ประวัติ Vladimir Putin ตอนที่ 4 : Submariner, Soldier, Trader and Spy

หมู่เกาะต่าง ๆ เป็นที่ตั้งของท่าเรือในเมืองเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก และประวัติศาสตร์อันวุ่นวายของรัสเซียผ่านช่องทางต่างเหล่านี้เกิดขึ้นมาโดยตลอด ตั้งแต่ปีเตอร์มหาราชก่อตั้งเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 18

พระองค์ทรงทำเช่นนั้นด้วยความหวังว่าจะเป็นท่าเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญระหว่างแผ่นดินยูเรเชียนของประเทศอันกว้างใหญ่กับตลาดตะวันตก

เซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กจึงถูกทำให้กลายเป็นหน้าต่างทางทิศตะวันตกของรัสเซียเสมอมา ซึ่งเป็นเมืองท่าที่ยกระดับประเทศจากยุคกลาง ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม

เมื่อระบอบคอมมิวนิสต์ของรัสเซียล่มสลาย ท่าเรือเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กก็กลับมามีบทบาทที่สำคัญอีกครั้ง มันกลายเป็นศูนย์กลางของพันธมิตรระหว่าง KGB และกลุ่มอาชญากรที่จะขยายอิทธิพลไปทั่วรัสเซีย

มันเป็นจุดเริ่มต้นของพันธมิตรทางธุรกิจของรองนายกเทศมนตรี Vladimir Putin ซึ่งทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้นำกลุ่มอาชญากรที่ควบคุมเมืองอยู่ รวมถึงผู้ค้าน้ำมันที่ถูกผูกขาดในการส่งออกผ่านคลังน้ำมัน ความสัมพันธ์ที่หลอมรวมเข้าด้วยกันของข้อตกลงการแลกเปลี่ยนและการส่งออก กลายเป็นต้นแบบที่สำคัญสำหรับการบริหารรัสเซียของ Putin

กลุ่ม KGB ได้เข้ามายึดครองเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กในทศวรรษที่ 1990 โดยมี Putin เป็นศูนย์กลางของกลุ่ม แม้ในมอสโก KGB จะอยู่ในเงามืดเป็นส่วนใหญ่ แต่ในเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กพวกเขาจะปรากฎกายชัดเจนมากยิ่งขึ้น

แม้เศรษฐกิจของเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กจะเล็กกว่ามอสโกมาก แต่สำนักงานของนายกเทศมนตรีก็ควบคุมธุรกิจส่วนใหญ่ของเมือง และที่สำคัญนายกเทศมนตรี Anatoly Sobchak ไม่ค่อยสนใจในการดำเนินงานประจำวันของเมือง เขาปล่อยให้ Putin เป็นผู้บริหารคณะกรรมการความสัมพันธ์ต่างประเทศ ซึ่งดูแลการค้าทั้งหมดและธุรกิจส่วนใหญ่ของเมือง

สิ่งที่เกิดขึ้นจากความโกลาหลหลังการล่มสลาย และความไร้ประสิทธิภาพของ Sobchak มันได้สร้างพันธมิตรใหม่ระหว่าง Putin และ KGB ของเขารวมถึงกลุ่มอาชญกรที่พยายามบริหารเศรษฐกิจของเมืองส่วนใหญ่เพื่อประโยชน์ของตนเอง

ซึ่งแทนที่จะพยายามกำหนดกฎระเบียบเพื่อประโยชน์ของประชาชนที่กำลังลำบากในเมือง ระเบียบที่เกิดขึ้นที่พวกเขากำหนดส่วนใหญ่ก็ทำเพื่อพวกพ้องของเขาเองแทบจะทั้งสิ้น

การล่มสลายหมายถึงโอกาสใหม่ ๆ ของเครือข่ายเหล่านี้ สำหรับการสร้างกองทุนเชิงกลยุทธ์ที่จะรักษาเครือข่ายของพวกเขาและรักษาตำแหน่งของพวกเขาในอนาคต

โดยกองทุนเหล่านี้มีรากฐานมาจากแผนการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของบริษัทที่เป็นมิตรกับ KGB ต่อมาก็ขยายไปถึงท่าเทียบเรือ รวมถึงคลังน้ำมัน ทุกอย่างดำเนินการผ่านเครือข่ายนี้ และที่สำคัญมันคือธุรกิจที่ทำรายได้มหาศาลอีกด้วย

ต้องบอกว่าเหล่า KGB ที่เข้ายึดครองเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก และ Putin มีความเข้าใจในตลาดเชิงพาณิชย์มากกว่ารุ่นก่อน ๆ เป็นอย่างมาก

Putin ยอมรับหลักการของระบบทุนนิยมอย่างรวดเร็วและแทบจะลืมความเชื่อเดิม ๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์ไปทันที

พันธมิตรของ Putin เริ่มย้ายมาควบคุมท่าเรือ ซึ่งทั้งคลังน้ำมันและกองเรือถือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่รู้จักกันในชื่อกองเรือเลนินกราดบอลติก หรือ BMP ซึ่งสำหรับ KGB แล้วนั้น BMP เป็นทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์มาช้านาน

ในสมัยโซเวียต KGB ได้ควบคุมเรือเดินสมุทรในฐานะผู้ช่วยทางการค้า พวกเขารู้ดีถึงเส้นทางการค้า สินค้า ของเถื่อน และการไหลเวียนของเงิน

ในยุครุ่งเรือง เรือหลายร้อยลำได้ออกเดินทางจากเมืองแห่งนี้ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ทั้ง น้ำมัน โลหะ และเมล็ดพันธุ์พืช ในขณะที่ฝั่งขาเข้า เรือที่เดินทางไกลที่สุดจากอเมริกาใต้ มีการบรรทุกผลไม้ น้ำตาล และสินค้าลักลอบน้ำเข้า ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินงานใต้ดิน

ในสมัยนั้น BMP เป็นตัวแทนของกระแสเงินสดเชิงกลยุทธ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมือง แม้กระทั่งในปี 1991 ซึ่งเป็นปีแห่งการล่มสลายของสหภาพโซเวียต กำไรสุทธิของ BMP ก็อยู่ที่หลายร้อยล้านดอลลาร์

BMP ไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของเรือโดยสารและสินค้าเกือบสองร้อยลำเท่านั้น แต่ยังควบคุมท่าเรือน้ำในเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กทั้งหมด รวมทั้งคลังน้ำมัน เช่นเดียวกับท่าเรือใกล้เคียงในวีบอร์กและคาลินินกราด ซึ่งได้กลายเป็นกุญแจสู่ความมั่งคั่งของเมือง

ต้องบอกว่าในเวลานั้น Tambov กำลังกลายเป็นกลุ่มอาชญกรที่มีอำนาจที่สุดของเมือง Vladimir Kumarin ผู้นำของกลุ่ม Tambov เคยรับโทษจำคุกในปี 1991 หลังจากการสู้รบที่รุนแรงกับกลุ่มมาเฟียอีกกลุ่มหนึ่งของเมือง

หลังจากที่เขาออกมาจากคุกด้วยความช่วยเหลือของ Putin กองกำลังของ Tambov ก็เริ่มเข้าควบคุมธุรกิจเชื้อเพลิงและพลังงานทั้งหมดของเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก

Vladimir Kumarin ผู้นำของกลุ่ม Tambov  (CR:eng.agromassidayu.com)
Vladimir Kumarin ผู้นำของกลุ่ม Tambov (CR:eng.agromassidayu.com)

การต่อสู้กับแก๊งคู่แข่งยังดำเนินต่อไป ในปี 1994 Kumarin สูญเสียแขนข้างหนึ่งจากการถูกโจมตีด้วยระเบิด เขาได้ก่อตั้งบริษัทด้านพลังงานเชื้อเพลิงแห่งเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก หรือ PTK ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นผู้ผูกขาดการค้าขายน้ำมันของเมือง

ดูเหมือนว่า Putin จะเป็นศูนย์กลางของแผนปฏิบัติการเหล่านี้ เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านลอจิสติกส์จากสำนักงานของนายกเทศมนตรี และเป็นผู้ออกใบอนุญาตให้กลุ่ม Tambov เข้ามาควบคุมท่าเรือและคลังน้ำมัน รวมถึงให้สัญญาพิเศษแก่ PTK ของ Kumarin ในการจัดหาเชื้อเพลิงสำหรับ รถพยาบาล รถประจำทาง รถแท็กซี่ และรถตำรวจของเมือง

อีกคนที่มีบทบาทมาก ๆ ก็คือ Gennady Timchenko อดีตเจ้าหน้าที่ KGB ที่รู้จักกับ Putin ตั้งแต่สมัยเรียนสายลับด้วยกันที่ Red Banner Academy

การควบคุมการส่งออกผ่านท่าเทียบเรือเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมีความสำคัญมากจน Timchenko หันไปขอความช่วยเหลือจาก Putin ในเดือนมกราคม 1992 โดยพวกเขาได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของ Putin ในชื่อ ‘Golden Gates’

ต้องบอกว่าฝ่ายบริหารของเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กที่เป็นพันธมิตรกับกลุ่ม Tambov ได้ฝังตัวอยู่ลึกเข้าไปในโครงสร้างพื้นฐานของเมืองด้วยความช่วยเหลือจากคนของ Putin ในศาลากลาง

กลุ่มอาชญากรที่รวมตัวกันเป็นทีมงานที่ Putin ต้องการเพื่อช่วยเหลือในการควบคุมมวลชน ไม่ว่าคนที่อยู่บนท้องถนน หรือ คนที่อยู่ในเรือนจำก็ตามที มันเป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปของ KGB ที่ Putin เคยทำมาตั้งแต่อยู่ในเยอรมันตะวันออก นั่นคือการทำงานกับผู้คน

ด้วยความยุ่งเหยิงของความสัมพันธ์เหล่านี้ นำไปสู่โครงสร้างที่จัดตั้งขึ้นสำหรับ เศรษฐกิจในเงามืดของพรรคคอมมิวนิสต์ในวันสุดท้ายของการปกครอง

Bank Rossiya ซึ่งเป็นธนาคารขนาดเล็กในเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวกลางที่สำคัญในข้อตกลงการแลกเปลี่ยนน้ำมันสำหรับอาหาร เช่นเดียวกับสถาบันและบริษัทหลายแห่งที่พรรคตั้งขึ้นในยุคที่ระบอบการปกครองกำลังจะล่มสลาย

เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายลง การควบคุมของธนาคาร Rossiya ได้ส่งผ่านไปยังตัวแทนของ KGB อย่างเงียบ ๆ ผู้ถือหุ้นรายใหม่ของบริษัทประกอบด้วยเจ้าหน้าที่อาวุโสของ KGB และนักฟิสิกส์ที่มี connection กับ KGB ซึ่งคนเหล่านี้เชี่ยวชาญด้านโลหะหายาก วัสดุที่หายากมาก ซึ่งการค้าขายในสิ่งเหล่านี้ต้องได้รับการจัดการโดยสมาชิกของ KGB เท่านั้น

Vladimir Yakunin เจ้าหน้าที่อาวุโสของ KGB กลับมาที่เซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กในเดือนกุมภาพันธ์ 1991 เขาย้ายมาจากการเป็นสายลับที่องค์กรสหประชาชาติในนิวยอร์ก

Yakunin ได้เข้ามาร่วมงานที่สถาบันเทคโนโลยีและฟิสิกส์ Ioffe อันทรงเกียรติของเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเขาเคยทำงานดูแลงานระหว่างประเทศของสถาบันก่อนที่จะถูกส่งไปนิวยอร์ก

ในกลุ่มของพวกเขาคือ Yury Kovalchuk ซึ่งเป็นนักฟิสิกส์ชั้นนำในสมัยนั้น ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Andrei Fursenko ซึ่งทั้งคู่เป็นรองผู้อำนวยการของสถาบัน Ioffe ในด้านเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจะนำไปใช้ในระบบเลเซอร์และดาวเทียม

มันเป็นสาขาที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจาก KGB ความเชี่ยวชาญของพวกเขาทำให้ได้รับข้อตกลงจากนายพลอาวุโสของ KGB ซึ่งหนึ่งในกิจการร่วมค้าที่พวกเขาสร้างขึ้นสามารถทำกำไรได้สูงถึง 24 ล้านรูเบิล ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลในยุคนั้น และช่วยผลักดันให้พวกเขาเข้ามาดูแล Bank Rossiya

