจบางอย่างจาก Mosaic อยู่ ทำให้ Marc ต้องการพิสูจน์ตัวเขาเองอีกครั้งด้วยการเอาชนะ Mosaic ให้ได้

Mosaic โปรแกรม Web Browser ตัวแรกของโลก (CR:Wired)
Mosaic โปรแกรม Web Browser ตัวแรกของโลก (CR:Wired)

แน่นอนว่าทั้ง Jim และ Marc นั้นมีเส้นทางเดินที่คล้ายคลึงกัน ที่ถูกปลดออกจากงานสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ที่พวกเขาได้คิดค้นขึ้นมา และสิ่งนี้นี่เองที่เป็นแรงผลักดันให้ทั้งสองเข้ามาสู่เส้นทางเดียวกันได้ในที่สุด

และนั่นทำให้ทั้งสองได้เริ่มต้นบริษัทใหม่กันในท้ายที่สุด แผนของ Marc คือ การว่าจ้างเพื่อนร่วมงานของเขาที่เคยร่วมเขียนโปรแกรม Mosaic เข้ามาทำงาน ซึ่งกำลังใกล้ที่จะจบการศึกษาในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะถึง

แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่แน่ใจว่าบริษัทใหม่ของพวกเขาจะทำอะไรซึ่งทั้งสองรู้เพียงแค่ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับ internet ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเพราะกระแสมันเริ่มมาแล้วในขณะนั้น

และที่สำคัญเหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ในขณะนั้นกำลังสนุกกับการทำเงินจากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Microsoft และบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ก็ยังแทบจะไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ กับเทคโนโลยีใหม่อย่าง internet เพราะตอนนั้นต้องบอกว่ายังมีคำถามอยู่มากมายว่าจะหาเงินจาก internet ได้อย่างไร

มันเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะทางด้านคอมพิวเตอร์ที่เรื่องของประสบการณ์นั้นไม่ได้เป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจเสมอไป เนื่องจากบริษัทด้านเทคโนโลยีส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ถูกผลักดันด้วยพลังของคนอายุน้อย ๆ ที่ มีมันสมอง และพลังงานที่เหลือล้น

และทีมงานคนรุ่นใหม่เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับบริษัทเกิดใหม่ของ Jim และ Marc โดยทั้งสองได้บินด่วนไปที่ อิลลินอยส์ เพื่อไปดึงตัวเหล่าทีมงานเก่าที่เคยร่วมงานกับ Marc ที่ NCSA เพื่อรีบจูงใจทีมงานให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่พวกเขาจะถูกดึงตัวโดยบริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ

แม้ทีมบริหารของศูนย์ NCSA นั้นจะพยายามบอกว่ามีทีมงานที่ร่วมกันพัฒนาโปรแกรม Mosaic กว่า 40 คน แต่เมื่อ Jim ได้พบกับเพื่อน ๆ ของ Marc ก็รู้ได้ทันทีว่ามีเพียงกลุ่มคนไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นตัวหลักในการพัฒนาโปรแกรม Mosaic ที่ NCSA

Jim และ Marc ได้ปรึกษากันและตกลงที่จะยื่นข้อเสนอให้กับเหล่าเพื่อน ๆ ของเขา 7 คน โดยเสนอรายได้ 65,000 เหรียญ/ปี บวกกับหุ้นของบริษัทจำนวน 1 แสนหุ้น เพื่อชักจูงพวกเขาให้กลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้งของบริษัทใหม่นี้

ทีมงานยุคก่อตั้งของ NetScape (CR:internethistorypodcast)
ทีมงานยุคก่อตั้งของ NetScape (CR:internethistorypodcast)

ซึ่งรูปแบบ Model ทางด้านการบริหารบริษัทใหม่นั้น Jim เสนอให้มูลค่าโปรแกรมจากทีมงานของ Marc ที่ 3 ล้านเหรียญ ซึ่งจะเป็นมูลค่าซอฟต์แวร์ที่มีอายุ 1 ปี ออกแบบและพัฒนาโดยทีมงาน 7 คน จากนั้นก็นำเงินจำนวน 3 ล้านเหรียญเข้ามาในบริษัทเพื่อแลกกับหุ้นจำนวน 50% ของบริษัท ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะถูกลดสัดส่วนลงเรื่อย ๆ เมื่อมีการจ้างงานพนักงานคนอื่น ๆ เข้ามาเพิ่มในภายหลัง

