Rare Earth เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตชิปเซ็ต คอมพิวเตอร์และบรรดาเหล่าอุปกรณ์ไฮเทคอีกมากมาย รวมถึงอาวุธ และมันเป็นสินค้าสำคัญอีกอย่างนึงยังไม่ได้ถูกขึ้นบัญชีเพิ่มภาษีนำเข้าโดยสหรัฐ จากสงคราม Trade War ครั้งนี้ เนื่องจากสหรัฐมีความจำเป็นต้องนำเข้าแร่ดังกล่าวจากจีนถึงถึง 80% จากปริมาณนำเข้าทั้งหมด
ธาตุโลหะหายากหรือที่เรียกภาษาอังกฤษว่า Rare Earth Element หรือ Rare Earth Metal คือธาตุ 17 ธาตุที่จริงๆ พบได้ในดินทั่วไปไม่ยากนัก แต่มักจะมีลักษณะกระจัดกระจาย โดยที่ทั้ง 17 ธาตุยังมีลักษณะคล้ายคลังกันอีก ซึ่งมันทำให้ส่งผลต่อการสกัดธาตุออกจากกันในระบวนการถลุงแร่นั้นต้องใช้ทั้งเทคนิคขั้นสูงและสร้างของเสียทางเคมีออกมาอย่างมหาศาล
และด้วยสาเหตุนี้ทำให้ชาติตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐที่เคยเป็นผู้ผลิตและส่งออกแร่หายากในยุคทศวรรษที่ 60-80 ยอมถอยให้กับจีนที่มีแรงงานราคาถูก และไม่คำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเสียเท่าไหร่นัก
สำหรับสินแร่หายากที่นำมาใช้ในทางอุตสาหกรรมมีอยู่ 5 ประเภท คือสแคนเดียม (Scandium) ที่ใช้ในอุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมัน โพรมีเทียม (Promethium) ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่พลังงานนิวเคลียร์ แลนทานัม (Lanthanum) ใช้ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และกล้องถ่ายรูป อิตเทรียม (Yttrium) ใช้ในการผลิตโทรทัศน์และเตาอบไมโครเวฟ และเพรซีโอดีเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้อุตสาหกรรมผลิตใยแก้วนำแสงและเครื่องยนต์ของเครื่องบิน
ความยากเห็นในการได้มาซึ่งธาตุโลหะหายากนี้ก็ดูจะบ่งว่ามันมีความสำคัญไม่น้อยต่อโลกยุคปัจจุบัน ที่กำลังนำโดยเทคโนโลยี รวมถึงอุปกรณ์ไฮเทค Gadget ต่าง ๆ โดยธาตุโลหะเหล่านี้ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ของอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีทั้งหลายในปัจจุบันเช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน เลนส์กล้องถ่ายรูป ทีวีจอแบน เครื่องยิงแสงเลเซอร์สารพัด แบตเตอร์รี่รถยนต์แบบลิเธี่ยม แผงโซล่าร์เซลล์ กังหันลม แม่เหล็ก เซรามิค ระบบนำวิถีของจรวดมิสไซล์ เป็นต้น
ซึ่ง ณ ขณะนี้ จีนกลายเป็นเป็นผู้ผลิตธาตุโลหะหายากกว่า 90% ในโลก จีนได้ขยายการผลิตธาตุโลหะหายากส่วนใหญ่ของโลกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ดังที่เติ้ง เสี่ยว ผิง ประกาศในขณะเป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในปี 1992 ว่า “ตะวันออกกลางมีน้ำมัน แต่จีนเรามีธาตุโลหะหายาก” และอัตราส่วนแบ่งตลาดก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มาเป็นกว่า 90% ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการครองตลาดแทบจะเบ็ดเสร็จของจีนในการผลิตธาตุโลหะหายากเหล่านี้
แม้สถานการณ์ดังกล่าวดูเหมือนจะทำให้จีนมีอำนาจในตลาดอย่างมหาศาล จนในปี 2010 จีนตัดสินใจจำกัดการส่งออก “ธาตุโลหะหายาก” จริงๆ เป็นครั้งแรก โดยขู่จะตัดการส่งออกแร่หายากให้กับญี่ปุ่น เพื่อกดดันให้ญี่ปุ่นปล่อยตัวกัปตันเรือชาวจีนที่ขับเรือชนเรือยามฝั่งของญี่ปุ่น และการข่มขู่ดังกล่าวก็เหมือนจะได้ผลเมื่อญี่ปุ่นปล่อยตัวกัปตันเรือในทันที
ซึ่งเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในตอนนี้ ในสงคราม Trade War ระหว่างจีนกับสหรัฐ จีนอาจใช้ Rare Earth เพื่อเป็นมาตรการตอบโต้ในช่วงเวลาที่สงครามการค้ากำลังดุเดือดมากขึ้น ซึ่งหากจีนใช้ Rare Earth เป็นตัวต่อรอง ด้วยการระงับการส่งออกหรือเพิ่มภาษีในอัตราที่สูงมาก ก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศเช่นกัน แต่ก็อาจเป็นผลดีให้จีนเริ่งพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้แร่ชนิดนี้ เพื่อเพิ่มระดับความต้องการภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น
ซึ่งทางฝั่งอเมริกาเอง ก็ได้เตรียมรับมือกับแผนนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยช่วงที่เกิดสงครามการค้า สหรัฐก็ได้เริ่มทำการรื้อฟื้นอุตสาหกรรม Rare Earth ในประเทศ หรือมองหาทางเลือกอื่นในการนำเข้าจากเวียดนามหรือเม็กซิโก แถมยังมีแหล่งผลิตอีกมากมายทั่วโลก และมีช่องทางในการหลีกเลี่ยงการผูกขาดของจีนในอีกหลายทางนั่นเอง
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA
Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
Geek Forever’s Podcast
“Open Your World With Technology“
AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning
Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