ตั้งแต่ต้น Bank Rossiya มีส่วนเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดำเนินการโดย Putin สำนักงานอยู่ในสถาบัน Smolny ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นสำนักงานใหญ่ของนายกเทศมนตรี

และที่แห่งนี้เริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการสร้างกระแสเงินสดให้กับ Putin การร่วมทุนทั้งหมดได้รับการจัดตั้งขึ้นตามการอนุมัติของคณะกรรมการของ Putin และส่วนใหญ่ถูกสั่งให้เปิดบัญชีกับ Bank Rossiya

มีเงินหลายล้านดอลลาร์ถูกดูดออกจากงบประมาณของเมืองผ่านบัญชีของ Bank Rossiya ไปยังเครือข่ายของบริษัทที่เชื่อมโยงกับ Putin เงินสดถูกส่งผ่านกองทุนที่เรียกว่า Twentieth Trust เรียกได้ว่าตอนนั้นทั้ง Putin และ KGB ได้ควบคุมเศรษฐกิจของทั้งเมืองไว้ในกำมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Bank Rossiya หนึ่งในสถาบันทางการเงินที่สำคัญของเครือข่าย Putin (CR:TASS)
Bank Rossiya หนึ่งในสถาบันทางการเงินที่สำคัญของเครือข่าย Putin (CR:TASS)

Putin มักจะเลือกไปพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์ บนชายฝั่งของทะเลสาป Komsomolskoye ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการตกปลาที่ยอดเยี่ยม ก่อนที่ Putin จะย้ายเข้าไป ถนนเส้นดังกล่าวเคยเป็นถนนลูกรังมาก่อน แต่ไม่นานหลังจากนั้นมันก็ถูกปูด้วยยางมะตอยและติดตั้งไฟฟ้าอย่างดี

ชาวบ้านแถวนั้นถูกบีบบังคับให้ย้ายออกไปทีละคน Putin ได้พาพันธมิตรของเขามาสร้างกระท่อมสไตล์ฟินแลนด์อันโอ่อ่าบนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ริมทะเลสาบแห่งนี้

พวกเขาก่อตั้งกลุ่มที่กลายเป็นที่รู้จักกันในนามสหกรณ์ Ozero dacha และเปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่มีรั้วลวดหนามสูงใหญ่กั้นไม่ให้คนภายนอกเข้ามา

ซึ่งทั้ง Yakunin , Fursenko และ Kovalchuk คนเหล่านี้ที่ใกล้ชิด Putin ก็ได้ย้ายเข้ามา ซึ่งกลุ่มพันธมิตรจาก Ozero dacha นี่เองที่ในตอนหลังที่ Putin ขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี ได้กลายเป็นกลุ่มก้อนที่สำคัญในการควบคุมเศรษฐกิจของประเทศ โดยมี Bank Rossiya เป็นแกนหลักของอาณาจักรการเงินที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มนี้

ในฤดูร้อนปี 1996 Anatoly Sobchak ได้พ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งใหม่ในฐานะนายกเทศมนตรีของเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก Putin ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานหาเสียงของ Sobchak ต้องมีส่วนรับผิดชอบ

มีเสียงกระซิบกระจายไปทั่วว่าความพ่ายแพ้ของ Sobchak นั้นมาจากประธานาธิบดี Boris Yeltsin ผู้ซึ่งต้องการให้เขาออกไป เพราะความมีสเน่ห์ของ Sobchak นั้นสามารถท้าทายอำนาจของ Yeltsin ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าได้

Putin ตกงานแทบจะไม่ถึงเดือน ก่อนที่เขาจะถูกเชิญไปที่มอสโก เพื่อรับตำแหน่งในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารเครมลิน

แม้ว่าการแต่งตั้งของ Putin จะถูกขัดขวางโดย Anatoly Chubais รองนายกรัฐมนตรีคู่ใจของ Yeltsin แต่กลายเป็นว่า Putin ได้ถูกขอให้เป็นหัวหน้าแผนกทรัพย์สินต่างประเทศในตำนานของเครมลินแทน

เรียกได้ว่ามันเป็นการเลื่อนตำแหน่งที่ทรงเกียรติอย่างแท้จริง เพราะได้ดูแลทรัพย์สินในต่างประเทศจำนวนมหาศาลของสหภาพโซเวียตหลังจากการล่มสลาย

ไม่ว่าจะเป็นกิจการร่วมค้า เครือข่ายฐานทัพอาวุธและสถานที่ปฏิบัติงานนอกชายฝั่งอื่น ๆ ที่เป็นความลับ แม้ว่ามันจะเป็นอาณาจักรที่หลายสิ่งหลายอย่างได้สูญหายไปแล้ว แต่มันก็เป็นแกนกลางเชิงกลยุทธ์ของความมั่งคั่งของประเทศ

และเพียงหนึ่งปีต่อมา เขาได้รับเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองเสนาธิการคนแรกของเครมลินที่ได้ดูแลภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นบทบาทที่ทรงพลังที่สุดเป็นอันดับสามในเครมลินรองจากประธานาธิบดี

หลังผ่านไปอีกสามเดือนเขาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า FSB ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สืบทอดจาก KGB สำหรับทั่วทั้งรัสเซีย ตอนนั้นเขาเป็นเพียงแค่ผู้พันเท่านั้น และแทบจะไม่มีใครเคยได้รับตำแหน่งนี้ทั้งที่ยังไม่ขึ้นเป็นนายพล นั่นทำให้เหล่านายพลใน FSB ต่างตกตะลึง

ซึ่งหลังจากขึ้นครองตำแหน่งสูงสุดของ FSB Putin ก็ได้ใช้อำนาจของเขาในการจัดการศัตรูเก่าที่เซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก ทั้งนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชน ที่ชอบออกมาต่อต้านเรื่องการทุจริจในเมือง หรือ อดีตคู่แค้นทางการเมืองของ Putin

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการผงาดของ Putin เป็นลางไม่ดีเลย ประเทศก็กำลังเผชิญกับวิกฤติทางการเงินครั้งใหม่ และไม่มีใครสังเกตเห็นสัญญาณเตือนที่ปรากฎขึ้น สุขภาพของ Yeltsin ก็กำลังย่ำแย่ ประเทศกำลังจะถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

ไม่นานหลังจากความผิดพลาดทางการเงินที่ทำลายเศรษฐกิจรัสเซียในเดือนสิงหาคม 1998 เจ้าหน้าที่ KGB กลุ่มเล็ก ๆ และชาวอเมริกันคนหนึ่งมารวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารค่ำแบบส่วนตัว

ในหมู่พวกเขามีอดีตหัวหน้า KGB อย่าง Vladimir Kryuchkov , Robert Engineer อดีตหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของโมนาโกผู้ซึ่งขลุกอยู่ในฐานะผู้แจ้งข่าวของ FBI และ Igor Prelin ผู้ช่วยของ Kryuchkov

Prelin บอกกับแขกคนอื่นๆ ว่าในไม่ช้า KGB จะกลับสู่อำนาจ โดยเขาได้กล่าวว่า

“เรารู้จักใครบางคน คุณไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเขา เราจะไม่บอกคุณว่าเป็นใคร แต่เขาเป็นหนึ่งในพวกเรา และเมื่อเขาเป็นประธานาธิบดี พวกเรา (กลุ่ม KGB) จะกลับมาเรืองอำนาจอีกครั้ง”

–> อ่านตอนที่ 5 : The Art of War

ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ประวัติ Vladimir Putin ตอนที่ 3 : Where’s the Money

การพยายามทำรัฐประหารโดยกลุ่มหัวรุนแรงคอมมิวนิสต์ที่พยายามรักษาอำนาจของสหภาพโซเวียตได้พังทลายลงด้วยความล้มเหลว

การเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาเพียงแค่ 4 วันสั้น ๆ นั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง Boris Yeltsin ผู้นำรัสเซียที่สนับสนุนประชาธิปไตยได้ลงนามในพระราชกฤษฎีกา ถ่ายทอดสด ระงับบทบาทของพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต และยุติการปกครองนานหลายทศวรรษของพวกเขา

Yeltsin โทษพรรคคอมมิวนิสต์ว่าควรได้รับโทษฐานก่อรัฐประหารโดยผิดกฎหมาย Yeltsin จึงสั่งให้ปิดสำนักงานใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่วรัสเซียของคณะกรรมการกลางของพรรคที่จตุรัสเก่าของมอสโกในทันที

ความลับของอาณาจักรการเงินอันกว้างใหญ่ไพศาลของสหภาพโซเวียตถูกจัดเก็บไว้ในห้องต่างๆ หลายร้อยห้อง เครือข่ายที่ครอบคลุมอาคาร โรงแรม และสถานพยาบาลหลายพันแห่ง เช่นเดียวกับบัญชีธนาคารของพรรคและบริษัทต่างชาตินับร้อยนับพันที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นกิจการร่วมค้าในช่วงที่ระบอบการปกครองกำลังเรืองอำนาจ

การดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ในต่างประเทศ และของพรรคการเมืองพันธมิตร ได้รับการสนับสนุนทางการเงินให้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ของโซเวียตเพื่อถ่วงดุลอำนาจกับตะวันตก

และนี่คืออาณาจักรที่ถูกดูแลโดย Nikolai Kruchina , Georgy Pavlov และ Dmitry Lissovolik ที่ Kruchina บริหารงานในฐานะหัวหน้าแผนกทรัพย์สินของพรรคคอมมิวนิสต์ตั้งแต่ปี 1983

โดย Pavlov และ Lissovolik เสียชีวิตอย่างปริศนาในหนึ่งเดือนถัดมาหลังการล่มสลายของพรรคคอมมิวนิสต์ ทั้งสองถูกระบุว่าได้ทำการฆ่าตัวตายที่บ้านพักของตนเอง

สิ่งที่เชื่อมโยงกันของชายทั้งสามคือ ความรู้ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับระบบการเงินที่เป็นความลับของพรรคคอมมิวนิสต์ ในขณะที่ KGB กำลังเตรียมการสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจแบบตลาดภายใต้การปฏิรูป perestroika ของ Gorbachev

แผนกทรัพย์สินที่ Kruchina และ Pavlov ดูแลนั้นเข้าใจกันว่ามีทรัพย์สินอยู่ที่ประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้ปกครองคนใหม่ของรัสเซียอย่าง Yeltsin รู้สึกงุนงงเมื่อพบว่ากองทุนของพรรคที่เหลืออยู่จริงนั้นแทบจะว่างเปล่า

มีข่าวลือมากมายว่า Kruchina ได้ทำการโอนเงินรูเบิลและสกุลเงินอื่น ๆ หลายพันล้านรูเบิลผ่านกองทุนการร่วมทุนจากต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นอย่างรวดเร็วในปีสุดท้ายของพรรคคอมมิวนิสต์ก่อนล่มสลาย

แต่เจ้าหน้าที่อัยการก็ได้ทำการขุดคุ้ยเอกสารจนพบหลักฐานของเงินที่รั่วไหลมากมายที่เกิดขึ้นก่อนการล่มสลายของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่มีการติดต่อกับทั้งนายธนาคารในอิตาลี รวมถึงเครือข่ายบริษัทยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ มากมายที่ทำงานร่วมกับสหภาพโซเวียต

บริษัทเหล่านั้นรวมถึงยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยุโรป ไมว่าจะเป็น Fiat , Merloni , Olivetti , Siemens และ Thyssen บริษัทเหล่านี้ได้จัดหาสินค้าทางการทหารภายใต้การแอบอิงว่าเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งเบื้องหลังนั้นบริษัทเหล่านี้ได้ผลิตยุทโธปกรณ์ทางการทหารแบบจริงจังมาก ๆ

แม้จะมีการพยายามสอบสวนถึงเส้นทางการเงิน โดยมีการจ้างบริษัทจากต่างชาติเข้ามาร่วมสืบสวนสอบสวน แต่ดูเหมือนจะไม่มีความคืบหน้าเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ของรัสเซียเอง

หน่วยสืบราชการลับต่างประเทศของ KGB ซึ่งอยู่เบื้องหลังหลากหลายโครงการที่เกิดขึ้นในยุคคอมมิวนิสต์ ได้ถือกุญแจลับแห่งความมั่งคั่งที่ซ่อนอยู่ ซึ่งในท้ายที่สุด เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ทุกอย่างเหมือนดูหยุดลง แต่สายลับ KGB เหล่านี้รู้ว่าเงินอยู่ที่ไหน

