หนึ่งวันในชีวิตของ Daniel Ek ผู้เคร่งครัดในเรื่องตารางงาน และไม่เชื่อในเรื่อง Work-Life Balance

การก่อตั้ง Spotify ไม่ใช่เรื่องง่าย Daniel Ek คิดเกี่ยวกับการสร้าง Spotify เป็นครั้งแรกเมื่อ Napster ถูกปิดตัวลงเนื่องจากประสบปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ Napster ให้ผู้ใช้เข้าถึงเพลงจำนวนมากได้ฟรี อนุญาตให้แชร์กับคนอื่นที่ใช้ซอฟต์แวร์ของพวกเขาได้

Daniel และผู้ร่วมก่อตั้ง Martin Lorentzon ก่อตั้ง Spotify ในปี 2006 ในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน Ek กล่าวว่าวัตถุประสงค์หลักของเขากับ Spotify คือการกีดกันการละเมิดลิขสิทธิ์เพลงออนไลน์โดยสร้างทางเลือกที่มีต้นทุนต่ำ และทำให้สามารถเก็บรายได้จากค่าลิขสิทธิ์จำนวนมากให้กับอุตสาหกรรมเพลง

และเมื่อเวลาผ่านไป Spotify ได้สร้างเอกลักษณ์และสร้างความแตกต่างจากแอปพลิเคชันสตรีมเพลงอื่นๆ Spotify เปิดตัวในปี 2008 และได้รับความนิยมทั้งในหมู่ผู้ใช้และได้รับการตอบรับที่ดีมาก ๆ จากเหล่านักลงทุน

แล้วชายอย่าง Daniel Ek มีกิจวัตรประจำวันอย่างไร มาดูกันว่ากิจวัตรประจำวันของเขาตั้งแต่เช้ายันเข้านอนของเขามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง 

ตอนเช้า

Daniel Ek ตื่นนอนประมาณ 06.30 น. และใช้เวลาอยู่กับลูกและภรรยา เวลา 7:30 น. เขาจะไปออกกำลังกาย เวลา 8:30 น. เขามักจะออกไปเดินเล่น แม้จะเป็นช่วงฤดูหนาว เขาพบว่านี่คือจุดที่เขาได้ใช้ความคิดที่ดีที่สุดอยู่บ่อยๆ 

Daniel Ek ตื่นนอนประมาณ 06.30 น. และใช้เวลาอยู่กับลูกและภรรยา (CR:Business Chronicle)
Daniel Ek ตื่นนอนประมาณ 06.30 น. และใช้เวลาอยู่กับลูกและภรรยา (CR:Business Chronicle)

เวลา 9:30 น. เป็นเวลาที่ Ek มักจะอ่านหนังสือเป็นเวลาสามสิบนาทีถึงหนึ่งชั่วโมง บางครั้งก็อ่านข่าว คนทั่วไปจะเห็นกองหนังสือที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนตลอดเวลาในที่ทำงาน ข้างๆ เตียง บนโต๊ะรอบๆ บ้าน ของ Ek อยู่เสมอ 

Ek อ่านหนังสือหลากหลายทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ความเป็นผู้นำ ชีวประวัติ เป็นการผสมผสานที่ค่อนข้างลงตัว คล้าย ๆ กับรสนิยมทางดนตรีของเขา โดยปรกติ Ek จะเริ่มต้นทำงานในเวลา 10:30 น 

เมื่อเขาอยู่ที่บ้านในสตอกโฮล์มซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Spotify เขาจะใช้เวลาในการเดิน 5 นาทีไปยังสำนักงาน

ช่วงบ่าย

“หลายคนตัดสินใจเรื่องสำคัญในช่วงเช้าของวัน แต่ผมมักตัดสินใจทีหลัง” Ek กล่าว 

นั่นเป็นเพราะในขณะที่เขาประจำอยู่ที่ยุโรป พนักงานส่วนใหญ่ของเขาอยู่ที่อเมริกา หมายความว่าด้วยความแตกต่างของเวลา การประชุมที่สำคัญที่สุดของเขาจะมาถึงในช่วงบ่ายเป็นหลัก

ส่วนที่เหลือของวัน Ek แบ่งออกเป็น ส่วนแรกจะมุ่งเน้นไปที่การ coaching แบบตัวต่อตัว และการวางแผน จากนั้น Ek มักจะจัดการปัญหาหนึ่งหัวข้อต่อวันซึ่งใช้เวลากับมันมาก และนั่นคือเรื่องใหญ่ของวันนั้น ๆ

Ek ยังใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเตรียมการประชุม “พูดคุยกับสมาชิกในทีมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตัดสินใจหรือผู้ที่มีข้อมูลเชิงลึก บางครั้งผมก็ได้รับมุมมองที่ดีจากทีมงาน” เขากล่าว 

การพูดคุยกับสมาชิกในทีมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตัดสินใจหรือผู้ที่มีข้อมูลเชิงลึก (CR:Wikimedia Commons)
การพูดคุยกับสมาชิกในทีมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตัดสินใจหรือผู้ที่มีข้อมูลเชิงลึก (CR:Wikimedia Commons)

Ek มีนิสัยที่ชอบเขียนเป้าหมายรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน และติดตามความคืบหน้าทุกเย็นอย่างเคร่งครัด จากนั้นเขาจะจัดสรรเวลาให้สอดคล้องกับแต่ละเป้าหมาย “ผู้คนคิดว่าความคิดสร้างสรรค์คือความอิสระที่ไร้ซึ่งขอบเขต” เขาบอกกับ Fast Company ว่า “ไม่ แท้จริงแล้วคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่สุดในโลกนั้นกำหนดเวลาความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา ดังนั้นผมจึงพยายามทำเช่นเดียวกัน”

นิสัยที่สำคัญอีกอย่างของ Ek หลีกเลี่ยง งานสังคม หรือการนัดหมายใด ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Ek กล่าวกับ Fast Company ว่า”สำหรับคนจำนวนมาก คุณอาจชอบงานสังคมแบบนี้ ถ้าผมไม่ไป บางคนอาจจะต้องเสียใจ แต่ผมค่อนข้างเป็นคนที่ไร้ความปรานีในการจัดลำดับความสำคัญ”

