Lexus กับรถ EV ขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยพลัง AI

ในที่สุด Lexus ก็พร้อมที่จะเปิดตัวรถต้นแบบไฟฟ้าคันแรก ที่งานโตเกียวมอเตอร์โชว์ในปีนี้บนแนวคิด LF-30 Electric ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์สำหรับ EVs รุ่นต่อไปของ Lexus

Lexus ได้ออกแบบรถแห่งอนาคตซึ่งเห็นได้จากรูปแบบ “hoodless” ของยานพาหนะหลังคากระจก และประตูแบบปีก โดยภายในนั้น Lexus ได้วางระบบควบคุมท่าทางเพื่อใช้และสร้างระบบข้อมูลยานพาหนะด้วยเทคโนโลยี AR ที่นั่งด้านหน้านั้นให้ความรู้สึกเหมือนนั่งเครื่องบินชั้นหนึ่งมากกว่า และเบาะหลังใช้สิ่งที่เรียกว่า ” artificial muscle technology ” เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้ผู้โดยสาร

เมื่อพูดถึงการขับขี่ผู้ใช้จะมีตัวเลือกของโหมดอัตโนมัติ พวกเขาจะได้รับ “การควบคุมท่าทางในระดับขั้นสูง” เพื่อรักษาระดับสายตาของผู้ขับขี่ระบบจะปรับแรงบิดให้กับแต่ละล้อ ซึ่งความสามารถดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นได้โดยรูปแบบของมอเตอร์ไฟฟ้าในแต่ละล้อนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีพิเศษอื่น ๆ อีก เช่น Lexus Airporter ที่จะส่งกระเป๋าของคุณจากประตูบ้านของคุณไปที่ท้ายรถได้แบบอัตโนมัติ ซึ่ง LF-30 ใช้การชาร์จแบบไร้สายและ ด้วยเทคโนโลยี AI ก็สามารถซิงค์การชาร์จกับตารางประจำวันของคุณและรับรู้เสียงของคนขับผ่านเทคโนโลยี Voice Recognition และปรับรถตามความต้องการได้

Lexus วางแผนที่จะเปิดตัวยานพาหนะไฟฟ้ารุ่นใหม่ (BEV) ในเดือนหน้า นอกจากนี้ยังทำงานกับปลั๊กอินไฮบริดและแพลตฟอร์ม BEV โดยเฉพาะ ภายในปี 2025 โดย Lexus จะปรับไปใช้รูปแบบของรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นในอนาคต

References : https://www.engadget.com/2019/10/23/lexus-electric-vehicle-lf-30-concept/ https://www.autocar.co.uk/sites/autocar.co.uk/files/styles/gallery_slide/public/images/car-reviews/first-drives/legacy/lexuslf30-6.jpg

อนาคตของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจากการศึกษาของ Audi

ในขณะที่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ รวมถึงเทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตัวเองยังไม่พร้อมที่จะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีความก้าวหน้าที่น่าสนใจ แต่ก็ยังมีอุปสรรค์หนึ่งอย่างที่ยังสามารถพิสูจน์ได้ยาก: นั่นก็คือการยอมรับของมนุษย์

การศึกษาใหม่จากออดี้แบรนด์หรูของเยอรมัน ได้วาดภาพสองภาพที่แตกต่างกันของผู้ขับขี่ทั่วโลก บริษัท สำรวจและศึกษาผู้ตอบแบบสอบถาม 21,000 คนจาก 9 ประเทศทั่วโลก พลเมืองจากประเทศจีน เกาหลีใต้ อิตาลี สเปน เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาต่างก็ให้คำตอบกับแบบสอบถามดังกล่าวนี้

สำหรับการสำรวจดัชนีความพร้อมของมนุษย์ในการยอมรับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Human Readiness Index (HRI) ครอบคลุมกลุ่มอายุ เพศ สภาพแวดล้อม รายได้ การศึกษาและระยะทางที่ผู้ตอบแบบสอบถามใช้ขับขี่ในแต่ละวัน 

