กล่องพัสดุ ที่ไม่ได้แกะ

ต้องบอกว่า ตอนนี้พฤติกรรมของผู้บริโภค ในการจับจ่ายใช้สอย ได้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ผ่าน platform online ต่าง ๆ ที่รายล้อมอยู่รอบตัวเรา ตั้งแต่ตื่นนอน จน เข้านอนเมื่อสิ้นสุดวัน

platform online เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น Social Network อย่าง Facebook หรือ Instragram หรือ platform ecommerce อย่าง shopee , lazada หรือน้องใหม่อย่าง jd.com กำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของพวกเราไปอย่างสิ้นเชิง

แน่นอนว่า platform ไหนที่สามารถช่วงชิงเวลาเราไปได้มากที่สุด ก็มีโอกาสที่จะเสนอสินค้า หรือ บริการให้เราสูงสุดด้วยเช่นกัน เนื่องจากพฤติกรรมการเสพติดมือถือของมนุษย์เรา ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเด็ก ไปจนถึงคนแก่สูงอายุ ซึ่งก็แทบจะเหมือนกันหมดแล้วในยุคนี้

แน่นอนว่า สินค้า และ บริการเหล่านี้ มันสามารถทำให้เราเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิมมาก ๆ จากเมื่อก่อนที่เราต้องเสียเวลาไปเดินตามห้างสรรพสินค้า หรือ ตลาด เพื่อไปจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่เราอยากได้ หรือ สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

แต่ตอนนี้ มันถูกอัด ทั้งโปรโมชั่น campaign การตลาดมากมาย ทำให้เราได้หลงไปอยู่ในวังวนของสินค้าและบริการเหล่านี้ และ ซื้อมันได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งบางครั้ง สิ่งของเหล่านี้ เราอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าจะไปใช้ทำอะไร แต่ขอซื้อไว้ก่อน เนื่องจาก โปรโมชั่น ราคา ที่ดึงดูดใจ ที่ส่งผ่านมาทาง platform online เหล่านี้ ที่ติดอยู่กับเราแทบจะ 24 ชั่วโมง

ซึ่งเราก็จะได้เห็นพฤติกรรมในหลาย ๆ ครอบครัว ที่มีพัสดุ มาส่งถึงหน้าบ้าน แทบจะทุกวัน แล้วเกิดคำถามขึ้นหลายครั้ง มันคืออะไร?

ซึ่งคำถามนี้ หลาย ๆ คนน่าจะเคยเจอกัน ว่าเราสั่งอะไรมา? ของข้างในคืออะไร? เพราะพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเรานั่นเอง ที่สั่งซื้อสินค้าเหล่านี้ ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น และคิดน้อยลงยิ่งขึ้นมาก ๆ ในยุคปัจจุบัน ในการที่จะซื้อสินค้าสักชิ้น

และสุดท้าย กล่องพัสดุที่มาส่งเหล่านี้ บางครั้ง ก็ถูกวางไว้ อย่างงั้น โดยที่เราแทบจะไม่ได้แกะมันออกมาดูเลยด้วยซ้ำ ว่าเราได้พลาด หรือ เผลอ สั่งอะไรไป เพราะเมื่ออีกวันผ่านพ้นไป กล่องพัสดุใบใหม่ ก็ถูกส่งมาที่หน้าบ้านเราอีกแล้ว นั่นเองครับ

References Image : https://www.flickr.com/photos/158301585@N08/46085930691

Tesco Homeplus กับการยกร้านค้าเสมือนจริงมาไว้ในสถานีรถไฟใต้ดิน

ผู้คนมากมายต่างเคยชินกับการหยิบสินค้าจากไอคอนเล็ก ๆ บนหน้าจอโทรศัพท์ของพวกเขาเพื่อทำการสั่งซื้อสินค้า online และรอการส่งมอบหลังจากนั้นในอีกไม่กี่วัน แม้ประสบการณ์ชอปปิ้ง Online ดังกล่าวมันจะใช้งานได้ดีสำหรับสินค้าประเภท หนังสือของเล่นหรืออุปกรณ์เสริมของมือถือ