Ek มักจะไม่ให้มีการประชุมมากกว่าสามหรือสี่ครั้งต่อวัน ยกเว้นในช่วงการเดินทาง ซึ่งอาจไม่ได้เป็นไปตามตารางเวลาปกติของเขา

ตอนเย็น

Ek มักจะออกจากสำนักงานของ Spotify เวลาประมาณ 20.00 น. กินข้าวเย็นนอกบ้านแล้วกลับบ้านไปพักผ่อน เขาอาจจะมีกิจกรรมยามว่างเช่นเล่นกีตาร์สักสองสามชั่วโมงหรืออ่านหนังสือสองถึงสามเล่มสลับกันไป หลังจากนั้นเขาจะกลับมาออนไลน์อีกครั้งเพื่อส่งอีเมล จากนั้นเข้านอนตอนประมาณตี 2

Ek มีกิจกรรมยามว่างเช่นเล่นกีตาร์สักสองสามชั่วโมงในช่วงเย็น (CR:USA Today)
Ek มีกิจกรรมยามว่างเช่นเล่นกีตาร์สักสองสามชั่วโมงในช่วงเย็น (CR:USA Today)

เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับ Daniel Ek ส่วนอื่น ๆ

Ek เล่นฟุตบอลสโมสรในขณะที่เติบโตในย่านชนชั้นแรงงานแห่งหนึ่งของสตอกโฮล์ม แต่เขากล่าวว่า “ผมรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เก่งที่สุดตั้งแต่เนิ่นๆ” เขาไม่มีแรงขับหรือพรสวรรค์ในด้านฟุตบอลเหมือนคนอื่น ๆ

ในเรื่องดนตรี Ek กล่าวว่า ตอนอายุ 18 หรือ 19 ปี เขาได้พยายามที่จะเป็นนักดนตรีเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม เขาเล่นกีตาร์และใช้เวลาอยู่ในรถทัวร์ “นักดนตรีที่ผมไปเที่ยวด้วย พวกเขาอยู่บนท้องถนนตลอดเวลา และวันหนึ่งคุณก็กลายเป็นมือกีตาร์คนที่สอง ทันใดนั้นก็มีมือกีตาร์อีกคนที่เล่นเก่งกว่าคุณเข้ามา ในการก้าวไปสู่ระดับถัดไป คุณต้องยกระดับตัวเองขึ้นไปสองสามระดับ และผมไม่เคยทำมันได้เลย ” เขายังคงโหยหาชีวิตในฐานะร็อคสตาร์: “มันเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของคุณ และการตระหนักว่าคุณไม่ดีพอ มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ”

Ek ชอบเล่น FIFA ซึ่งเป็นเกมวิดีโอฟุตบอลที่สร้างโดย Electronic Arts เขาเป็นแชมป์ FIFA ที่ Spotify อยู่ช่วงหนึ่ง

เมื่อ Scooter Braun ซึ่งเป็นผู้จัดการของ Justin Bieber บอกกับ Ek ในวันหนึ่งว่า Bieber เป็นคนที่เล่นปิงปองเก่งมาก Ek ก็แย้งว่าเขาก็ใช่ย่อยเหมือนกัน Braun เล่าว่า “มีการแข่งขันระหว่าง Ek กับ Justin นั่นทำให้ Ek รู้ว่าเขาไม่ได้เก่งที่สุดในการเล่นปิงปองอีกต่อไป” (มีรายงานว่า Justin เอาชนะไปด้วยคะแนน 21-1) เมื่อเพลง “What Do You Mean” ของ Bieber สร้างสถิติในบริการสตรีมมิ่งในสัปดาห์แรก Ek มอบรางวัล Golden Ping-Pong Paddle ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้กับ Bieber

Ek เป็นอีกหนึ่ง CEO ด้านเทคโนโลยีที่มีมุมมองเกี่ยวกับความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานคล้าย ๆ กับ Jeff Bezos ที่มองว่ามันเป็นวลีที่ทำให้บั่นทอนกำลังใจในการทำงานเสียมากกว่า และไม่ค่อยเห็นด้วยกับวลีดังกล่าว

References :
https://balancethegrind.co/daily-routines/daniel-ek-daily-routine/
https://www.cnbc.com/2020/10/06/spotify-ceo-i-start-my-workday-at-1030-ama-look-at-his-morning-routine.html
https://www.businessinsider.com/spotify-ceo-daniel-ek-ruthless-schedule-2018-8
https://www.theobservereffect.org/daniel.html
https://vedaon.com/the-life-story-of-spotify-ceo-daniel-ek/

หนึ่งวันในชีวิตของ Stephen King เทพเจ้าแห่งนิยายระทึกขวัญ กับการเขียนหนังสือวันละ 4 ชั่วโมง

Stephen King คือเทพเจ้าแห่งนิยายระทึกขวัญเหนือธรรมชาติและนิยายวิทยาศาสตร์ ผลงานวรรณกรรมของเขาประกอบด้วยนวนิยายจำนวน 62 เล่ม สารคดี 5 เรื่อง และเรื่องสั้นกว่า 200 เรื่อง 

เขาเขียนหนังสือถึง 7 เล่มภายใต้นามปากกา Richard Bachman ซึ่งรวมถึงผลงานชิ้นเอก Carrie and It ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายเรื่อง แม้แต่ภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Shawshank Redemption ก็มีพื้นฐานมาจากหนังสือของเขา 

แล้วกิจวัตรประจำวันของ Stephen King เป็นอย่างไร อะไรทำให้นักเขียนคนนี้เก่งมาก? แน่นอนว่าเขามีพรสวรรค์ แต่ด้วยความมีระเบียบวินัย และความหลงใหลรวมกับพรสวรรค์ของเขา มันได้ผลักดันให้เขากลายเป็นสุดยอดนักเขียนอย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้

เราสามารถเลียนแบบอะไรจากกิจวัตรประจำวันของ Stephen King ได้บ้าง? มาดูกันว่ากิจวัตรประจำวันของเขาตั้งแต่เช้ายันเข้านอนของเขามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง 