โดยคนรุ่นใหม่ที่อายุน้อยมีความคิดที่มองรถที่ขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติในแง่บวกมากขึ้น แม้ทั้ง 9 ประเทศนั้นผู้ที่อยู่ใน Generation Z (อายุต่ำกว่า 24 ปี) แสดงให้เห็นว่า “มีความพร้อมสูง” สำหรับเทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเองและ 73% กล่าวว่าพวกเขาอยากรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าวมากขึ้น

สำหรับคนกลุ่ม Millennials ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับ แม้ว่าจะไม่ค่อยพร้อมเท่าคน Gen Z ก็ตาม ในขณะที่ Baby Boomers แสดงความพร้อมน้อยที่สุด โดยรวมแล้วเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจยังคงมองว่ายานพาหนะควรที่จะอยู่ในกำกับของรัฐ ซึ่งมันเป็นการมองด้วยความเป็นคนมองโลกในแง่ดีนั่นเอง

ผลการสำรวจของ Audy
ผลการสำรวจของ Audy

ในระดับสากลผู้คนจำนวน 82% ที่สำรวจระบุว่าพวกเขาสนใจเทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเอง แต่แต่ละประเทศก็มีภาพที่แตกต่างกันมาก ผู้ที่อยู่ในประเทศจีนและเกาหลีใต้นั้นมีความกระตือรือร้นและสนใจ 98% และ 94%

แต่ในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกานั้นยังห่างไกลจากความกระตือรือร้นเหล่านี้อยู่มาก มีเพียง 74% และ 72% ของผู้ตอบแบบสอบถามของชาวญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาตามลำดับที่กล่าวว่าพวกเขาสนใจในเทคโนโลยีรถขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามทัศนคติทั่วไปเกี่ยวกับรถยนต์ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัตินั้น มีอยู่ในแต่ละประเทศ และก็มีความแตกต่างกันไปตามพื้นที่

โดยทั่วไปแล้วชาวเอเชีย (นอกเหนือจากญี่ปุ่น) มองว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองเปรียบเสมือนรถยนต์แห่งอนาคต ในขณะที่ประเทศตะวันตกยังมีความสงสัยมากขึ้น เกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าว และดูจะมีความสนใจน้อยกว่าอย่างชัดเจน

เมื่อพิจารณาถึงความกังวลของผู้ที่ไม่ได้ตื่นเต้นกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Audi พบข้อกังวลมากมายที่น่าสนใจ ส่วนใหญ่ (70%) เกี่ยวข้องกับการยกเลิกการควบคุมในเรื่องความเร็วของการขับขี่ 

วิธีที่รถยนต์ประเมินสถานการณ์ที่เป็นการขับเคลื่อนโดยปราศจากมนุษย์ นั้นมันยังเกี่ยวข้องกับผู้ตอบแบบสอบถามด้วย 65% ได้สังเกตเห็นถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องสำคัญคือการขาดกรอบทางกฎหมายในด้านความปลอดภัย และการขาดความสนุกสนานในการขับขี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขาดความกระตือรือร้นในความสนใจของการใช้รถยนต์แบบขับเคลื่อนอัตโนมัติน้อยลงไป

แม้จะได้รับความคุ้มครองจากอุบัติเหตุที่เกิดจากรถยนต์ที่ขับขี่ด้วยตัวเอง แต่ก็มีความเชื่อมั่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยรวมแล้ว 61% ของผู้ที่เคยเห็นการรายงานข่าวเกี่ยวกับการชนของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระบุว่าไม่ได้เปลี่ยนทัศนคติพวกเขาให้ดีขึ้นหรือแย่ลง

Audi ได้รวมรวมข้อมูลและแสดงใน Infographic วางไว้อย่างดี เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ แน่นอนว่าไม่ใช่ข้อเสนอที่เหมาะกับทุกคน ซึ่งผู้ที่มาจากชนบทหรือในเมืองและผู้ที่มีระดับรายได้ต่างกันต่างก็คาดหวังสิ่งต่าง ๆ จากโลกที่มีเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดความคล่องตัวในการขับขี่ 

