JT 8704 ตอนที่ 11 : วันลุ้นผล MRI

จาก blog ประสบการณ์ MRI ครั้งแรกเมื่อเดือนที่ผ่านมา ในที่สุดก็ถึงวันที่ต้องไปรับฟังผล โดยเนื่องจากเป็นโรงพยาบาลรัฐ และทางคุณหมอได้นัดไว้ในวันศุกร์ จึงต้องออกแต่เช้าประมาณ 6.30 น. เพื่อไปให้ทันรับ คิว แรก ๆ โดยไปถึงราว ๆ 7 โมงครึ่งเหมือนเช่นเคย และ เป็นที่น่า Surprise ว่าได้บัตรคิวหมายเลข 5 เหมือนกับที่มาในครั้งแรกเป๊ะ ๆ

เนื่องจากหมอจะเข้าตรวจในเวลา 9 โมงตรง ซึ่งคนไข้ก็เริ่มเข้ามาเยอะแล้ว ก็ได้แต่นั่งรออีกประมาณ 1 ชม.ครึ่ง และเมื่อใกล้เข้าสู่เวลา 9 โมงเช้า หมอท่านอื่น ๆ ก็เริ่มเข้ามา ผ่านไปเกือบ 30 นาทีหมอที่เป็นเจ้าของไข้ของผมเองนั้นก็ยังไม่มา ซักพักพยาบาลก็มาเปลี่ยนป้ายที่หน้าห้องตรวจเป็นชื่อหมอท่านอื่น และแจ้งให้ผู้ป่วยทราบว่าวันนี้หมอติดราชการไม่สามารถเข้าตรวจได้และจะมีหมอท่านอื่นก็มาตรวจแทน ก็คิดในใจว่าต้องเล่าเรื่องราวของเราใหม่อีกครั้งหรือไม่กับหมอท่านใหม่

หลังจากเริ่มเรียกคิวแรก ก็รออีกประมาณ 20 นาทีก็ถึงคิวที่ 5 ของผมเอง เดินเข้าไปพบเป็นหมอที่หนุ่มกว่าหมอเจ้าของไข้ตัวจริง น่าจะเป็นหมอที่เพิ่งจบเฉพาะทางมา แต่ที่นี่รับรองเป็นหมอที่เชี่ยวชาญด้านระบบสมองทุกคน โดยก่อนจะเข้าก็ได้เริ่ม search ข้อมูลของชื่อหมอที่จะตรวจ ก็ถือว่ามี profile ที่เป็นหมอเฉพาะทางด้านสมองเหมือนหมอเจ้าของไข้ของผมตัวจริงที่ติดราชการในวันนี้ นั่งซักพักหมอก็เริ่มพลิกอ่านข้อมูลในแฟ้มประวัติคนไข้ ก่อนจะถามข้อมูลเบื้องต้นเพิ่มเติม ผมก็ได้อธิบายไปตามที่เคยบอกไปกับหมอคนแรก ต่อจากนั้นก็เริ่มดูผลของ Ekg  ผลออกมาเป็นปรกติ ส่วนผล MRI ที่ต้องลุ้นหนักนั้น ก็ต้องรอหมอเปิดระบบเพื่อดูภาพ X-ray ผ่านคอมพิวเตอร์

หมอพยายามคลิกเปิด-ปิด โปรแกรมอยู่หลายรอบ ก็ไม่สามารถเปิดได้จึงเรียกพยาบาลเข้ามาช่วย ก็ไม่สามารถเปิดได้เช่นกัน ช่วงนั้นก็ถือว่าตื่นเต้นมาก ๆ เพราะกลัวว่าจะเป็นอะไรหนักหรือป่าวเนื่องจากการตรวจ MRI นั้นเป็นการตรวจแบบละเอียด และคิดในใจกับตัวเองตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาว่าน่าจะเกี่ยวกับสมองแน่ๆ  เนื่องจากเป็นอาการที่ไม่หายมา 6 เดือนแล้ว หลังจากนั้นหมอก็เดินไปดูผลตรวจอีกห้องนึงเนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์ในห้องตรวจที่ผมอยู่ใช้ไม่ได้ หมอเข้าไปประมาณ 15 นาทีก่อนจะเดินเข้ามาที่ห้องด้วยสีหน้าเรียบเฉย ฉิบหายแล้วตูจะเป็นอะไรร้ายแรงหรือป่าวววะ !