Jim มั่นใจว่าทีมงานยอดอัจฉริยะของเขาสามารถสร้างโปรแกรม Browser ที่ดีกว่า Mosaic ได้ จึงได้เลือกเช่าสำนักงานขนาดใหญ่เพื่อรองรับการขยายตัว โดยเลือกห้องเช่าขนาด 11,699 ตร.ฟุต บนชั้น 4 ของตึกแห่งหนึ่งบนถนนแคสโตร ใน Moutain View ซึ่งเป็นห้องเรียบ ๆ ง่าย ๆ มีฉากกั้นที่เคลื่อนย้ายได้ ปูด้วยพรมตลอดทั้งห้อง

โดยสถานการณ์ในตอนนั้น ศูนย์ NCSA ได้ให้ลิขสิทธิ์โปรแกรม Mosaic ไปกับบริษัทต่าง ๆ ถึง 9 ราย และผู้ใช้งาน internet กำลังเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทีมงานของ Jim ก็ต้องเร่งทุกอย่างให้ทันก่อนที่ยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft จะมองเห็นถึงความเคลื่อนไหวในธุรกิจนี้

ต้องบอกว่าโอกาสทางธุรกิจคราวนี้ไม่ใช่แค่เพียงจุดเล็ก ๆ แต่เป็นมุมมองที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก ๆ ของ internet ที่สถานการณ์ในตอนนั้น มีเหล่า Geek ทางด้านคอมพิวเตอร์รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ที่ได้เคยใช้ internet เพื่อการสื่อสารมาแล้วและเริ่มเห็นถึงศักยภาพของมัน

ถือกำเนิด NetScape

เมื่อถึงเดือนกันยายน ปี 1994 ซึ่งเป็นเวลาเพียงแค่ 3 เดือนครึ่งหลังจากที่ทีมโปรแกรมเมอร์ของ Marc เริ่มทำงานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง ต้องบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ทีมงานของ Marc แทบจะไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน พวกเขาคุ้นเคยกับอาหารเช้ากลางดึกและการใช้บริการ Delivery สั่งพิซซ่าเข้ามาทานกันในออฟฟิศ

แน่นอนว่างานของพวกเขาเป็นงานที่หนักต้องใช้ความทุ่มเทและความอดทนค่อนข้างสูงแถมยังต้องแบกรับความกดดันเพื่อผลิตซอฟต์แวร์ให้ได้ตามความคาดหวังของทุก ๆ คนในบริษัท

ตัว Marc เองก็ยังจุดยืนเดิมของโปรแกรมที่ต้องแจกให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันฟรี ๆ ซึ่งเป็น trend ที่เริ่มเกิดขึ้นบนโลก internet แต่ตัว Jim นั้น ก็ยังคงกังวลอยู่ว่าแล้วบริษัทจะสร้างรายได้จากโปรแกรมนี้ได้อย่างไร

แต่เขาก็ได้คิดถึงแผนการคร่าว ๆ ไว้แล้วเพราะเขามอง Browser ตัวใหม่นี้เปรียบเสมือนสื่อที่อาจจะสร้างรายได้จากค่าโฆษณา ชซึ่งหากโปรแกรมกลายเป็นที่นิยมและมีผู้ใช้งานมหาศาลก็น่าจะมีความเป็นไปได้ว่าจะขายพื้นที่โฆษณาได้ ซึ่งต้องบอกว่าในยุคนั้นการขายโฆษณาบน internet ยังไม่เคยมีปรากฏขึ้นมาก่อน

ในเดือนกันยายนนี้เองที่ Jim ได้ไปเข้าร่วมงานสัมนา inter-ops ในเมือง ลาสเวกัส และประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวแรกอย่างเป็นทางการ นั่นก็คือ โปรแกรม Browser ที่ถูกเรียกชื่อว่า “NetScape”

สำหรับ NetScape รุ่นแรกจะเป็น NetScape 0.9 ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ผลิตขึ้นมาใหม่แทบจะทั้งหมด และมีความสามารถรวมถึงประสิทธิภาพที่สูงกว่าโปรแกรม Mosaic เดิมมาก

ซึ่งทำให้เหล่าโปรแกรมเมอร์ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ กดแป้น Keyboard และลาก Mouse ทำอย่างงี้วนเวียนไปตลอดช่วงหน้าร้อน มีการประชุมสั้นๆ 10 นาทีทุกครั้งที่มีใครเจอปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ และทีมงานก็จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาก่อนที่จะแยกย้ายกลับไปทำงานในส่วนของตัวเอง

