อัจฉริยะ x โรคระบาด เมื่อตลอดประวัติศาสตร์ของโรคระบาดทำให้โลกเราเจริญรุ่งเรืองขึ้น

ต้องบอกว่าผ่านพ้นเข้าสู่ปีที่สามที่โลกของเราเต็มไปด้วยการระบาดใหญ่ของ COVID-19  และแน่นอนว่ามันได้สร้างความหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น ความสูญเสียและความเจ็บปวดมากมายได้เกิดขึ้นและยังคงเกิดขึ้นอยู่จนถึงทุกวันนี้ และเราก็ยังไม่รู้ว่ามันจะจบสิ้นเมื่อใด

ตอนนี้เรามีวัคซีนอยู่แล้ว และรู้ดีว่ามาส์กสามารถปกป้องคนรอบข้างจากการแพร่ระบาดของโรคได้ แต่โลกเรานั้นมีความซับซ้อน และการผสมผสานของความไร้อำนาจ ความโกรธ การแบ่งขั้วทางการเมือง และการปล่อยข้อมูล fake news ทำให้วิกฤตินั้นยังแสนสาหัสอยู่

ด้วยความหนักหน่วงของทุกสิ่ง บางทีมันอาจจะเป็นการดีที่เราจะมองดูโรคระบาดอื่นๆ จากในอดีต เพื่อสำรวจสิ่งที่พวกมันให้มา ความเจ็บปวด การสูญเสีย และความโดดเดี่ยวที่ถูกบีบบังคับซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการระบาดใหญ่ได้หล่อเลี้ยงผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบางส่วนของโลกตะวันตก ทั้งด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์

มรณะสีดำแห่งศตวรรษที่ 14

Francesco Petrarch กวีและนักวิชาการชาวอิตาลี ใช้ชีวิตผ่านโรคระบาดที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ นั่นคือกาฬโรค ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 200 ล้านคนทั่วยุโรป เอเชีย และแอฟริกาเหนือระหว่างปี 1346 ถึง 1353

หลังจากนั้นได้กลับมาระบาดเป็นระยะในหลายทศวรรษ ซึ่งเป็นตอนที่ Giovanni Boccaccio เพื่อนของ Petrarch เขียน Decameron ของเขาที่ร้อยเรื่องราวเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับชาวเมือง Florentines ที่สิ้นหวัง ซึ่งหนีไปยังชนบทเพื่อปกป้องตัวเอง

ในไม่ช้า ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาก็ปะทุขึ้นในอิตาลี และค้นพบสิ่งแรกผ่านความทุกข์ทรมานของโรคระบาดที่เกี่ยวข้องกับ Petrarch “ปี 1348 ของเราที่เหลืออยู่คนเดียวและทำอะไรแทบจะไม่ถูก” เขาเขียนไว้ในหนังสือของเขา 

“เราลืมไปว่าการใช้อุปกรณ์ของเราเพื่อสื่อสารกับครอบครัวและเพื่อนฝูงในระยะทางไกลนั้นง่ายเพียงใด” 

ซึ่งสำหรับ Petrarch และ Boccaccio ทั้งหมดต้องทำด้วยตนเองหรือทำเป็นลายลักษณ์อักษรโดยมีการขนส่งที่ไม่มีความแน่นอนจากการแพร่ระบาดของโรค บังคับให้พวกเขาทั้งสองรู้สึกถึงความสันโดษ

จดหมายที่ไม่ตอบกลับในยุคนั้นอาจหมายถึงการเสียชีวิตของผู้รับ ถึงกระนั้น Petrarch ก็รู้สึกสบายใจในการเขียนจดหมายถึงเพื่อนฝูงและนำพานักคิดผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณของกรีกและโรมันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอมตะผ่านกวีนิพนธ์และร้อยแก้วของเขาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจและหล่อเลี้ยงผู้อ่านของเขาผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ยากลำบากของการใช้ชีวิตและการตายในยุคนั้นมาได้นั่นเอง

กาลิเลโอกับการปฏิวัติโคเปอร์นิกัน ในศตวรรษที่ 17

ในตอนท้ายของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเป็นเวลาเกือบ 300 ปีหลังจากยุคของ Petrarch โรคระบาดกลับมาอีกครั้งในอิตาลีโดยได้รับผลกระทบมาจากสงครามสามสิบปีที่ทำลายล้างยุโรปตอนกลาง 

นี่คือเวลาของการเผชิญหน้าของกาลิเลโอกับ Roman ในขณะที่เขายืนกรานที่จะผลักดันโลกทัศน์ของเขาในการปฏิวัติโคเปอร์นิกันที่มองว่าดวงอาทิตย์ ไม่ใช่โลกที่เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ 

หนังสือของเขา Dialogue Concerning the Two Chief World Systems ได้เสนอการอภิปรายที่มีอคติอย่างมากเกี่ยวกับการจัดเรียงของดาวเคราะห์ เห็นได้ชัดว่าเป็นการสนับสนุนจักรวาลที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง

ในปี ค.ศ. 1630 นักบวชชาวโดมินิกันที่สนับสนุนมุมมองของกาลิเลโอได้อนุมัติหนังสือต้นฉบับดังกล่าว ภายหลังการแก้ไขบางส่วน ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดโรคระบาดในอิตาลีอีกครั้ง ทำให้ผู้คนต้องจำกัดการเดินทางและแยกตัวออกจากที่อยู่อาศัย

กาลิเลโอมองเห็นโอกาส เขาจัดการส่งต้นฉบับจากโรมไปที่บ้านของเขาในฟลอเรนซ์ เมื่อผ่านการอนุมัติจากการถูกเซ็นเซอร์ในกรุงโรม หนังสือเล่มนี้ก็ได้ถูกจัดตีพิมพ์

