Crypto กับการฟอกเงิน 5.0 เมื่อเงินสกปรกกำลังหลวมรวมเข้ากับเงินสะอาดได้แบบไร้รอยต่อ

เป็นบทความที่น่าสนใจจาก Financial Times เลยทีเดียวในบทความที่มีชื่อว่า Cryptocurrency : Rise of decentralised finance spartks ‘dirty money’ fears ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจริงที่ Cryptocurrency กำลังพุ่งทะยานแบบฉุดไม่อยู่

Crypto แจ้งเกิดได้จาก Digital Silk Road

ก็ต้องบอกว่าสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin นั้นในช่วงแรกแทบจะไม่มีใครสนใจ จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่สุดของสกุลเงินดังกล่าวน่าจะมาจากชายที่ชื่อ Ross Ulbricht

เครื่องมือสำคัญที่สองที่ Ross ค้นพบคือ Bitcoin ซึ่งก่อนหน้านั้นด้วยการใช้ Browser Tor เพียงอย่างเดียวลูกค้าที่ต้องการซื้อยาเสพติดของ Ross สามารถเข้า Silk Road ได้โดยไม่ถูกติดตาม 

แต่ปัญหามันคือเรื่องการชำระเงิน สมมติว่าลูกค้าไม่ต้องการชำระเงินด้วยการส่งเงินสดทางไปรษณีย์ ทางเลือกอื่น ๆ ทั้งหมดสำหรับการชำระเงินดิจิทัลในยุคนั้นนั้นสามารถติดตามได้อย่างง่ายดายจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ

Ross Ulbricht ผู้เห็นศักยภาพของ Bitcoin ในการซื้อขายยาเสพติด (CR:WSJ)
Ross Ulbricht ผู้เห็นศักยภาพของ Bitcoin ในการซื้อขายยาเสพติด (CR:WSJ)

Ross เห็นว่า Bitcoin แก้ปัญหานี้ได้ หากผู้ซื้อจ่ายค่ายาด้วย Bitcoin บัญชีแยกประเภทของ Bitcoin blockchain จะบันทึกการเคลื่อนไหวของเหรียญ

แต่ที่อยู่ของ Bitcoin ที่ปลายทั้งสองข้างซึ่งเป็นตัวอักษรและตัวเลขจะไม่รวมชื่อของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม ซึ่งข้อมูลระบุตัวตนเดียวเกี่ยวกับผู้ซื้อคือที่อยู่ไปรษณีย์ที่เขาขอให้รับยา และนี่เป็นเรื่องง่ายที่ทำโดยการจัดหาตู้ไปรษณีย์ที่ไม่ระบุชื่อเพื่อส่งยาเสพติด

ภายในโลกของ Bitcoin มีข้อสันนิษฐานทั่วไปว่าผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าผิดกฎหมายน่าจะเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่มีแรงจูงใจในการใช้ Bitcoin 

Silk Road สร้างกระแสใหม่ให้กับ Bitcoin และได้รับความสนใจจากบุคคลสำคัญ ๆ อย่างจริงจัง และผลักดันให้ราคาของ Bitcoin พุ่งไปใกล้แตะ 10 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกจากที่ไม่มีคนแทบจะสนใจเลยด้วยซ้ำในช่วงแรก ๆ

Crypto กับการฟอกเงิน 5.0

การฟอกเงินแบบเดิม ๆ ที่นำเงินสกปรกไม่ว่าจาก ยาเสพติด การพนัน หรือ คอร์รัปชั่นของโลกใบนี้มันมีมานานแสนนานแล้ว

วิธีการแบบเดิม ๆ เช่น นำเงินสกปรกเหล่านี้เข้ามาอยู่ในธุรกิจแบบปรกติ หรือ ไปลงทุนในสินทรัพย์ราคาสูง ๆ เช่น งานศิลปะชื่อก้องโลก ในไทยก็คงจะเป็นพระเครื่องแพง ๆ แต่ขอบเขตในโลกของ Crypto นั้นทำให้เงินสกปรกเหล่านี้กลายเป็นเงินสะอาดได้แบบไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น