และ ในคืนสุดท้ายของ Kruchina ก่อนตายนั้นมีเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ เกิดขึ้นเมื่อเริ่มมีการโอนความมั่งคั่งของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ถูกโอนไปยังชนชั้นสูงองค์กรใหม่ และแน่นอนว่าส่วนหนึ่งมันตกเป็นของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของ KGB นั่นเอง

Kruchina รู้ตัวดีว่ากำลังต่อสู้กับความสิ้นหวังที่ว่าต่อจากนี้คนที่จัดการกองทุนจะไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกต่อไป เขาอาจจะถูกฆ่าโดยกลุ่มคนเหล่านี้ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่มีวันบอกเรื่องนี้ได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตาย

ซึ่งเรื่องราวของอัยการที่ค้นหาเงินที่หายไปนั้นถูกลืมไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความโกลาหลของการล่มสลาย แต่สิ่งที่อัยการพบในตอนนั้นคือพิมพ์เขียวสำหรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง

ไม่ว่าจะเป็นแผนการลักลอบนำเข้า บริษัทที่เป็นมิตร และผู้รับฝากทรัพย์สินที่สามารถไว้ใจได้ กลายเป็นแบบจำลองของระบอบการปกครองของ Putin ซึ่งระบอบใหม่นี้กำลังสร้างตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ

ต้องบอกว่าเศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตเริ่มที่จะขาดแคลนทรัพยากรเนื่องจากในยุคคอมมิวนิสต์มีการผลักดันให้ผลิตเครื่องมือทางการทหารเพื่อแข่งขันกับโลกตะวันตกโดยแลกกับสิ่งอื่น ๆ

ในทางทฤษฎีแล้วนั้น รัฐคอมมิวนิสต์เดิมประสบความสำเร็จในการให้คำมั่นว่าจะให้การศึกษาและการรักษาพยาบาลกับคนงานทุกคนในประเทศโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

แต่ในทางปฏิบัติ เศรษฐกิจที่วางแผนไว้ไม่ได้ผล ในทางกลับกัน กลับมีระบบที่เสียหายซึ่งประชาชนทั่วไปที่รัฐคอมมิวนิสต์ควรจะปกป้องกลับกลายเป็นคนที่แทบจะไม่มีอันจะกิน

รัฐคอมมิวนิสต์สามารถเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติมากมาย แต่ก็ล้มเหลวในการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่แข่งขันได้

ในทางกลับกันรัฐบาลได้มอบโควต้าการผลิตให้กับแต่ละองค์กร ควบคุมรายได้ทั้งหมดและกำหนดราคาที่คงที่สำหรับทุกสิ่ง ไม่มีแรงจูงใจให้เกิดการแข่งขันและระบบดังกล่าวก็ไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคตกต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ

ด้วยเหตุนี้มันส่งผลให้เกิดการขาดแคลนทุกอย่างตั้งแต่ขนมปัง ไส้กรอก และอาหารอื่น ๆ ไปจนถึง รถยนต์ โทรทัศน์ ตู้เย็น หรือแม้แต่อพาร์ทเมนท์

อำนาจที่มากล้นเกินไปของระบบราชการของสหภาพโซเวียตได้สร้างการทุจริตอย่างลึกซึ้งในระบบ ในขณะที่ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ ตลาดมืดกลับเจริญรุ่งเรือง

และนั่นเองที่กลายเป็นว่าเหล่าสมาชิกหน่วยข่าวกรองต่างประเทศนั้นมองเห็นจุดอ่อนของโครงสร้างเดิมเหล่านี้ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาเป็นคนที่สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกและมองเห็นว่าเศรษฐกิจตลาดดำเนินการอย่างไรในโลกตะวันตก ซึ่งระบบสังคมนิยมล้มเหลวในการติดตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโลกตะวันตกโดยสิ้นเชิง

ซึ่งในขณะที่ Putin อยู่ในเดรสเดน กลุ่มหัวก้าวหน้าของ KGB ในมอสโกก็เริ่มขั้นตอนที่สองของการทดสอบตลาด พวกเขาเริ่มปลูกฝังและสร้างผู้ประกอบการของตนเองจากกลุ่มเยาวชนคอมมิวนิสต์รุ่นใหม่ (Komsomol )

แม้ว่าในเดือนตุลาคม 1991 Yeltsin ได้ลงนามในคำสั่งให้ยกเลิก KGB และแบ่งแยกองค์กรออกเป็นสี่องค์กรย่อยภายในประเทศ และได้แต่งตั้ง Vadim Bakatin ให้เป็นหัวหน้าองค์กรคนใหม่

แต่ Bakatin เป็นคนนอกที่ไม่มีประสบการณ์ เขาเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยในช่วงเวลาสั้น ๆ ในช่วงปีสุดท้ายของระบอบการปกครองของโซเวียต ซึ่งเขาก็ไม่สามารถที่จะควบคุม KGB ที่แท้จริงได้เลย

แม้บริการหน่วยข่าวกรองต่างประเทศที่ทรงพลังจะถูกกเปลี่ยนชื่อเป็น SVR ถึงขั้นที่ว่าเจ้าหน้าที่หลายหมื่นคนจะลาออกจากราชการ แต่ส่วนหนึ่งของระบบก็ลงไปอยู่ใต้ดินแทน เช่นเดียวกับที่ Putin ทำกับ Sobchak พวกเขาเข้าไปอยู่ในเงามืด

สุดท้ายมันแทบไม่ได้กำจัดอะไรเลยจริง ๆ พวกเขาแค่เปลี่ยนป้ายชื่อ แต่ข้างในไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยจริง ๆ แม้งบประมาณของ SVR จะถูกลดลงไปมาก แต่ในไม่ช้ามันก็มีแหล่งเงินทุนที่ไม่เป็นทางการที่เป็นปริศนาเข้ามาสวมแทน

แม้ว่ารัฐบาลรัสเซียกำลังดิ้นรนอยู่ในความโกลาหลของการล่มสลายของสหภาพโซเวียตเพื่อจ่ายเงินบำนาญและค่าจ้างของครู แพทย์ และเจ้าหน้าที่ของรัฐอื่น ๆ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ Yegor Gaidar ยังคงหาเงินทุนเพื่อรักษาด่านยุทธศาสตร์สำหรับข่าวกรองต่างประเทศ

Yegor Gaidar นายกรัฐมันตรีของรัสเซียในยุคของ Yeltsin (CR:Novinite.com)
Yegor Gaidar นายกรัฐมันตรีของรัสเซียในยุคของ Yeltsin (CR:Novinite.com)

หนึ่งในการจ่ายเงินดังกล่าวคือ การจ่ายเงินจำนวน 200 ล้านดอลลาร์ในปี 1992 ให้กับระบอบการปกครองของฟิเดล คาสโตรในคิวบาสำหรับหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซียเพื่อใช้เป็นสถานีดักฟังข้อมูลในสหรัฐอเมริกาต่อไป

ในช่วงครึ่งแรกของยุค 90 KGB ยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลัง ผู้ปฏิบัติงานยังมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง เป็นที่ปรึกษาด้านการค้าหรือมีความสัมพันธ์กับรัฐบาล หรือเป็นหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ภาคน้ำมันส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ในมือของรัฐ

เมื่อรัฐบาลของ Yeltsin ประกาศปล่อยราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้เป็นไปตามกลไกตลาดในวันที่ 1 มกราคม 1992 ซึ่งยกเลิกการควบคุมราคาของสินค้าที่สหภาพโซเวียตทำมานานหลายทศวรรษ

นั่นทำให้เกิดบรรดามหาเศรษฐีรุ่นใหม่ขึ้นมามากมาย ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่และรัฐบาลกำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด การยกเลิกการควบคุมราคาสินค้าทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรง เกิดภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรง เนื่องจากซัพพลายเออร์และผู้ผลิตพยายามดิ้นรนเพื่อเอาชนะปัญหาการขาดแคลนที่สร้างขึ้นมาเป็นเวลานานในเศรษฐกิจของสหภาพโซเวียต

มหาเศรษฐียังได้รับประโยชน์เต็ม ๆ จากการปฏิรูปตลาดครั้งต่อไป โดยนายกรัฐมนตรี Gaidar นั่นก็คือการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเฉพาะผู้ที่มีเงินทุนจะมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมในการแปรรูปครั้งใหญ่นี้ ซึ่งก็คือกลุ่มชนชั้นนำที่ได้ควบคุมกระแสเงินสดขององค์กรส่วนใหญ่ภายใต้การปฏิรูป perestroika ของ Gorbachev ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มจากเยาวชนคอมมิวนิสต์ , นักธุรกิจในตลาดมืด , องค์กรอาชญกรรม กลุ่ม KGB และเหล่าผู้อำนวยการของรัฐ

จุดเปลี่ยนที่แท้จริงเมื่อการควบคุมเศรษฐกิจดูเหมือนจะโอนไปอยู่ในมือของมหาเศรษฐีหน้าใหม่ คือในช่วงกลางปี 1995 รัสเซียกำลังเข้าสู่ช่วงปีสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกในยุคหลังโซเวียต ซึ่งสถานการณ์ในตอนนั้นเงินทุนของรัฐบาลเริ่มร่อยหรอ

Vladimir Potanin ลูกชายที่พูดจาอย่างคล่องแคล่วของนักการทูตอาวุโสของสหภาพโซเวียต ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในนายธนาคารคนใหม่ที่สำคัญของประเทศได้คิดค้นสิ่งที่ดูเหมือนเป็นแผนการที่แยบยล

เขาเสนอช่วยรัฐบาล Yeltsin ด้วยการให้กู้ยืมเงินจำนวนหนึ่ง โดยมีหลักประกันคือ บรรดามหาเศรษฐีจะเลือกถือหุ้นในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจำนวนหนึ่ง พวกเขาจะจัดการวิสาหกิจ และสามารถขายหุ้นออกได้หากรัฐบาลไม่สามารถชำระเงินกู้คืนได้

ซึ่งเหล่านักธุรกิจรุ่นเยาว์มีเพื่อนที่มีอำนาจในรัฐบาลของ Yeltsin นั่นก็คือ Anatoly Chubais รองนายกรัฐมนตรีผมสีแดงและเป็นคู่หูที่ใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรี Gaidar เป็นหนึ่งในทีมงานคนสำคัญในโครงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมาก่อน

นั่นทำให้เหล่าผู้ประกอบการรุ่นเยาว์สามารถเอาชนะกลุ่ม KGB ซึ่งกองกำลังที่รวมกันของ KGB และอดีตกรรมการในยุคโซเวียตสามารถเอาชนะการประมูลเพื่อถือหุ้นในบริษัทน้ำมันได้เพียงสองแห่งเท่านั้น นั่นคือ 5% ของบริษัทน้ำมันชื่อ Lukoil และ 40% ของ Surgutneftegaz และส่วนใหญ่ผู้ชนะคือนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีสายสัมพันธ์กับ Chubais

นั่นทำให้อุตสาหกรรมที่เหลือส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือนายธนาคารรุ่นเยาว์เหล่านี้ Potanin ได้ครอบครองสิ่งที่เขาอยากได้มานาน ซึ่งรวมถึง Norilsk Nickel ผู้ผลิตนิกเกิลและแพลตตินั่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยการให้เงินกู้กับรัฐเพียงแค่ 170 ล้านดอลลาร์เพียงเท่านั้น

รวมถึงพันธมิตรคนอื่น ๆ ของ Patanin ที่ได้ Yukos ผู้ผลิตน้ำมันในไซบีเรียตะวันตกซึ่งควบคุมแหล่งน้ำมันสำรองที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียมานานแล้ว โดยให้รัฐกู้ยืมเงิน 159 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้น 45% จากนั้นจ่ายเงินลงทุนเพิ่มอีก 150 ล้านดอลลาร์ เพื่อขอหุ้นเพิ่มอีก 33% ส่วน Sibneft บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อีกรายตกเป็นของ Boris Berezovsky ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในรัสเซีย โดยจ่ายเงินเพียงแค่ 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าถูกมาก ๆ

Vladimir Potanin หนึ่งในนายธนาคารคนใหม่ที่สำคัญของประเทศในยุคนั้น (CR:Business Insider)
Vladimir Potanin หนึ่งในนายธนาคารคนใหม่ที่สำคัญของประเทศในยุคนั้น (CR:Business Insider)