ตอนเช้า

Stephen King เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการขอบคุณ เขาจดจำทุกสิ่งที่เขาต้องรู้สึกขอบคุณในชีวิต ทั้งครอบครัว เพื่อน และสุนัขคอร์กี้ที่ชื่อมอลลี่ 

ในตอนเช้า เขาจะดื่มน้ำสักแก้วหรือชาสักถ้วย จากนั้นเขาก็กินยาวิตามินและฟังเพลง เขาออกกำลังกายด้วยการซิตอัพและวิดพื้นสี่วันต่อสัปดาห์ และพยายามวิ่งบนลู่วิ่งประมาณ 3 ไมล์ครึ่ง

Stephen King อุทิศความสนใจทั้งหมดให้กับงานของเขา เขาปิดอินเทอร์เน็ตและเริ่มทำงานตั้งแต่เวลา 8.15 น. ทุกวัน

King มักจะฟังเพลงตอนที่เขาเขียนหนังสือ โดยมักจะมีเพลงเดิมวนซ้ำในขณะที่เขาทำงาน

ตลอดช่วงเวลาที่เขาเขียนงานในช่วงเช้า เขาหมกมุ่นอยู่กับประสบการณ์นั้นอย่างเต็มที่แทบจะหลุดออกไปอยู่ในโลกงานเขียนของเขาเลย เขาพยายามเขียนตามจังหวะที่ผู้อ่านต้องการอ่าน ซึ่งเพลงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในจังหวะการเขียนของ King

King หมกมุ่นอยู่กับประสบการณ์งานเขียนอย่างเต็มที่แทบจะหลุดออกไปอยู่ในโลกงานเขียนของเขาเลย (CR:GettyImage)
King หมกมุ่นอยู่กับประสบการณ์งานเขียนอย่างเต็มที่แทบจะหลุดออกไปอยู่ในโลกงานเขียนของเขาเลย (CR:GettyImage)

ในช่วงเช้า King จะเขียนงานของเขาจนถึงเวลาประมาณ 12.30 น.

ช่วงบ่าย

King มักจะงีบหลับในช่วงบ่ายประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วเขียนหนังสือต่อ โดยจะเริ่มจากงานเขียนชิ้นสุดท้ายที่เขาพบว่าน่าพอใจและเดินหน้าต่อไป 

เขากล่าวเพิ่มเติมว่าเขาอาจจะเขียนงานใหม่ประมาณสองชั่วโมง ซึ่งรวมตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นเวลาประมาณสี่ชั่วโมงหลังจากนั้นเขาก็ปิดคอมพิวเตอร์ 

ส่วนใหญ่เขามักเขียนผ่านคอมพิวเตอร์ แต่บางครั้งก็เป็นการเขียนบนกระดาษจริง ๆ เช่น ในนิยายของเขาอย่าง Dreamcatcher

ก่อนหน้านี้เขาเคยสามารถเขียนได้มากกว่า 2,000 คำต่อวัน แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น ปัจจุบันอายุ 75 ปี เขียนได้ประมาณ 1,000 คำต่อวัน เขาพยายามที่จะเขียนให้ได้อย่างน้อยหกหน้าในทุกวัน

เมื่อเขาเลิกงานเขียนแล้ว เขาสามารถใช้เวลาที่เหลือของวันทำอะไรก็ได้ที่เขาชอบ ดื่มด่ำกับงานอดิเรกและรวบรวมเนื้อหาที่จะเขียนต่อในวันถัดไป

ตอนเย็น

ตอนเย็นเขามักจะใช้เวลากับครอบครัว อ่านหนังสือและดูเกมของทีมเบสบอล Boston Red Sox บางครั้ง King จะไปวิ่งบนลู่วิ่งราวๆ ครึ่งชั่วโมงเมื่อมีรายการข่าวในตอนกลางคืน

King ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Red Sox (CR:Club Stephen King)
King ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Red Sox (CR:Club Stephen King)

กิจวัตรก่อนนอนของ King ไม่แตกต่างจากกิจวัตรก่อนนอนของคนทั่วไป เขาแปรงฟันและล้างมือ King ค่อนข้างโฟกัสเกี่ยวกับหมอนของเขา เขาต้องมั่นใจว่ามันชี้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง นอกจากนี้เขายังมีมุมที่เขาชอบนอนด้วย โดย King จะใช้เวลาในการนอนราว ๆ 6-7 ชั่วโมงต่อคืน

กิจวัตรส่วนอื่น ๆ

เมื่อถูกถามว่าเขาเป็นคนชอบดื่มกาแฟหรือชา King เผยว่า “ผมเป็นคนชอบกินเป๊ปซี่ ผมดื่มชา. ผมเกลียดกาแฟ ผมจึงไม่ดื่มกาแฟ ผมมักจะมีของที่จะดื่มอยู่ใกล้มือ มันอาจจะเป็นไดเอทเป๊ปซี่หรืออาจจะเป็นแค่น้ำเปล่าก็ได้”

หนึ่งในกิจกรรมหลักที่ King สนับสนุนอยู่เสมอคือการอ่านหนังสือ เขาเคยกล่าวไว้ว่า: “คุณเรียนรู้ได้ดีที่สุดโดยการอ่านให้มากและเขียนให้มาก และบทเรียนที่มีค่าที่สุดก็คือบทเรียนที่คุณสอนตัวเอง”

หนังสือเล่มโปรดที่สุดของ Stephen King คือ Lonesome Dove หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Larry McMurtry ตีพิมพ์ในปี 1985 และเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นนวนิยายตะวันตกคลาสสิกที่เป็นผลงานขึ้นหิ้ง

งานอดิเรกและความสนใจอื่นๆ ของ King : อ่านหนังสือ (ส่วนใหญ่เป็นนิยาย), ต่อจิ๊กซอว์, เล่นกีตาร์, ดูภาพยนตร์ และ เล่นโบว์ลิ่ง

งานอดิเรกอีกอย่างของ King คือ การเล่นกีตาร์ (CR:Open Culture)
งานอดิเรกอีกอย่างของ King คือ การเล่นกีตาร์ (CR:Open Culture)

