“แคบป๊อป”(KAPP-POP) แคบหมูไมโครเวฟ คว้ารางวัลสุดยอดนวัตกรรมอาหาร “THAIFEX – Anuga Taste Innovation 2023” ยกระดับอาหารท้องถิ่น

“แคบป๊อป” (KAPP-POP) ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ โลค้อล สยาม 77 (Local Siam 77) ภายใต้บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด คว้ารางวัลสุดยอดนวัตกรรมอาหาร “THAIFEX – Anuga Taste Innovation 2023” โชว์นวัตกรรมเด่น ดึงเมนูท้องถิ่น “แคบหมู” นำเสนอความอร่อยผ่านเตาไมโครเวฟ คงอัตลักษณ์รสชาติจากเชียงใหม่เหมือนได้ไปเยือนถึงที่ คงคุณค่าโภชนาการ มีความกรอบ หอม โปรตีนสูง ไม่มีคาร์โบไฮเดรต และไขมันต่ำ สอดคล้องเทรนด์อาหารแห่งอนาคต ตอบสนองไลฟ์สไตล์ความสะดวกสบายของผู้บริโภค

คุณปิติ ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “แคบป๊อป (KAPP-POP) เป็นสินค้าที่พัฒนาภายใต้แนวคิด Local Food Innovation การนำวัตถุดิบท้องถิ่น เมนูเด่นของ 77 จังหวัดทั่วไทย บวกกับเทคโนโลยี การเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารของไทยสู่ตลาดโลก ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ของเมนูท้องถิ่น

เพิ่มคุณภาพอาหาร รักษาความอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการไว้อย่างครบถ้วน และล่าสุด “KAPP- POP แคบหมูไมโครเวฟ” ได้รับรางวัล THAIFEX – Anuga Taste Innovation ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นความสำเร็จในการพัฒนาสินค้านวัตกรรมของเราด้วย”

“แคบป๊อป”(KAPP-POP) เกิดจากกลยุทธ์ Local Co-Creation ระหว่างฟู้ดแฟคเตอร์ กับ “วนัสนันท์” ร้านของฝากชื่อดังจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้นำเทคโนโลยี มายกระดับเมนูอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงใหม่อย่างแคบหมู มาตอบโจทย์ความอร่อยได้ง่าย ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา เพียงนำเข้าเตาไมโครเวฟ 2 นาทีเท่านั้น ก็สามารถรับประทานได้ หอม กรอบ ใหม่ ไร้น้ำมัน โปรตีนสูง ไม่มีคาร์โบไฮเดรตและไขมันต่ำ รสชาติดั้งเดิมตามแบบฉบับเมนูท้องถิ่นเต็มคำ

“แคบป๊อป” (KAPP-POP) แคบหมูไมโครเวฟ ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ “โลค้อล สยาม 77” ถือเป็น 1 ในผลิตภัณฑ์จากกว่า 500 รายทั่วโลก ที่ได้รับคัดเลือกให้รับรางวัล THAIFEX – Anuga Taste Innovation 2023 นวัตกรรมและเทรนด์แห่งอนาคต 

ทั้งนี้ รางวัล THAIFEX – Anuga Taste Innovation ให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่มีสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรมใหม่สุดของปี และมีความโดดเด่น สะท้อนถึงแนวโน้ม ตลอดจนเทรนด์อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในอนาคต โดยมีเกณฑ์การตัดสินในเรื่องของการเป็นสิ่งใหม่ที่เพิ่งนำเสนอสู่ตลาดเป็นครั้งแรก ตอบสนองความต้องการหรือแก้ปัญหาให้กับอุตสาหกรรม และเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ทั้ง รสชาติ บรรจุภัณฑ์ และการออกแบบอีกด้วย

Geek Monday EP178 : กลยุทธ์การประชุมเช้าวันเสาร์ในตำนานที่พลิกบริษัท Wal-Mart

บางครั้งการตัดสินใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างในธุรกิจมันอาจจะกลายเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่พลิกบริษัทได้  นั่นคือเรื่องราวของการประชุมในเช้าวันเสาร์ในตำนานของ Wal-Mart ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ในเมืองเบนตันวิลล์ของบริษัท

การสัมมนาการขายสินค้าที่เป็นส่วนหนึ่งฟอรัมของการประชุมในเช้าวันเสาร์เป็นเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อน Wal-Mart มานานหลายปี ช่วยให้ Wal-Mart กลายเป็น บริษัท ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยร้านค้ากว่า 10,000 แห่ง (รวมถึง Sam’s Club) สร้างยอดขายได้ประมาณ 447 พันล้านดอลลาร์ต่อปี 