นายธนาคารรุ่นเยาว์เหล่านี้อายุยังไม่ถึงสามสิบปี แต่ด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐนั่นเองที่ทำให้ในไม่ช้า Berezovsky ได้ออกมากล่าวว่า กลุ่มนายธนาคารเจ็ดนายได้ควบคุมเศรษฐกิจของประเทศร้อยละ 50 พวกเขาสามารถสร้างอาณาจักรของอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่แห่งใหม่ที่ภายในระยะเวลาอีกไม่กี่ปีจะมีมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์

การปล่อยเงินกู้จากนายทุนธนาคารครั้งใหญ่นี้แลกกับบริษัทในอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของประเทศรัสเซียซึ่งได้กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการควบคุมเศรษฐกิจ เป็นช่วงเวลาที่เหล่าผู้ประกอบการเปลี่ยนจากแค่นายธนาคารมาเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

แต่ในมุมกลับกันฝั่งของ KGB มันคือความพ่ายแพ้ที่พวกเขาไม่มีวันให้อภัย แม้ในเงามืด เหล่า KGB ยังคงสามารถควบคุมกระแสเงินสดส่วนใหญ่ผ่านความมั่งคั่งจากน้ำมันของประเทศได้ แต่ตอนนี้พวกเขาถูกหลอก และถูกกลุ่มเด็กรุ่นใหม่แซงหน้า กระแสเงินสด เครื่องผลิตเงินส่วนใหญ่ถูกพรากไปจากมือของพวกเขาเสียแล้ว

แต่มหาเศรษฐีในระเบียบใหม่ของรัสเซียต่างวิตกกับความมั่งคั่งใหม่ของพวกเขา พวกเขากลายเป็นผู้มีอำนาจอย่างรวดเร็วซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อรัฐบาลของ Yeltsin ที่อ่อนแอลงเรื่อย ๆ เหล่า KGB เก่าซึ่งเคยรับราชการในรัฐบาลถูกขับออกจากตำแหน่งเป็นจำนวนมาก

Potanin รับตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีของ Yeltsin ในขณะที่ Berezovsky ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคง Chubais เป็นเสนาธิการของ Yeltsin ดูเหมือนว่าตอนนี้ประเทศจะเป็นของพวกเขา และอิทธิพลของ KGB กำลังเริ่มถดถอย

แต่นั่นคือที่เฉพาะที่ศูนย์กลางอำนาจในเมืองหลวงอย่างมอสโก เหล่ามหาเศรษฐีหน้าใหม่ หลงระเริงกับอำนาจที่ได้มาแสนง่ายดาย พวกเขาไม่ได้สังเกตว่าบริเวณใกล้เคียงในเมืองเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก สิ่งต่าง ๆ กำลังดำเนินการในทางตรงกันข้ามที่นั่น

การแยกตัวออกจากความรุ่งโรจน์ของเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูของมอสโก ทำให้กองกำลังของ KGB ได้ถอยทัพมาคุมเมืองเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในเมืองที่เศรษฐกิจเริ่มแข็งแกร่งขึ้น แต่เต็มไปด้วยความมืดมน ในการแย่งชิงทรัพยากรของชาติอย่างรุนแรง และที่สำคัญ ชายที่ชื่อ Vladimir Putin กำลังสะสมอำนาจแบบเงียบ ๆ ในเมืองทางตอนเหนือแห่งนี้และเตรียมพร้อมที่ก้าวขึ้นมาท้าทายศูนย์กลางอำนาจที่มอสโกอีกครั้ง

–> อ่านตอนที่ 4 : Submariner, Soldier, Trader and Spy

ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ประวัติ Vladimir Putin ตอนที่ 2 : Operation Luch

ที่มหานครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นเวลาหกสัปดาห์แล้วที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย นับตั้งแต่วันที่ประธานาธิบดี Boris Yeltsin และผู้นำของสาธารณรัฐโซเวียตอื่น ๆ ได้เข้ามาร่วมลงนามอย่างเป็นทางการ

ในท้องถนนทั่วเมืองเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก ชาวเมืองพยายามหาเงินจากการขายรองเท้าและสิ่งของอื่น ๆ จากบ้าน สถานการณ์ในตอนนั้นทั้งขาดแคลนอาหาร ต้องใช้บัตรปันส่วน ผู้คนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ ภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงอย่างสุดขีดกำลังทำลายเงินออมของพวกเขา บางคนถึงกับออกมาส่งเสียงว่าพวกเขากำลังอดอยาก โดยมีการส่งเสียงกระดิ่งเตือนไปทั่วทั้งเมือง มันคล้ายกับภาพจำที่เกิดขึ้นจากการปิดล้อมของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ผู้คนหลายพันคนต้องอดอาหารตายในทุก ๆ วัน

ในเวลาเดียวกันนั้น Vladimir Putin ชายผู้ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองนายกเทศมนตรีเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในวัย 39 ปี กำลังถ่ายทำสารคดีชุดใหม่เกี่ยวกับการบริหารเมืองของเขา

เป็นสารคดีที่เน้นไปที่รองนายกเทศมนตรีที่ดูอ่อนเยาว์ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลการนำเข้าอาหารอย่างเพียงพอ ซึ่งตอนนั้นมีเมล็ดธัญพืชจำนวนมากมายที่ได้รับจากการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ส่งมาจากเยอรมนี อังกฤษและฝรั่งเศส

Putin เป็นคนที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาใหญ่ในเรื่องเศรษฐกิจที่เมืองกำลังเผชิญปัญหาอยู่ เขาพูดด้วยความคล่องแคล่วเกี่ยวกับความจำเป็นในการพัฒนากลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางให้เป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจในตลาดใหม่ของรัสเซีย

Putin ได้กล่าวว่า “ชนชั้นผู้ประกอบการควรเป็นพื้นฐานสำหรับความเจริญรุ่งเรืองของสังคมเราโดยรวม”

เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับปัญหาในการเปลี่ยนหน่วยงานป้องกันประเทศยุคโซเวียตขนาดใหญ่ให้กลายเป็นฐานการผลิตช่วยเหลือพลเรือนเพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น

เขาได้พูดเกี่ยวกับอันตรายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในการตัดขาดสหภาพโซเวียตออกจากความสัมพันธ์กับตลาดเสรีที่เชื่อมโยงกับส่วนที่เหลือของโลกที่พัฒนาแล้ว

“ลัทธิมาร์กซ์และเลนิน นำความสูญเสียมหาศาลมาสู่ประเทศของเรา” เขากล่าว

“อันที่จริงกลุ่มปฏิวัติบอลเชวิคในปี 1917 ต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นในตอนนี้ โศกนาฎกรรมของการล่มสลายของรัฐของเรา” เขากล่าวในการสัมภาษณ์เพื่อทำสารคดีอย่างกล้าหาญ

นั่นคือเรื่องราวจุดเริ่มต้นของความเท็จและความสับสนในอาชีพ KGB ของ Putin หลังจากที่เขากลับมาจากเดรสเดน Putin ได้เห็นจุดจบของการควบคุมเยอรมันตะวันออก ของจักรวรรดิโซเวียต การล่มสลายของความฝันที่เรียกว่าสังคมนิยม

กลุ่มอำนาจสนธิสัญญาวอร์ซอของสหภาพโซเวียตได้แตกสลาย ขณะที่พลเมืองของตนก่อกบฎต่อผู้นำคอมมิวนิสต์

มันได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกที่เริ่มส่งเสียงก้องไปทั่วสหภาพโซเวียต การพังทลายของกำแพงเบอร์ลิน ขบวนการชาตินิยมจึงแพร่กระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว บังคับให้ผู้นำคอมมิวนิสต์ Mikhail Gorbachev ประนีประนอมกับผู้นำประชาธิปไตยรุ่นใหม่

ซึ่งหนึ่งในผู้นำรุ่นใหม่เหล่านั้นก็คือ Boris Yeltsin ที่ได้รับชัยชนะจากการพยายามทำรัฐประหารอย่างหนักหน่วงในเดือนสิงหาคม 1991 ซึ่ง Yeltsin ได้เข้ามาจัดการกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต ระบอบเก่าที่จะถูกกวาดล้างให้สิ้นซากไปในที่สุด

แต่ต้องบอกว่าสิ่งที่มาแทนที่นั้น มันเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น และสิ่งที่เกิดขึ้นกับ KGB ทาง Yeltsin เองก็ได้กำจัดผู้นำระดับบนสุดของ KGB แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันกลับกลายเป็นว่าเกิดสัตว์ประหลาดหัวไฮดราขึ้นมาแทนที่

เจ้าหน้าที่ KGB หลายคน เช่น Putin ได้หลบหนีไปยังเงามืดและยังทำภารกิจแบบใต้ดิน ในขณะที่หน่วยข่าวกรองต่างประเทศที่ทรงพลังก็ยังคงไม่บุบสลาย มันยังอยู่ในดินแดนเงามืดที่ถูกฉาบด้วยภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังพร้อมที่จะกลับมาเปล่งประกายในทุก ๆ เมื่อ

และเรื่องราวของ Putin ที่เป็นทางการที่ออกมาจริง ๆ นั้น จะฉายภาพเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ KGB ที่เริ่มเข้ามาเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยของประเทศ

เรื่องราวของกลุ่ม KGB โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนหนึ่งของหน่วยงานข่าวกรองต่างประเทศ ได้เตรียมเอกสารอย่างลับ ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในความวุ่นวายของการปฏิรูป perestroika ของสหภาพโซเวียต

Putin ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ในขณะที่เขาอยู่ในเดรสเน ต่อมาหลังจากเยอรมนีรวมตัวกันอีกครั้ง หน่วยรักษาความปลอดภัยของประเทศสงสัยว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่ทำงานปฏิบัติการพิเศษ ‘Operation Luch’

มันเป็นปฏิบัติการที่มีการเตรียมการมาอย่างน้อยที่สุดตั้งแต่ปี 1988 ในกรณีที่ระบอบการปกครองของเยอรมันตะวันออกล่มสลาย ซึ่งวิธีการดำเนินการก็คือการจัดหาเครือข่ายตัวแทนที่สามารถดำเนินการต่อไปสำหรับรัสเซียยุคใหม่หลังจากการล่มสลาย

Vladimir Putin ใฝ่ฝันที่จะประกอบอาชีพด้านข่าวกรองต่างประเทศมานานแล้ว ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พ่อของเขาเคยรับใช้ใน NKVD ตำรวจลับของสหภาพโซเวียต ที่ได้พยายามทำลายล้างทหารเยอรมัน พ่อของเขาหลบหนีได้อย่างหวุดหวิด แต่ท้ายที่สุดก็ถูกจับเข้าคุก และทนทุกข์ทรมานกับบาดแผลที่ร้ายแรง

หลังจากที่พ่อของเขาเป็นวีรบุรุษ Putin ก็หมกมุ่นอยู่กับการเรียนภาษาเยอรมันตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ และในช่วงวัยรุ่นเขาก็มีความกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วม KGB มากจนเขาโทรหาสำนักงานเลนินกราด (ชื่อของเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในตอนนั้น) เพื่อให้เขาได้เข้าทำงานก่อนที่จะเรียนจบ

เมื่อถึงวัย 30 ต้น ๆ ในที่สุดเขาก็ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนชั้นนำสำหรับเจ้าหน้าที่ข่าวกรองต่างประเทศ มันเป็นความสำเร็จที่ดูเหมือนว่าจะช่วยให้เขารอดพ้นจากการต่อสู้อันเลวร้ายในชีวิตวัยเด็กของเขา

ในช่วงวัยเด็ก เขาต้องทนกับวัยเด็กที่ต้องไล่ตามหนูรอบ ๆ บันไดของอาคารอพาร์ตเมนต์ส่วนกลางของครอบครัว และทะเลาะกับเด็กคนอื่น ๆ บนถนน

เขาได้เรียนรู้ที่จะถ่ายทอดความกระหายในการต่อสู้บนท้องถนนด้วยวิชายูโด ซึ่งเป็นศิลปะการป้องกันตัวที่มีพื้นฐานมาจากหลักการอันละเอียดอ่อนในการทำให้คู่ต่อสู้เสียสมดุล

เขาปฏิบัติตามคำแนะนำของสำนักงาน KGB ในพื้นทีอย่างใกล้ชิดว่าควรเรียนหลักสูตรใดเพื่อจะให้ก้าวหน้าในอาชีพการงาน เขาได้เข้าไปศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเลนินกราด จากนั้นเมื่อเขาสำเร็จการศึกษาในปี 1975 เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกต่อต้านข่าวกรองของเลนินกราด ในท้ายที่สุด