References :
https://famouswritingroutines.com/writing-routines/stephen-king-writing-routine/
https://www.wsj.com/articles/stephen-kings-daily-routine-involves-four-hours-of-writing-and-a-nap-in-the-afternoon-11623068593
https://medium.com/the-mission/the-daily-routine-of-20-famous-writers-and-how-you-can-use-them-to-succeed-1603f52fbb77
https://www.encyclopedia.com/people/history/historians-miscellaneous-biographies/stephen-king-american-novelist
https://etcanada.com/news/789024/stephen-king-shares-his-sleep-schedule-and-talks-adapting-liseys-story-for-tv/
https://gobookmart.com/daily-routine-of-stephen-king-includes-4-hour-of-writing-and-a-nap-in-the-afternoon/

หนึ่งวันในชีวิตของ Ray Dalio ตำนานพ่อมดการเงินผู้ได้รับการขนานนามว่า “Steve Jobs แห่งการลงทุน”

ถ้าพูดถึงโลกของการเงินและการลงทุน ทุกคนต้องรู้จักชื่อของ Ray Dalio พ่อมดการเงินที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น Steve Jobs แห่งโลกการลงทุน เขาสร้างชื่อให้ตัวเองและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนหลายพันคนในปัจจุบัน

บางคนอาจสงสัยว่าเจ้าพ่อการเงินรายนี้ทำอะไรที่ช่วยให้เขาสร้างอาณาจักรขนาดยักษ์ของตัวเขาเอง และช่วยให้เขาก่อตั้งกองทุนป้องกันความเสี่ยงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่าง Bridgewater Associates

Dalio ก่อตั้งบริษัท Bridgewater Associates จากอพาร์ตเมนต์ 2 ห้องนอนของเขาในปี 1975 เขาถึงจุดต่ำสุดในปี 1982 เมื่อการลงทุนที่ผิดพลาดทำให้เขาแทบหมดตัว และเขาต้องยืมเงิน 4,000 ดอลลาร์จากพ่อของเขา เพื่อสร้างบริษัทใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น

ตั้งแต่นั้นมา Dalio ก็พาบริษัทพุ่งทะยานสร้างทรัพย์สินมูลค่า17,000 ล้านดอลลาร์ และทำให้ Bridgewater ให้เป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันบริหารทรัพย์สิน ประมาณ 150,000 ล้านดอลลาร์

แม้ว่า Dalio จะก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอร่วมของ Bridgewater ในปี 2017 แต่เขายังคงดำรงตำแหน่งประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนร่วม 

ตอนนี้ในวัย 73 ปี เขามุ่งความสนใจไปที่ช่วงต่อไปของชีวิต ไล่ตามความฝันและช่วยเหลือผู้อื่นให้ประสบความสำเร็จ

Dalio ไม่มีกิจวัตรที่เคร่งครัดที่เขาต้องทำเป็นประจำในทุก ๆ วัน เขาเป็นผู้ที่เชื่อในการมีส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความสนุกและการทำงาน

Ray Dalio มีชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวที่สมดุล มาดูตารางเวลาประจำวันของ Ray Dalio แบบเจาะลึกกัน

ตอนเช้า

Ray Dalio เริ่มต้นวันใหม่เวลา 6 โมงเช้า เช่นเดียวกับมหาเศรษฐีส่วนใหญ่ เขาชอบที่จะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการนั่งสมาธิ การทำสมาธิช่วยให้เขามีความชัดเจนในชีวิตมากขึ้น ซึ่งการลงทุนให้ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องมีความสามารถในการตัดสินใจที่ดี การทำสมาธิช่วยให้เขาบรรลุสิ่งนั้นได้

จากนั้นวันของเขาจะตามมาด้วยการรับประทานอาหารเช้า แล้วก็ลุยกับกิจกรรมต่างๆ ในระหว่างวัน

หลังจากก้าวลงจากบทบาทในฐานะหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนร่วมของบริษัท Bridgewater Associates เขาใช้เวลาในแต่ละวัน ทำตามความหลงใหลส่วนตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการวิเคราะห์ตลาด

เขาชอบที่จะอัพเดทตัวเองเกี่ยวกับตลาดและอ่านหนังสือมากมายเพื่อเพิ่มพูนความรู้ของเขา ตารางงานของ Dalio นั้นไม่แน่นอน และเขาชอบที่จะไหลไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันที่แตกต่างกันไป

Dalio อ่านหนังสือมากมายเพื่อเพิ่มพูนความรู้ของเขาอยู่เสมอ (CR:Business Insider)
Dalio อ่านหนังสือมากมายเพื่อเพิ่มพูนความรู้ของเขาอยู่เสมอ (CR:Business Insider)

ช่วงบ่าย

ในตอนบ่ายเขาพยายามทุ่มเทเวลาสูงสุดให้กับการค้นคว้า ขุดคุ้ยเรื่องโปรดของเขา เช่น ตลาด การสำรวจมหาสมุทร และใช้เวลากับครอบครัว

หลังจากก้าวจากตำแหน่งที่ Bridgewater Associates เขาก็หาเวลาทุ่มเทให้กับหัวข้อที่เขาชอบและศึกษามันอย่างเจาะลึก

เขาได้คิดค้นเครื่องมือปฏิวัติมากมายสำหรับโลกการเงิน เช่น กลยุทธ์ All Weather เขามีความรักในตลาด และสิ่งนี้ค่อนข้างชัดเจนในวิธีที่เขาลงทุนและสร้างการเติบโตของ CAGR ที่น่าอัศจรรย์ทุกครั้ง

ปัจจุบันเขาไม่ได้ทำงานแต่ยังคงใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมงในการศึกษาหัวข้อที่เขาชอบรวมถึงศึกษาและวิเคราะห์ตลาดอยู่เสมอ

ตอนเย็น

ตอนเย็นส่วนใหญ่หมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าของเขา ซึ่งดำเนินไปจนถึง 19.00 น. โดยเขาจะรับประทานอาหารเย็นในเวลาประมาณ 19.00 น. จากนั้นเขาอาจดื่มด่ำกับกิจกรรมกลางแจ้ง

เขาอาจจะไปพายเรือคายัค ขี่จักรยาน หรือเดินเล่น เขาชอบที่จะอยู่ริมน้ำ นั่นเป็นวิธีที่ทำให้เขาฟิตและมีความสดชื่นอยู่เสมอ

