Deepfake Marketing กับอนาคตใหม่ของบริษัทที่ต้องการสร้างโคลนโฆษณาบนใบหน้าของคุณ

ในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ใด ๆ คุณอาจจะต้องสมัครผ่านเว็บไซต์ของ Agency โฆษรา และส่งชื่อ ที่อยู่อีเมล และโปรไฟล์ Instagram ของคุณ 

แต่ด้วยเทคโนโลยี Deepfake มันได้ถึงจุดเปลี่ยนของวงการโฆษณา เมื่อบริษัทเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า Hour One ที่มองหาตัวละครที่แสดงถึงช่วงอายุ เพศ และลักษณะทางเชื้อชาติที่หลากหลาย  

หาก Hour One ยอมรับ บริษัทจะถ่ายใบหน้าของคุณ และให้คุณพูดและแสดงสีหน้าต่างๆ บนหน้าจอสีเขียวโดยใช้กล้องความละเอียดสูง จากนั้นจะประมวลผลการบันทึกผ่านซอฟต์แวร์ AI

ปัจจุบัน Hour One สร้างเสียงที่สร้างขึ้นโดย AI เพื่อให้เข้ากับวิดีโอ ใช้งานได้เหมือนกับซอฟต์แวร์แปลงข้อความเป็นคำพูด และให้ AI พูด และยังเสนอตัวเลือกที่มีราคาแพงกว่าซึ่งใช้นักพากย์มืออาชีพที่จะอ่านสคริปต์ของคุณ 

ในขณะที่บริษัทมีนโยบายด้านจริยธรรมเกี่ยวกับการปกป้องตัวตนของคุณ ซึ่งบริษัทได้กล่าวว่า “ทรัพย์สินข้อมูลของคุณจะถูกป้องกันด้วยการรักษาความปลอดภัยสูงสุด” 

นอกจากนี้ยังจะติดป้ายกำกับวิดีโอสังเคราะห์ทั้งหมดที่เลียนแบบตัวของคุณด้วยลายน้ำที่ระบุว่าสร้างขึ้นโดย AI ทังหมดอีกด้วย

ซึ่ง Hour One จะมีมาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่า ลูกค้าของพวกเขารู้สึกปลอดภัยในการขายภาพเหมือนที่ขายให้กับบริษัทเอกชนอื่นๆ  

ท้ายที่สุด บริษัทโฆษณาต่าง ๆ สามารถใช้ตัวละครเหล่านี้เพื่อพูดและขายสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ 

ต้องบอกว่าอ่านข่าวนี้แล้ว ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจของวงการโฆษณาเลยนะครับ เพราะจะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีอย่าง Deepfake ในตอนนี้นั้นพัฒนาไปไกลมาก ๆ แล้ว

แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ ถูกใช้ไปในทางที่ผิด กับการทำคลิปล้อเลียนคนดัง หรือ การทำคลิปโป๊ จากเหล่าดาราชื่อดัง แต่มันก็ทำให้เราได้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้

แน่นอนว่า ต่อไป บริษัทโฆษณา สามารถหยิบจับเลือกใช้ตัวละครต่าง ๆ ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น และ ไม่จำเป็นต้องไปลงทุนถ่ายทำในทุก ๆ scene อีกต่อไป เพราะ การใช้ Deepfake นั้นสามารถ จะสร้างสรรค์ตัวละคร ให้พูด ให้แสดงอย่างไรก็ได้ และสุดท้ายมันก็ทำให้ต้นทุนต่าง ๆ สำหรับสิ่งเหล่านี้ลดลงไปได้ในอนาคตนั่นเองครับผม

References : https://www.technologyreview.com/2021/08/27/1033879/people-hiring-faces-work-deepfake-ai-marketing-clones/
https://www.hourone.ai/ethics
https://deepdatainsight.com/what-is-deep-fake-and-should-we-be-worried/
https://www.hourone.ai/become-a-character

Geek Monday EP101 : Altos Labs เดิมพันสุดเหวี่ยงล่าสุดของ Jeff Bezos ในการมีชีวิตยั่งยืนตลอดไป