แน่นอนว่าความตื่นเต้นทั้งหมดอยู่ในช่วงที่บริษัทกำลังจะเผยแพร่โปรแกรม NetScape 0.9 ออกสู่สายตาโลก มีการทำงานอย่างหนักทั้งเรื่องความคิด การแก้ไข Bug และผู้ที่จะทดสอบโปรแกรมได้ดีที่สุดก็คือสาธารณชน

เมื่อโปรแกรมถูกปล่อยออกไปนั่นเองซึ่งคนเหล่านี้จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์หลังจากได้ใช้งานจริง ๆ เพื่อมาปรับปรุงแลพัฒนาโปรแกรมให้ดียิ่งขึ้น

NetScape 0.9 ที่เตรียมปล่อยให้ทดลองใช้งาน (CR:Youtube)
NetScape 0.9 ที่เตรียมปล่อยให้ทดลองใช้งาน (CR:Youtube)

แผนการสุดท้ายที่จะปล่อยโปรแกรมออกไปคือ ช่วงกลางเดือนตุลาคมและสำหรับเหล่าทีมงานโปรแกรมเมอร์แล้วถือเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายกับพวกเขาเป็นอย่างยิ่งเป็นช่วงเวลาที่จะพิสูจน์ว่าโปรแกรมของพวกเขาจะสร้างธุรกิจหลายล้านเหรียญสหรัฐได้อย่างที่คาดหวังไว้หรือไม่

มีการนำเอาจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่ติดตั้งไว้กับเครื่อง Server มาไว้ในห้องประชุม เพื่อแสดงข้อมูลการดาวน์โหลดโปรแกรมรวมถึง tracking ข้อมูลต่าง ๆ ว่ามีการดาวน์โหลดเกิดขึ้นที่ไหนอย่างไร

เหล่าโปรแกรมเมอร์เข้ามามุงดูเหมือนการถ่ายทอดสดกีฬาครั้งสำคัญ เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ณ ฝั่งตะวันตกของสหรัฐ NetScape ก็ได้ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการ

แทบจะทันทีทันใดหลังจากปล่อยโปรแกรมออกมา มีการดาวน์โหลดเข้ามาแบบทันทีราวกับว่าพวกเขากำลังรอโปรแกรมนี้อยู่มีผู้ใช้งานจากญี่ปุ่นเป็นคนแรกที่เข้ามาดาวน์โหลดโปรแกรมเพราะว่าเวลาในช่วงนั้นของญี่ปุ่นคือช่วงบ่าย

เรื่องประสิทธิภาพการใช้งานนั้น ทีมงานโปรแกรมเมอร์ของ Marc ไม่กังวัลแต่อย่างใดเพราะมันดีกว่า Mosaic อย่างแน่นอนมันทำงานได้เร็วกว่าเชื่อมต่อกับ internet ได้เร็วกว่า และมีรูปแบบลักษณะการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก ๆ ของโลกมนุษย์เราที่ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญไปสู่อนาคตของ World Wide Web

มันทำให้ผู้คนสามารถเข้าสู่โลกของ World Wide Web ได้อย่างง่ายดาย NetScape ได้ฉีกแนวธุรกิจใหม่ขึ้น เมื่อสร้างสินค้าที่เผยแพร่ไปบน Internet ไปสู่ผู้ใช้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านชั้นวางสินค้า ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 6 เดือนหลังจาก่อตั้งมีผู้ดาวน์โหลดไปใช้งานกว่า 6 ล้านชุด

โมเดลธุรกิจแบบ Freemium

แน่นอนว่าในตอนแรก พวกเขาก็ยังไม่มี Business Model ที่ชัดเจนนักว่าจะสร้างรายได้จาก NetScape Navigator นี้อย่างไร และต้องบอกว่ามันเป็นครั้งแรก ๆ ที่มีการคิดโมเดลธุรกิจแบบ Freemium โดยปล่อยให้ใช้ฟรีก่อนแล้วค่อยมาทำเงินจากมันในภายหลังให้เกิดขึ้นบนโลกของเทคโนโลยีก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องปรกติในยุคปัจจุบันนั่นเอง