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/42gzXrs

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://bit.ly/43szEea

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://bit.ly/3q7sxcC

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://bit.ly/3C1diF2

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/dzyBteS-v-M

References Image :
https://www.moopio.com/los-10-mandamientos-del-creador-de-walmart.html

ความไม่ balance ของสื่อ กับเรื่อง Fake News ที่ไม่มีใครยอมรับ

ปัญหาโลกแตกของวงการสื่อทั่วทุกมุมโลกแม้กระทั่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเอง ด้วยอัลกอริธึมของแพล็ตฟอร์มโซเชียลมีเดีย นั่นเป็นหนึ่งประเด็นที่มีความสำคัญในการรับข้อมูลข่าวสารของมนุษย์เราในยุคปัจจุบัน

ในการสัมภาษณ์ครั้งประวัติศาสตร์กับสื่อยักษ์ใหญ่ของโลก Elon Musk ได้กล่าวหา BBC ว่าปกปิดผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนโควิดและเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับการสวมหน้ากากอนามัย

Musk กล่าวว่า: “BBC ถือว่าตัวเองมีส่วนรับผิดชอบต่อข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับการสวมหน้ากากและผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนหรือไม่ และไม่รายงานเรื่องนี้เลย?“แล้วข้อเท็จจริงที่ว่า BBC ถูกรัฐบาลอังกฤษกดดันให้เปลี่ยนนโยบายบรรณาธิการล่ะ?”

นี่เป็นตัวอย่างของสื่อในยุคปัจจุบัน แม้จะเป็นสื่อระดับโลก ก็เคยผ่านการปล่อยข้อมูล Fake News มาแล้วทั้งสิ้น อยู่ที่ว่าคนที่เชียร์ หรือเข้าข้างสื่อ ๆ นั้นจะมีความสนใจหรือไม่ และปริมาณในการเผยแพร่มันมากมายขนาดไหน เมื่อเทียบกับสื่ออื่น ๆ

การ Balance ของสื่อนั้น ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจ เราจะเห็นได้ว่าแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ของ Social Media โดยเฉพาะจากฝั่ง Silicon Valley นั้น มักจะเอนเอียงให้กับข้อมูลของสื่อจากโลกตะวันตกอย่างชัดเจน

ส่วนตัวผมเป็นคนที่ใช้ profile ของเพจ คอย follow สำนักข่าวต่างๆ จากทั่วโลกที่มีเนื้อหาตรงกันข้ามกันสื่อตะวันตกอยู่บ้าง เช่น สื่อจากรัสเซีย สื่อจากประเทศจีน แม้จะ set ให้มันเป็น Favorite หรือ engage กับสื่อนั้นยังไงก็ตาม แทบจะไม่มีคอนเทนต์จากสื่อเหล่านี้โผล่มาในช่อง Feed ของเครือข่าย Social Media เลยด้วยซ้ำ

มันคือความ Bias ของอัลกอริธึมอย่างชัดเจนมาก ๆ เพราะมีแต่ข่าวจากโลกตะวันตกเท่านั้น ที่เข้ามาสู่หน้าจอของเรา แทบจะไม่มีข่าวจากสื่อฝั่งตรงข้ามโผล่เข้ามาให้รับชมได้เลย การที่จะเข้าถึง ก็ต้องเข้าไปทางเว็บของพวกเขาโดยตรงเพียงเท่านั้น

ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมคนทั่วโลกส่วนใหญ่ในตอนนี้ ก็แทบจะเสพข้อมูลจากสื่อ Social Media แทบจะทั้งสิ้นแล้ว เพราะมันใช้งานง่าย และเลือกสรรค์ สิ่งที่เราชอบมาให้เสพอยู่สม่ำเสมอ

มองมาที่บ้านเรา สื่อ ก็แทบไม่มีความ balance เพราะมีสื่อที่สนับสนุนฝั่งนึงเยอะมาก ๆ โดยเฉพาะสื่อด้านออนไลน์ แต่อีกฝั่งนั้น มีให้เสพน้อยมาก ๆ ทั้งที่ข้อมูลควรจะมีการ balance กันให้มีความสมดุล เพื่อให้ผู้อ่านเป็นคนพิจารณาด้วยตัวเอง

ซึ่ง Elon Musk นั้นเคยกล่าวถึงเรื่องนี้เกี่ยวกับ Free Speech ที่เขาต้องการผลักดัน ให้ทุกคนมีสิทธิ์รับสื่อทุกทาง แต่ต้องมีการวิเคราะห์ด้วยตนเอง ว่าจะเชื่อเนื้อหาจากสื่อเหล่านั้นหรือไม่