ว่ากันว่าคนหนุ่มสาวฝันถึงความร่ำรวย และคนที่ร่ำรวยนั้นฝันถึงการเป็นหนุ่ม และการมีอายุที่ยืนยาว ซึ่งการรักษาโรคชราภาพ หรือการทำให้มนุษย์มีอายุที่ยืนยาวนั้น อาจเป็นธุรกิจที่มีมูลค่านับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ

Jeff Bezos มีความสนใจค่อนข้างยาวนานในการวิจัยเรื่องอายุยืน และก่อนหน้านี้เขาลงทุนในบริษัทต่อต้านวัยที่ชื่อว่า Unity Biotechnology ซึ่งการเดิมพันครั้งล่าสุดใน Altos Labs กำลังดำเนินตามเทคโนโลยีใหม่ทางชีววิทยา ซึ่งเป็นวิธีในการชุบตัวเซลล์ในห้องปฏิบัติการที่นักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่าสามารถขยายออกไปเพื่อฟื้นฟูร่างกายของสัตว์ทั้งหมดได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะสามารถยืดอายุขัยของมนุษย์

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3BKnZtj

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2m0PTzR

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/J3EFMM0GhiQ

Credit Image : https://www.technologyreview.com/2021/09/04/1034364/altos-labs-silicon-valleys-jeff-bezos-milner-bet-living-forever

American Vandal กับสุดยอด Reality ซีรีส์สืบสวนอาชญากรรมตามล่าคนวาดจู๋

เป็นอีกหนึ่งซีรีส์กึ่งสารคดี ที่ผมไม่คิดว่า มันจะสนุกขนาดนี้ สำหรับ American Valdal ที่เป็นซีรีส์ แบบ Reality ถ่ายทำจริงจากเหตุการณ์จริง ที่สืบสวนเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจริงในโรงเรียน High School ของอเมริกา

Season 1 : ตามล่าคนวาดจู๋

สำหรับซีรีส์ ชุดนี้ได้แบ่งเป็นสอง Season โดยเรื่องย่อของ Season แรกคือ ณ โรงเรียนมัธยมปลาย Hanover, บนรถของคณะครูอาจารย์รวมทั้งสิ้น 27 คัน พบรอยสเปรย์สีแดงฉีดจนถ้วนทั่ว ฉีดเป็นรูปไอ้จู๋ ไอ้จู๋อันใหญ่ ไอ้จู๋เต็มกระโปรงหน้า ไอ้จู๋เต็มกระบะหลัง ทุกคัน มีไอ้จู๋คันละหนึ่งอันไม่มีว่างเว้น

ใครเป็นตัวการก่อกวนในครั้งนี้ ดูเหมือนพวกอาจารย์จะมีคนร้ายในใจอยู่แล้ว นักเรียนหัวโจกชื่อ ดีแลน แม็กซ์เวลล์ เป็นคนที่ชอบเล่นตลกบ้าๆ บอๆ ในห้องเรียน จนบางครั้งทำให้อาจารย์สอนต่อไม่ได้ และเขาก็ยังเป็น ‘นักวาดไอ้จู๋’ ตัวยง และทำให้เขาถูกหมายหัวจากเหล่าคณาจาร์ในคดีสุดสะเทือนขวัญครั้งนี้

ซึ่งซีรีส์ จะนำพาตัวเรา ไปสำรวจเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยจะเป็นการเล่าผ่านมุมมองของ ปีเตอร์และแซม คู่หูผู้ที่เดิมทีก็เป็นทีมงานชมรมนักข่าวประจำโรงเรียนอยู่แล้ว ที่จับมือกันช่วยกันถ่ายทอดเรื่องราว และสืบค้นหาต้นตอที่แท้จริงว่า ถ้าดีแลนไม่ได้ทำ แล้วใครทำ? เหตุจูงใจคืออะไร? ทำไมต้องโยนให้ดีแลน?  เป็นต้น

มันเป็นเรื่องจริง ที่เหมือนพล็อตถูกแต่งมา อย่างกับนวนิยายสืบสวนสอบสวน ที่น่าสนใจเพราะมันคือเรื่องจริง ทำให้เราต่างคาดเดาไปว่าใครคือผู้กระทำผิดตัวจริงกันแน่ มีการเล่าสลับไปมา ระหว่างบทสัมภาษณ์กับ การสืบสวนสอบสวนของคู่หู ปีเตอร์และแซม