โดยในตอนแรกเขาจะได้รับหน้าที่เป็นสายลับ แต่เมื่อในที่สุดเขาก็ได้บรรลุเป้าหมายตามความฝันของเขาโดยได้เริ่มงานในต่างประเทศครั้งแรกที่เมืองเดรสเดนในเยอรมันตะวันออก

เมื่อ Putin มาถึงเดรสเดน มีเจ้าหน้าที่ KGB เพียงแค่ 6 คนอยู่ที่นั่น เขาร่วมสำนักงานกับเพื่อนร่วมงานที่มีอายุมากกว่าคือ Vladimir Usoltsev ซึ่งเรียกเขาว่า Volodya และทุกวันเขาจะพาลูกสาวตัวน้อยสองคนไปโรงเรียนเยอรมันจากอาคารอพาร์ตเมนต์ที่เขาอาศัยอยู่กับ Lyudmilla ภรรยาของเขา

งานแรกในฝันของ Putin ที่เมืองเดรสเดน เยอรมันตะวันออก (CR:GettyImage)
งานแรกในฝันของ Putin ที่เมืองเดรสเดน เยอรมันตะวันออก (CR:GettyImage)

มันดูเหมือนชีวิตที่น่าเบื่อหน่ายในช่วงแรก ๆ เขามักมาเล่นกีฬากับเพื่อนร่วมงานรวมถึงกลุ่ม Stasi ซึ่งคือหน่วยสอดแนมตัวพ่อแห่งยุคสงครามเย็นของเยอรมันตะวันออก งานหลักของ Stasi คือการสอดแนมศัตรูของรัฐ อันหมายรวมถึงประชาชนของตนเอง

กลุ่มเหล่านี้จะรู้จักทุกคนในเมืองและรับผิดชอบในการจัดระเบียบบ้านที่ปลอดภัยและอพาร์ทเมนต์ลับสำหรับตัวแทนและผู้ให้ข้อมูลและสำหรับจัดหาสินค้าใหักับสหายชาวโซเวียตของพวกเขา

ต้องบอกว่าเดรสเดนเป็นมากกว่าพื้นที่แสนสงบของเยอรมันตะวันออก เพราะเป็นสถานที่ตั้งของอาณาจักรลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องช่วยชีวิตสำหรับเศรษฐกิจของเยอรมันตะวันออก มาเป็นเวลานาน

ที่นั่นเป็นสถานที่ตั้งของ Robotron ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดในเยอรมันตะวันออกที่ผลิตเมนเฟรมและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งศูนย์กลางของการต่อสู้ของโซเวียตและเยอรมันตะวันออก คือ การได้มาซึ่งพิมพ์เขียวและส่วนประกอบของสินค้าไฮเทคของตะวันตกอย่างผิดกฎหมาย

มันได้ทำให้กลายเป็นกุญแจสำคัญ ใช้ในการดิ้นรนเพื่อแข่งขันทางการทหารกับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็วของตะวันตก

Robotron ประสบความสำเร็จในการโคลน IBM ของตะวันตก และพัฒนาความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับซีเมนส์ของเยอรมนีตะวันตก

Franz Sedelmayer ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยของชาวเยอรมันตะวันตกซึ่งต่อมาทำงานร่วมกับ Putin ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้กล่าวว่า การลักลอบสินค้าไฮเทคส่วนใหญ่มาจากเมืองเดรสเดน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลักลอบขนสินค้าไฮเทคของชาวเยอรมันตะวันออก

เดรสเดนได้กลายเป็นศูนย์กลางของการค้าขายของเถื่อนนี้ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของ Kommerzielle Koordinierung ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงการค้าต่างประเทศของเยอรมันตะวันออกที่เชี่ยวชาญด้านการลักลอบนำเข้าสินค้าไฮเทคภายใต้การคว่ำบาตรจากตะวันตก

งานหลักอย่างหนึ่งของ Putin คือการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ NATO ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้หลัก และเดรสเดนเป็นด่านหน้าที่สำคัญสำหรับการเกณฑ์ทหารในมิวนิกและในบาเดน-เวิร์ทเทมแบร์ก ซึ่งอยู่ห่างออกไป 500 กิโลเมตร และเป็นบ้านของบุคลากรทางทหารของสหรัฐ และกองทหาร NATO

ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 80 สมาชิก KGB หัวก้าวหน้า 2-3 คนได้ทำงานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในสถาบันเศรษฐกิจโลกในกรุงมอสโก พวกเขาเริ่มทำงานในการปฏิรูปที่สามารถนำองค์ประกอบบางอย่างของตลาดเสรีมาสู่เศรษฐกิจโซเวียตเพื่อสร้างการแข่งขัน

เมื่อ Mikhail Gorbachev เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในปี 1985 ความคิดเหล่านี้จึงกลายเป็นแรงผลักดัน ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การค่อย ๆ คลายการควบคุมระบบการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ

มันเป็นวิธีเดียวที่จะนำพาประเทศให้อยู่รอด ซึ่งสถานการณ์ในตอนนั้นทั่วทั้งกลุ่มตะวันออกทั้งอารมณ์ของการประท้วงเพิ่มขึ้นในการต่อต้านการขดขี่ของผู้ปกครองคอมมิวนิสต์ เมื่อตระหนักได้ว่าการล่มสลายอาจจะเกิดขึ้น บรรดา KGB หัวก้าวหน้าเพียงไม่กี่คนก็เริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการล่มสลายที่กำลังจะเกิดขึ้น

ความตระหนักเรื่องความเสี่ยงของการล่มสลายของคอมมิวนิสต์ที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ในช่วงกลางทศวรรษที่ 80 KGB ได้เปิดตัว Operation Luch อย่างเงียบ ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ในปี 1986 Markus Wolf หัวหน้าสปายระดับสูงผู้ที่เป็นที่เคารพนับถือของ Stasi ลาออก สิ้นสุดการครองอำนาจใน Hauptverwaltung Aufklärung – HVA (หน่วยข่าวกรองต่างประเทศที่น่าเกรงขามของเยอรมนีตะวันออก)

มันเป็นเวลา 30 ปีที่เขาดำเนินการปฏิบัติการต่าง ๆ อย่างไร้ความปราณี Stasi ที่กลายเป็นที่รู้จักมาจากความสามารถของเขาในการใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของมนุษย์เพื่อทำการแบล็กเมล์ และขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่ ภายใต้การดูแลของ Wolf HVA ได้เจาะลึกเข้าไปในรัฐบาลเยอรมันตะวันตก และได้เปลี่ยนสายลับจำนวนมากที่คิดว่าจะทำงานให้กับ CIA ให้มาเป็นพวกของตน

ทาง KGB ได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง Boris Laptev ไปยังสถานทูตโซเวียตในเบอร์ลินตะวันออกเพื่อดูแลอย่างเป็นทางการ ภารกิจของ Laptev คือการสร้างกลุ่มผู้ปฏิบัติการที่จะทำงานอย่างลับ ๆ เพื่อเจาะกลุ่มฝ่ายค้านของเยอรมันตะวันออก และป้องกันไม่ให้มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในการรวมเยอรมัน

นั่นเองที่ทำให้ Putin ถูกเกณฑ์ให้มีส่วนร่วมในปฏิบัติการดังกล่าวนี้ เนื่องจากเมืองเดรสเดนที่ Putin อาศัยอยู่เป็นศูนย์กลางของการเตรียมการเหล่านี้

กลุ่ม Stasi ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Martin Schlaff นักธุรกิจชาวออสเตรีย ซึ่ง Schlaff ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องการลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนประกอบสำหรับก่อสร้างโรงงานฮาร์ดดิสก์ในเมือง Thuringen ใกล้กับเมืองเดรสเดน

โครงการดังกล่าวกลายเป็นโครงการที่แพงที่สุดที่เคยดำเนินการภายใต้ Stasi แต่โรงงานไม่เคยสร้างเสร็จ ส่วนประกอบหลายๆ อย่างไม่เคยมาถึง แต่มีเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ จากข้อตกลงอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมาย ถูกโอนไปยังบริษัทของ Schlaff ใน ลิกเตนสไตน์ สวิตเซอร์แลนด์ และ สิงค์โปร์

ซึ่งเส้นทางการโอนเงินเหล่านี้เกิดขึ้นในขณะที่ Putin ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานหลักระหว่าง KGB และ Stasi ในเมืองเดรสเดน

หลายปีต่อมา สายสัมพันธ์ของ Schlaff กับ Putin ก็เริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อนักธุรกิจชาวออสเตรียปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งในเครือข่ายของบริษัทต่าง ๆ ในยุโรปที่เป็นศูนย์กลางในการดำเนินงานที่มีอิทธิพลของระบอบการปกครองของ Putin หลังขึ้นสู่อำนาจ

เมื่อ Putin เดินทางกลับรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผลกระทบของการพังทลายของกำแพงเบอร์ลินยังคงดังก้องไปทั่วสหภาพโซเวียต ขบวนการชาตินิยมกำลังเพิ่มสูงขึ้น และมีการขู่ว่าจะแยกประเทศออกจากกัน

Mikhail Gorbachev ถูกกดดันอย่างหนัก ถูกบังคับให้ยอมยกอำนาจให้กับผู้นำประชาธิปไตยที่มาใหม่ พรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตเริ่มสูญเสียการผูกขาดอำนาจอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งความชอบธรรมของพรรคกำลังถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในเดือนมีนาคม 1989 เกือบหนึ่งปีก่อนที่ Putin จะกลับมาที่รัสเซีย Gorbachev ตกลงที่จะจัดการเลือกตั้งที่มีการแข่งขันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โซเวียตเพื่อเลือกผู้แทนราษฎรในรัฐสภาชุดใหม่

กลุ่มประชาธิปไตยซึ่งนำโดย Andrei Sakharov นักฟิสิกส์นิวเคลียร์ ซึ่งกลายเป็นเสียงที่ไม่เห็นด้วยในอำนาจทางศีลธรรมของคอมมิวนิสต์ และ Boris Yeltsin ได้กลายมาเป็นคู่ต่อสู้ใหม่ในวิถีแห่งประชาธิปไตย ซึ่งมันใกล้จะถึงจุดจบของช่วงเวลาเจ็ดทศวรรษของการปกครองของคอมมิวนิสต์เต็มทีแล้ว

ท่ามกลางความโกลาหล Putin พยายามปรับตัว แต่แทนที่จะหาเลี้ยงชีพเป็นคนขับแท็กซี่หรือเดินตามเส้นทางดั้งเดิมหลังจากกลับจากต่างประเทศ กลับมีไปรษณีย์ลึกลับมาที่ศูนย์ของสำนักงานใหญ่ของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของ KGB ในมอสโก

เขาได้รับคำสั่งจากอดีตที่ปรึกษาและเจ้านายของเขาในเดรสเดน ให้ไม่ต้องไปไหนมาไหนในมอสโก แต่ให้กลับบ้านที่เลนินกราด ที่ซึ่งการเลือกตั้งสภาเทศบาลจะมีการจัดขึ้นครั้งแรกภายใต้การปฏิรูปของ Gorbachev

ตำแหน่งแรกของ Putin ที่เลนินกราดคือเป็นผู้ช่วยอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเลนินกราด ซึ่งในวัยหนุ่มเขาได้ศึกษากฎหมายอยู่ที่นั่นมาก่อน

เขามีหน้าที่ในการดูแลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยและจับตาดูนักศึกษาต่างชาติและบุคคลสำคัญที่มาเยี่ยม

Anatoly Sobchak เป็นศาสตราจารย์ด้านกฎหมายที่มีเสน่ห์ของมหาวิทยาลัย สูงส่ง เก่งกาจ และหล่อเหลา เขาชนะใจนักเรียนด้วยแนวร่วมต่อต้านรัฐบาลคอมมิวนิสต์มาช้านาน และได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักพูดที่ปลุกเร้าขบวนการประชาธิปไตยรูปแบบใหม่ที่สุด ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะท้าทายพรรคคอมมิวนิสต์และ KGB ในทุก ๆ ทาง

Sobchak เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่ปรึกษาอิสระและนักปฏิรูปที่เข้าควบคุมสภาเมืองหลังการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม 1990 และภายในเดือนพฤษภาคมเขาได้รับตำแหน่งให้กลายเป็นประธานสภาเมือง และ Putin ได้รับแต่งตั้งให้เป็นมือขวาของเขาแทบจะในทันที