จากนั้นเขาจะเข้านอนภายในเวลา 23.00 น. และอาจแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ เขาใช้เวลานอนหลับที่เหมาะสมราวๆ 7-8 ชั่วโมงทุกวัน

กิจวัตรส่วนอื่น ๆ

Ray Dalio เป็นคนรักธรรมชาติและพยายามใช้เวลาใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด

Ray Dalio เป็นคนรักธรรมชาติและพยายามใช้เวลาใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด (CR:The Wall Street Journal)
Ray Dalio เป็นคนรักธรรมชาติและพยายามใช้เวลาใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด (CR:The Wall Street Journal)

Dalio เชื่อใน Transcendental Meditation แนวทางปฏิบัติที่พัฒนาโดย Maharishi Mahesh Yogi เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงสภาวะของจิตใต้สำนึก ตลอดเส้นทางอาชีพการทำงานกว่า 50 ปีของเขา ตัวเขาเองได้ฝึกฝนเทคนิคนี้วันละ 2 ครั้ง หนึ่งครั้งในตอนเช้าและอีกครั้งในตอนเย็น ครั้งละ 20 นาที

“มันใช้ได้ผลเพราะมันนำคุณเข้าสู่จิตใต้สำนึกของคุณและทำให้มีความใจเย็น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือความสงบที่มีศูนย์กลางอยู่ท่ามกลางพายุ” Dalio อธิบาย

การฝึกนี้ยังเปิดโอกาสให้เขาได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์และได้ห่างไกลจากสิ่งรบกวนในชีวิตประจำวัน ซึ่ง Dalio กล่าวว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาส่วนบุคคลของเขา

Ray Dalio สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจาก Harvard Business School เขาไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น แต่ยังคงอัพเดทความรู้ของเขาเกี่ยวกับตลาดและโลกการเงินอยู่เสมอ

กุญแจสู่ความสำเร็จในทุกด้านคือการอัพเดทเทรนด์และเทคนิคใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ตัวเองทันสมัยและมีความเชี่ยวชาญในสายงานนั้นอย่างแท้จริง

References :
https://www.drworkout.fitness/ray-dalio-daily-routine
https://www.cnbc.com/2021/05/11/ray-dalio-on-what-makes-him-successful-and-what-worries-him.html#:~:text=I%20usually%20wake%20up%20at,%2C%20digging%20%5Binto%20research%5D.
https://www.businessinsider.com/ray-dalio-5-habits-for-success-2014-11
https://www.cnbc.com/2019/08/23/bridgewater-associates-ray-dalio-daily-routine-inspired-by-the-beatles.html

หนึ่งวันในชีวิตของ Warren Buffett ผู้ชื่นชอบแมคโดนัลด์ และใช้เวลา 80% ของวันทำงานไปกับการอ่านหนังสือ

Warren Buffett “Oracle of Omaha” เป็นที่รู้จักในฐานะนักลงทุนเน้นคุณค่าที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล ในฐานะประธานของ Berkshire Hathaway

อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งในชีวิตของมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งคนนี้อาจทำให้หลายคนต้องประหลาดใจ Buffett เกิดและเติบโตในโอมาฮา รัฐเนแบรสกา ปัจจุบันยังคงอาศัยอยู่ในรัฐบ้านเกิดของเขา เขาซื้อบ้านในปี 1958 ในราคา 30,000 ดอลลาร์ และเขายังคงอาศัยอยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้

Buffett ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือและการนอนหลับ นอกจากนี้ Warren Buffett ยังเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องนิสัยการใช้จ่ายอย่างประหยัด เขาทานอาหารได้เท่ากับเด็กอายุ 6 ขวบ และเขาชอบดื่ม Coca-Cola และทานอาหารที่ร้านแมคโดนัลด์

เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้ไม่มีไลฟ์สไตล์ที่เหมือนกับมหาเศรษฐีคนอื่นๆ ในสังคม เขาชอบใช้ชีวิตแบบสบายๆ และนี่คือหนึ่งวันในชีวิตของ Warren Buffett

ตอนเช้า

Warren Buffett ค่อนข้างเป็นคนตื่นเช้า วันใหม่ของเขาเริ่มต้นเวลา 06:45 น. หลังจากนอนหลับอย่างน้อยแปดชั่วโมงในแต่ละคืน

เมื่อ Buffett ตื่นขึ้นในตอนเช้า เขาไม่ได้ดื่มกาแฟทันที เขาจะเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบ Coca-Cola กระป๋องใส่น้ำแข็งแทน ประมาณหนึ่งในสี่ของแคลอรี่ทั้งหมดต่อวันมาจากน้ำอัดลมเหล่านี้ เขาดื่ม Coca-Cola กระป๋องขนาด 12 ออนซ์ประมาณห้ากระป๋องทุกวัน

Buffett ติดเครื่องดื่มอย่างโค้กเป็นอย่างมาก (CR:Reuters)
Buffett ติดเครื่องดื่มอย่างโค้กเป็นอย่างมาก (CR:Reuters)

Buffett เพลิดเพลินกับการแวะร้านแมคโดนัลด์ในท้องถิ่นเพื่อรับประทานอาหารเช้า ซึ่งเขาได้กล่าวติดตลกในการให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อตลาดตกต่ำ เขาจะเลือกรับประทานอาหารเช้าราคา 2.61 ดอลลาร์ ซึ่งประกอบไปด้วยไส้กรอก 2 ชิ้น อย่างไรก็ตามเขาจะรวมมันเข้าด้วยกันในแซนวิชพร้อมกับโค้ก เขายังบอกด้วยว่าเขาจะเปลี่ยนเป็น เบคอน ไข่ และบิสกิตชีสราคา 3.17 ดอลลาร์เมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น

หากคุณคงสงสัยว่าทำไม Buffett ถึงเลือกรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพเช่นนี้ เขาได้อธิบายว่าเขาดูการศึกษาจากคณิตศาสตร์ประกันภัยและพบว่าอัตราการเสียชีวิตต่ำที่สุดอยู่ในเด็กช่วงอายุ 6 ขวบ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทานอาหารเหมือนเด็กอายุ 6 ขวบ