ก่อนหน้านี้ คำว่า Fake News เองนั้น ผมว่ามีสำนักข่าวยักษ์ใหญ่หลายๆ สื่อ ทั้งออนไลน์ ทีวี ต่างก็เคยมีการให้ข้อมูลที่ผิดพลาด หรือ แอบเนียน ๆ ใช้ข้อมูลผิด ๆ โจมตีข้อมูลฝั่งตรงข้ามอยู่สม่ำเสมอ ซึ่งเรามักจะเห็นว่าพวกเขาก็จะปฏิเสธสิ่งเหล่านี้และไม่ยอมรับว่าพวกเขาเคยปล่อย Fake News คล้าย ๆ กับที่ นักข่าว BBC ตอบคำถาม Musk

เอาจริง ๆ มันก็มองได้สองมุมมองจากเรื่องนี้ การปล่อยให้มีการ Free Speech แบบสุดโต่งอย่างที่ Elon Musk กำลังจะทำ มันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะทุกคนที่เห็นต่างกันควรได้รับข้อมูลจากทุกฝ่ายแบบเท่าเทียมกัน

ซึ่งหากมองแบบ Musk เรื่องของ Fake News ในโลกจริง ๆ ที่เราคุยถกเถียงกันมันก็เกิดขึ้นเป็นปรกติในทุกสังคม อยู่ที่ฐานข้อมูลของคนนั้น ๆ ว่ามีชุดข้อมูลแบบไหน แต่พอมันมาอยู่บนโลกออนไลน์ มันกระจายไปอย่างรวดเร็วสู่คนกลุ่มใหญ่มาก ๆ เพราะมันไม่ได้กระจุกอยู่ในสังคมเล็ก ๆ เหมือนใน Public Square อย่างที่ Elon Musk มักจะนำมาเปรียบเทียบนั่นเองครับผม

References :
https://www.bbc.com/news/av/world-us-canada-65249139

หนึ่งวันในชีวิตของ Steve Jobs  ผู้ที่กินวีแกน และฝึกสมาธิตามแนวทางของนิกายเซน

Steve Jobs ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple และ Pixar Animation Studios เป็นที่รู้จักจากบุคลิกที่สร้างสรรค์ ความเป็นผู้นำและความหลงใหลในเทคโนโลยีของเขาเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และเขายังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนรอบตัวเขาในทุกๆ วัน เขาเป็นผู้ประกอบการที่มีหัวธุรกิจชั้นยอดและมีความสามารถที่แปลกประหลาดที่จะรู้ล่วงหน้าว่าผู้คนต้องการอะไร

กิจวัตรประจำวันของเขามีบทบาทสำคัญในความสำเร็จ ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ตั้งแต่กิจวัตรตอนเช้าไปจนถึงการทำสมาธิตอนเย็นและการฝึกฝนทางจิตวิญญาณ กิจวัตรประจำวันของ Jobs ถูกสร้างขึ้นมาอย่างพิถีพิถันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความคิดสร้างสรรค์ของเขา

ตอนเช้า

Jobs จะตื่นนอนในช่วง 6 โมงช้า เขาใส่ชุดเดิมๆ ทุกวัน เสื้อคอเต่าสีดำของอิซเซย์ มิยากิ และกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน เขาจึงไม่ต้องเสียเวลาเลือกว่าจะใส่อะไรในทุกเช้า

โดย Jobs จะเริ่มทำงานที่บ้านก่อนในช่วง 6.30 น. เรียกว่าโลกทั้งใบของ Jobs คืองาน ไม่ว่าจะที่สำนักงานหรือที่บ้าน เขามักใช้เวลาช่วงเช้า เช็คอีเมลก่อนที่ลูก ๆ ของเขาจะตื่น

โลกทั้งใบของ Jobs คืองาน ไม่ว่าจะที่สำนักงานหรือที่บ้าน  (CR:Cult of Mac)
โลกทั้งใบของ Jobs คืองาน ไม่ว่าจะที่สำนักงานหรือที่บ้าน (CR:Cult of Mac)

เมื่อเวลาประมาณ 7.30 น. Jobs จะมารับประทานอาหารเช้ากับครอบครัว และมักจะทานของว่างเช่น ผลไม้ น้ำผลไม้ ซึ่งผักและผลไม้ของครอบครัวจำนวนมากมักจะนำมาจากสวนภายในบ้านของเขาเอง