Anatoly Sobchak ที่ให้ Putin มาเป็นมือขวาแทบจะในทันที (CR:Alchetron)
Anatoly Sobchak ที่ให้ Putin มาเป็นมือขวาแทบจะในทันที (CR:Alchetron)

Putin ได้มาช่วยเหลือ Sobchak ในการเป็นผู้ประสานงานและดูแลเรื่องความปลอดภัย Franz Sedelmayer ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยของเยอรมันซึ่งต่อมาทำงานร่วมกับ Putin กล่าวว่า ‘KGB บอก Sobchak ว่า “นี่ (Putin) คือคนของเรา เขาจะดูแลคุณ”

ตำแหน่งในคณะนิติศาสตร์เป็นเพียงการปกปิดข้อมูลบางอย่างเท่านั้น Sedelmayer เชื่อว่า Sobchak เองได้ทำงานอย่างไม่เป็นทางการกับ KGB มานานแล้ว ซึ่งการปกปิดตัวตนที่ดีที่สุดสำหรับคนเหล่านี้คือปริญญาทางกฎหมาย

และเมื่อถึงเวลาที่เมืองเลนินกราดจัดการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในเดือนมิถุนายน 1991 Sobchak ก็เป็นผู้นำและชนะการเลือกตั้งได้อย่างง่ายดาย

แต่เมื่อถึงเดือนสิงหาคม ก็ได้เกิดการก่อรัฐประหารต่อผู้นำโซเวียตขึ้น เหล่าผู้ก่อการรัฐประหารได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และประกาศว่าพวกเขากำลังเข้าควบคุมสหภาพโซเวียต และได้จับตัว Gorbachev เป็นตัวประกันที่บ้านพักฤดูร้อนของเขาที่ Foros บนชายฝั่งทะเลดำ

แต่ในเลนินกราด เหล่าผู้นำที่สนับสนุนประชาธิปไตยของเมืองได้ก่อกบฎต่อต้านการรัฐประหาร ซึ่งสมาชิกสภาเมืองทำหน้าที่ป้องกันสำนักงานใหญ่ของพรรคในห้องโถงที่ขาดรุ่งริ่งของพระราชวัง Marinsky

Putin และ Sobchak ได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าตำรวจท้องที่และทหารหกสิบคนจากกองกำลังพิเศษ พวกเขาร่วมกันเกลี้ยกล่อมให้เจ้าของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นอนุญาติให้ Sobchak ออกอากาศในเย็นวันแรกหลังการทำรัฐประหาร

สุนทรพจน์ของ Sobchak ที่กล่าวในคืนนั้นผ่านโทรทัศน์ประณามผู้นำรัฐประหารว่าเป็นอาชญากร และได้นำประชาชนออกมารวมตัวกันหลายแสนคนในวันรุ่งขึ้นที่พระราชวังฤดูหนาวของโรมานอฟเพื่อแสดงการต่อต้านการรัฐประหาร

Sobchak ระดมฝูงชนด้วยการเรียกร้องอันทรงพลัง แต่เบื้องหลังนั้นเขาได้ทิ้งภารกิจที่สำคัญที่สุดและยากที่สุดให้กับ Putin และทีมงานทางด้านการทหารของเขา

Putin ได้ทำการเข้าเจรจากับหัวหน้า KGB ของเมืองและผู้บัญชาการทหารของภูมิภาคเลนินกราดเพื่อให้แน่ใจว่าแนวทหารกลุ่มที่ก่อรัฐประหารจะไม่เข้ามาในเมือง

ในขณะที่ Sobchak ปลุกระดมฝูงชนที่รวมตัวกันที่ Palace Square ในวันรุ่งขึ้นการเจรจาของ Putin และทีมงานของเขาก็ยืดเยื้อต่อไป และเมื่อรถถังมาหยุดที่เขตเมืองในวันนั้น Putin ก็หายตัวไปพร้อมกับ Sobchak

Putin ได้พา Sobchak และกลุ่มกองกำลังพิเศษไปยังบังเกอร์ที่อยู่ลึกลงไปใต้โรงงานในแนวป้องกันหลักของเมือง ที่ซึ่งพวกเขาสามารถพูดคุยกับ KGB ต่อไปได้

เมื่อ Putin และ Sobchak ออกมาจากบังเกอร์ในเช้าวันรุ่งขึ้น การรัฐประหารก็สิ้นสุดลง ความพยายามในการยึดอำนาจของกลุ่มก่อรัฐประหารพ่ายแพ้ ในกรุงมอสโก หน่วยงานพิเศษของ KGB ได้ปฏิเสธคำสั่งยิงทำเนียบของกลุ่มก่อรัฐประหาร

Boris Yeltsin ซึ่งเป็นผู้นำที่ได้รับการเลือกตั้งของสาธารณรัฐรัสเซียในขณะนั้น ได้รวบรวมผู้สนับสนุนหลายหมื่นคนเพื่อต่อต้านการรัฐประหารที่กำลังจะยกเลิกเสรีภาพที่ประชาชนชาวรัสเซียกำลังจะได้รับ

เมื่อการรัฐประหารล้มเหลว สิ่งที่เหลืออยู่ของความชอบธรรมของพรรคคอมมิวนิสต์ก็พังทลายลง ผู้นำระบอบประชาธิปไตยใหม่ของรัสเซียพร้อมที่จะก้าวขึ้นมา ไม่ว่าแรงจูงใจของเขาจะเป็นอย่างไร Putin กลายเป็นกำลังสำคัญในการนำชัยชนะมาสู่กลุ่มประชาธิปไตย

Putin ได้สะท้อนมุมมองของทุกคนกลับมาที่เขาเหมือนกระจกเงา อย่างแรกคือแนวความคิดของเจ้านายฝ่ายประชาธิปไตยใหม่ของเขา ส่วนที่เหลือก็คือกลุ่มองครักษ์ KGB เก่าที่เขาเคยทำงานด้วย มันเป็นส่วนผสมใหม่ที่ทำให้เขาคิดอะไรบางอย่างออก

“ดูเหมือนว่าเขา (Putin) จะเปลี่ยนสีได้เร็วจนคุณไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นคนยังไงกันแน่” Sedelmayer กล่าว

–> อ่านตอนที่ 3 : Where’s the Money

ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ประวัติ Vladimir Putin ตอนที่ 1 : Prologue

ณ ทาวน์เฮาส์สามชั้นในย่านเชลซี แสงยามเย็นส่องเข้ามาทางหน้าต่างขนาดเท่าโบสถ์ เสียงนกร้องจากต้นไม้ด้านนอก กับความแออัดของจราจรบนถนนคิงส์ที่อยู่ใกล้เคียง

Sergei Pugachev ชายที่เคยมีความสุขในมอสโก สุดยอดนักเจรจาข้อตกลงในเครมลิน ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะห่างไกลจากจุดนั้นมามาก

ไม่กี่วันที่ผ่านมา Pugachev ถูกบังคับให้หาวิธีการปกป้องหน่วยต่อต้านการก่อการ้ายของสหราชอาณาจักร บอดี้การ์ดของเขาพบกล่องที่่น่าสงสัยพร้อมสายไฟที่ยื่นออกมาติดอยู่ที่ช่วงล่างของรถโรลส์-รอยซ์ของเขา

มันเป็นรถที่ใช้ขนส่งลูกคนสุดท้องในสามคนของเขา ซึ่งมีอายุ เจ็ด ห้า และสามขวบไปโรงเรียน ซึ่งตอนนี้ที่ผนังห้องนั่งเล่นของ Pugachevs หลังม้าโยกและตรงข้ามกับภาพครอบครัว กองกำลังต่อต้านก่อการร้ายของลอนดอน SO15 ได้ติดตั้งกล่องสีเทาทีมีสัญญาณเตือนที่สามารถเปิดใช้งานได้ในกรณีที่มีการโจมตี

เมื่อ 15 ปีก่อน Pugachev เคยเป็นคนวงในของเครมลินมาก่อน ซึ่งเคยอยู่เบื้องหลังเพื่อช่วยนำ Vladimir Putin ขึ้นสู่อำนาจ

ครั้งหนึ่ง Pugachev เคยเป็นที่รู้จักในนามนายธนาคารของเครมลิน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านข้อตกลงลับ ๆ เป็นสุดยอดมือทำงานของ Putin ในยุคนั้น

เป็นเวลาหลายปีที่เขาแทบไม่มีใครกล้าหือ เป็นสมาชิกคนหนึ่งของวงในที่จุดสุดยอดของอำนาจที่สร้างกฏเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับตัวเอง ทั้งการบังคับใช้กฎหมาย ศาล หรือแม้กระทั่งผลการเลือกตั้งที่สามารถเสกได้ตามความต้องการของเขา แต่ตอนนี้สถานการณ์มันกลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง

คนของ Putin ได้ตำหนิเขาสำหรับการล่มสลายของ Mezhprombank ซึ่งเป็นธนาคารที่เขาร่วมก่อตั้งในยุค 90 ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นกุญแจสู่อำนาจของเขา ทางเครมลินได้ยัดคดีอาญาให้กับเขาโดยอ้างว่า Pugachev ได้ทำให้ธนาคารล้มละลาย และกล่าวหา Pugachev ว่ามีการโอนเงินจำนวน 700 ล้านดอลลาร์จากธนาคารไปยังบัญชีของสวิสในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงินในปี 2008

Putin เริ่มกวาดล้างอำนาจวงในอย่างบ้าคลั่ง และ Pugachev เป็นคนวงในคนแรกที่ถูกทำลายล้าง เครมลินได้พยายามไล่ล่าเขาในทุกวิถีทาง จากศาลเตี้ยในมอสโก ไปจนถึงกระบวนการในศาลสูงที่ลอนดอน

ตั้งแต่ Pugachev ออกจากรัสเซีย เครมลินก็ไล่ล่าตามเขา ตั้งแต่ที่บ้านของเขาในฝรั่งเศส เขาเคยถูกคนร้ายที่เป็นสมาชิกของกลุ่มมาเฟียในมอสโกพาเขาออกไปที่เรือยอทช์นอกชายฝัั่งเมืองนีซ และเรียกร้องให้เขาจ่ายเงิน 350 ล้านดอลลาร์เพื่อรับประกันความปลอดภัยของครอบครัว

ในศาลของสหราชอาณาจักร Pugachev เปรียบเสมือนปลาที่ขาดน้ำโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถทำทุกอย่างได้ตามกฎและขั้นตอนที่เคยแทบจะไม่คุ้นเคยกับมัน

เขาเคยชินกับข้อตกลงลับ ๆ ในอดีตของเครมลิน เขาคุ้นเคยกับการแหกกฎระเบียบ เพราะตำแหน่งและอำนาจที่มากล้นของเขาในอดีต แม้เขาจะเชื่อมั่นในความชอบธรรมในทรัพย์สินต่าง ๆ ของเขา ว่าเขาตกเป็นเหยื่อของการยึดทรัพย์สินจากเครมลิน

ครั้งแรกที่เครมลินเรียนรู้วิธีการจัดการผ่านระบบศาลของสหราชอาณาจักรคือการเอาชนะ Boris Berezovsky อดีตวงในที่ถูกเนรเทศ ซึ่งได้กลายเป็นนักวิจารณ์ที่ดุร้ายที่สุดของ Putin

Berezovsky เป็นคนวงในเครมลินที่เคยพยายามและล้มเหลวในการฟ้องร้อง Roman Abramovich ผู้ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในอดีตของเขา ในเรื่องที่ว่าเขาได้ร่วมเป็นเจ้าของ Sibneft ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญที่สุดของรัสเซีย

Berezovsky เป็นคนวงในเครมลินที่เคยพยายามและล้มเหลวในการฟ้องร้อง Roman Abramovich (CR:Business Insider)
Berezovsky เป็นคนวงในเครมลินที่เคยพยายามและล้มเหลวในการฟ้องร้อง Roman Abramovich (CR:Business Insider)

เครมลินได้ปรับปรุงการดำเนินงานในระบบศาลของสหราชอาณาจักรเพิ่มเติมผ่านการไล่ล่า Mukhtar Ablyazov มหาเศรษฐีชาวคาซัค ซึ่งเป็นศัตรูทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประธานาธิบดีคาซัคซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของเครมลิน

Ablyazov ถูกไล่ล่าในข้อหาที่เขาขโมยเงินมากว่า 4 พันล้านดอลลาร์จากธนาคาร BTA ของคาซัคสถาน ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งประธาน และมีสาขาอยู่ทั่วรัสเซีย