เมื่อพระสันตะปาปาเห็นหนังสือเล่มดังกล่าวก็โกรธจัด กาลิเลโอได้ทำแก้ไขเพิ่มจากการร้องขอจากศาสนจักรโดยให้ยอมรับว่าพระเจ้าทรงทำให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนจากตะวันออกไปตะวันตกทุกวันผ่านปาฏิหาริย์ (ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ดวงอาทิตย์ที่เคลื่อน แต่โลกที่กำลังหมุนต่างหาก)

แต่เขากลับทำในลักษณะเยาะเย้ย โดยพระสันตะปาปาไม่พร้อมที่จะปรับตัวในช่วงเวลาของการเผชิญหน้าระหว่างคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ หนังสือเล่มนี้ถูกเซ็นเซอร์และกาลิเลโอถูกบังคับให้ละทิ้งมุมมองของจักรวาลแบบ heliocentric ของเขา ถึงกระนั้น หนังสือเล่มนี้ก็ยังรั่วไหลออกจากอิตาลี และการปฏิวัติของโคเปอร์นิกันก็เริ่มต้นขึ้น

ขอบคุณโรคระบาดที่ทำให้เรามีแคลคูลัสและฟิสิกส์

จากนั้นในปี ค.ศ. 1665 ที่ประเทศอังกฤษ โรคระบาดทำให้ Isaac Newton ที่ยังอายุน้อยต้องหนีจากการศึกษาของเขาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ไปยังฟาร์มของมารดาในวูลสธอร์ป ซึ่งเขาอาศัยอยู่เป็นเวลาสองปี และแน่นอนว่า มีต้นแอปเปิลอยู่ในฟาร์มแห่งนี้ 

ในช่วงสองปีนั้น ความอัจฉริยะของ Newton ระเบิดพลังออกมา มันเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจ เขาใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์อย่างเต็มที่ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ในยุโรปในขณะนั้น เพื่อสร้างผลงานที่สร้างสรรค์อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ ซึ่งนักชีวประวัติในยุคแรกเรียกว่า anni mirabilis (“ปีอันมหัศจรรย์”) 

ในต้นปี ค.ศ. 1665 Newton ได้ค้นพบสิ่งที่เราเรียกว่าดิฟเฟอเรนเชียลแคลคูลัส ในวันนี้ และปีถัดมาในเดือนมกราคมก็มีทฤษฎีของสี และในเดือนพฤษภาคมต่อมาก็ได้สร้างแนวคิดของแคลคูลัสเชิงปริพันธ์ (Integral Calculus)] 

และในปีเดียวกันนั้นเอง เขาก็ได้ค้นพบเรื่องของแรงโน้มถ่วงที่ขยายไปถึงลูกทรงกลมของดวงจันทร์ และจากกฎของเคปเลอร์เกี่ยวกับช่วงเวลาของดาวเคราะห์ที่อยู่ในสัดส่วนที่แยกจากกันของระยะห่างจากจุดศูนย์กลางของลูกทรงกลม 

ทำให้มนุษย์เราได้เรียนรู้ว่าแรงที่ยึดดาวเคราะห์ไว้ในลูกกลมของพวกมันจะต้องเป็นกำลังสองของระยะห่างจากจุดศูนย์กลางที่พวกมันโคจรอยู่ 

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงโรคระบาดในปี ค.ศ. 1665-1666 เพราะในสมัยนั้น Newton อยู่ในวัยที่พร้อมสำหรับการประดิษฐ์คิดค้น ทั้งทางด้านคณิตศาสตร์และปรัชญาที่มีใจจดจ่อมากกว่าครั้งไหนๆ

โดยสรุป ในช่วงสองปีที่เกิดโรคระบาดนี้ Newton ได้วางรากฐานของแคลคูลัสเชิงอนุพันธ์และปริพันธ์ ทฤษฎีแสงและสี กฎการเคลื่อนที่ และทฤษฎีแรงโน้มถ่วง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องอัจฉริยะมาก ๆ สำหรับนักเรียนอายุ 23 ปี

จาก Petrarch ถึง Newton เราได้เรียนรู้ที่ถึงช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดผ่านการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ ผู้คนต่างมุ่งสู่สถานที่ปลีกวิเวก เพื่อการสร้างสรรค์อย่างปลอดภัยเหนือการต่อสู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดระหว่างชีวิตและความตายจากการแพร่ระบาดครั้งใหญ่นั่นเองครับผม

References : https://bigthink.com/health/omicron-covid/
https://publicdomainreview.org/essay/petrarchs-plague
https://www.jstor.org/stable/230315?seq=1#metadata_info_tab_contents
https://bigthink.com/13-8/plague-genius/

Geek Daily EP101 : เมื่อ TikTok สามารถล้มบัลลังก์ 15 ปีของ Google ในฐานะโดเมนเว็บที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

เกือบทศวรรษครึ่งที่ผ่านมา Google เป็นโดเมนของเว็บที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก ไม่มีเว็บไซต์ใดที่สามารถขึ้นมาท้าทายบัลลังก์ของ Google ได้ ครั้งสุดท้ายที่ไซต์อื่นสร้างความท้าทายอย่างแท้จริง คือ Yahoo และนั่นคือเมื่อทศวรรษที่แล้ว

ปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลง ตามรายงานที่เผยแพร่โดย Cloudflare หนึ่งในเครือข่ายการส่งเนื้อหาทางอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ เมื่อ TikTok.com แซงหน้า Google เป็นโดเมนที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโลกในปี 2021

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3qQlK3X

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/3JMZ6SE

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://bit.ly/3EW3s69

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3n26Bve

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/boctHeePguA