Paypal Mafia ตอนที่ 6 : Ken Howery

Ken Howery เป็นอีกหนึ่งคนในฐานะ Co-Founders ของ Paypal ที่มีบทบาทเป็นอย่างมากกับการปฏิวัติระบบการเงินออนไลน์ โดยเขาเป็นคนทำหน้าที่หลักในด้านการดูแลเรื่องการเงินในฐานะ CFO (Chief Financial Officer) ของ paypal

Howery นั้นเกิดในปี 1975 โดยจบการศึกษาจากมหาลัยชั้นนำของสหรัฐอย่าง Stanford University ในปี 1998 สาขาเศรษฐศาสตร์ ในขณะเรียนที่ Stanford นั้น เขายังเป็นหนึ่งในนักเขียนของสื่อชั้นนำในมหาวิทยาลัยอย่าง The Stanford Review ที่เป็น สื่อที่ขับเคลื่อนโดยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Stanford

และในปีเดียวกันกับที่เขาได้จบการศึกษาจาก Stanford นี่เอง เขาได้ร่วมก่อตั้งบริการชำระเงินออนไลน์อย่าง paypal ขึ้นมา โดยร่วมกับ Peter Thiel , Luke Nosek , Elon Musk และ Max Levhcin ก่อตั้งบริการชำระเงินที่ต้องการปฏิวัติรูปแบบการชำระเงินแบบเดิม ๆ ให้มาอยู่บนออนไลน์

ซึ่งที่ paypal เขาได้รับตำแหน่ง CFO ดูแลทางด้านการเงิน และช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และยกระดับ paypal ให้ติดตลาดมากขึ้น เขาเป็นทีมงานคนสำคัญที่ทำให้ paypal สามารถระดมทุนในช่วงแรกของการก่อตั้งได้มากกว่า 200 ล้านเหรียญ รวมถึงดูแลเรื่องการ IPO ของบริษัท และ เจรจา Deal ที่สำคัญกับ Ebay ก่อนที่จะถูกซื้อไปในราคากว่า 1.5 พันล้านเหรียญ

และเมื่อ paypal ถูกขายให้ ebay เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น เขาก็ยังดำรงตำแหน่งใน ebay ในฐานะ Director of Corporate Development จนถึงปี 2003 หลังจากนั้นก็หยุดไปพักผ่อนเป็นเวลา 1 ปี หลังจากได้เงินจำนวนมหาศาลจากการขาย paypal ให้ ebay

Howery นั้นได้กลับมาร่วมงานกับ Peter Thiel อีกคร้้งในปี 2004 ในบริษัทด้านการลงทุนใน startup เกิดใหม่ของ peter Thiel อย่าง Clarium Capital Management ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งในฐานะ Vice President of Private Equity 

เขาเป็นหนึ่งในคนสำคัญที่ทำการลงทุนใน Series A ของ Social Network Platform อย่าง Facebook ก่อนที่จะเติบโตจนกลายมาเป็น Platform อันดับหนึ่งทางด้าน Social network อย่างในปัจจุบัน และมีผู้ใช้งานกว่า 1 พันล้านคน

Howery นั้นยังมีบทบาทสำคัญในองค์ระดับโลก โดยถูกเสนอชื่อในฐานะ Young Global Leader ของ World Economic Forum และยังเป็นสมาชิกของคณะกรรมการคัดเลือกโครงการทางด้านเทคโนโลยีของ World Economic Forum อีกด้วย

Young Global Leader ใน World Economic Forum
Young Global Leader ใน World Economic Forum

และเขายังเป็นที่ปรึกษาในการก่อตั้ง Kiva.org องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่ให้บริการ ช่วยเหลือผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินจากสถานบันการเงินแบบปรกติได้ 

ในปี 2005 เขาได้ร่วมกับ Peter Thiel และ Luke Nosek ก่อตั้งกองทุน ที่ลงทุนใน startup เกิดใหม่อย่าง Founders Fund ซึ่งบริหารเงินในกองทุนกว่า 3 พันล้านเหรียญ ทำการลงทุนใบริษัทเกิดใหม่กว่า 300 บริษัทตัวอย่างเช่น ZocDoc , Cedar รวมไปถึง Quancast