“อาชญากรทุกประเภทใช้ Crytocurrency มากขึ้นเพื่อฟอกเงินที่ผิดกฏหมาย” หน่วยงานด้านไซเบอร์ดิจิทัลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐกล่าวในรายงานที่ออกมาเมื่อปีที่แล้ว

“องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงแก๊งค้ายา นั้นพบว่า Cryptocurrency มีประโยชน์อย่างยิ่งในการซ่อนกิจกรรมทางการเงิน และเคลื่อนย้ายเงินจำนวนมหาศาลอย่างมีประสิทธิภาพข้ามพรมแดนโดยไม่ถูกตรวจจับ”

Chainalysis บริษัท นิติวิทยาศาสตร์ชั้นนำด้าน crypto ประมาณการว่ากิจกรรมที่ผิดกฎหมายคิดเป็น 0.34% ของปริมาณธุรกรรม cryptocurrency ในปี 2020 ลดลงจาก 2.1% ในปี 2019 เนื่องจากระดับกิจกรรม crypto โดยรวมเพิ่มขึ้นในปีที่แล้ว

Chainalysis บริษัท นิติวิทยาศาสตร์ชั้นนำด้าน crypto ที่วิเคราะห์ถึงการฟอกเงินที่ผิดกฏหมาย (CR:coindesk)
Chainalysis บริษัท นิติวิทยาศาสตร์ชั้นนำด้าน crypto ที่วิเคราะห์ถึงการฟอกเงินที่ผิดกฏหมาย (CR:coindesk)

Chainalysis กล่าวว่า ทุกคนรู้ดีว่าผู้กระทำผิดเช่นผู้ค้ายาเสพติด “กำลังฟอกเงินโดยแปลงเป็นสกุลเงินดิจิตอลและส่งมันออกไปทั่วโลก” 

David Jevans หัวหน้าผู้บริหารของ CipherTrace บริษัทข่าวกรอง cryptocurrency ที่ได้รับเงินทุนจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ กล่าวว่า “DeFi ใช้ช่องโหว่ในการควบคุมเพราะพวกเขาไม่ได้ถือเงินของลูกค้าจริง ๆ”

“สิ่งนี้ทำให้เกิดคลื่นแห่งนวัตกรรมซึ่งยอดเยี่ยมมาก แต่ยังทำให้เกิดคลื่นแห่งนวัตกรรมโดยผู้ที่พยายามฟอกเงินผ่านระบบเช่นเดียวกัน” Jevans กล่าว

ซึ่งก็ต้องบอกว่าในยุคต่อไปเราคงไม่เห็นภาพเผด็จการผู้เรื่องอำนาจ พ่อค้ายาเสพติดก้องโลก หรืออาชญากรต่าง ๆ เมื่อถูกโค่นล่มหรือถูกไล่ล่า ต้องขนเงินเป็นกระสอบ ๆ หนีข้ามประเทศอีกต่อไป

เมื่อในตอนนี้มีเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้สามารถใช้ช่องทางของ Cryptocurrency แล้วหนีไปได้แบบชิลล์ ๆ พร้อมกับเงินสกปรกจำนวนมหาศาล โดยแทบไม่ถูกตรวจสอบเลยนั่นเองครับผม

References : https://www.ft.com/content/beeb2f8c-99ec-494b-aa76-a7be0bf9dae6
https://en.wikipedia.org/wiki/Ross_Ulbricht
https://www.wired.com/2015/04/silk-road-1/
https://coinscreed.com/ukraine-shuts-down-cryptocurrency-exchanges-involved-in-money-laundering.html

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 10 : Win Win Situation

ต้องบอกว่าธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์อย่าง BSI นั้น เจริญรุ่งเรืองมาหลายชั่วอายุคนแล้ว เพราะการช่วยเหลือชาวยุโรปและอเมริกันที่ร่ำรวย ที่ต้องการซ่อนเงินสดในบัญชีส่วนตัวและหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีในประเทศของเขา ทำให้ธนาคารแบบ BSI นั้นกลายเป็นที่พึ่งที่สำคัญของเหล่าเศรษฐีเหล่านี้

แต่อย่างไรก็ตามในช่วงกลางทศวรรษที่ 2000 ประเทศในยุโรปและอเมริกา ได้หมดความอดทนกับสวิตเซอร์แลนด์ และเริ่มกดดันให้ธนาคารเหล่านี้เริ่มส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับการโกงภาษี ซึ่งในท้ายที่สุด สหภาพยุโรปและสวิตเซอร์แลนด์ได้ลงนามในสนธิสัญญาที่บังคับให้ธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีที่ถือโดยพลเมืองของประเทศอื่นในยุโรป หรือ สหรัฐอเมริกา และทำให้ ธนาคารเล็ก ๆ แบบ BSI นั้นไม่เป็นที่ต้องการของเหล่ามหาเศรษฐีอีกต่อไป

BSI ก็ได้บุกมาที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2005 แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะต้องแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง UBS และ Credit Suisse แต่ต้องบอกว่ามันเหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตที่ทำให้ Low ต้องมาเป็นพันธมิตรกับ BSI

เพราะ ธนาคาร Coutts ที่เป็นธนาคารที่ทางครอบครัว Low นั้นใช้บริการมาตั้งแต่รุ่นพ่อของเขา โดย Yak Yew Chee นายธนาคารชาวสิงค์โปร์วัย 50 ปี ของ Coutts มีความผูกพันกับครอบครัวของ Low มาตั้งแต่รุ่นพ่อ ได้ตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่ BSI ทำให้บัญชีของครอบครัวของ Low นั้นก็ได้ย้ายตามมาด้วย

Coutts Bank ที่ผูกพันกับครอบครัวของ Low มาตั้งแต่รุ่นพ่อ
Coutts Bank ที่ผูกพันกับครอบครัวของ Low มาตั้งแต่รุ่นพ่อ

ในปี 2009 ก็เป็น Yak นี่เองที่ช่วยเปิดบัญชีสำหรับบริษัทนอมินีของ Low อย่างบริษัท Good Star และเขาก็รู้ดีว่ามันเป็นบัญชีของบริษัทที่ได้รับเงินจำนวนมหาศาลที่ถูกถ่ายโอนมาจากกองทุน 1MDB ซึ่งมันเป็นความลับสุดยอด

และกองทุน 1MDB ยังได้ทำการเปิดบัญชีใหม่ที่ BSI ซึ่งมีโอกาสที่จะได้รับเงินอีกหลายพันล้านดอลลาร์ในอนาคตข้างหน้า และเพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริหารระดับสูงของ BSI นั้นจะไม่มีปัญหา Low จึงได้ใช้ความระมัดระวังอย่างสูง โดยให้ Yak จัดการประชุมที่เมือง Lugano ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสของ 1MDB กับผู้บริหารระดับสูงของ BSI เพื่อสร้างความมั่นใจกันทั้งสองฝ่าย

และมันทำให้ Low ได้พบเจอกับนายธนาคารเด็กหนุ่มรุ่นใหม่อีกหนึ่งคนที่มีชื่อว่า Yeo Jiawei ซึ่งเป็นนายธนาคารรุ่นใหม่ไฟแรงวัย 28 ปี ที่ BSI ต้องบอกว่า Yeo เป็นผู้เชี่ยวชาญในมุมมืดของระบบการเงินโลก โดยที่ BSI เขามีตำแหน่งในฐานะ “ผู้จัดการความมั่งคั่ง” ของเหล่ามหาเศรษฐีที่ต้องการบริการแบบพิเศษ

แต่ความเชี่ยวชาญที่แท้จริงของเขา คือ ความรู้ที่ซับซ้อนของวิธีที่จะช่วยให้ลูกค้าชั้นยอดลดค่าภาษี เช่นเดียวกับธนาคารเอกชนหลายแห่งในสิงค์โปร์ที่กำลังคิดค้นกลยุทธ์ดังกล่าว เช่นเดียวกัน เพื่อตอบสนองลูกค้าชาวอินเดีย และเศรษฐีชาวตะวันออกเฉียงใต้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งวิธีหนึ่งที่ Yeo ใช้ก็คือ การฟอกเงินของลูกค้าผ่านกองทุนในสถานที่ที่ห่างไกลนั่นเอง

ซึ่งแทนที่จะให้ Yeo จัดการกับการเลี่ยงภาษี Low ได้บอกกับ Yeo ว่าเขาจะได้รับงานที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดยจะเป็นงานลับของรัฐบาล แน่นอนว่าเป็นงานที่ท้าทายความสามารถของ Yeo เป็นอย่างยิ่ง

จากนั้นเขาก็ได้เริ่มทำในสิ่งที่ Low ต้องการ ในเดือนธันวาคมปี 2011 Yeo ได้มีการประชุมที่สิงค์โปร์กับ Jose Renato Carvalho Pinto ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ชาวบราซิล ที่ Amicorp Group ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทการเงินขนาดเล็ก

Yeo อธิบายกับ Pinto ว่า BSI ทำงานอย่างไรเกี่ยวกับกองทุนรวมที่ลงทุนในมาเลเซียและตะวันออกกลาง และต้องการให้ Amicorp จัดตั้งกองทุนโครงสร้างต่าง ๆ ซึ่งหลังจากได้ฟังแนวคิดคร่าว ๆ Pinto ก็เริ่มมีความสนใจ

Amicorp นั้นได้รับการสนับสนุนจากนักการเงินชาวดัตช์ ที่มีชื่อว่า Toine Knipping ซึ่งทำงานมานานหลายปีในฐานะนักการเงินใน Curacao เกาะในแคริบเบียน ที่เคยเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ ก่อนมาตั้งรกรากในสิงค์โปร์

Knipping นั้น เคยทำงานให้กับธนาคารในเวเนซุเอลา หนึ่งในความเชี่ยวชาญหลักของเขา คือ ใน Curacao ช่วงปี 1970 และ 1980 กลายเป็นศูนย์กลางนอกชายฝั่ง ที่สำคัญ เป็นสถานที่สำหรับการเคลื่อนยาเสพติดในอเมริกาใต้เพื่อเข้าสู่สหรัฐอเมริกา และเป็นแหล่งฟอกเงินที่สกปรกแห่งหนึ่งของโลกในยุคนั้น

ซึ่งในการประชุม Yeo อธิบายว่า BSI ต้องการความช่วยเหลือของ Amicorp ในการจัดตั้งโครงสร้างของกองทุนการลงทุนสำหรับกองทุน 1MDB ของมาเลเซีย โดย Pinto ต้องช่วยในการเคลื่อนย้ายเงินทุน โดยธุรกรรมแรกกว่า 100 ล้านดอลลาร์นั้นมาจากบัญชี BSI ที่ควบคุมโดย 1MDB ไปสู่กองทุนรวมที่บริหารโดย Amicorp ใน Curacao

ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นวิธีการฟอกเงินของลูกค้าผ่านสิ่งที่ดูเหมือนว่ามันคือ กองทุนรวม กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เงินสดออกมาจากด้านหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นการโอนมาจากกองทุนรวม ซึ่งนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเงิน 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Enterprise Emerging Market Fund ส่งไปยังบริษัท เชลล์ที่ถูกควบคุมโดย Fat Eric ซึ่งเป็นบริษัทของ Low นั่นเอง

Curacao แหล่งฟอกเงินชั้นดีของเหล่าเศรษฐี
Curacao แหล่งฟอกเงินชั้นดีของเหล่าเศรษฐี

แม้ Yeo นั้นจะไม่เคยอธิบายเหตุผลทางธุรกิจที่ชัดเจน สำหรับการโอน มันมีความไม่ชอบมาพากลเป็นอย่างยิ่งที่กองทุนของรัฐเช่น 1MDB จะใช้โครงสร้างทางการเงินที่เป็นความลับ แต่ Pinto ก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะ BSI นั้นได้รับรอง 1MDB เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

ซึ่งต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ เงินที่ Low ดึงมาในล็อตแรก ๆ นั้น ค่อนข้างมีความเสี่ยงเพราะมีการส่งเงินสดโดยตรงจาก Good Star ไปยังบัญชีของเขาที่ BSI และเมื่อสื่อ เริ่มเพ่งเล็งตัวเขามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ The Edge ของ Tong Kooi Ong ทำให้เขาเริ่มหวาดระแวงมากยิ่งขึ้น และเริ่มสร้างวิธีการที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยการใช้ขั้นตอนผ่านตัวกลาง เช่น กองทุนใน Curacao ซึ่ง Low หวังว่ามันจะแนบเนียนมากยิ่งขึ้น และตามรอยเขาได้ยากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง

และมีอีกกองทุนหนึ่งที่ช่วยในการฟอกเงินครั้่งใหญ่ครั้งนี้ นั่นก็คือ Bridge Partners International ซึ่งเป็นของนักการเงินชาวฮ่องกงที่ชื่อ Lobo Lee โดย Bridge Partners ได้จัดตั้งกองทุนขึ้นที่เกาะเคย์แมน ที่มีชื่อว่า กองทุน Bridge Global

โดยกองทุน Bridge Global นั้นมีลูกค้ารายเดียวซึ่งก็คือ 1MDB และยังแทบไม่ได้จดทะเบียนกับหน่วยงานในเกาะเคย์แมนเพื่อขออนุญาตลงทุนเลยด้วยซ้ำ ซึ่ง 1MDB ได้อ้างสิทธิ์ในงบการเงิน โดยเฉพาะการลงทุนใน Bridge Global กว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ และ กำไร 500 ล้านดอลลาร์ จากเงินที่ PetroSaudi ให้ยืม

โดยกองทุน 1MDB จัดตั้งบริษัทย่อย ใหม่ชื่อว่า Brazen Sky ซึ่งเปิดบัญชีธนาคารกับ BSI เพื่อถือหน่วยลงทุนดังกล่าว แต่ต้องบอกว่าบริษัทใหม่นั้น มันไม่มีอะไรเลย นอกจากอาคารเปล่าๆ ไม่มีเงินสด มีเพียงหน่วยลงทุนเท่านั้น ที่คาดหวังผลกำไรจากการขายหุ้นในเรือขุดเจาะน้ำมันที่ไม่มีค่า

ซึ่งสุดท้าย ทุกคนก็จะปิดปากเรื่องดังกล่าว ด้วยผลประโยชน์ที่มหาศาล กองทุน 1MDB ตกลงที่จะจ่าย 4 ล้านเหรียญต่อปีให้กับ Bridge Partners Global และ 12 ล้านเหรียญต่อปีให้กับ BSI เพื่อจัดการเรื่องการฟอกเงินที่ซับซ้อนดังกล่าว ส่วนตัว Yeo นั้นก็ใช้ความอัจฉริยะของเขาดึงเงินหลายล้านดอลลาร์เข้าบัญชีส่วนตัวของเขา เรียกได้ว่าเป็นกระบวนการฟอกเงินที่ WIN-WIN-WIN ของ ทุก ๆ ฝ่ายได้ในท้ายที่สุดนั่นเองครับ

ถึงตอนนี้ เราจะได้เห็นถึงความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นของเส้นทางการเงิน เนื่องจาก Low เริ่มถูกจับตามอง และมีการสืบสวนโดยสื่อที่เป็นอริของ Najib Razak ทำให้เขาต้องหาวิธีการที่ตามรอยยากมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านระบบการเงินที่มีความซับซ้อนเช่นนี้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อกับเขา โปรดติตามต่อตอนหน้านะครับผม

–> อ่านตอนที่ 11 : Goldman and the Sheikh

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : https://www.freemalaysiatoday.com/category/nation/2017/07/14/ex-bsi-bankers-trial-opens-up-pandoras-box-regarding-1mdb/