โดยเป้าหมายต่อไปของ Audi คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เพียง แต่ให้ความรู้แก่สาธารณชนในเทคโนโลยีดังกล่าว แต่เป็นการสร้างวิธีการในการรับประกันความปลอดภัยและผลประโยชน์ต่อสาธารชนที่บริษัทได้เดิมพันไว้กับเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่าง Self Drving Car นั่นเองครับ

References : https://www.cnet.com

มารู้จัก First Self-Driving Shuttle แห่งเมืองนิวยอร์ก

บริษัท ผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Optimus Ride เพิ่งเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับครั้งแรกในเมืองนิวยอร์ก ซึ่งจะส่งผู้โดยสารไปตามถนนใน Brooklyn Navy Yard ศูนย์กลางการผลิตอันเก่าแก่กลายที่ตอนนี้ได้แปลงสภาพกลายเป็นศูนย์บ่มเพาะเทคโนโลยี 

ในฐานะรองประธานฝ่ายวิศวกรรม Ruijie ได้อธิบายว่า รถรับส่งขับเคลื่อนแบบอัตโนมัตินี้สามารถตรวจจับและวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของพวกมันได้อย่างไร เขาอธิบายว่ารถ shuttle bus ใหม่นี้ได้รวบรวมการบันทึกภาพ และ LIDAR เพื่อรวมเป็นสตรีมข้อมูลเดียวเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดและมีความละเอียดสูงขึ้นจากสภาพแวดล้อมของยานพาหนะ 

ซึ่งการเริ่มต้นครั้งแรกในเมืองนิวยอร์กนี้ จะทำให้การใช้บริการรถรับส่งด้วยตนเองบนถนนมีการปูทางไปสู่รถยนต์ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติที่พร้อมใช้บนท้องถนนจริง ๆ ที่สามารถลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ที่ทำให้เกิดปัญหาอุบัติเหตุร้ายแรงจำนวนมากได้

“ สิ่งที่เรากำลังทำคือการแสดงให้ชาวนิวยอร์กเห็นว่ายานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของพวกเขาอย่างไร” ไรอัน ชิน CEO ของ Optimus Ride กล่าวกับผู้คนที่เข้ามาร่วมในการแสดงสาธิต “ ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของชาวเมืองนิวยอร์กที่จะเปลี่ยนไป”

โดยรถ Shuttle Bus ที่ได้แสดงการสาธิตให้ชาวเมืองนิวยอร์กได้ชมนั้น แต่คันจะรองรับผู้โดยสารได้สี่คน รวมถึง วิศวกรอีกสองคนซึ่งนั่งอยู่ในแถวหน้า โดยคนหนึ่งคอยจับตามองอยู่บนท้องถนน ในขณะที่อีกคนหนึ่งเฝ้าดูแลข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ ที่บอกเขาว่ารถคันนี้กำลังจะทำอะไร 

รถจะทำการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและทำสิ่งที่ควรจะเป็น แม้สภาพรถจะค่อยข้างสั่น แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าเป็นเพราะระบบของรถหรือเพราะระบบ AI แต่เหล่าผู้โดยสารที่ทดลองได้กล่าวมันค่อนข้างรู้สึกปลอดภัย โดยมีการชะลอความเร็วและเลี้ยวไปรอบ ๆ สิ่งกีดขวาง เช่น เหล่านักปั่นโดยไม่ต้องออกจากเลน ซึ่งรถยนต์ shuttle bus คันนี้ได้ทำแผนที่ทั้งหมดตลอดเส้นทาง และปลายทางแต่ละแห่งก็ถูกตั้งโปรแกรมไว้แล้วเช่นกัน

แม้ว่ารถรับส่งของ Optimus Ride จะไม่มีปัญหาในการขับเคลื่อนผ่านสภาพแวดล้อมที่ควบคุมที่เป็นถนนส่วนตัวที่มีสิ่งกีดขวางน้อยก็ตาม แต่เหล่าผู้ได้ลองทดสอบก็อดใจไม่ได้ที่จะคิดว่ามันจะขึ้นไปบนทางหลวงที่แออัดในโลกแห่งความจริงได้อย่างไร

References : 
https://futurism.com