ชื่อของเขานั้นได้รับการขานอย่างกว้างขวางในสื่อต่าง ๆ ทั้ง Wall Street Journal , Forbes และ Fortune และยังได้รับเลือกให้กล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุมผู้ประกอบการหน้าใหม่ของ Harvard Business School และมีชื่อติด 1 ใน 10 ของ Venture Capitalist โดยนิตยสาร Worth อีกด้วย

และบทบาทที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในวงการการค้าโลก โดยเข้าไปหนึ่งในคณะกรรมการของสภาสหรัฐ ที่ดูแลด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของสหรัฐในตลาดการค้าโลก

–> อ่านตอนที่ 7 : David O. Sacks

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Paypal Mafia ตอนที่ 5 : Luke Nosek

สำหรับ Luke Nosek คืออีกหนึ่งในผู้ที่มีบทบาทสำคัญกับ paypal  โดยเขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ เรียนด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์  มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ โดยจบการศึกษาในช่วงปี 199ุ6 

Nosek นั้นเกิดในประเทศโปแลนด์ แล้วอพยพถิ่นฐานมาอยู่ที่อเมริกา ซึ่งในช่วงมหาลัยนั้น เขาได้เป็นนักกิจกรรมตัวยง ขณะที่เรียนปริญญาตรีนั้น เขาได้ก่อตั้งบริการ SponsorNet New Media ซึ่งเป็นบริการออนไลน์ยุคแรก ๆ ในขณะนั้น

สำหรับ Browser ตัวแรกของโลกนั้นต้องยกให้กับ Mosaic ที่พัฒนาโดย Lab ของ 
มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ ซึ่งผู้ที่ได้ว่าเป็นผู้ถือกำเนิดมันก็คือ Marc Andreessen ซึ่งต้องถือเป็นเจ้าพ่อ internet ในยุคแรก ๆ เลยก็ว่าที่ทำให้ internet เป็น Graphic ที่สวยงามให้คนทั่วไปใช้งานได้อย่างง่ายดาย

ซึ่งในช่วงนั้นยังเป็นรูปแบบของ text mode อยู่ หลังจากปล่อยให้ Download Free และเป็นที่นิยมอย่างมากแล้วนั้น Marc ก็ถูกนายทุน โดย Jim Clark ที่ชักชวน Marc ให้มาเปิดบริษัทเพื่อพัฒนา Web Browser เพื่อขายเป็น commercial โดยได้ร่วมตั้ง Netscape ขึ้นมา

Nosek เริ่มต้นการทำงานกับ NetScape
Nosek เริ่มต้นการทำงานกับ NetScape

และที่ NetScape นี่เองที่เป็นที่ทำงานแรกของ Luke Nosek โดยตอนนั้นเขาได้รับตำแหน่ง Evangelism ซึ่งได้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับ ทั้ง Max Levchin , Peter Thiel ที่ส่วนใหญ่จบมาจาก มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์

และสุดท้ายพวกเขา ได้ออกมาก่อตั้งบริการชำระเงินออนไลน์ รูปแบบใหม่อย่าง paypal ที่เป็นการปฏิวัติการเงินจากรูปแบบเดิม ๆ โดย Nosek นั้นถือเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง paypal และมีบทบาทในด้าน Marketing ในช่วงเริ่มแรกของการก่อตั้ง paypal

ซึ่งแนวคิดของ P2P payments ที่โด่งดังของ paypal ในยุคแรกเริ่มนั้นก็เป้น idea หลักของ Nosek นี่เอง และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ paypal สามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากออก Features ดังกล่าวนั้น มีลูกค้าเข้ามาใช้งานกว่า 1 ล้านคน ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือนเพียงเท่านั้น และ ยกระดับ paypal ให้กลายเป็นบริการชำระเงินออนไลน์ ที่โดดเด่นที่สุดในตลาดในขณะนั้นเลยก็ว่าได้

เขาเป็นแนวหน้าในการทำการตลาดให้กับ paypal และมีส่วนสำคัญในการสร้าง Features ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ Instant Transfer และเป็นส่วนผลักดันสำคัญให้ paypal เริ่มกลายเป็นบริษัทที่สร้างกำไรได้สำเร็จ

ซึ่งหลังจากที่ paypal ถูก ebay ซื้อไปในมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านเหรียญในปี 2002 นั้น Nosek ก็ได้ออกจากบริษัททันที และ เริ่มทำตามความฝันตัวเองด้วยการออกไปท่องเที่ยวทั่วโลก

หลังจากนั้นกลับมาอยู่ที่ ซานฟรานซิสโก เพื่อก่อตั้งบริษัทด้านการลงทุนใน startup ที่ชื่อว่า The Founders Fund กับ Peter Thiel  โดยจะเน้นการทำนายแนวโน้มของตลาดด้านเทคโนโลยี และเข้าลงทุนในบริษัท startup ที่มีศักยภาพที่จะเติบโตได้ โดยมีมูลค่ากองทุนมากกว่า 1 พันล้านเหรียญ

และในปี 2017 Nosek ก็ได้ลาออกจาก Founders Fund และมาก่อตั้งบริษัทลงทุนใหม่ในชื่อ Gigafund โดยจะโฟกัสการลงทุนในเทคโนโลยีด้านอวกาศแทน

ก่อตั้ง Gigafund เน้นการลงทุนในด้านอวกาศอย่าง SpaceX
ก่อตั้ง Gigafund เน้นการลงทุนในด้านอวกาศอย่าง SpaceX

ซึ่ง Gigafund ก็ได้เป็นนักลงทุนรายแรก ๆ ใน SpaceX ของ Elon Musk และยังนั่งเป็นกรรมการของ SpaceX อีกด้วย และ Nosek นั้นยังมีความสนใจในเรื่องของการฝึกสมองด้วยวิธีการทำสมาธิ และออกบรรยายในแนวคิดเรื่องดังกล่าวอย่างกว้างขวางอีกด้วย

–> อ่านตอนที่ 6 : Ken Howery

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References :wikipedia.org

Paypal Mafia ตอนที่ 4 : Premal Shah

เป็นอีกคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญทางด้านธุรกิจของ paypal ในยุคก่อตั้งสำหรับ Premal Shah ด้วยดีกรีที่ไม่ธรรมดาที่เรียนปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จาก Stanford University รับตำแหน่งสำคัญของผลิตภัณฑ์หลักในฐานะ Product Manager ที่ paypal

สำหรับ Premal Shah นั้นเกิดที่ Ahmedabad ในประเทศ india แต่ได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ Minnesota ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสามารถเข้าสู่มหาลัยชั้นนำของประเทศอย่าง Stanford University โดยเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเขาจะโฟกัสและมีความสนใจการพัฒนารากฐานของเศรษฐกิจในระดับจุลภาพ

ซึ่งระบบการเงินในระดับจุลภาค (Micro-Finance) นั้น จะเน้นไปในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อจำนวนเล็ก ๆ ให้แก่คนยากไร้ และ คนยากจนเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้จะไม่มีโอกาสที่จะเข้าถึงสินเชื่อในรูปแบบปรกติผ่านทางสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้

โดยที่หลังจากเรียนจบจาก Stanford ในปี 1998 Shah ก็ได้เริ่มทำงานเป็นนักวิเคราะห์ในบริษัท Oliver Wyman ช่วงสั้น ๆ 

โดย Oliver Wyman นั้นจะเป็นบริษัทให้คำปรึกษากับธุรกิจชั้นนำที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ซึ่งดูเหมือนว่า Shah ที่เพิ่งจบใหม่และต้องการความท้าทายใหม่ ๆ จึงอยู่กับ Oliver Wyman เพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนที่จะได้รับงานที่ท้าทายกว่ากับธุรกิจที่กำลังปฏิวัติระบบการเงินที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อนอย่าง paypal

Shah เริ่มงานแรกที่ Oliver Wyman บริษัทด้านที่ปรึกษาชั้นนำ
Shah เริ่มงานแรกที่ Oliver Wyman บริษัทด้านที่ปรึกษาชั้นนำ

ที่ paypal เขาได้รับตำแหน่ง Product Manager ซึ่งดูแลผลิตภัณฑ์ตัวหลักของบริษัท โดยจะช่วยคิด สร้างสรรค์ บริการใหม่ ๆ ที่คิดว่าจะตอบโจทย์กับลูกค้า ซึ่งต้องเป็นสิ่งใหม่ชนิดที่ว่าไม่เคยมีมาก่อนผ่านบริการออนไลน์

ซึ่งแม้ paypal จะถูกขายให้กับ ebay ในปี 2002 แต่ตัว Shah นั้นก็ยังทำงานต่อที่ paypal โดยไม่ได้ลาออกไปทำอย่างอื่น เหมือนอีกหลาย ๆ คนในแก๊ง paypal mafia โดยจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของเขาน่าจะเป็นการถูกมอบหมายให้ไปสร้างต้นแบบของแนวคิดด้าน micro-lending แบบบุคคลต่อบุคคล ในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสนใจมาตั้งแต่เรียนใน stanford

ซึ่งหลังจากทีได้ไปคลุกคลีทำงานในอินเดียถึง 2 ปี ทำให้เขาอยากเอาแนวคิดดังกล่าวมาช่วยเหลือคนที่เข้าถึงแหล่งทางการเงินยากๆ  ในประเทศอเมริกาบ้าง 

และเมื่อเขากลับมายัง Silicon Valley อีกครั้งในปี 2005 ก็ได้ไปเจอกับ Matt Flannery และ Jessica Jackley ที่กำลังก่อตั้งบริการด้าน micro-lending อย่าง Kiva ขึ้นมาพอดี ซึ่งตรงกับความต้องการของ Shah ที่ต้องการมาสร้างบริการแบบนี้ที่อเมริกา

ซึ่งจากผลงานงานที่ผ่านมาของ Shah กับ paypal นั้น ก็ทำให้ทั้ง Flannery และ Jackley เชื่อใจให้เขาเข้ามาร่วมปั้นบริการ Kiva ให้กลายเป็นองค์กรระดับโลกให้ได้ 

ซึ่ง Shah นั้นก็ได้ปรับบริการของ Kiva ให้กลายเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้คนที่ไร้โอกาส และไม่มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินจากสถาบันการเงิน รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 80 ประเทศ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ โดยภารกิจหลักของ Kiva ที่ Shah ได้วางไว้ก็คือ “การเชื่อมโยงผู้คนผ่านการให้กู้ยืมเงินเพื่อบรรเทาความยากจน”

Shah ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม กับ Kiva บริการเชื่อมโยงผู้คนผ่านการให้กู้ยืมเงินเพื่อบรรเทาความยากจน
Shah ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม กับ Kiva บริการเชื่อมโยงผู้คนผ่านการให้กู้ยืมเงินเพื่อบรรเทาความยากจน

ซึ่ง Kiva ก็ได้เติบโตมาอย่างต่อเนื่องและขยายบริการไปทั่วโลก เพื่อให้คนทั่วโลกได้เข้าถึงบริการนี้ โดยข้อมูลล่าสุดนั้น สามารถระดมทุนได้กว่า พันล้านเหรียญ เพื่อปล่อยกู้ยืมให้กับคนที่ลำบาก ทั้งนักศึกษาที่ยากจน ผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ไร้เงินทุน โดย มีผู้มาใช้บริการกว่า 2 ล้านคน ใน 80 ประเทศทั่วโลก โดยมีอัตราการได้คืนกลับจากเงินที่ปล่อยยืมถึงกว่า 96%

shah นั้นถือได้ว่ามีบทบาทอย่างมากต่อหลาย ๆ องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร แม้ตำแหน่งปัจจุบันจะดำรงตำแหน่งประธานของ Kiva แต่เขายังนั่งในกรรมการขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอีกหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นบริการชื่อดังอย่าง Change.org , Watsi รวมถึง VolunteerMatch

สำหรับชีวิตส่วนตัว Shah นั้น อาศัยอยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย กับภรรยาและลูกสองคน เขามักจะไปปรากฏตัวตามงานเสวนาต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อสังคม โดยจะพูดในเรื่องศักยภาพของเทคโนโลยี ที่จะ Impact ต่อส่วนต่าง ๆ ของสังคม และวิธีการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วโดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน

–> อ่านตอนที่ 5 : Luke Nosek

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References :wikipedia.org

Paypal Mafia ตอนที่ 3 : Andrew McCormack

Andrew McCormack ถือเป็นอีกหนึ่งทีมงานคนสำคัญของ Peter Thiel ในการช่วยนำเอา Paypal เปิดระดมทุนจากประชาน (IPO) เพื่อเข้าสู่ตลาดหุ้น  ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในกลุ่ม paypal mafia ที่ไม่ได้มาจากสายเทคโนโลยีโดยตรงเหมือนคนอื่น ๆ จึงไม่ได้มีบทบาททางด้านเทคโนโลยีที่สำคัญของ paypal มากเท่าใดนัก

สำหรับ McCormack เอง ที่จบการศึกษาด้าน Political Science จาก University of Pennsylvania  แต่เขาได้หันเข้าสู่วงการเทคโนโลยีเนื่องจากหลังจากจบการศึกษาในปี 1998 

เข้าได้เข้าร่วมงานกับ Ecount เป็นบริการทางด้าน Solution ทางการเงินให้กับองค์กร ในลักษณะ Prepaid โดยเป็นบริการที่ได้รับความนิยมในหลาย ๆ อุตสาหกรรมในสมัยนั้น ทั้ง อุตสาหกรรมสื่อสาร , ยานยนต์ , สื่อ หรือ แม้กระทั้งการค้าปลีกเองก็ตาม

ซึ่งสุดท้ายนั้นบริการอย่าง Ecount ก็ได้ถูกซื้อโดยสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอย่าง Citibank โดยท้ายที่สุดแล้วก็ควบรวมจนกลายมาเป็นบริการในชื่อว่า Citi Prepaid Services

Ecount ที่สุดท้ายถูก Citi ซื้อไป
Ecount ที่สุดท้ายถูก Citi ซื้อไป

โดย McCormack นั้น รับตำแหน่งในส่วนของงานด้าน Business Development ก่อนที่จะย้ายไปยัง Yahoo ก่อนมาจบลงที่การเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของ Peter Thiel ที่ paypal

ซึ่งงานหลักใน paypal ของ McCormack นั้นจะเกี่ยวข้องกับการทำงานกับเหล่าผู้บริหาร paypal เพื่อเดินสาย road show เพื่อทำ IPO ระดมทุนจากประชาชนทั่วไป

รวมถึงงานด้านอื่นอย่างเช่น การกำหนดยุทธศาสตร์ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฏเกณฑ์ต่าง ๆ ทางด้านการเงิน ซึ่งเนื่องจาก paypal นั้นเป็นบริการรูปแบบใหม่ในขณะนั้นในด้านการเงิน ซึ่งมีระเบียบกฏเกณฑ์อยู่มากมาย จากองค์กรต่าง ๆ ของรัฐ

และเมื่อ paypal ถูกซื้อโดย ebay ในปี 2002 เขาก็ยังเป็นคนสนิทของ Peter Thiel โดยได้มาช่วยเหลือ Thiel ในการสร้างบริษัทลงทุนใน startup หน้าใหม่ ในชื่อ Clarium Capital 

หลังจากนั้นเขาก็ได้เริ่มหันเห ไปสร้างธุรกิจส่วนตัว โดยได้ไปเข้าซื้อ Sprezzatura Restaurant Group ซึ่งเป็นธุรกิจร้านอาหารใน เมืองซานฟรานซิสโก

แต่สุดท้ายก็ได้ถูก Thiel ดึงตัวกลับมาช่วยสร้าง Thiel Captial ในปี 2008 โดยมุ่งโฟกัสตลาดในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มมองหา startup หน้าใหม่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างเช่นในยุโรป

Mccormack มี Thiel เป็น backup คนสำคัญ
Mccormack มี Thiel เป็น backup คนสำคัญ

สุดท้าย ก็ได้ Thiel มาสนับสนุนก่อตั้ง Valar Ventures โดยให้ทาง McCormack เป็นคนดูแลหลัก โดยตั้งฐานบัญชาการอยู่ที่นิวยอร์ก โดย Valar Ventures ที่มี Thiel หนุนหลังแห่งนี้ จะโฟกัสเหล่า startup ที่อยู่นอก Silicon Valley และมีศักยภาพที่จะรองรับการเติบโตในระดับโลกได้

ตัวอย่างการลงทุนจาก Valar Ventures เช่น TransferWise บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินแบบ peer-to-peer  , N26 ซึ่งเป็นธนาคารรูปแบบใหม่โดยเน้นการใช้นวัตกรรมเปลี่ยนธนาคารเดิม ๆ ให้มาอยู่บนมือถือแบบ 100% , Xero บริการด้านการบัญชีในระบบ Cloud เพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดย่อม เป็นต้น

แม้บทบาทของ McCormack ใน Silicon Valley นั้นจะมีไม่มากนัก แต่ด้วยความที่เป็นคนสนิทของ Peter Thiel ทำให้เขาได้มีโอกาสแจ้งเกิดอีกครั้งในการมองหาเหล่า Startup ช้างเผือก ที่ไม่ได้อยู่ใน Silicon Valley ซักวันหนึ่งเราอาจจะได้เห็น Unicorn หน้าใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนทุนเริ่มต้นจาก Valar Ventures ของ McCormack ซักครั้งหนึ่งในอนาคตก็เป็นได้

–> อ่านตอนที่ 4 : Premal Shah

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References : wikipedia.org

Paypal Mafia ตอนที่ 2 : Jeremy Stoppelman

สำหรับ Jeremy Stoppelman หนึ่งในผู้บทบาทสำคัญกับ paypal  โดยเขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ เรียนด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์  มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ โดยจบการศึกษาในช่วงปี 1999 ก่อนฟองสบู่ดอทคอมแตกพอดี

Stoppelman นั้น เริ่มชีวิตการทำงานที่ @Home Network โดยใช้ระยะเวลาเพียงช่วงสั้น ๆ ในบริษัทดังกล่าว ก่อนจะมาร่วมงานกับ Elon Musk ใน X.com ซึ่งเขาค่อนข้างมีบทบาทสำคัญใน X.com ก่อนจะควบรวมกับ Paypal โดยตำแหน่งสุดท้ายนั้นเขาดูแล Engineer ทั้งหมดในตำแหน่ง VP of Engineering 

ซึ่งหลังจากอยู่กับ Paypal เพียงไม่นาน เขาก็ได้ลาออกไปไปเรียนต่อด้านธุรกิจที่ Harvard Business School ที่มหาวิทยาลัย Harvard และเขาเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริการเกี่ยวกับการค้นหาร้านอาหารชื่อดังของสหรัฐอย่าง Yelp ( คล้าย ๆ Wongnai ของไทย )

Stoppelman นั้นเป็นชาวยิว เหมือน ๆ กับหลาย ๆ นักธุรกิจชื่อดังที่ประสบความสำเร็จทางด้านเทคโนโลยี โดยเขาเกิดที่ Arlington รัฐ Verginia โดยมีความสนใจทางด้านคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็ก

เขาได้เริ่มลงทุนในหุ้นตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี เท่านั้น ความฝันอย่างนึงในวัยเด็กของเขาก็เหมือนเด็ก ๆ ทั่วไป คือการสร้างเกมส์ขึ้นมา และได้เริ่มศึกษาการเขียนโปรแกรมอย่างจริงจัง โดยเริ่มเรียนด้านโปรแกรมมิ่งภาษาแรกคือ Turbo Pascal 

สำหรับชีวิตการทำงานของเขาใน X.com ของ อีลอน มัสก์ นั้นทำให้ได้เจอะเจอผู้คนมากหน้าหลายตา รวมถึงนักลงทุนชื่อดังอย่าง Max Levchin ซึ่งต่อมาก็เป็น Levchin นี่เองที่กลายมาเป็นนักลงทุนหลักของ Yelp  บริการที่เขาได้ก่อตั้งขึ้นมาหลังจากได้มีโอกาสเข้าไปอบรมในโปรแกรม Business Incubator ของ MRL Ventures

โชคชะตาพามาเจอเทพอย่าง อีลอน มัสก์
โชคชะตาพามาเจอเทพอย่าง อีลอน มัสก์ ที่ X.com

ในช่วงฤดูร้อนของปี 2004 เกิดจุดหักเหสำคัญขึ้นกับ Stoppelman ตอนนั้นเขาป่วยเป็นไข้หวัดอย่างหนัก และไม่สามารถที่จะออกไปไหนได้ และมันทำให้เขาได้คิดถึงไอเดียของ Yelp ที่ต้องการสร้าง Online Community ที่จะช่วยแชร์บริการต่าง ๆ ในท้องถิ่นใกล้เคียง ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของ Yelp ในช่วงแรก ๆ 

ซึ่งเขาก็ได้ชักชวนอดีตเพื่อนร่วมงานที่ paypal อย่าง Russel Simmons ซึ่งขณะนั้นทำงานอยู่ที่ MRL Ventures และได้ทำการเสนอไอเดียของ Yelp ให้กับ Levchin ซึ่งท้ายที่สุดก็ได้ให้เงินลงทุนให้กับทั้งสองหนุ่มในการตั้งต้นธุรกิจจำนวน 1 ล้านเหรียญ

ด้วยความสามารถทั้งทางด้านเทคโนโลยีและธุรกิจของ Stoppelman ทำให้เขาสามารถพา Yelp กลายเป็นบริการที่คนแห่มาใช้กันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระแสปากต่อปาก ด้วยบริการง่าย ๆ ที่ตอนนั้นยังไม่มีใครคิดทำมาก่อน

ซึ่งในเวลาเพียงไม่นาน Yelp ก็มีการเข้ามา Review ของ User ในระบบกว่า 138 ล้าน Reviews และมันได้ทำให้มูลค่าของ Yelp พุ่งสูงขึ้นไปถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ ด้วยความที่เป็นบริการที่ใช้ผลการค้นหาของ Google เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้าง traffic ให้ Yelp นั้น

ในที่สุด Google ก็ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อขอซื้อ Yelp จาก Stoppelman เป็นมูลค่ามหาศาลที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ Stoppelman ก็ได้ทำสิ่งที่เป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์วงการด้วยการปฏิเสธข้อการเข้าซื้อของ Google อย่างไร้เยื่อใย

และในที่สุดในปี 2012 Stoppelman ก็พา Yelp เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ได้สำเร็จ ต้องเรียกได้ว่าเขาสามารถที่จะนำ Startup จากบริษัทเล็ก  ๆ ที่มีพนักงานไม่กี่คน ฝ่าฟันจนสามารถเข้าไปอยู่ตลาดหุ้นได้สำเร็จ

พา Yelp เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้สำเร็จ
พา Yelp เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้สำเร็จ

กล่าวกันว่า สไตล์การบริหารงานของ Stoppelman ในการสร้าง Yelp นั้น เขามักจะเป็นผู้บริหารที่มารับฟังปัญหาลูกน้องอยู่สม่ำเสมอ และพยายามแก้ไขแบบ 1 ต่อ 1 อย่างมืออาชีพ ภายใน Yelp เองเขาก็ไม่ได้มีห้องผู้บริหารส่วนตัว แม้จะเป็น CEO ก็จริงแต่ก็มาคลุกคลีทำงานกับลูกน้องของเขาอยู่เสมอ ซึ่งทำให้เหล่าพนักงาน Yelp รักเขามาก

ซึ่งที่ Yelp เขาได้พาน้องชายเข้าร่วมงานด้วยในตำแหน่ง Senior Vice President of Engineering เขามักจะคอยสอดส่องบริการของตัวเองอยู่สม่ำเสมอ เพื่อหาจุดบกพร่องที่ควรแก้ไข ซึ่งใน Yelp Platform เองนั้นก็มี Review ของเขาอยู่กว่า 1,000 reviews ซึ่งสุดท้ายหลังจากพาบริษัทเข้าตลาดหุ้นได้สำเร็จ หุ้นของเขาที่มีอยู่กว่า 11% นั้นก็ทำให้เขามีมูลค่าทรัพย์สินราว ๆ 111 ล้านเหรียญ – 222 ล้านเหรียญ ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนของ Silicon Valley จวบจนถึงปัจจุบัน

–> อ่านตอนที่ 3 : Andrew McCormack

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References : wikipedia.org