ช่วงบ่าย

หลังอาหารเช้า Buffett เริ่มทำธุรกิจ วันส่วนใหญ่เขาจะนั่งอยู่ในที่ทำงานและอ่านหนังสือทั้งวัน เนื้อหาส่วนใหญ่ที่เขาอ่านเกี่ยวข้องกับงบการเงินของบริษัท เอกสารการตลาด วารสารการเงิน และรายงานนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม เขาใช้เวลาพอสมควรในการอ่านหนังสือพิมพ์และหนังสืออื่นๆ  Buffet ชอบอ่านหนังสือพิมพ์มากกว่าดูข่าวทางทีวี และสื่อที่เขาชอบคือ NYT, WSJ, Washington Post, Financial Times และ Omaha World-Herald

Buffet ชอบอ่านหนังสือพิมพ์มากกว่าดูข่าวทางทีวี (CR:Neckar Substack)
Buffet ชอบอ่านหนังสือพิมพ์มากกว่าดูข่าวทางทีวี (CR:Neckar Substack)

เขาอ่านข่าวทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจต่างๆ ที่ Berkshire ดำเนินการอยู่ American Banker, Oil & Gas Journal, AM Best, Furniture Today มีกองรายงานจากบริษัทในเครือ BRK ต่างๆ อยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ตลอดทั้งวัน

ครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวสุนทรพจน์ต่อบัณฑิตในชั้นเรียน และเมื่อถามถึงเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ เขาได้หยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วพูดว่า จงอ่านให้ได้ 500 หน้าต่อวัน 

ชายผู้นี้ขุดคุ้ยงบการเงินและรายงานย้อนหลังไปถึงประวัติของบริษัทเท่าที่เขาจะทำได้ จากนั้น Buffett วิเคราะห์ความก้าวหน้าของบริษัทและกลยุทธ์การเติบโตในอนาคต เขาเป็นคนที่คิดอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

มื้อกลางวันโดยปกติแล้วบัฟเฟตต์จะเลือกทานอาหารจานด่วนและของหวาน ทั้งฮอทดอกกับไอศกรีมซันเด , น้ำเชื่อมเชอร์รี่และถั่วสับเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาชอบ แต่เขาก็ชอบแฮมเบอร์เกอร์ แซนด์วิชไก่งวง และเฟรนช์ฟรายที่ใส่เกลือเป็นพิเศษ

ตอนเย็น

Buffett มีชื่อเสียงในด้านการรักษาตารางเวลาของเขา และเขาจะหงุดหงิดเมื่อมีคนไม่เคารพเวลาของเขา เขากลับถึงบ้านระหว่างเวลา 17.00 น. ถึง 18.00 น. ทุกวัน และเขาอาจแวะทานอาหารระหว่างทางกลับบ้าน ซึ่งมักจะเป็นอาหารจานด่วนเช่นเคย แต่บางครั้งเขาก็สั่งสเต็กเนื้อทอดแบบคันทรี่และทีโบนสเต็กพร้อมแฮชบราวน์จาก Gorat’s Steakhouse

Buffett อ้างว่าเขาให้ความสำคัญกับการนอน ดังนั้นเขาจึงเข้านอนประมาณ 22.00 น. อ่านหนังสือประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นเข้านอนภายในเวลา 22.45 น. ในแต่ละคืน โดยรวมแล้ว Buffet ดำเนินชีวิตที่น่าสนใจซึ่งค่อนข้างเรียบง่ายและเหมือนกับเด็กอายุ 6 ขวบ แต่ด้วยความรับผิดชอบของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

กิจวัตรส่วนอื่น ๆ

Buffett เคยกล่าวไว้ว่าเป้าหมายของเขาในแต่ละวันคือการตัดสินใจอย่างมีคุณภาพสูงสุด Jeff Bezos มีกลยุทธ์แบบเดียวกัน และทั้งคู่เป็นชายสองคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม Bezos กล่าวว่าเขาตั้งเป้าหมายที่จะทำการตัดสินใจที่ดีสามครั้งต่อวัน และ Buffet อ้างว่าเขาทำได้ดีหากเขาตัดสินใจได้ดีสามครั้งในหนึ่งปี

Buffett อาจไม่ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเหมือนคนส่วนใหญ่ แต่ถ้าเขามีเวลาในตอนเช้า เขาก็พยายามหาเวลาออกกำลังกาย 

แม้ว่า Buffett จะไม่ได้ทุ่มเทให้กับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ชอบออกกำลังกายสมองเพื่อช่วยให้เขามีความคิดที่เฉียบคมอยู่เสมอ

เขาชอบเล่นบริดจ์มากถึงแปดชั่วโมงต่อสัปดาห์ Buffett บอกกับ Washington Post ว่า “มันเป็นเกมที่คุณสามารถเพลิดเพลินได้เมื่อคุณอายุ 90 ปี และคุณจะได้เห็นความท้าทายทางปัญญาที่แตกต่างกันทุก ๆ เจ็ดนาที เป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับสมอง”

Buffet ชอบเล่นบริดจ์มากถึงแปดชั่วโมงต่อสัปดาห์ (CR:GettyImage)
Buffet ชอบเล่นบริดจ์มากถึงแปดชั่วโมงต่อสัปดาห์ (CR:GettyImage)

Bill Gates เพื่อนเก่าแก่ของ Buffett ก็ชอบเล่นบริดจ์เช่นกัน และพวกเขามักจะเล่นด้วยกัน

นอกจากนี้เขายังชอบเล่นอูคูเลเล่ ซึ่งเป็นทักษะที่เขาสั่งสมมาเพื่อจีบภรรยาคนแรกของเขา ครั้งหนึ่งเขาเคยดีดอูคูเลเล่คู่กับ Bon Jovi เพื่อการกุศล