Season 2 : ตามล่า The Turd Buglar จอมโจรระเบิดขี้

หลังจากที่ตัวภาพยนตร์สารคดี American Vandal ถูกปล่อยออกไปสู่สายตาสาธารณะ ก็ทำให้เกิดเป็นกระแสและถูกพูดถึงมากมาย ปีเตอร์และแซมก็เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้นผ่านการสัมภาษณ์ในรายการต่าง ๆ จนวันหนึ่งก็มีอีเมล์จากเด็กนักเรียนคนหนึ่งของโรงเรียนเอกชนชื่อดังอย่าง เซนต์เบอร์นาดีน เข้ามาถึงพวกเขา

โดยมีใจความว่าโรงเรียนของเธอเกิดเหตุการณ์ที่ว่านักเรียนขี้แตกกันทั้งโรงเรียนพร้อมกัน ซึ่งไม่ได้เกิดเพราะความบังเอิญแน่นอนเพราะหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก็มีบุคคลปริศนาที่อ้างตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้โดยใช้นามแฝงว่า ‘The Turd Burglar’ ใน Instagram

ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้ตามสืบหาต้นตอของเหตุการณ์ทั้งหมดและไปจบตรงที่โรงเรียนได้ไล่เด็กนักเรียนคนหนึ่งที่ถูกเชื่อว่าเป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ แต่ทั้งความจริง หลักฐานและแรงจูงใจไม่ได้ถูกบอกให้กระจ่าง ปีเตอร์และแซมจึงได้เริ่มถ่ายสารคดีหนังออนไลน์อีกครั้งเพื่อตามหาความจริงและเปิดโปงตัวตนของ The Turd Burglar

ส่วนตัวต้องบอกว่าผมชอบ Season สองมากกว่า เพราะเหมือนว่า ปีเตอร์และแซม มีประสบการณ์มากขึ้นในการทำสารคดีชุดนี้ ที่ Season สองดูจะมีการเล่าเรื่องที่ซีเรียสมากยิ่งขึ้น

จุดเด่นของ Season 2 คือ ตัวละครหลักอย่าง เควิน แมคเคลน ที่เป็นเด็กนักเรียนที่ชอบทำตัวประหลาด ๆ ในโรงเรียน รวมถึง เดอร์มาคัส ทิลแมน นักกีฬาบาสเก็ตบอลดาวรุ่ง ที่ เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่ conflict กันอย่างชัดเจน

เรื่องนี้ต้องบอกว่ามันส์มาก ๆ เราลุ้นอยู่ตลอดเวลา ในการตามล่าหาจอมโจร The Turd Burglar ตัวจริง ว่าเป็นใครกันแน่ มีพลิกหักมุมอยู่แทบจะตลอดเวลา อย่างกับถูกเขียนขึ้นผ่านบทละคร

บทสรุป

ต้องบอกว่าซีรีส์ชุดนี้มันได้สะท้อนให้เราเห็นถึงสังคม High School ของอเมริกาในยุคปัจจุบันได้อย่างดีมาก ๆ การเติบโตของเครือข่าย social media ทำให้เป็นยุคของ Camera Anywhere รวมถึงการ Bully กัน ที่เรียกได้ว่ากลายเป็นเรื่องปรกติไปเสียแล้ว

มันสะท้อนให้เห็นถึงการอยากสร้างตัวตนขึ้นมา ให้ทุกคนรู้จัก ซึ่งกลายเป็นเรื่องปรกติในยุคนี้ไปเสียแล้ว ทั้งที่เรื่องราวในโลก Social กับ ชีวิตจริง ๆ อาจจะแตกต่างกันแบบสิ้นเชิงเลยก็ได้

American Vandal จึงเป็นซีรีส์ที่สะท้อนสังคมไฮสคูลที่สมจริงมากกว่าซีรีส์อื่นในแนวเดียวกันอีกหลายเรื่องที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด และเป็นซีรีส์สืบสวนสอบสวนแบบ Reailty ที่คุณจะไม่มีทางเดาตอนจบของเรื่องราวทั้งหมดได้ และที่สำคัญไม่ควรพลาดรับชมเป็นอย่างยิ่งครับผม