Jobs จะถึงสำนักงานใหญ่ของ Apple ประมาณ 9.00 น. และเริ่มประชุมนัดแรกของวันเวลาประมาณ 9.30 น. สิ่งที่จะทำในทุกวันจันทร์คือการตรวจสอบธุรกิจทั้งหมด ดูยอดขายจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำการตรวจสอบทุกสิ่ง ทั้งผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในช่วงพัฒนา ผลิตภัณฑ์ที่มีปัญหา หรือ ในเคสที่สินค้ามีความต้องการเกินกว่าที่จะผลิตได้

Jobs จะวางกำหนดการดังกล่าวนี้ไว้ในทุก ๆ สัปดาห์ ซึ่ง 80% ของเวลาส่วนใหญ่ก็จะทำเหมือน ๆ กันกับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดย Apple จะมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แต่นั่นเป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่ทำให้ทุกคนบริษัทเข้าใจวิสัยทัศน์ตรงกัน

การประชุมในวันจันทร์ จะสงวนไว้สำหรับผู้บริหาร 10 ลำดับแรกของ Apple ส่วนวันพุธ Jobs มักจะพบกับทีมการตลาด

Jobs จะมุ่งเน้นไปที่การประชุมแบบตัวต่อตัวเป็นหลัก เขามองว่ามันสำคัญมากที่จะต้องเจอผู้คนแบบเห็นหน้ากัน พูดคุย สบตาพวกเขา ตะโกนใส่พวกเขา หรือโอบกอดพวกเขา และรับรู้อารมณ์ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่

สำหรับมือเที่ยง Jobs นั้นขึ้นชื่อได้ว่าเป็นนักมังสวิรัติ บางครั้งเขาจะกินอาหารเพียงหนึ่งหรือสองอย่าง เช่น แอปเปิ้ลหรือแครอท

ช่วงบ่าย

เริ่มต้นช่วงบ่าย Jobs จะไปเยี่ยมชมห้องทดลองของทีม Industrial Design ซึ่ง Jony Ive และทีมนักออกแบบของเขาทำงานเกี่ยวกับต้นแบบผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ในอนาคต

Jobs มักจะไปขลุกอยู่กับ Ive ในช่วงบ่ายเสมอ (CR: AppleInsider)
Jobs มักจะไปขลุกอยู่กับ Ive ในช่วงบ่ายเสมอ (CR: AppleInsider)

ถ้าทีมของ Ive กำลังทำงานกับ iPhone รุ่นใหม่ Jobs จะใช้เวลาขลุกกับมันอย่างเข้มข้น เรียกได้ว่า Jobs เองเป็นคนตรวจสอบผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายด้วยตัวเองทุกครั้ง และมักจะมี sense ความเข้าใจผู้บริโภคว่าต้องการอะไรกันแน่ และ Jobs เองก็ค่อนข้างเชื่อมันในสัญชาตญาณของตนเองในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ

ในช่วงเวลา 15.00 น. เป็นช่วงเวลาของการตอบอีเมล การประชุมย่อย และการรับโทรศัพท์ ซึ่ง Jobs เองเป็นคนเปิดเผยที่อยู่อีเมลของเขาต่อสาธารณะ เขามักจะตอบกลับอีเมลโดยเฉลี่ยมากกว่า 100 ฉบับต่อวัน และคอยรับโทรศัพท์ 10 ครั้งต่อวัน

ในช่วงที่อยู่ที่ Pixar และ Apple นั้น กิจกรรมอื่น ๆ ในช่วงบ่าย อาจจะรวมถึงการซ้อมสำหรับการนำเสนอประเด็นสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น

ตอนเย็น

Jobs มักจะเลิกงานในช่วงเวลา 17.30 น. และกลับไปรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพาสต้ากับมะเขือเทศดิบ ข้าวโพดสดจากสวน ดอกกะหล่ำนึ่ง และสลัดแครอทขูดฝอย

ครอบครัวของ Jobs มักจะมีการดื่มชาหลังอาหารเย็น ซึ่งมักทำจากสมุนไพรสด เช่น เลมอนเวอร์บีน่าจากสวนของพวกเขา ซึ่งการดื่มชา ช่วยในการย่อยอาหาร เพิ่มความสงบและผ่อนคลาย และขจัดสารพิษออกจากร่างกาย

Jobs เป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากจิบไวน์เป็นครั้งคราวเพียงเท่านั้น

ในเวลา 18.30 Jobs มักจะออกไปเดินเล่นกับ Laurene ภรรยาของเขา ทั้งสองมักออกไปเดินเล่นรอบ ๆ พาโลอัลโต

