รู้จักศิลปินผู้สร้างงานศิลปะผ่าน Features ใหม่ Google Lens

หากคุณกำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟและคุณเห็นจิตรกรรมฝาผนังที่น่าหลงใหลอยู่บนผนัง คุณสามารถใช้สมาร์ทโฟนของคุณเพื่อระบุถึงศิลปินที่อยู่เบื้องหลังผลงานดังกล่าวได้แล้วในขณะนี้ผ่าน คุณลักษณะใหม่ของ Google Lens

ซึ่งตอนนี้ได้มีการทดสอบ Features ใหม่นี้ ในเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะสามารถรับรู้งานศิลปะที่คุณเห็นด้านนอกของแกลเลอรี่และสามารถบอกวิธีการติดต่อกับศิลปิน

ในการใช้คุณสมบัตินี้นั้นเพียงแค่ไปที่แอพ Google บนสมาร์ทโฟนของคุณและเปิด Lens จากนั้นเล็งกล้องไปที่งานศิลปะที่คุณสนใจแล้วแตะจุดสีฟ้า โดยจะมีการแสดงแถบเลื่อนพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับงานศิลปะนั้น ๆ ซึ่งคุณสามารถแตะเพื่อดูประวัติของศิลปินรวมถึงรายละเอียดการติดต่อกับพวกเขาได้

คุณลักษณะนี้สร้างขึ้นโดยความร่วมมือกับ Wescover ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการค้นหาศิลปะแบบดิจิทัล และงานศิลปะที่ค้นหาได้นั้น จะแสดงบนแผนที่ของซานฟรานซิสโก หากคุณอยากจะออกล่าผลงานด้านศิลปะ รวมถึงงานที่จัดแสดงอยู่ที่ชั้นล่างของพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ของเมืองซานฟรานซิสโก

Rachely Esman ซีอีโอของ Wescover กล่าวว่า เธอหวังว่าโครงการนี้จะช่วยให้ผู้คนเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะและจะช่วยยกระดับโปรไฟล์ของศิลปินที่สร้างผลงานศิลปะที่มีอยู่รอบเมืองได้   “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะให้เครดิตแก่ผู้สร้างงานศิลปะเหล่านี้ที่พวกเขาสมควรได้รับมัน” เอสแมนกล่าวในแถลงการณ์ “ ด้วยการจับคู่ที่ตรงกันเหล่านี้เราช่วยผู้บริโภคเชื่อมโยงกับศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบ ซึ่งพวกเขาสามารถไว้วางใจผลลัพธ์ที่พวกเขาได้จาก Features ใหม่นี้

References : 
https://www.engadget.com/2019/07/09/google-lens-art-discovery/

Geek Monday EP7 : AI First กับ Game Changer ของ Google

ถึงแม้จะมี Product ที่ว้าวขนาดไหน ช่วยแก้ปัญหาให้การใช้ชีวิตประจำวันเราได้มากขนาดไหน แต่สุดท้าย ที่ google ทำก็เพื่อขายโฆษณาอยู่ดี

ไม่ต้องคิดเลยว่าต่อไปเราจะมี Google Assistant Ads ที่เราสามารถลงโฆษณาได้ โดยให้ Google Assistant เลือกบริการของเราก่อนใคร เมื่อผู้ใช้งานเรียกใช้บริการต่าง ๆ ผ่าน Google Assistant หรือ แม้กระทั่ง Google Lens มันเป็น Product ที่ค่อนข้างชัดเจน ที่ทำมาเพื่อตอบโจทย์การโฆษณาชัด ๆ

ลองจินตนาการ ว่าเราอยากได้สินค้าที่เพื่อนมี ไม่ต้องไปหาที่ไหน เอากล้องเล็งไปที่สินค้านั้น ๆ Google ก็จะ Provide หาสินค้ามาให้เราซื้อได้เอง โดยแทบไม่ต้องไปค้นหาจากไหนเลย ซึ่งเหล่านี้ล้วนนำมาซึ่ง Model ธุรกิจใหม่ ๆ ของ Google ล้วน ๆ

ซึ่งจากช่วงหลังเราจะเห็นได้ว่า Google แทบจะมีได้รายได้หลักมาจาก Google Search เพียงอย่างเดียว แต่มันก็เพียงพอที่ Google สามารถที่จะนำเงินไปทุ่มเททรัพยากรเพื่อทำการ R&D ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างที่เราเห็นและสุดท้ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ก็จะกลายเป็นแหล่งขุมทรัพย์ใหม่ ๆ ให้ google อยู่ดีนั่นเอง

