Hate Speech & Profit แล้ว Facebook จะแก้ปัญหานี้ทำไม ในเมื่อมันสร้างกำไรได้อย่างมหาศาล

เรียกได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่งานเข้าอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียวสำหรับยักษ์ใหญ่ของเครือข่ายโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ตามข้อมูลที่หลุดออกมาอย่างต่อเนื่องจากเอกสารภายในที่ว่าด้วยเรื่องราวการจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาใหญ่ของโลกแทบจะทั้งสิ้นในแพลตฟอร์ม Facebook

อีกหนึ่งปัญหาที่กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนคือเรื่อง Hate Speech ที่กำลังบ่อนทำลายสังคมต่าง ๆ ไปทั่วโลก ด้วยแพลตฟอร์มที่เอื้ออำนวยให้เกิด Hate Speech และที่สำคัญ มันได้ผลดีด้วย หากคุณสร้างเนื้อหาที่เป็น Hate Speech บนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook

Frances Haugen ที่เป็นอดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Facebook ซึ่งเธอได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมกลุ่ม Civic Integrity ซึ่งคอยดูแลปัญหาเหล่านี้ แต่สุดท้ายกลุ่มดังกล่าวได้ถูกยุบไป ทำให้เธอตัดสินใจลาออกทันที

โดยเธอได้ให้ข้อมูลจากภายในบริษัทที่น่าสนใจหลายประเด็นจากเจ้าของแพลตฟอร์ม และเหล่าผู้บริหารที่ดูเหมือนจะเมินเฉยกับปัญหาเหล่านี้ที่เกิดขึ้น

“บริษัทมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ โดยนำอัลกอริธึม ที่ขยายคำพูดที่แสดงความเกลียดชังมาใช้ เพราะมันสร้างผลกำไรให้กับบริษัท”

เธอยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าเธอไม่เชื่อว่าเหล่าผู้บริหารระดับสูงเต็มใจที่จะลงทุนในสิ่งที่จำเป็นต้องลงทุนจริง ๆ เพื่อไม่ให้ Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นอันตราย

แล้ว Hate Speech มันเกี่ยวกับการทำกำไรของ Facebook อย่างไร

เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เพียงแค่คุณมองไปบนแพลตฟอร์มในตอนนี้ ยิ่งในประเทศที่มีปัญหาความขัดแย้งสูง ตัวอย่างง่าย ๆ ในประเทศเราเอง จะสังเกตได้อย่างชัดเจนว่า ยิ่งมีการสร้าง Hate Speech ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายไหน มันยิ่งทำให้อัลกอริธึมของ Facebook ทำงานดียิ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สิ่งแรกคือ engagement ที่มีมหาศาลอยู่แล้ว สำหรับเนื้อหาแนวนี้ มีเพจต่าง ๆ มากมาย ที่แทบไม่ต้องลงทุนสร้างเนื้อหาใด ๆ เลยเข้าสู่แพลตฟอร์ม เพียงแค่แชร์ เนื้อหาให้คนมาด่ากัน Hate Speech ใส่กัน ก็ได้รับความนิยมอย่างมหาศาลในปัจจุบัน

แล้วตอนนี้ มันเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดมาก ๆ โดยเฉพาะเพจที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเรื่องการเมือง ที่เป็นแหล่งรวม Hate Speech ชั้นดี

แน่นอนว่า หากอัลกอริธึมผลักดันให้แสดงผลสิ่งเหล่านี้มากยิ่งขึ้น คนก็ยิ่งเข้ามา engagement มากยิ่งขึ้น และใช้เวลาอยู่ในระบบของ Facebook มากยิ่งขึ้น ซึ่งผมก็มองว่าถ้าทำเพื่อกำไรนั้น มันก็เป็นสิ่งที่่ถูกต้องในฐานะธุรกิจ เพราะเนื้อหาพวกนี้มันเรียกกระแสได้อย่างดี

ยิ่งผู้ใช้งานเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มนาน ๆ ก็ยิ่ง สร้างรายได้ให้กับ Facebook ผ่านโฆษณาที่ขับเคลื่อนอยู่บนแพลตฟอร์มนั่นเอง

นั่นเอง ที่ผมไม่แปลกใจเลยว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องจริง เหล่าผู้บริหารของพวกเขาไม่ได้ให้ priority ในการแก้ไขปัญหา Toxic เหล่านี้เป็นลำดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เพราะมันส่งผลต่อรายได้ของพวกเขาอย่างชัดเจนมาก ๆ

ซึ่งสอดคล้องกับคำพูดจากคำสัมภาษณ์ของ Haugen ที่กล่าวว่า “Facebook เลือกที่จะทำกำไรเหนือสวัสดิการของผู้ใช้ มีการปรับครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง เช่น การทำเงินที่มากขึ้น”

Frances Haugen ที่ทนไม่ไหวจนต้องมาแฉบริษัทเก่าของตัวเอง (CR:CBS 60 minutes)
Frances Haugen ที่ทนไม่ไหวจนต้องมาแฉบริษัทเก่าของตัวเอง (CR:CBS 60 minutes)

Haugen อ้างว่าต้นตอของปัญหาคืออัลกอริทึมที่เปิดตัวในปี 2018 ซึ่งควบคุมสิ่งที่ทุกคนเห็นบนแพลตฟอร์ม  พวกเขาตั้งใจที่จะขับเคลื่อนการมีส่วนร่วม และบริษัทพบว่าการมีส่วนร่วมที่ดีที่สุดคือการปลูกฝังความกลัวและความเกลียดชังให้กับผู้ใช้ “การสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนโกรธง่ายกว่าอารมณ์อื่นๆ” Haugen กล่าว

บทสรุป

จากการแข่งขันที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจากน้องใหม่อย่าง TikTok ที่กำลังมาแรง และยิ่งชิงฐานผู้ใช้งานที่สำคัญที่สุดของ Facebook อย่างกลุ่มวัยรุ่นไปได้เป็นอย่างมาก หรือแม้กระทั่งใน Twitter ที่ดูจะเป็นมิตรกับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากกว่าในแพลตฟอร์ม Facebook

แม้ Facebook จะเติบโตด้านรายได้ แบบทิ้งคู่แข่งไม่เห็นฝุ่น แต่เอกสารภายในที่หลุดออกมา มันแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารว่าเป็นอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าในระยะยาว แพลตฟอร์มที่มีแต่เรื่อง Toxic ผู้คนคงจะอยู่กับมันได้ไม่นาน เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่เบื่อหน่ายกับเรื่องราวเหล่านี้มาก ๆ ในแพลตฟอร์ม Facebook ซึ่งก็คิดว่าเหมือนกับหลายๆ คน

แต่ยังโชคดีที่ประเทศไทยเราก็ยังมีแพลตฟอร์มทางเลือกอย่าง blockdit ที่ดูเหมือนจะแคร์ในประเด็นเหล่านี้มากกว่า และการ design พื้นฐานของแพลตฟอร์มเองก็ ไม่ได้ออกแบบมาให้เหมือนกับ Facebook ซึ่งถึงจะมีจริง ๆ ในอนาคตหากจำนวนคนเพิ่มขึ้น แต่ผมคิดว่ายังไงก็น้อยกว่ามาก

ซึ่งผมก็คิดว่า เพื่อน ๆ หลายคนที่เข้ามา blockdit ก็น่าจะคิดคล้าย ๆ กัน ในเรื่องนี้ ที่หนีปัญหา Toxic ในเรื่องต่าง ๆ มาจาก Facebook นั่นเองครับผม

*** ผมเคยสัมภาษณ์กับผู้ก่อตั้ง blockdit และมีหลายคำถามที่น่าสนใจสามารถลองอ่านได้ที่ ***

https://www.blockdit.com/posts/5fc3ddab717af20cd8374df8

แล้วคุณมีความคิดยังไงกับประเด็น Hate Speech ในแพลตฟอร์ม Facebook อย่าลืมมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับผม

References :
https://www.theverge.com/2021/10/3/22707860/facebook-whistleblower-leaked-documents-files-regulation
https://www.cbsnews.com/news/facebook-whistleblower-frances-haugen-misinformation-public-60-minutes-2021-10-03/
https://www.wsj.com/articles/the-facebook-files-11631713039
https://www.sciencespo.fr/public/chaire-numerique/en/2020/07/09/how-public-pressure-forced-facebook-to-change-its-policies-on-hate-speech/
https://www.esquire.com/uk/latest-news/a19741288/mark-zuckerberg-hearing-summary-tweets-controversial/