แน่นอนว่ามันเป็นการพนันครั้งยิ่งใหญ่ของ Marc Andreessen และ Jim Clark สองผู้ก่อตั้ง ที่จะไม่ขายให้ผู้ใช้โดยตรงตั้งแต่ครั้งแรก แต่พวกเขามองว่ารายได้จะเข้ามาเองเมื่อผู้ใช้เหล่านั้นพอใจกับสินค้าที่พวกเขาเสนอซึ่งถือเป็นแนวคิดใหม่มาก ๆ ในยุคนั้น

James Barksdale หนึ่งในผู้บริหารของ NetScape ในขณะนั้นก็ยังมองว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไปที่จะนำเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เพราะสถานการณ์ในขณะนั้น NetScape แทบจะยังไม่สามารถสร้างกำไรจากธุรกิจได้เลยด้วยซ้ำ

แต่ตัวเร่งที่สำคัญที่ทำให้ NetScape ต้องลุยเข้า IPO โดยด่วนก็คือ บริษัทอย่าง Spyglass ที่เป็นบริษัทขนาดเล็กในอิลลินอยส์เช่นเดียวกัน และได้รับลิขสิทธิ์จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ในการเผยแพร่โปรแกรม Mosaic ซึ่งเป็นโปรแกรมที่พัฒนาโดย Marc Andreessen และเพื่อนร่วมงานของเขา (สมัยที่ยังศึกษาอยู่) และสามารถระดมเงินทุนได้ถึง 200 ล้านเหรียญ และกำลังจะกลายมาเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ NetScape อีกด้วย

แน่นอนว่า Spyglass เองพยายามพูดถึง NetScape ในแง่ลบ ว่ามีการขโมยความคิดมาจากหน่วยงาน National Center of Supercomputer Application (NCSA) แห่งมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ในขณะนั้น ซึ่ง Marc Andreessen ผู้ร่วมก่อตั้ง NetScape เคยทำงานวิจัยอยู่ที่นั่น

Billion Dollar Company

และในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงในเวลา 11.30 ของเช้าวันที่ 9 สิงหาคม 1995 ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะมีการเปิดตัวหุ้น NetScape นั้น ราคาหุ้นได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1 เท่าตัว ได้เกิดบันทึกหน้าใหม่ให้กับตลาดหุ้น Wallstreet เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และนั่นเอง มันได้ทำให้ NetScape ที่ยังแทบจะไม่มี model ในการสร้างรายได้ในระยะยาวและไม่ต้องพูดถึงกำไรที่ยังแทบจะไม่มี ได้กลายเป็นบริษัทที่มูลค่าตลาดพุ่งไปสูงกว่า 1 พันล้านเหรียญได้สำเร็จ

ทำให้ Jim Clark สามารถที่จะปั้นบริษัทที่สองของเขาให้กลายเป็นบริษัทพันล้านเหรียญได้สำเร็จ และหุ้นที่เขาถืออยู่ในมือก็กำลังมีมูลค่าสูงถึง 663 ล้านเหรียญด้วยเช่นเดียวกัน

ซึ่งการพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วของหุ้น NetScape นี่เอง เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของตลาดหุ้น Wallstreet และสร้างความประทับใจให้กับสื่อมวลชนเป็นอย่างยิ่ง มีการพาดหัวในหนังสือพิมพ์ Newyorktime ว่า “ด้วยกระแสของ internet แม้จะไม่มีกำไรหุ้นของบริษัทใหม่ก็เป็นที่ต้องการของ Wallstreet”

และเพียงแค่วันแรกของการเปิดตลาด IPO ของ NetScape นั้น เมื่อสิ้นสุดวันราคาหุ้นของพวกเขาก็ได้ปรับตัวขึ้นไปสูงถึง 58.25 เหรียญ และนี่คือจุดเริ่มต้นครั้งยิ่งใหญ่ของพวกเขา ที่ทำให้เหล่าพนักงาน รวมถึงผู้ก่อตั้งกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านไปได้ในชั่วข้ามคืนในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม

Refererences :
https://www.internethistorypodcast.com/2015/08/20-years-on-why-netscapes-ipo-was-the-big-bang-of-the-internet-era/
https://en.wikipedia.org/wiki/Mosaic_(web_browser)
https://en.wikipedia.org/wiki/Marc_Andreessen
https://www.popularmechanics.com/culture/web/a27033147/netscape-navigator-history/
https://www.viaempresa.cat/es/afterwork/netscape-monopolio-microsoft_1933403_102.html
หนังสือ NetScape Time โดย JIM CLARK


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube