Blood Oil ตอนที่ 8 : Arab Cold War

เช้าตรู่ของวันที่ 24 พฤษภาคม 2017 ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ปิดฉากการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเขาในฐานะประธานาธิบดี ได้มีคำแถลงที่เซอร์ไพรส์มาก ๆ จากประธานาธิบดีกาตาร์ ผ่านสำนักข่าวกาตาร์ (QNA)

สื่อระดับภูมิภาคในซาอุดิอาระเบีย และที่อื่น ๆ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการรับข่าวดังกล่าว และได้ทำการเผยแพร่ให้ขยายวงกว้าง เพื่อให้ผู้คนนับล้านได้เห็นแถลงการณ์ครั้งนี้

“อิหร่านเป็นตัวแทนของอำนาใจในภูมิภาค และอิสลามไม่สามารถละเลยได้ และไม่ฉลาดที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขา” ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัลธานี ผู้ปกครองกาตาร์กล่าวในพิธีสำเร็จการศึกษาทางทหารเป็นภาษาอาหรับ

“มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการรักษาเสถียรภาพของภูมิภาคนี้” ต้องบอกว่า ถ้อยคำแถลงดังกล่าวถือเป็นการทรยศต่อรัฐต่างๆ ในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งมองว่าอิหร่านเป็นภัยคุกคามและถือเป็นการรุกรานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค

แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นเพียงกลอุบายทั้งหมด ทามิม ไม่เคยกล่าวสุนทรพจน์หรือออกแถลงการณ์ใด ๆ ในเรื่องดังกล่าว ทามิม วัยสามสิบเจ็ดสั่งให้ออกแถลงการณ์ประนามข้อความโกหกเหล่านี้ทันที

แต่ต้องบอกว่ามันสายเกินไปที่จะหยุดการรายงานที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งใน อัล อาราบิยา ของซาอุดิอาระเบีย และ Sky News Arabia ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ราชวงศ์กาตาร์ รู้ตัวทันทีว่าระบบรัฐบาลของพวกเขากำลังถูกรุกราน และพวกเขามั่นใจว่ามันเป็นแผนการของ ซาอุดิอาระเบีย และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ทำเรื่องชั่ว ๆ ดังกล่าวนี้

ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่แสดงว่าระบบของพวกเขาถูก hack โดยกลุ่มนับรบไซเบอร์ของรัสเซียที่ได้รับการว่าจ้างให้ทำงานดังกล่าว

พวกเขาไม่เคยเห็นการลอบโจมตีในลักษณะดังกล่าวนี้เกิดขึ้นมาก่อน สถานการณ์ที่มีความตึงเครียดมานานหลายปี กำลังจะถึงจุดแตกหัก

ภายในสิบสามวัน ซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของพวกเขารวมถึงอียิปต์และหมู่เกาะโคโมโรเล็ก ๆ ได้เคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในการปิดกั้น เพื่อคว่ำบาตรกาตาร์แบบเต็มรูปแบบ

กาตาร์ที่มีพื้นที่ขนาดเล็กถูกปิดล้อม
กาตาร์ที่มีพื้นที่ขนาดเล็กถูกปิดล้อม (CR:Daily News)

พวกเขาขับไล่ชาวกาตาร์ออกจากประเทศตัวเอง ตัดความสัมพันธ์ทางการเงิน และปฏิเสธที่จะให้เครื่องบินของกาตาร์ใช้น่านฟ้าของพวกเขา เหล่าร้านค้าในกาตาร์ต่างขาดแคลนอาหาร เนื่องจากประเทศนี้พึ่งพาการค้าทางบกกับซาอุดิอาระเบียเป็นหลัก

ต้องบอกว่ามีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องระหว่างซาอุดิอาระเบียและกาตาร์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่เล็กและร่ำรวยมาก นับตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 1990 ผู้ปกครองของซาอุดิอาระเบียได้รับผลกระทบจากนโยบายต่างประเทศของกาตาร์เป็นพิเศษ

ปัญหาใหญ่น่าจะเกิดจากกาตาร์ได้ทำการผูกมิตรกับศัตรูของซาอุดิอาระเบีย เช่น กลุ่มภราดรภาพมุสลิม ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และบาห์เรน ต่างนำทูตของพวกเขาออกจากกาตาร์ในปี 2014 เนื่องจากกาตาร์ได้ไปสนับสนุนการประท้วงอาหรับสปริง

แต่เหตุการณ์ดังกล่าวได้ผ่านพ้นไปแล้ว และในการพบปะกับโมฮัมเหม็ดทุกสัปดาห์ โจ เวสต์ฟาล เอกอัครราชทูตรัฐบาลโอบามาประจำซาอุดิอาระเบียได้พูดคุยกับเจ้าชายบ่อยครั้งเกี่ยวกับความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค

เวสต์ฟาลมักจะเตือบโมฮัมเหม็ดอยู่เสมอว่าความก้าวร้ายภายนอกจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของซาอุดิอาระเบียในสหรัฐฯ และทำให้นักการเมืองอเมริกันสนับสนุนเขาต่อสาธารณชนได้ยากมากยิ่งขึ้น

แต่เมื่อมีการเปลี่ยนผ่านมาสู่ยุคทรัมป์ ดูเหมือนว่า สหรัฐฯ เองก็เหมือนจะยุยงให้ต่อต้านกาตาร์ ซึ่งดูเหมือนว่าทำเนียบขาวจะสนับสนุนความปรารถนาของพวกเขาที่จะขยายความขัดแย้ง และนั่นเองที่เปรียบเสมือนไฟเขียวจากทำเนียบขาวสำหรับโมฮัมเหม็ดและพันธมิตรเอมิเรตส์ในความพยายามที่จะปิดล้อมกาตาร์

การประกาศคว่ำบาตรสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวกาตาร์จำนวนมาก ครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศบางครอบครัวเริ่มสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์ส่วนตัวไว้ในบ้านพักตากอากาศและพระราชวังเพื่อเตรียมพร้อมหากมีการรุกรานขึ้นมาจริง ๆ

ต้องบอกว่าสงครามเย็นกับกาตาร์นั้นมีเวลานานมาหลายปีแล้ว แต่กาตาร์เริ่มตีตัวออกห่างจากเพื่อนบ้านอย่างรวดเร็วเมื่อ ฮาหมัด บิน คาลิฟา พ่อของทามิม โค่นล้มบิดาของตัวเองในการรัฐประหารที่ไร้การนองเลือดในปี 1995

ด้วยความที่ฮาหมัดเติบโตมาในโลกที่มีความสากล และด้วยความมั่งคั่งของประเทศในยุคนั้น ความผูกพันทางประวัติศาสตร์กับสหราชอาณาจักร เขาจึงเข้าเรียนที่ Royal Military Academy , Sandhurst ก่อนที่จะกลับไปโดฮาเพื่อเป็นนายทหารและในที่สุดก็ได้กลายเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

เขาได้เข้ามายึดอำนาจโดยความเห็นชอบของสมาชิกคนสำคัญในครอบครัว ฮาหมัดได้เข้ามาเปลี่ยนนโยบายกาตาร์ใหม่ แม้กระทั่งการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับอิสราเอล

เขาได้พัฒนาแหล่งก๊าซของประเทศซึ่งเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติยังไม่ได้เป็นวัตถุดิบที่ทำกำไรได้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ซึ่งการเดิมพันครั้งนี้ทำให้กาตาร์ร่ำรวยมหาศาล ด้วยความมั่งคั่งที่เกิดขึ้น ฮาหมัด ได้กำหนดนโยบายต่างประเทศที่มุ่งเน้นไปที่บทบาทของกาตาร์ในส่วนที่เหลือของโลก ไม่ใช่แค่เหล่าประเทศเพื่อนบ้านในอ่าวเท่านั้น

หนึ่งในปัจจัยใหญ่ที่สุดคือการสร้าง Al Jazeera ช่องข่าวที่ใช้เวลาอย่างฟุ่มเฟือยในการสรรหานักข่าวต่างประเทศ และนำเสนอให้ครอบคลุมตะวันออกกลางมากที่สุด โดยเป็นการแสดงให้เห็นว่ากาตาร์เป็นกลาง แต่ภายในช่อง Al Jazeera เองก็แทบจะไม่มีการรายงานประเด็นทางสังคมหรือการโต้เถียงภายในกาตาร์เองแต่อย่างใด

เพื่อนบ้านของกาตาร์มองว่า Al Jazeera ไม่เป็นกลาง และเมื่อเกิดเหตุการณ์อาหรับสปริง เมื่อเยาวชนชาวอียิปต์ประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัคที่ซาอุดิอาระเบียและยูเออีหนุนหลัง

แต่หลังจากมูบารัคลงจากอำนาจ กาตาร์ก็ได้แต่งตั้งโมฮาเหม็ด มอร์ซี จากกลุ่มมุสลิมภราดรภาพให้กลายเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอียิปต์ และนั่นเองที่ทำให้ซาอุดิอาระเบียและยูเออีโมโห และสนับสนุนนายพลในการโค่น มอร์ซี และปราบปรามกลุ่มมุสลิมภราดรภาพ

ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ ซาอุดิอาระเบียใช้เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดจากอิทธิพลทางศาสนาทั้งหมดเพื่อโน้มน้าวให้ประชากรมุสลิมทั่วโลกตีความแบบอนุรักษ์นิยมว่าการใช้ชีวิตแบบอิสลามที่ดีนั้นหมายถึงอะไร

อิหม่าม วาฮาบิส จะตักเตือนเป็นประจำในช่วงเทศนาของพวกเขาที่ชาวมุสลิมที่ดีไม่ควรต่อต้านผู้นำของพวกเขา

แต่กลุ่มภราดรภาพมุสลิมไม่เห็นด้วยกับกลุ่มวาฮาบิส และต่อต้านระบอบกษัตริย์ในอ่าวมานาน โดยแสดงให้เห็นว่า พวกเขาเหล่านี้ต่างหลงระเริงกับการใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือย

กาตาร์มีความเชี่ยวชาญมากกว่าซาอุฯ ในการล็อบบี้และสื่อสารกับโลกภายนอก พวกเขาเปรียบเสมือนสวิตเซอร์แลนด์แห่งตะวันออกกลางที่รักษาการติดต่อกับทุกกลุ่มเพื่ออำนวยความสะดวกในการเจรจาและนำสันติภาพมาสู่ภูมิภาค

อีกปัจจัยหนึ่งที่ได้สร้างความขุ่นเคืองมายาวนานหลายปี คือ กาตาร์มีนิสัยขี้อิจฉาเพื่อนบ้านที่ใหญ่กว่า ด้วยความมั่งคั่งมหาศาล กองทุนความมั่งคั่งของกาตาร์ ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทในโลกตะวันตกที่มีชื่อเสียงมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากเยอรมันอย่าง Volkswagen Group หรือ Royal Dutch Shell รวมถึงการกว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก โครงการพัฒนาสนามบิน Heathrow ย่านธุรกิจ Canary Wharf และสร้าง Shard ซึ่งเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในสหราชอาณาจักร

แถมกาตาร์ยังได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก (FIFA World Cup) ในปี 2022 ซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดรองจากโอลิมปิก

และสำหรับเหล่าเศรษฐีผู้ร่ำรวยของกาตาร์ การซื้อห้างสรรพสินค้า Harrods ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดังบนถนน Old Brompton Road ในลอนดอนมูลค่า 1,500 ล้านปอนด์ในปี 2010 ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ภาษาอาหรับได้กลายเป็นภาษาที่สองของห้างดังเหล่านี้ เนื่องจากบรรดาลูกค้าผู้ร่ำรวยจากดูไบ ริยาด หรือ คูเวตซิตี้ จะมาช็อปปิ้งในช่วงวันหยุด

ห้าง Harrods ใจกลางกรุงลอนดอนที่เหล่าเศรษฐีจากอ่าวมักจะแวะมาช็อปปิ้ง
ห้าง Harrods ใจกลางกรุงลอนดอนที่เหล่าเศรษฐีจากอ่าวมักจะแวะมาช็อปปิ้ง (CR:Harrods.com)

สองปีก่อนการคว่ำบาตร ไม่กี่เดือนหลังจากที่กษัตริย์ซัลมานขึ้นครองราชยิ์ โมฮัมเหม็ดได้เดินทางไปโดฮา เพื่อพบกับทามิมจักรพรรดิหนุ่มวัยสามสิบห้า ในระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติ์ โมฮัมเหม็ดดูเหมือนจะสนใจเป็นพิเศษว่ากาตาร์ประสบความสำเร็จในการทำงานร่วมกับสื่อต่างประเทศเพื่อยกระดับสถานะในโลกได้อย่างไร

โมฮัมเหม็ดมองว่ากาตาร์เป็นอันตรายต่อความมั่นคงในภูมิภาค และอาจจะส่งผลต่ออำนาจของครอบครัวเขาในการปกครองราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย การรักษาสมดุลที่ละเอียดอ่อนกับชาติอาหรับที่ยากจนกว่า เช่น อียิปต์ เลบานอน และ จอร์แดน เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเคลื่อนไหวที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองของพวกเขา

เช่นเดียวกับฝั่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็รู้สึกว่า การกระทำต่าง ๆ ของกาตาร์เกิดจากความหยิ่งผยองของพวกเขา กาตาร์มีฐานทัพ Al Udeid การสื่อสารกับชาติตะวันตกก็ดูราบรื่น แถมยังมีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยมากกว่าประเทศอื่นๆ

นั่นเป็นเหตุให้เหล่าชีคที่เขี้ยวลากดินของอาบูดาบีพร้อมกับเหล่าพันธมิตร มองหาข้ออ้างที่จะตัดกาตาร์ออกไป และถือเป็นการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่แข็งกร้าวที่สุดในประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้

แต่ดูเหมือนกาตาร์จะไม่แคร์ เพราะด้วยความมั่งคั่งของพวกเขา ห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดที่รองรับประชากรในประเทศจึงได้รับการออกแบบใหม่ โดยไม่แคร์ซาอุดิอาระเบียอีกต่อไป

ทามิม มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับอิหร่าน ศัตรูคนสำคัญของรัฐต่าง ๆ ในอ่าว รวมถึงตุรกีที่ได้เข้ามาสร้างฐานทัพแห่งแรกในตะวันออกกลางในประเทศกาตาร์ แม้การคว่ำบาตรจะมีจุดประสงค์เพื่อแยกกาตาร์ออกจากศัตรูอย่างอิหร่าน แต่ดูเหมือนความสัมพันธ์ของพวกเขากลับยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น

แต่การคว่ำบาตรครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นความล้มเหลวในการวางแผนเช่นเดียวกัน ซาอุดิอาระเบียและยูเออีออกกฏหมายคว่ำบาตรโดยไม่บอกกาตาร์ว่าพวกเขาต้องการอะไร

ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดูเหมือนจะสนับสนุนการคว่ำบาตร และกล่าวหากาตาร์ต่อสาธารณะชนว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนการก่อการร้าย แต่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ ก็พยายามมากลบเกลื่อนสถานการณ์

เกือบสามสัปดาห์หลังการคว่ำบาตร ผู้นำซาอุดิอาระเบียและเอมิเรตส์ ได้ออกรายการคำขอสิบสามข้อ ซึ่งรวมถึงการปิดสถานี Al Jazeera และจ่ายค่าชดเชยสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกาตาร์ในภูมิภาค

แต่สงครามเย็นในอ่าวครั้งนี้ กลับพบว่า ในขณะที่ ซาอุดิอาระเบียและเอมิเรตส์ ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับกาตาร์ กลุ่มพลเมืองที่ร่ำรวยจำนวนมากของพวกเขา ก็ยังคงแห่แหนกันไปช็อปปิ้งในลอนดอนในช่วงวันหยุด ในห้าง Harrods ของกาตาร์เหมือนเช่นเคยนั่นเองครับผม

แล้วปัญหาเรื่องกาตาร์จะจบอย่างไร ซาอุดิอาระเบียในยุคใหม่จะจัดการอย่างไรต่อกับความสัมพันธ์ที่แตกร้าวครั้งใหญ่ครั้งนี้ โปรดอย่าพลาดติดตามต่อในตอนหน้าครับผม

–> อ่านตอนที่ 9 : Absolute Power

ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ

Geek Monday EP78 : Infervision กับการใช้ Deep Learing เตือนโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น

Infervision ใช้ Deep Learning เพื่อตีความการสแกนภาพจากการถ่าย X-RAY และ ข้อมูลทางการแพทย์อื่น ๆ อัลกอริทึมของ Infervision จะมองหารูปทรง ที่เตือนว่ามะเร็งอาจอยู่ในช่วงเริ่มต้น

แม้แต่นักรังสีวิทยาที่ดีที่สุดของมนุษย์ก็ยังอ่อนแอต่อความเหนื่อยล้าและ ความผิดพลาดของมนุษย์จะเกิดขึ้นเมื่องานของพวกเขาต้องตรวจสอบภาพหลายร้อย หลายพันภาพ ทุกวัน แต่ AI ไม่เคยเหนื่อยและมีการฝึกอบรมที่แม่นยำ ข้อมูลจะไม่ผิดพลาดหรือวินิจฉัยผิดพลาด

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ 

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
http://bit.ly/36R012r

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2m0PTzR

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/QiqymKr1qzU

Credit Image : Physics World