แต่สินค้าทั่วไปตามร้านขายของชำ เครื่องใช้สำนักงาน หรือของกระจุกกระจิกต่าง ๆ ที่เราต้องการในทันทีนั้น ประสบการณ์ชอปปิ้ง Online แบบเดิม ๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์เลยเสียทีเดียว

Homeplus  (เป็น บริษัท ในเครือของเทสโก้ยักษ์ค้าปลีกในสหราชอาณาจักร) ผู้ค้าปลีกเกาหลีได้คิดค้นโซลูชันใหม่ในรูปแบบของร้านค้าเสมือนจริง โดยเฉพาะตู้ค้าปลีกที่มีภาพขนาดเท่าของจริงของผลิตภัณฑ์ที่วางขายจริง โดยจะมีการวางไว้ในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของผู้คนสูงเช่นสถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งลูกค้าเป้าหมายจะใช้เวลาระหว่างรอคอยชอปปิ้งสิ่งที่พวกเขาต้องการเหล่านี้ได้ทันที

การแสดงผลขนาดเต็มและเพิ่มส่วนของรหัส QR Code ที่สามารถสแกนได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน Homeplus ซึ่งจะส่งคำสั่งซื้อสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เลือกไปยังโฮมพลัสในทันที

เพิ่มส่วน QR Code ให้สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
เพิ่มส่วน QR Code ให้สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น

จากนั้นลูกค้าจะกำหนดเวลาในการรับสินค้าและเลือกจุดหมายปลายทางที่ผลิตภัณฑ์จะถูกส่งไปยังบ้านหรือสำนักงานของพวกเขา การผสมผสานที่น่าทึ่งของเทคโนโลยีเสมือนจริงทำให้โฮมพลัสสามารถขายผลิตภัณฑ์ในหลาย ๆ สถานที่ได้

แม้แต่สินค้าที่เน่าเสียง่ายก็สามารถขายได้โดยไม่ต้องแช่แข็งที่ร้าน ซึ่งลูกค้าสามารถสแกนบาร์โค้ดจากผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่มี เพื่อส่งคำสั่งซื้อได้แบบทันที ลองนึกภาพความสามารถในการสั่งอาหารและเครื่องใช้สำนักงานของคุณใหม่ทันทีที่มันหมด ซึ่งให้ประสบการณ์ร้านค้าปลีกแบบใหม่นั่นเอง 

น่าแปลกที่การเพิ่มขึ้นของเหล่าร้านค้าเสมือนจริงได้ทำงานร่วมกับร้านค้าออนไลน์ของโฮมพลัสที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรายได้จากร้านค้าเสมือนจริงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังช่วยเพิ่มยอดขายจากร้านค้าออนไลน์ของพวกเขาได้อีกทางหนึ่งด้วย

ในขณะที่การขายสินค้าที่เน่าเสียง่ายจากร้านค้าเสมือนจริง และการทดลองเพิ่มเติมที่รวมเอาเทคโนโลยีเช่นรหัส QR Code กับการแสดงแบบเสมือนจริงนั้นก็เพื่อสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบไฮบริดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

References : 
https://www.extremetech.com

เมื่อผมกลายเป็นสาวก Lazada

ต้องบอกตรง ๆ เลยว่าเมื่อก่อนไม่ใช่คนที่จะชอปปิ้ง online บ่อยซักเท่าไหร่เลย นาน ๆ ซื้อที ก็ซื้อตามร้านค้า online ทั่วไป จนมาเปลี่ยนประสบการณ์การชอปปิ้งอย่างสิ้นเชิงเมื่อการเข้าเข้ามาของ lazada.co.th มาเปิดในไทย

ซึ่งตอนเข้ามาใหม่ ๆ lazada จะมี คูปองลดราคามายั่วใจบ่อย ๆ ทำให้เผลอ ช๊อปในสินค้าบางอย่างที่เราอาจจะไม่อยากได้ในตอนนั้นเลย แต่พลั้งเผลอมือไปกดสั่งซื้อทุกทีไป