References :
https://finty.com/us/daily-routines/warren-buffet/
https://medium.com/daily-routines-of-successful-people/warren-buffet-daily-routine-90ab71d33815
https://steelsupplements.com/blogs/news/warren-buffets-real-diet-plan-workout-routine
https://www.businessinsider.com/warren-buffett-daily-routine-2017-8#when-it-comes-time-to-grab-some-shut-eye-buffett-likes-to-be-in-bed-by-1045-pm-i-get-quite-a-bit-of-sleep-i-like-to-sleep-he-told-pbs-so-i-will-usually-sleep-eight-hours-a-night-17
https://www.aarp.org/money/investing/info-08-2013/warren-buffett-on-money-success.html

วิถีผู้นำแบบ Elon Musk ผู้ที่มีวิธีการจัดการแบบโครต Toxic แต่ประสบความเร็จในทางธุรกิจได้เช่นเดียวกัน

หลังจากที่ผมได้ทำ Blog Series ชุด A Day In The Life ที่ถ่ายทอดเรื่องราวประจำวันของเหล่าผู้นำทั้งในทางธุรกิจหรือผู้นำทางการเมืองทั่วโลก ได้รับผลตอบรับที่ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว

มันก็มีอีกแง่มุมหนึ่งที่ผมสนใจ นั่นก็คือสไตล์ของความเป็นผู้นำ หรือวิธีการจัดการบริหารองค์กรของผู้นำเหล่านี้ ที่มีสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก ๆ ต้องบอกว่าแม้ในหนังสือแนวการจัดการจะมีข้อมูลส่วนใหญ่ที่เป็นด้านโลกสวยที่เหมือนจะเป็นสูตรสำเร็จ แต่ผมเชื่อว่าในการบริหารธุรกิจจริงหรือแม้กระทั่งการบริหารประเทศให้ประสบความสำเร็จนั้น ทุกคนมีสไตล์การบริหารที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หลายคนบริหารงานแบบฉีกกฎเกณฑ์ Playbook ด้านการบริหาร ตำราด้านการบริหารมากมาย และประสบความสำเร็จกลายเป็นสุดยอดนักธุรกิจได้เช่นกัน

วันนี้ตอนแรก จะมาพูดถึงชายที่ชื่อ Elon Musk ที่เรียกได้ว่า เป็นหนึ่งคนที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์การบริหารงานธุรกิจ แทบจะเรียกได้ว่าสไตล์ของ Elon Musk นั้น แทบจะเป็นการจัดการแบบ Toxic ที่ไม่มี Playbook เล่มไหนเขียนถึงแนวนี้เลย แต่ Musk ได้กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจมากที่สุดในโลกอีกหนึ่งคน

สไตล์ ‘ไม่ยอมใครง่าย ๆ’ ของ Musk

นับตั้งแต่เข้าครอบครอง Twitter เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2022 Musk ได้สั่งเลิกให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ยกเลิกอาหารกลางวันของพนักงาน และเลิกจ้างพนักงานประมาณ 3,700 คน ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนพนักงานทั้งหมด 

หลายคนต่างช็อคเมื่อพวกเขารู้ตัวว่ากำลังถูกไล่ออกโดยไม่สามารถเข้าถึงแล็ปท็อปของบริษัทได้อีกต่อไป

เพียงไม่กี่วันต่อมา Musk มีทีมสอดแนมค้นหาข้อความส่วนตัวของพนักงานใน Slack และไล่คนที่วิจารณ์เขาออกทันที

Musk เลิกจ้างพนักงานประมาณ 3,700 คน ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนพนักงานทั้งหมด (CR:Truthout)
Musk เลิกจ้างพนักงานประมาณ 3,700 คน ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนพนักงานทั้งหมด (CR:Truthout)

Musk ได้ยื่นคำขาดถึงพนักงานเพื่อให้คำมั่นกับ Twitter ยุคใหม่ที่ “ฮาร์ดคอร์สุดๆ” ซึ่ง “หมายถึงการทำงานเป็นเวลานานหลายชั่วโมงด้วยความเข้มข้นในการทำงานสูง” พนักงานมีเวลาจนถึง 17.00 น. ของวันถัดไปในการตัดสินใจว่าจะอยู่หรือไป

มีรายงานว่าพนักงานประมาณ 500 คนเขียนใบลาออกทันที

ดูเหมือนว่า Musk จะไม่ได้คาดการณ์ถึงปฏิกิริยานี้ เมื่อใกล้ถึงเส้นตาย เขาเริ่มนำพนักงานคนสำคัญเข้าร่วมการประชุมโดยพยายามโน้มน้าวให้พวกเขาอยู่ต่อ

นอกจากนี้ เขายังยกเลิกคำสั่งห้ามทำงานจากที่บ้านโดยส่งอีเมลถึงพนักงานว่า “สิ่งที่จำเป็นสำหรับการอนุมัติในเรื่องดังกล่าวคือผู้จัดการของคุณที่ต้องรับผิดชอบในการรับรองว่าคุณทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมจากที่บ้าน”

แต่พนักงานจำนวนมากตัดสินใจลาออก Twitter ล็อกไม่ให้พนักงานทุกคนออกจากสำนักงานจนถึงวันจันทร์ถัดไป ท่ามกลางความสับสนว่าใครยังคงทำงานอยู่อีกบ้าง

การปลดพนักงานและการปรับโครงสร้างเป็นเรื่องปกติในการเปลี่ยนแปลงองค์กร แต่วิธีที่ Musk จัดการมีผลกระทบอย่างมากต่อผู้ที่จากไปเช่นเดียวกับผู้ที่ยังคงอยู่ 

ทางเลือกมีความสำคัญ

แล้ว SpaceX และ Tesla บริษัทที่ Musk สร้างชื่อเสียงล่ะ? ความสำเร็จของบริษัทเหล่านี้ไม่ได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีหรือ?