“ผลก็ปรกติดีนี่”  เหมือนเสียงสวรรค์จากหมอ แต่ก็ถือว่า เป็นผลที่ทำให้ตัวผมนั้นคิดหนักเพราะต่อจากนี้มันคืออะไรกับอาการที่เราเจอมาตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทรมานกับการใช้ชีวิตกับมันมาก ๆ  หลังจากนั้นหมอก็ถามเรื่องอาการอีกครั้ง ให้อธิบายอาการให้ละเอียด ผมก็แจ้งไป หลังจากนั้น หมอก็บอกว่าอาการคุณปรกติดี ไม่เกี่ยวกับหัวใจและสมอง ( คิดในใจว่าอ้าวแล้วมันเกิดจากอะไรครับหมอ)  หมอก็นิ่งอยู่พักนึงก่อนบอกว่า ลองไปปรึกษาคลินิกจิตเวชมั๊ย อาการมันไม่น่าจะใช่ อาการทางร่างการแล้วนะ มันมีอาการที่ใกล้เคียงคือ panic คุณจะตรวจที่นี่เลยก็ได้ถ้าสะดวก มีคลินิกอยู่ข้าง  ๆ  เดี๋ยวหมอจะ consult ไปให้

Blog Series : JT8704 Flight เปลี่ยนชีวิต

Img Ref : wisegeekhealth.com

 

JT 8704 ตอนที่ 10 : ประสบการณ์ MRI ครั้งแรก

เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพส่วนตัวที่มีปัญหากับอาการวูบ หน้ามืด คล้ายจะเป็นลมมาตลอดในระยะเวลา 6 เดือน และได้ทำการรักษาทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนมาหลายที่ก็ไม่เจอสาเหตุของอาการ สุดท้ายได้รับคำแนะนำให้มาที่สถาบันประสาทวิทยา ตรงบริเวณ รพ.รามาธิบดี ที่มีหมอเชี่ยวชาญด้านสมองอยู่มาก และ ส่วนใหญ่เป็นอาจารย์หมอที่มีความเชี่ยวชาญด้านสมองโดยตรง จึงขอคุณหมอให้ request MRI สมองเลยเนื่องจากมีอาการมาค่อนข้างนานแล้วและหาสาเหตุไม่เจอซักที

ตอนแรกก็ไม่ได้ศึกษาข้อมูลการทำ MRI มาเลย โดยมาในวันนัดโดยไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาทั้งสิ้น เพราะเหมือนเราได้ดูจากละครหรือหนังมา ก็ไม่น่าจะมีอะไรมาก แต่ดันลืมบอกอาการกลัวที่แคบที่เป็นโรคส่วนตัวที่มาพร้อมกับอาการหน้ามืด และอาการวูบในระยะ 6 เดือนหลัง เจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจก็ไม่ได้ซักประวัติอะไรมาก คงเห็นว่าเรายังหนุ่มแน่น และอาการเบื้องต้นก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ต่างจากคนไข้คนอื่น ๆ ที่อาการค่อนข้างหนักพอสมควรที่จะมาทำ MRI เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด

หลังจากเปลี่ยนเสือผ้าเรียบร้อยก็รอคิวเพื่อเข้าห้องสแกน รอคนก่อนหน้า ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานมาก ๆ ประมาณ 40 นาที เห็นเค้าเดินออกมาก็ไม่ได้มีอาการอะไร หรือ วิตกกังวลใด  ๆ ก็คงไม่มีอะไร หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาบอกรายละเอียดว่า จะมีเสียงดังจากเครื่องมือ แต่ไม่ได้น่ากลัวอะไร เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เข้าห้องแล้วเจ้าหน้าที่ให้สำลีมาอุดหู 1 อัน แต่ตอนนอนลงที่เครื่อง เหมือนมันจะหลุดออกไป หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้สัญญาณ เครื่องเริ่มทำงาน

วินาทีที่เข้าไปในอุโมงค์ ตอนแรก ฉิบหายแล้ว อากาศเหมือนจะไม่ค่อยมี เหมือนจะหายใจไม่ค่อยออก ( หลังจากป่วยก็มีปัญหากับที่แคบ หรือ ใน ลิฟท์ หรือในรถยนต์แคบ ๆ จะมีปัญหาชอบหายใจไม่ออก)  แต่พอเริ่มตั้งสติได้ ก็พอเริ่มหายใจได้บ้าง รู้สึกค่อนข้างโอเค แต่แล้ว เมื่อเครื่องเริ่มทำงาน เสียงนรกก็เริ่มทำงานทันที มันเป็นเสียงที่โดยส่วนตัวถือว่าหลอนมาก ไม่แน่ใจว่าเนื่องจากเป็นเพราะอาการกลัวที่แคบหรือป่าว หลังจากเสียงแรกมาจนเราเริ่มโอเคปรับตัวได้ นั่นไงมันเปลี่ยนเสียง หลอนใหม่อีกรอบ และทำอย่างงี้ไปเรื่อย ๆ ในช่วงทำตลอด 30-40 นาทีโดยที่ขยับตัวไม่ได้

ใจนึงก็อยากจะตะโกนหาเจ้าหน้าที่บอกว่าผมไม่ไหวแล้วหลายครั้ง พอเริ่มไม่ไหวเสียงก็หยุดพักพอดี แล้วเปลี่ยนเป็นเสียงใหม่ สลับอยู่อย่างงี้ไปเรื่อย ๆ ซึ่งถือว่าทรมานมาก ๆ ในช่วงเวลา 30-40 นาทีดังกล่าว ซึ่งผมคิดว่า เป็นเฉพาะกับคนที่กลัวที่แคบเท่านั้น คนที่ปรกติ ก็คงไม่มีปัญหาอะไรกับเสียงดังกล่าวและเนื่องจากเราห้ามขยับตัวใด ๆ โดยเฉพาะส่วนหัวด้วยทำให้ยิ่งวิตกกังวลไปเรื่อย ๆ ในระหว่างทำนั้นก็พยายามทำหลาย ๆ อย่างเพื่อให้ out focus จากเสียงดังกล่าว ทั้งสวดมนต์ พยายามคิดถึงเรื่องงาน ( ที่ไม่น่าคิดเท่าไหร่ในตอนนั้น) แต่ก็พยายามทำทุกอย่างให้ out focus จากเสียงนี้ให้ได้ จนตอนหลังไม่ไหวมาก ๆ ก็ใช้เล็บกดตามนิ้วต่าง ๆ เพื่อให้เจ็บ จะได้ out focus จากเสียง

เสียงสวรรค์จากเจ้าหน้าที่ก็เข้ามา พร้อมเปิดห้องเข้ามาและบอกว่าเรียบร้อยแล้วครับน้อง OMG กว่าจะผ่านนรกนี้ไปได้เราก็เกือบจะจิตหลุดไปหลายรอบเหมือนกัน เกือบที่จะตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่ให้หยุดแล้ว คิดว่าถ้านานกว่านี้อีกซัก 10-15 นาทีเราคงไม่สามารถทำให้เสร็จสิ้นได้อย่างแน่นอน ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับเจ้าเครื่อง MRI ตัวนี้

Blog Series : JT8704 Flight เปลี่ยนชีวิต

Img Ref :  radio.md.chula.ac.th