ผมเริ่มช็อป lazada ช่วงแรกในสินค้าราคาหลักไม่เกิด 1000 บาท เป็นสินค้าชิ้นเล็ก ๆ ที่คงไม่มีปัญหาในการจัดส่ง หรือไม่แตกระหว่างทางเท่านั้น ต้องยอมรับว่าช่วงแรก ๆ นั้น กระแส lazada ใน pantip นั้นไม่ค่อยดีเลย พบแต่ปัญหาเยอะมาก ๆ จนใครหลายคน ไม่กล้าที่จะสั่งซื้อสินค้าผ่าน lazada

แต่เหมือนกับว่า lazada เริ่มตั้งตัวติด เริ่มที่จะมีปัญหาน้อยลงจากที่เข้ามาใหม่ ๆ มีการปรับปรุงการบริการที่ดีขึ้น เริ่มส่งเก็บเงินปลายทางที่ราคาขั้นต่ำเพียง 100 บาทเท่านั้น ซึ่งถือเป็นจุดเด่นเลยที่ผมกลายเป็นขาประจำกับ lazada เพราะเราสั่งสินค้า อาจจะราคาแค่ 100 กว่าบาท เค้าก็เก็บเงินปลายเหมือนกัน คิดว่าเค้าทำได้อย่างไรในสินค้าราคาขนาดนี้ คิดว่าไม่สามารถมี margin ไปทำกำไรได้

แต่เหมือนโดนเวทย์มนต์สะกด หลังจากนั้น ผมก็เริ่มสั่งซื้อสินค้าที่ชินใหญ่ขึ้น อย่างทีวี จอ 55 นิ้ว ผมก็สั่งผ่าน lazada หรือ เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งเป็นสินค้า ที่คิดว่าไม่น่าจะมาซื้อ online ก็สั่ง online หมด จนตอนหลังผมมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในการซื้อสินค้าทุกชนิด ต้องเช็คราคา ผ่าน lazada ก่อนทุกครั้ง ซึ่งถือเป็นความโรคจิตอย่างนึง แม้กระทั่งเดินในห้าง ก็จะคอยเช็คราคากับ lazada ทุกครั้งหากเราอยากได้อะไรขึ้น  ผ่านมาปีเดียว ผมก็ซื้อสินค้า ผ่าน lazada กว่า 100 รายการ ทั้งสินค้าราคาแพง ระดับ ครึ่งแสน หรือ สินค้า ราคาหลักร้อย ก็ซื้อผ่าน lazada ทั้งหมด ซึ่งมีของที่เราต้องการแทบทุกหมวดหมู่

เมื่อก่อนนั้นอาจจะซื้อแค่สินค้าที่มี review ดีเท่านั้น แต่ปัจจุบันผมแทบไม่สนใจแล้ว เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น เคยมีสินค้าที่มีปัญหาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จาก 100 รายการที่ทำการสั่งซื้อมา จึงค่อนข้างมั่นใจกับ lazada ได้แล้ว และ นโยบายการคืนเงินของ lazada ก็สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว หรือการเคลมสินค้า ก็ไม่เคยมีปัญหาใด ๆ ในการชอปปิ้งเท่าที่ผ่านมาของผม

ก็อยากจะแนะนำให้ลองมาใช้ lazada กันเยอะ ๆ  ตอนนี้ถือได้ว่า lazada สามารถยกระดับการบริการให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาใด ๆ อีกแล้ว หากจะซื้อสินค้า online ซึ่งผมคิดว่าในอนาคต ก็จะมีใคร หลาย ๆ คนที่มีอาการเหมือนผม คือ ซื้อแต่สินค้าผ่าน online เนื่องจากรับประกันเรื่องราคา รวมถึง คุณภาพก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าการซื้อในห้างสรรพสินค้าแต่อย่างใด