ต้องบอกว่ามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยพันธกิจอย่าง SpaceX และแพลตฟอร์มอย่าง Twitter

เมื่อมีภารกิจร่วมกันเพื่อบรรลุสิ่งที่พิเศษหรือที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนพนักงานมักจะตั้งใจทำงานเป็นเวลานานมาก ๆ และพร้อมทุ่มเทให้กับองค์กรแบบสุด ๆ แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

พวกเขาจะเลือกที่จะทำงานให้มากกว่าและทำงานหลายชั่วโมงหากรู้สึกว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กร พวกเขาต่างคิดว่างานของพวกเขามีความสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญก็คือพวกเขาเลือกที่จะทำตามวิสัยทัศน์ของ Musk

พนักงานใน SpaceX เลือกที่จะทำตามวิสัยทัศน์ของ Musk (CR:Orange County Register)
พนักงานใน SpaceX เลือกที่จะทำตามวิสัยทัศน์ของ Musk (CR:Orange County Register)

ดังที่พนักงาน Twitter คนหนึ่งทวีตหลังจากมีการแจ้งผ่านอีเมลของ Musk:

“ฉันไม่ต้องการทำงานให้กับคนที่ขู่เราทางอีเมลหลายครั้งเกี่ยวกับ ‘คนที่ทุ่มเททำงานแบบพิเศษเท่านั้นที่ควรทำงานที่นี่’ ในเมื่อฉันทำงาน 60-70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์อยู่แล้ว”

Musk ปฏิบัติต่อพนักงานเหมือนเครื่องจักร

ทั้ง Tesla และ SpaceX มีพนักงานที่ไม่มีความสุขจำนวนมากโดยมีเคสการฟ้องร้องเกี่ยวกับสภาพการทำงานและรูปแบบการจัดการของ Musk อยู่บ่อยครั้ง หลายคนบอกว่าการทำงานกับ Musk นั้น Toxic มาก ๆ

แต่เขาได้รับการยกย่องในเรื่องความคิดของเขา การแก้ปัญหาทางวิศวกรรม การท้าทายโมเดลธุรกิจแบบเก่า ๆ ที่อาจไม่มีประโยชน์อีกต่อไป แต่พื้นฐานของความเป็นผู้นำยังคงมีความสำคัญ และ Musk ก็ยังขาดในเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างมาก

Musk ยึดถือรูปแบบการบริหารที่ปฏิบัติต่อพนักงานเหมือนฟันเฟืองในเครื่องจักร ไม่ใช่มองพวกเขาว่าเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจ พนักงานของเขาต้องเสียสละความเป็นอยู่ที่ดีเพื่อทำตามวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ของเขา

สิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้ได้จากสไตล์ความเป็นผู้นำของ Elon Musk

Elon Musk เป็นบุคคลที่ซับซ้อน และสไตล์ความเป็นผู้นำของเขาก็มีความซับซ้อนเช่นกัน ในหลาย ๆ ด้าน เขาเหมือนเป็นแรงผลักดันในวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ แต่ในอีกทางหนึ่งเขาเรียกร้องจากพนักงานมากจนเกินไปและบางครั้งเลยเถิดไปถึงขั้นข่มขู่พนักงาน

เช่นเดียวกับ ผู้นำคนอื่นๆแนวทางของเขามีทั้งด้านบวกและด้านลบ และยังมีเรื่องราวอีกมากที่ต้องเรียนรู้จากวิธีที่เขาเป็นผู้นำ รวมถึงบทเรียนที่น่าสนใจดังต่อไปนี้:

  • เชื่อในตัวคุณเอง. ผู้คนจำนวนมากมักมองว่าแนวคิดของ Musk นั้นบ้าๆ บอๆ แต่เขาเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์และความทะเยอทะยานของเขา เขาไล่ล่าในสิ่งที่เขาเชื่อมั่นอย่างไม่ลดละ
  • กำหนดขอบเขตที่ชัดเจน Musk ผลักดันตัวเองจนถึงขีดจำกัด และในหลาย ๆ ด้าน มันคือบทเรียนที่ดีในสิ่งที่ไม่ควรทำ กำหนดขอบเขตสำหรับตัวคุณเอง เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องทำงาน 100 ชั่วโมงและนอนบนพื้นสำนักงานของคุณ
  • ทำให้รู้สึกว่ามีปลอดภัยที่จะล้มเหลว หนึ่งในหลายๆ เหตุผลที่บริษัทต่างๆ ของ Musk สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยวิธีที่พวกเขาทำนั้นเป็นเพราะ Musk เป็นผู้ที่ไม่แคร์ความล้มเหลว เขารู้ว่าพนักงานของเขาต้องรู้สึกว่าพวกเขาสามารถล้มเหลวได้โดยไม่ต้องกลัวผลกระทบหรือการโดนตำหนิ นั่นเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับผู้นำทุกคนที่ต้องเป็นหัวหอกในทีมที่มีนวัตกรรมซึ่งความผิดพลาดล้มเหลวถือเป็นเรื่องปรกติมาก ๆ  

ต้องบอกว่า Elon Musk ไม่ได้เป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบ และจริงๆ แล้วแทบไม่เข้าใกล้สิ่งนั้นเลย เมื่อเราศึกษาจาก Playbook ตำราการเป็นผู้นำที่มีอยู่มากมาย 

เรียกได้ว่า Musk กำลังสร้างแบบอย่างที่เป็นอันตรายสำหรับธุรกิจอื่นๆ ที่จะปฏิบัติตาม หากวิธีการจัดการของเขาพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จสำหรับ Twitter อาจส่งผลให้ผู้นำธุรกิจรายอื่นทำตามตัวอย่างของเขาในอนาคต

แต่ด้วยความที่บริษัทของ Musk ประสบความสำเร็จมากมายและชื่อเสียงของเขาในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ถือได้ว่าแหวกแนวที่สุดในตลาด เขาจึงเป็นหนึ่งในผู้นำที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบคนอย่างเขาเช่นเดียวกัน เพราะดูเหมือนว่าจะมีน้อยคนในโลกที่สามารถทำสิ่งเดียวกับชายที่ชื่อ Elon Musk ทำได้สำเร็จนั่นเองครับผม

References :
https://www.fingerprintforsuccess.com/blog/elon-musk-leadership-style
https://theconversation.com/elon-musks-hardcore-management-style-a-case-study-in-what-not-to-do-194999
https://theconversation.com/elon-musks-archaic-management-style-prioritizes-profit-over-people-195520#:~:text=Musk%20adheres%20to%20a%20mechanistic,for%20the%20sake%20of%20profit.
https://www.reddit.com/r/askmanagers/comments/yzb08z/elon_musk_management_style/
https://www.nbcnews.com/tech/tech-news/elon-musks-twitter-takeover-gives-new-type-power-rcna26211