ยกระดับชีวิตให้ง่ายขึ้น ด้วย Google Lens

ในวันอังคารที่ผ่านมา  Google เปิดตัวฟิลเตอร์เลนส์ใหม่ห้าแบบสำหรับ Google Lens ซึ่งช่วยเราได้ตั้งแต่เรื่องอาหารไปจนถึงการแปลภาษาต่างประเทศ ช่วยยกระดับชีวิตเราให้ง่ายขึ้น โดยผ่านเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Google

คุณสมบัติใหม่ของเลนส์ Google จะให้การ Overlays ข้อมูลที่ดีขึ้นและเร็วขึ้นกว่าเดิม เมื่อนำมาใช้งานกับวัตถุในโลกแห่งความเป็นจริง โดย Google ให้ Scott Stein ทีมงานของ CNET ได้ตรวจดูก่อนว่า ฟิลเตอร์เลนส์ใหม่ สามารถทำอะไรก่อนการประชุมนักพัฒนา I / O เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

ฟิลเตอร์ อาหารจะไฮไลต์อาหารที่เป็นที่นิยมในเมนูโดยอัตโนมัติ โดยสามารถแตะที่ Google Map เพื่อดูรูปภาพและรีวิวอาหารนั้นได้ทันที

“และเมื่อคุณทำอาหารเสร็จแล้วเพียงแค่เล็งกล้องที่ใบเสร็จรับเงินของคุณ และเลนส์จะช่วยคำนวณทิปให้โดยอัตโนมัติ” Google กล่าว

ส่วน ฟิลเตอร์ การแปลภาษา Google Lens จะตรวจจับภาษาและซ้อนทับคำแปลที่ด้านบนของคำ มันรองรับการทำงานได้ในกว่า 100 ภาษาทั่วโลก

ฟิลเตอร์ข้อความ จะอนุญาตให้ผู้ใช้คัดลอกและวาง ข้อความจากวัตถุ ซึ่งรวมถึงรหัสผ่าน Wi-Fi รหัสบัตรของขวัญ และสูตรอาหารลงในโทรศัพท์ของพวกเขาได้ทันที และยังช่วยในเรื่องการช้อปปิ้ง โดยเลนส์จะช่วยค้นหารายการที่คล้ายกันเมื่อนำกล้องชี้ไปที่เสื้อผ้าเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งบ้าน รวมถึงความสามารถในการสแกนบาร์โค้ด

แสดงผลการค้นหาตามวัตถุใด ๆ โดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้กำลังเล็งกล้องไปที่วัตถุใด ๆ ก็ตาม

‘Google Lens เป็นเครื่องมือระบุตัวตน หรือสิ่งของ ว่าสิ่ง ๆ นั้นคืออะไรและค้นหาข้อมูลจากมันได้โดยผ่านบริการต่าง ๆ ของ Google’   Aparna Chennapragada รองประธานและผู้จัดการทั่วไปสำหรับผลิตภัณฑ์กล้องและ AR ที่ Google กล่าวกับ CNET เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม

“หนึ่งในคำถามที่สำคัญคือ ถ้าเราสามารถสอนกล้องให้อ่านภาษาต่าง ๆ ได้นั้น จะช่วยให้เราสามารถใช้กล้องเพื่อช่วยให้ผู้คนให้อ่านภาษาต่าง ๆ ได้หรือไม่?” เธอกล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติการแปลของเลนส์ “เห็นได้ชัดว่ามีประโยชน์ในกรณีที่คุณอยู่ในเมืองต่างประเทศและคุณไม่สามารถพูดภาษานั้นได้ และยังมีอีกหลาย ๆ ส่วนของโลกที่ผู้คนไม่สามารถพูดหรืออ่านภาษาของตัวเองได้เช่นกัน”

References : 
https://www.cnet.com/news/google-launches-lens-dining-and-translate-features/?ftag=COS-05-10aaa0b&linkId=68209243

AI First กับ Game Changer ของ Google

ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียน Blog ไว้หลาย ๆ เรื่องว่า Facebook นั้นกำลังก้าวขึ้นมาต่อกรกับ Google และมีโอกาส แซง Google ได้ในอนาคตอันใกล้ นี้ แต่หลังจากงาน Google IO 2018 เมื่อกลางปีนั้นทำให้ความคิดผมต้องเปลี่ยนไป ต้องขอบอกว่า Google นั้นไปไกล เกินกว่าที่ Facebook หรือบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ จะไล่ตามทันเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะเรื่องงานวิจัยด้าน AI  ถ้าได้มองใน Google Research จะพบว่ามีการวิจัยที่ก้าวล้ำไปอย่างมาก และ google นั้นมองถึงเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลกเรา และ เน้นไปที่การสร้างสังคมที่ดีขึ้น อย่างที่ concept ของ ผู้ก่อตั้ง ที่เคยกล่าว ไว้คือ “google make the world a better place

รวมถึงปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้า facebook ในปัจจุบันทั้งเรื่องข้อมูลที่หลุดรั่วอย่าง Cambridge Analytica รวมถึงประเด็นเรื่องข่าวลวงต่าง ๆ ที่ไม่มีวี่แววว่า facebook นั้นจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างเด็ดขาดเสียที ซึ่งจากปัญหาร้ายแรงเหล่านี้นั้น Mark Zuckerberg ควรที่จะลงจากตำแหน่ง

และควรที่จะมอบหน้าที่ให้ มืออาชีพ ด้านการบริหารมาดูแลแทนได้แล้ว เหมือนอย่างที่ google เคยให้ Eric schmidt มาช่วยดูแลในช่วงแรก ๆ ก่อนส่งไม้ต่อไปให้สองผู้ก่อนตั้งหลังจากผ่านการเรียนรู้อย่่างมากมายจาก Eric Schmidt ก่อนที่จะมาแข็งแกร่งเหมือนทุกวันนี้

From Mobile First to AI First

จาก mobile first เปลี่ยนเป็น AI First

จาก mobile first เปลี่ยนเป็น AI First

ปีนี้นั้น Google เปลี่ยนการขับเคลื่อนธุรกิจทั้งหมดใหม่ทั้งหมด โดยเน้นเรื่องหลักคือ AI First ซึ่งอย่างที่ CEO ของ Google อย่าง ซันดาร์ พิชัย เคยกล่าวไว้ในปีก่อน ๆ หน้า แม้เราอาจจะเห็นบริษัทอื่นๆ  อย่าง Apple ที่มีผลิตภัณฑ์อย่าง SIRI หรือ Amazon ที่มี Alexa แต่ต้องบอกว่า Google Assistant ของ Google นั้นมาไกลเกินกว่าที่ SIRI หรือ Alexa กำลังทำอยู่ค่อนข้างที่จะห่างมาก

แล้วทำไม Google ถึงไปไกลกว่าคนอื่น  ถ้าพูดถึง วิศวกรด้าน AI เทพ ๆ นั้นมีการถูกซื้อตัวกันเป็นว่าเล่นเป็นเรื่องปรกติในซิลิกอน วัลเลย์ ซึ่งเทคโนโลยีหรืองานวิจัยระดับสูงนั้น ต้องอาศัยวิศวกรที่มีความรู้ด้านนี้ค่อนข้างสูง และมีจำนวนน้อยคนนัก ซึ่ง Google นั้นทุ่มเททรัพยากรด้านนี้มากกว่าใครเพื่อนใน Silicon Valley เลยก็ว่าได้

ซึ่งสาเหตุสำคัญนั้นน่าจะมาจากการที่ Product ของ Google หลัก ๆ นั้นค่อนข้างจะนิ่งและทำเงินได้สูงดังตัวอย่างของ Google Search และ Youtube ซึ่งทำให้ Google สามารถนำงบประมาณไปทุ่มกับการวิจัยเป็นจำนวนมหาศาล สามารถที่จะจ้างวิศวกรค่าแรงสูง ๆ และมีความสามารถสูงมารวมตัวกันได้อย่างมากมาย และตอนนี้มันกำลังเริ่มเห็นผลแล้วว่า บริษัทที่มีการทุ่มงบด้าน R&D สูงนั้นสามารถสร้างเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกของเราได้

แต่ที่น่าสนใจมากที่สุดหลังจากการเปลี่ยนขับเคลื่อนธุรกิจมาที่ AI First  ก็น่าจะเป็นเพราะว่า ตอนนี้ Google กำลังทำ AI ให้นำมา Implement ใช้จริงในชีวิตประจำวันของมนุษย์เรา ซึ่งก่อนหน้านี้ เราอาจจะดูว่า AI เป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องในนวนิยาย เป็นเรื่องล้ำ ๆ เกินกว่าที่เราจะเข้าถึง แต่เทคโนโลยีล่าสุดของ Google ที่แสดงในงาน Google I/O เมื่อกลางปีนั้นสามารถนำมาใช้ในชีวิตจริง ๆ ของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ความเป็นอยู่ของมนุษย์เราดียิ่งขึ้น และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างง่ายขึ้น สมกับ concept ของ Google คือ “google make the world a better place

เทคโนโลยีที่น่าสนใจที่นำ AI มา Implement ใช้จริงของ Google

ต้องบอกว่าอุปกรณ์ของ Google นั้นในตอนนี้แทบจะยึดโลกแล้วก็ว่าได้ แค่เพียง Android อย่างเดียวก็เป็นพันล้านเครื่องแล้ว ยังไม่นับรวมพวก IoT Device ต่าง ๆ ที่มีอยู่อย่างมากมาย ที่ใช้ระบบปฏิบัติการของ Google ซึ่งเมื่อผนึกกับ Technology ทางด้าน AI นั้นที่ Google แทบจะใส่ไปในทุกผลิตภัณฑ์หลักเลยไม่ว่าจะเป็น Google Assistant , Google Map , Google Photo , Google Lens หรือ ใน Self-Driving Car ก็ล้วนแล้วแต่ใช้ เทคโนโลยีด้าน AI มาเป็นส่วนสำคัญของผลิตภัณฑ์ในแทบจะทุกตัว แต่ถ้าพูดถึง Detail ของ Technology ด้าน AI ที่ค่อนข้างน่าสนใจในปีนี้ของ Google นั้น ในมุมมองส่วนตัวของผมน่าจะเป็น

  • Naturally Conversation & Continued Conversation

ตัองบอกว่า Google Assistant ในปีนี้ ถือเป็น Product เด่นเลยทีเดียว ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แทบจะมีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ขึ้นไปทุกวัน Google ได้แก้ปัญหาหลักอย่าง Naturally Conversation และ Continued Conversation เพื่อให้ Assistant นั้นแทบจะทำงานได้เหมือนมนุษย์จริง ๆ สามารถตอบโต้กลับไปกลับมาได้ใกล้เคียงกับมนุษย์จริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งเบื้องหลังการทำงานนี่ต้องบอกว่าต้องผ่านการวิจัยที่โหดพอสมควร ถึงเราจะได้เห็น Product ที่ ใช้งาน ได้แบบนี้ขึ้นมา

  • Google Maps and Lens

ถือว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวเลยทีเดียวที่ใช้พลังของ AI มาใช้งานร่วมกับ Camera รวมถึง Google Maps ทำให้ชีวิตเรานั้นง่ายขึ้น รวมถึงช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ของเราได้อย่างดีเยี่ยมผ่านนวัตกรรมของ AI จาก Google โดยเฉพาะ Google Lens นั้น ถือว่า Surprise มากอยากใช้งานจริงได้ไว ๆ เราสามารถที่จะหาสินค้า หรือของทุกสิ่งได้ผ่าน Camera ของเราได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ต้องบอกว่าเป็นสุดยอดนวัตกรรมเลยก็ว่าได้สำหรับ Google Lens ที่ขับเคลื่อนด้วยพลัง AI ของ Google

Google ไม่ใช่นักบุญสุดท้ายก็จะทำเงินจาก Product เหล่านี้อยู่ดี

ถึงแม้จะมี Product ที่ว้าวขนาดไหน ช่วยแก้ปัญหาให้การใช้ชีวิตประจำวันเราได้มากขนาดไหน แต่สุดท้าย ที่ google ทำก็เพื่อขายโฆษณาอยู่ดี ไม่ต้องคิดเลยว่าต่อไปเราจะมี Google Assistant Ads ที่เราสามารถลงโฆษณาได้ โดยให้ Google Assistant เลือกบริการของเราก่อนใคร เมื่อผู้ใช้งานเรียกใช้บริการต่าง ๆ ผ่าน Google Assistant หรือ แม้กระทั่ง Google Lens มันเป็น Product ที่ค่อนข้างชัดเจน ที่ทำมาเพื่อตอบโจทย์การโฆษณาชัด ๆ

ลองจินตนาการ ว่าเราอยากได้สินค้าที่เพื่อนมี ไม่ต้องไปหาที่ไหน เอากล้องเล็งไปที่สินค้านั้น ๆ Google ก็จะ Provide หาสินค้ามาให้เราซื้อได้เอง โดยแทบไม่ต้องไปค้นหาจากไหนเลย ซึ่งเหล่านี้ล้วนนำมาซึ่ง Model ธุรกิจใหม่ ๆ ของ Google ล้วน ๆ ซึ่งจากช่วงหลังเราจะเห็นได้ว่า Google แทบจะมีได้รายได้หลักมาจาก Google Search เพียงอย่างเดียว แต่มันก็เพียงพอที่ Google สามารถที่จะนำเงินไปทุ่มเททรัพยากรเพื่อทำการ R&D ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างที่เราเห็นและสุดท้ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ก็จะกลายเป็นแหล่งขุมทรัพย์ใหม่ ๆ ให้ google อยู่ดีนั่นเอง

Credit Image : https://www.facebook.com/ProgrammersCreateLife

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage :facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit :blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter :twitter.com/tharadhol
Instragram :instragram.com/tharadhol