หน่วยงานของรัสเซียว่าจ้างทีมทนายความจากสำนักงานกฎหมายชั้นนำของลอนดอนอย่าง Hogan Lovells ซึ่งได้ฟ้องคดีแพ่ง 11 คดีกับ Ablyazov ในสหราชอาณาจักร รวมถึงคำสั่งอายัดทรัพย์สินของเขา โดยนักสืบเอกชนได้ติดตามเงินจำนวน 4 พันล้านดอลลาร์ไปยังเครือข่ายบริษัทนอกอาณาเขตที่ควบคุมโดยผู้ประกอบการชาวคาซัคสถาน

ส่วน Pugachev นั้นถูกบีบบังคับให้มอบหนังสือเดินทางของเขาให้กับศาล และถูกสั่งห้ามไม่ให้เดินทางออกจากสหราชอาณาจักร ซึ่ง Pugachev เชื่อว่า Putin เป็นคนบงการที่แท้จริงในการจัดการกับเขา

Pugachev กล่าวว่าในสหราชอาณาจักรนั้น สิ่งสำคัญคือเงินเสมอ ยิ่งในลอนดอนนั้นเคยชินกับการหลั่งไหลเข้ามาของเงินสดจากรัสเซีย ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้น เจ้าหน้าที่ของรัสเซียซื้อคฤหาสน์ระดับไฮเอนด์ในไนท์สบริดจ์ เคนซิงตัน และเบลกราเวีย ย่านหรูของลอนดอน

ต้องบอกว่าอิทธิพลของรัสเซียมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง Alexander Lebedev อดีตเจ้าหน้าที่และนายธนาคารของ KGB ได้กลายมาเป็นเจ้าพ่อสื่อในลอนดอน ซึ่งเขาได้เข้าซื้อกิจการ Evening Standard หนังสือพิมพ์รายวันที่มีอิทธิพลมากที่สุดในลอนดอน

อีกคนหนึ่งคือ Dmitry Firtash มหาเศรษฐีชาวยูเครนที่กลายมาเป็นผู้ค้าก๊าซรายใหญ่ของเครมลิน มีความเชื่อมโยงกับนักเลงรัสเซียรายใหญ่ที่ FBI ต้องการอย่าง Semyon Mogilevich ซึ่งเขาได้กลายเป็นผู้บริจาครายใหญ่ให้กับมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์

Robert Shetler-Jones หัวหน้าสมุนของ Firtash ในลอนดอนได้บริจาคเงินหลายล้านปอนด์ให้กับพรรคอนุรักษ์นิยม (Tory Party) และเป็นเพื่อนสนิทของ Boris Johnson ซึ่งอดีตเคยเป็นนายกเทศมนตรีของลอนดอน ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของอังกฤษในปัจจุบัน

หลังจากที่ Pugachev พบอุปกรณ์ที่ดูน่าสงสัยในรถของเขา เขาเริ่มได้รับสัญญาณว่ารัสเซียจะทำการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากสหราชอาณาจักร และกลัวว่าจะประสบชะตากรรมเดียวกันกับ Boris Berezovsky ซึ่งถูกพบว่าเสียชีวิตในเดือนมีนาคม 2013 บนพื้นห้องน้ำในคฤหาสน์ส่วนตัวของเขา

แม้ว่า Pugachev ไม่ได้เป็นคนบริสุทธิ์ 100% ก็ตามที ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเงิน 700 ล้านดอลลาร์ที่เขาถูกกล่าวหาว่าขโมยไปจาก Mezhprombank ซึ่งท้ายที่สุดเขาได้ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี

Pugachev เชื่อว่าเขาถูกจับเพราะความอาฆาตพยาบาทของรัสเซียที่ไล่ล่าเขาผ่านกระบวนการศาลของสหราชอาณาจักร

ต้องบอกว่า Pugachev เคยทำงานอยู่ใจกลางอำนาจของเครมลิน และเคยรู้ความลับอันลึกล้ำบางอย่าง รวมถึงวิธีการที่ Putin เข้ามามีอำนาจ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่สำคัญที่เครมลินตั้งใจจะไล่ล่าเขา

ในช่วงเวลาที่เร่งรีบของเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักรที่เขาได้หนีไปที่ฝรั่งเศส Pugachev ได้ทิ้งร่องรอยไว้มากมาย นักสืบที่ทำงานให้กับทนายของเครมลินได้บุกเข้าไปในสำนักงานของเขา

ในบรรดารีมเอกสารนั้นมีดิสก์ไดรฟ์จำนวนหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีการบันทึกจากหัวหน้าความปลอดภัยของรัสเซียที่แอบบันทึกการประชุมทุกครั้งที่เขาจัดขึ้นที่สำนักงานในตัวเมืองมอสโกตั้งแต่ปลายยุค 90

บันทึกหนึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความรู้สึกที่ตรงไปตรงมาและน่าเศร้าของ Pugachev เกี่ยวกับ Putin และบทบาทของเขาในการนำพา Putin ขึ้นสู่อำนาจ

ในเทปได้บันทึก Pugachev กำลังนั่งอยู่นห้องทำงานของเขากับ Valentin Yumashev ซึ่งเป็นลูกเขยและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของอดีตประธานาธิบดี Boris Yeltsin พูดคุยกันเรื่องอาหารค่ำและไวน์ชั้นดีเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังตึงเครียด

Sergei Pugachev ผู้ที่ช่วยปลุกปั้น Putin ขึ้นสู่อำนาจสูงสุด (CR:Business Insider)
Sergei Pugachev (กลาง) ผู้ที่ช่วยปลุกปั้น Putin ขึ้นสู่อำนาจสูงสุด (CR:Business Insider)

ในตอนนั้นมอสโกกำลังเผชิญวิฤติทางการเมืองอีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายน 2007 และเหลือเวลาเพียงอีกไม่กี่เดือนก่อนที่ Putin จะสิ้นสุดวาระที่สองของเขาในฐานะประธานาธิบดี ซึ่งเป็นจุดที่รัฐธรรมนูญของรัสเซียกำหนดให้เขาต้องลงจากตำแหน่ง

Pugachev และ Yamashev ชนแก้วกันอย่างเงียบ ๆ ขณะพูดคุยถึงความขัดแย้ง ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสืบทอดตำแหน่งเมื่อย้อนกลับไปในช่วงปี 1999 ที่พวกเขาช่วยให้ Putin ผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนาจ

แต่กลายเป็นว่า Putin ได้ถีบส่งทั้งคู่ และหันไปหาพันธมิตร KGB ของ Putin เองจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ระบบอำนาจได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง และทั้งคู่ก็พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“คุณจำได้ไหมตอนที่เขา (Putin) เข้ามามีอำนาจได้อย่างไร” Pugachev กล่าวในเทป

“ผมเป็นผู้จัดการเรื่องราวทั้งหมด ผมสร้าง Putin ขึ้นมากับมือ”

ในสมัยนั้น Putin ดูไม่เต็มใจนักที่จะรับบทนำ และดูเหมือนจะมีความอ่อนน้อมถ่อมตนให้กับผู้ที่จัดการให้เขาขึ้นมามีอำนาจอย่าง Pugachev

แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปสี่ปีของการเป็นประธานาธิบดีเทอมแรก เขาเข้าใจว่าสิ่งต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งมันไม่มีวันที่จะทำให้ Putin ก้าวลงจากตำแหน่งอีกต่อไป

การก้าวขึ้นสู่อำนาจของ Putin ในวาระแรกนั้นเปียกโชกไปด้วยเลือดและการโต้เถียง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารประเทศอย่างกว้างขวาง เขาเผชิญกับการโจมตีของผู้ก่อการร้ายหลายครั้ง รวมถึงการล้อมโรงละคร Dubrovka ในมอสโกโดยผู้ก่อการร้ายชาวเชเชนในเดือนตุลาคม 2002

‘ผมคิดว่าเขาจะจากไปอย่างมีความสุขหลังจากผ่านไปสี่ปี’ Pugachev กล่าวต่อ แต่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป การมีปัญหากับตะวันตกก็เริ่มต้นขึ้น ในอดีตเคยมีความขัดแย้งที่รุนแรงจนเกือบจะเป็นวิกฤติขีปนาวุธของคิวบา แต่ตอนนี้เขาทำให้มันยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก Putin เข้าใจดีกว่าถ้ามันไปไกลกว่านี้ เขาจะไม่มีวันสูญสิ้นอำนาจ

Putin มักจะให้เหตุผลในการรวมอำนาจทั้งหมดของเขา ซึ่งรวมถึงยุติการเลือกตั้งผู้ว่าการ และนำระบบศาลใหม่ที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของเครมลิน โดยกล่าวว่ามาตรการดังกล่าวจำเป็นต่อการสร้างยุคใหม่ของรัสเซีย

Putin และกลุ่ม KGB ที่บริหารเศรษฐกิจผ่านเครือข่ายพันธมิตรที่มีความจงรักภักดี บัดนี้ได้ผูกขาดอำนาจ และได้แนะนำระบบใหม่ซึ่งตำแหน่งของรัฐถูกใช้เพื่อเสริมสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง

‘คนเหล่านี้ พวกเขากลายพันธ์ุ’ Pugachev กล่าว

‘พวกเขาเป็นส่วนผสมของ homo-soveticus กับนายทุนที่คลั่งไคล้ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา พวกเขาขโมยของมามากมายจนเต็มกระเป๋า ครบครัวของพวกเขาทั้งหมดอาศัยอยู่ที่ไหนสักแห่งในลอนดอน

‘นักธุรกิจที่แท้จริงเหลืออยู่น้อยมาก’ Yumashev เห็นด้วย ส่ายหัวอย่างเศร้าสร้อย ‘บรรยากาศในประเทศเปลี่ยนไปมาก’

ความสำเร็จของยุค Putin จนถึงตอนนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของรายได้ ความร่ำรวยของมหาเศรษฐีที่เปลี่ยนมอสโกให้กลายเป็นมหานครที่เปล่งประกายซึ่งมีรถยนต์หรูจากต่างประเทศอยู่เต็มถนนและร้านกาแฟบรรยากาศสบาย ๆ เปิดตามมุมถนน

ต้องบอกว่าการปฏิวัติกระแสเงินสดเชิงกลยุทธ์ของ Putin เป็นมากกว่าการควบคุมเศรษฐกิจของประเทศสำหรับการปกครองของ Putin ความมั่งคั่งมีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดีของพลเมืองรัสเซียและการรักษาอำนาจของเขา

ระบบที่ชายอย่าง Putin สร้างขึ้นนั้นเป็นระบบทุนนิยม KGB แบบลูกผสมที่พยายามสะสมเงินสดเพื่อซื้อและฉ้อโกงเจ้าหน้าที่ในฝั่งตะวันตก

ตลาดตะวันตกได้เปิดรับความมั่งคั่งใหม่ที่มาจากรัสเซีย และให้ความสนใจเพียงเล็กน้อยต่ออาชญากรและกองกำลัง KGB ที่อยู่เบื้องหลัง

เมื่อธุรกิจน้ำมันมีค่ามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ถูกโอนจากรัฐไปยังบริษัทที่เชื่อมโยงกับ KGB ซึ่งพวกเขาพยายามที่จะสมสมเงินสดสีดำเพื่อรักษาอิทธิพลของเครือข่ายที่คิดมานานแล้วว่าเคยพังยับเยินจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต

ในช่วงเวลาหนึ่งภายใต้การนำของ Yeltsin กองกำลังของ KGB ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง แต่เมื่อ Putin ขึ้นสู่อำนาจ พวกเขาก็พร้อมที่ก้าวเข้ามาสู่เบื้องหน้า

เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นทั้งหมดของมัน สำหรับชายที่ช่วยนำ Putin ขึ้นสู่อำนาจ ทั้ง Pugachev และ Yamashev ที่ได้เริ่มถ่ายโอนอำนาจอย่างรวดเร็ว ในช่วงที่ Yeltsin กำลังประสบกับปัญหาด้านสุขภาพ

อดีตเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยอย่าง Putin ที่พวกเขานำขึ้นสู่อำนาจ กำลังเสพติดกับอำนาจอย่างบ้าคลั่ง และไม่เคยที่จะหยุดนิ่งเพื่อยืดอายุในการปกครองของเขาให้เกินขอบเขตของสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นไปได้