Jobs มักจะออกไปเดินเล่นกับ Laurene ภรรยาของเขาในช่วงเย็นเสมอ (CR:Business Insider)
Jobs มักจะออกไปเดินเล่นกับ Laurene ภรรยาของเขาในช่วงเย็นเสมอ (CR:Business Insider)

ในช่วงเวลา 22.00 น. เป็นต้นไป จะเป็นช่วงเวลาส่วนตัวที่ Jobs มักทำในกิจกรรมที่ตัวเองชอบ ไม่ว่าจะเป็น การฟังเพลง การทำสมาธิ และฝึกฝนจิตวิญญาณ

ศิลปินที่ Jobs ชื่นชอบมีตั้งแต่ Bob Dylan ไปจนถึง Bach ดนตรีช่วยให้ Jobs สามารถที่จะพาตัวเองเข้าถึงศูนย์กลางทางอารมณ์และจิตวิญญาณได้อีกครั้งในรอบวัน เขามักจะนั่งทำสมาธิ โดย Jobs ฝึกฝนตามแนวทางของพุทธศาสนานิกายเซน

หลังจากนั้น Jobs จะเข้านอน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่

เรื่องน่าสนใจอื่น ๆ เกี่ยวกับ Steve Jobs

  • เขาชอบฟังเพลงของ The Beatles และ Bob Dylan เป็นอย่างมาก และใช้เงินมากถึง 100,000 ดอลลาร์ไปกับระบบสเตอริโอสำหรับบ้านของเขาเมื่อเขาสร้างมันขึ้นมา
  • หนังสือที่เขาอ่านบ่อยคือ – อัตชีวประวัติของโยคี
  • มีคนไม่กี่คนที่ Steve Jobs ยกย่องให้เป็นฮีโร่ แต่บุคคลหนึ่งที่เขารักมากที่สุดตลอดชีวิตคือมหาตมา คานธี
  • Jobs เป็นวีแกน โดยเขาเริ่มกินวีแกนตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 19 ปี
  • Steve รักธุรกิจและวิศวกรรมของชาวเยอรมัน และเป็นผู้สนับสนุน Mercedes เขายังเป็นเจ้าของเครื่องบิน Gulfstream Jet เพราะต้องการที่จะเดินทางรอบโลกอย่างมีสไตล์

References :
https://www.quora.com/What-did-Steve-Jobs-do-for-fun-Did-he-have-a-hobby
https://www.cravingtech.com/5-things-you-didn%E2%80%99t-know-about-steve-jobs.html
https://owaves.com/day-plan/day-life-steve-jobs/
https://finty.com/us/daily-routines/steve-jobs/
https://www.forbes.com/sites/connieguglielmo/2012/05/07/a-day-in-the-life-of-steve-jobs/?sh=63ac2fdb7d6a

Geek Daily EP178 : ปรากฎการณ์ Anti-Fandom กับกลุ่มชุมชนออนไลน์ที่มีทั้งคนรักและคนเกลียด

Fandom คือที่ตั้งของชุมชนบนอินเทอร์เน็ตที่มีส่วนร่วมมากที่สุด ที่ซึ่งแฟน ๆ รวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองเรื่องราวที่พวกเขาชื่นชอบ สร้างผลงานจากแฟน ๆ ดำเนินการพูดคุยในหัวข้อต่าง ๆ อย่างเข้มข้น และโต้เถียงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนดังที่พวกเขาชื่นชอบ

ความหลงใหลดังกล่าวหมายความว่าเหล่าแฟน ๆ เป็นผู้เผยแพร่วัฒนธรรม เผยแพร่สิ่งที่ตนชื่นชอบ ไล่ตั้งแต่ Marvel ไปจนถึง K-pop ไปจนถึง Netflix หรือแม้สิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดในประเทศไทยอย่างพรรคการเมือง ซึ่ง อิทธิพลทางวัฒนธรรมของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านเครือข่ายออนไลน์ต่าง ๆ ไล่ตั้งแต่ Tumblr , Twitter , Facebook นั้นเรียกได้ว่าคลั่งไคล้แบบสุดขีด  ซึ่งภาษาและวัฒนธรรมของ Fandom นั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อประสบการณ์การใช้อินเทอร์เน็ตของคุณโดยไม่รู้ตัวเช่นเดียวกัน

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3BSRjA2

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://bit.ly/3MurD1s

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://bit.ly/3WGc3EM

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/oEF_n7BsvB4

Image References :
https://www.theatlantic.com/technology/archive/2020/06/twitter-k-pop-protest-black-lives-matter/612742/