‘เราควรจะได้พูดกับเขามากกว่านี้’ Yamashev ถอนหายใจ

‘แน่นอน’ Pugashev กล่าว ‘แต่มันแทบไม่มีเวลาเหลือให้คนอย่างเราแล้วในตอนนี้’

–> อ่านตอนที่ 2 : Operation Luch

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

รวม Podcast ที่น่าสนใจประจำปี 2021

สำหรับเนื้อหา podcast ในปีนี้ผมจะเล่าเรื่องราวที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของหนัง ซีรียส์ หนังสือ ที่ผมก็สนใจเช่นเดียวกัน และยังมีเนื้อหานักธุรกิจ ผู้ประกอบการในแขนงต่าง ๆ ที่น่าสนใจผ่านทางช่อง podcast ของผมเพิ่มมากขึ้น ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะครับผม


Podcast Series : Digital Music War


Podcast Series : Digital Music War

ในยุคปี 80 บริษัท Apple ผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลก ขายคอมพิวเตอร์ Macintosh ของตนได้ดีอย่างเทน้ำเทท่า Apple ทำกำไรได้มหาศาล เป็นบริษัทคอมพิวเตอร์แถวหน้าของโลกในขณะนั้น แต่หลังจากมีการถือกำเนิดขึ้นของบริษัท Microsoft ได้เริ่มแย่งส่วนแบ่งไปจาก Apple ที่ละน้อย จนในที่สุดก็ตามทัน แซง และทิ้งห่างไปอย่างไม่เห็นฝุ่นในช่วงยุคปี 90

ทำให้ในปลายยุค 90 บริษัท Apple ได้ทำการไล่ CEO  สตีฟ จ๊อบส์ ออก เพราะว่าเป็นส่วนนึงที่ต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ให้กับ Microsoft ในครั้งนี้ 

หลาย ๆ ท่านอาจจะคิดว่า iPhone เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของบริษัท apple ให้กลายมาเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ของโลกได้จวบจนถึงทุกวันนี้ แต่นั่นเป็นเพียงส่วนนึงเท่านั้น แนวคิดของ apple รูปแบบใหม่ ที่หันมาสร้างนวัตกรรม และ เปลี่ยนจากบริษัทคอมพิวเตอร์ ให้กลายมาเป็นบริษัทที่จำหน่าย สินค้า consumer product มันเริ่มมาจาก iPod สินค้าที่ต้องโจทย์ในเรื่อง Digital Music ที่ตอนนั้นยังไม่มีผู้นำอย่างชัดเจน

Podcast Series ชุดนี้จะมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น กับการแก้แค้นที่สาสมของ Apple ที่มีต่อ Microsoft ในศึกสงครามเพลงในรูปแบบดิจิตอล ที่มันได้กลายเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ที่พา Apple กลับสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง หลังจากตกอยู่ภายใต้เงาของ Microsoft มาอย่างยาวนานนั่นเองครับ 

–> ฟังผ่าน Website : https://www.tharadhol.com/category/podcast/series-digital-music-war/

–> ฟังผ่าน Blockdit : https://www.blockdit.com/series/617fe123af491d11ba555abd


Podcast Series : Search War


Podcast Series : Search War

แน่นอนว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ ของบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีทั้งสอง ทั้ง Google และ Microsoft นั้นได้เกิดการปะทะกันขึ้นหลายครั้ง ซึ่งต้องบอกว่าในยุคก่อนหน้า internet นั้น Microsoft ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ใครจะล้มได้

แต่การเกิดขึ้นของ Search Engine จากสองหนุ่มแห่งสแตนฟอร์ด ที่ได้ค้นพบสิ่งที่กำลังเปลี่ยนโลกโดยบังเอิญ พวกเขาเพียงแค่ต้องการทำวิทยานิพนธ์ เพื่อให้ตัวเองเรียนจบเพียงเท่านั้น แต่หัวข้อที่พวกเขาทำนั้น มันมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนโลกได้

แน่นอนว่า บริษัทหน้าใหม่ในขณะนั้นอย่าง Google ที่ต้องมาเจอกับพี่ใหญ่ที่เจนศึกอย่าง Microsoft ที่ล้มใครที่คิดว่าแน่มาแล้วนับไม่ถ้วน จนหลายๆ  คนขยาดที่จะสู้กับพี่ใหญ่อย่าง Microsoft แล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างทั้งสองบริษัทนี้ในสงครามชิงความเป็นหนึ่งของ Search Engine โปรดอย่าพลาดติดตามจาก Podcast Series ชุดนี้ครับผม 

–> ฟังผ่าน Website : https://www.tharadhol.com/category/podcast/series-search-war/

–> ฟังผ่าน Blockdit : https://www.blockdit.com/series/617fe18a968af906ff98875a


Podcast Series : Smartphone War


Podcast Series : Smartphone War

สงคราม Smartphone ถือได้ว่าเป็นสงครามธุรกิจ Case ที่ Classic Case นึงทีเดียวในวงการธุรกิจโลก การล่มสลายของ Nokia ผู้ครองตลาดมาอย่างยาวนาน รวมถึง Microsoft ที่มีที่ยืนอยู่ใน Windows Mobile ในช่วงเริ่มต้นของ Smartphone นั้น ถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

การเกิดขึ้นของ iPhone จาก Apple ในปี 2007 ได้เปลี่ยนแปลง รูปแบบธุรกิจมือถือ ที่มีเจ้าตลาดอย่าง Nokia เคยครองมาก่อนอย่างสิ้นเชิง ซึ่ง เหล่ายักษ์ใหญ่ที่เป็นอดีตเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ประมาท การแจ้งเกิดของ iPhone เป็นอย่างมาก ไม่คิดว่า Apple จะสามารถมาล้มล้าง การครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จของ Nokia ลงได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น

รวมถึง Android ระบบปฏิบัติการของ Google ที่ถือว่าสามารถแจ้งเกิดได้อย่างทันท่วงที ซึ่งคงกล่าวไม่เกิดเลยว่า พวกเขานั้นได้รับแรงบันดาลใจที่สำคัญจากระบบปฏิบัติการ iOS ของ Apple นั่นเอง

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างศึกครั้งนี้ ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี แต่ได้ปฏิวัติวงการมือถือ รวมถึงได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกไปตลอดกาลผ่านระบบ SmartPhone ที่ได้แจ้งเกิดขึ้นใหม่นี้ อย่าพลาดติดตามได้จาก Series ชุดนี้ครับผม 

–> ฟังผ่าน Website : https://www.tharadhol.com/category/podcast/series-smartphone-war/

–> ฟังผ่าน Blockdit : https://www.blockdit.com/series/617fe20a4adc7b06764fa271


Podcast Series : ประวัติ Tim Cook


Podcast Series : ประวัติ Tim Cook

ชายที่มีนามว่า Tim Cook ได้เข้ามาเป็น CEO แบบเต็มตัวของ Apple ในปี 2011 แน่นอนว่าเขาต้องมารับภาระอันยิ่งใหญ่ที่ Steve Jobs ผู้จากลาได้สร้าง Apple ไว้อย่างยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นตัว Jobs เองที่ตัดสินใจมอบภารกิจสานต่อ Apple ให้กับ Tim Cook เพราะเขาเชื่อมั่นในตัว Tim Cook เป็นอย่างมาก

แม้เหล่านักวิจารณ์ รวมถึงสื่อต่าง ๆ จะค่อนขอดกับความสามารถของ Tim Cook ว่าคงไม่สามารถสร้าง Apple ให้ยิ่งใหญ่ได้เหมือนที่ Steve Jobs ทำไว้ เพราะเขาไม่ได้มีจิตวิญญาณที่เป็นนักสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และไม่มีวี่แววของความเป็นศิลปิน อย่างที่ Jobs เคยทำกับ Apple ตลอดมา

ซึ่งหลังจากเข้ามากุมบังเหียน Apple ในครั้งที่สองของ Jobs เมื่อปี 1995 ทุกคนต่างมองว่า Cook เป็นเพียงแค่มือ Operation ที่อยู่ภายใต้เงาของ Jobs เพียงเท่านั้น คงไม่สามารถทำให้ Apple กลับมาเฉิดฉายในเวทีโลกได้เหมือนช่วงที่ Steve Jobs อยู่อีกต่อไป

แต่เหล่านักวิจารณ์ก็คิดผิดมหันต์ เพราะถัดจากนั้น 8 ปี หลังจากที่ Cook ได้เข้ามาคุม Apple ในฐานะ CEO เต็มตัว เขาได้หักปักกาเหล่านักวิจารณ์ทั้งหลายจนหมดสิ้น Cook ทำให้ Apple ขึ้นสู่จุดสูงสุด กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก

–> ฟังผ่าน Website : https://www.tharadhol.com/category/podcast/series-tim-cook/

–> ฟังผ่าน Blockdit : https://www.blockdit.com/series/617fe28cc84d4f2897514de7


PodCast : Geek Monday


PodCast : Geek Monday

Business Case Study เมื่อเทคโนโลยีกำลังมีบทบาทที่สำคัญต่อทุกธุรกิจ มาฟัง case study ทางธุรกิจที่น่าสนใจ เกี่ยวกับการแข่งขันทางธุรกิจ หรือ การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้ในธุรกิจ ผ่านรายการ podcast geek monday

–> ฟังผ่าน Website : https://www.tharadhol.com/category/podcast/geek-monday/

–> ฟังผ่าน Blockdit : https://www.blockdit.com/series/5f30d1a232c6970cba36502d


PodCast : Geek Daily


PodCast : Geek Daily

Geek Daily กับเรื่องราวข่าวสารทางด้านธุรกิจ วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีสุดล้ำ ที่ผมจะมาเล่าให้ฟังผ่านช่อง Podcast ของผมนะครับ อย่าลืมติดตามกันด้วยน้า 

–> ฟังผ่าน Website : https://www.tharadhol.com/category/podcast/geek-daily/

–> ฟังผ่าน Blockdit : https://www.blockdit.com/series/5ef6effbdc436c0c6fa46247


PodCast : Geek Story


PodCast : Geek Story

Geek Story กับเรื่องราวของนักธุรกิจ บุคคลสำคัญ และเรื่องราวสำคัญในประวัติศาสตร์ที่ผมจะมาเล่าให้ฟังผ่านช่อง Podcast ของผมนะครับ อย่าลืมติดตามกันด้วยน้า 

–> ฟังผ่าน Website : https://www.tharadhol.com/category/podcast/geek-story/

–> ฟังผ่าน Blockdit : https://www.blockdit.com/series/5e908dd45e576155ba577b40


PodCast : Geek Life


PodCast : Geek Life

Better Life for More Happiness and Success ใน PodCast ชุดนี้เราจะเสนอแนวทางวิธีการพัฒนาตนเอง เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ และ มุมมองที่คุณมีต่อตัวเองให้ดียิ่งขึ้น

–> ฟังผ่าน Website : https://www.tharadhol.com/category/podcast/geek-life/

–> ฟังผ่าน Blockdit : https://www.blockdit.com/series/5f4b8e4245a6f20c9ab38b0f


PodCast : Geek China


PodCast : Geek China

Podcast ที่จะพูดคุย วิเคราะห์ในทุกเรื่องเกี่ยวกับประเทศจีน โดยจะเน้นหนักไปที่ด้านธุรกิจ การค้า และเทคโนโลยี

–> ฟังผ่าน Website : https://www.tharadhol.com/category/podcast/geek-china/

–> ฟังผ่าน Blockdit : https://www.blockdit.com/series/5f8b3a38f7f5aa0cbe5de653


PodCast : Geek Book


PodCast : Geek Book

การอ่านเปรียบดั่งมีเวทมนต์ PodCast ชุดนี้จะนำเสนอการรีวิว หนังสือที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหนังสือจากต่างประเทศ ที่น้อยคนนักจะมารีวิวให้ท่านได้ฟังกันครับผม 

–> ฟังผ่าน Website : https://www.tharadhol.com/category/podcast/geek-book/

–> ฟังผ่าน Blockdit : https://www.blockdit.com/series/610fa11eb6f9240c8deaf975


PodCast : Geek Talk


PodCast : Geek Talk
PodCast : Geek Talk

Podcast ที่จะพูดคุยเรื่องราววาไรตี้อื่น ๆ ทั้ง ภาพยนต์ ซีรีส์ กีฬา เกม ฯลฯ 

–> ฟังผ่าน Website : https://www.tharadhol.com/category/podcast/geek-talk/

–> ฟังผ่าน Blockdit : https://www.blockdit.com/series/61ab37fcb0711b0cb064ccbe