JT 8704 ตอนที่ 2 : การเดินทางที่แสนทรมาน

เมื่อวันเดินทางมาถึง วันนั้นก็เหมือนวันทั่ว ๆ ไปปรกติ แต่เนื่องจากเป็นวันธรรมดา ไม่ใช่ช่วงวันหยุด ผมจึงได้ตัดสินใจลางาน เพื่อเก็บข้าวของ และเตรียมตัวไปในตอนเย็น ซึ่ง Flight ที่เราเดินทางจะเป็น Flight ช่วงเย็น

ผมนัดกับ เอ ให้มารับที่บ้าน เพราะเป็นทางผ่านที่จะไปสนามบินโดยให้แฟนของ เอ ช่วยขับรถไปส่งที่สนามบินดอนเมือง เรากะเวลาไว้เผื่อเดินทางประมาณ 1 ชม. ช่วงนั้นสายการบินยังไม่หนาแน่นเหมือนในปัจจุบัน คิดว่าน่าจะขึ้นเครื่องทันอย่างสบาย

แต่กลายเป็นว่าผลจากรถติด ทำให้ เอ มารับผมช้า และเราก็ไปเจอกับรถติดอีกในทางที่จะไปสนามบิน  ปรกติผมจะใช้เวลาไม่นานในการเดินทางจากบ้านไปถึงสนามบิน เพราะบ้านอยู่แถวลาดปลาเค้า ซึ่งไม่ไกลจากสนามบินดอนเมือง แต่วันนั้นไม่ทราบ่ว่าเกิดอะไรขึ้น เราใช้เวลานานมากในการเดินทางไปสนามบิน

โดยเฉพาะช่วงที่ติดอยุ่หน้าสนามบินนั้น มันเหมือนการลุ้นอยู่ตลอดเวลาว่าจะทัน Flight หรือ ไม่ เพราะมันใกล้เวลาที่เครื่องบินจะออกเต็มที่ แต่เรายังค้างอยู่ตรงสะพาน U turn เพื่อเข้าสนามบิน ผมคุยกับ เอ หากไม่ทันจริง ๆ  เราคงไม่ไปกันแล้ว คงฝากซองเพื่อน ๆ ไปแทน เพราะคงไม่ไปจองเครื่องใหม่เพื่อตามไปอย่างแน่นอน

แต่สุดแล้วรถก็มาจอดหน้าทางเข้าผู้โดยสารขาเข้า ก่อนเครื่องออก 10 นาที ซึ่งช่วงนั้นจะไปเข้าแถวเพื่อต่อคิว check-in คงไม่ทัน เราจึงได้รีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่ภาคพื้นของสายการบินว่าเครื่องกำลังจะออก เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการลัดคิวให้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เราทันขึ้นเครื่อง

เรารีบวิ่งจ้ำอ้าว ผ่านเครื่องตรวจกระเป๋า และ รีบวิ่งไปยัง gate ให้เร็วที่สุด  ซึ่งก็ทันอย่างเฉียดฉิว เครื่องยังไม่ออกใน Flight นั้นเราเจอเพื่อนร่วมทริปอีก 2 คน ที่จะไปงานแต่งหนุ่มด้วยกัน คือ อู๋ และ เหยียน ซึ่งเป็นแก๊ง ที่อยู่ด้วยกันสมัยเข้ามาทำงานกรุงเทพใหม่ ๆ แต่ก็ไม่ทันได้ทักทายอะไรกันมาก เพราะ ต่างคนต่างเข้าแถวเพื่อรอขึ้นเครื่องแล้ว

ผมกับ เอ ได้นั่งในส่วนท้าย ๆ ของเครื่องบิน ซึ่งวันนั้นมีผุ้โดยสารเต็มเครื่อง ก็ค่อนข้างอึดอัดในการนั่งเหมือนกัน รวมถึงที่เรารีบมากันทำให้ผมเกิดความตื่นตระหนกเล็กน้อยขณะขั้นเครื่อง รู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวเท่าไหร่

หลังจากแอร์โฮสเตส ทำการสาธิตการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เราไม่เคยสนใจที่จะดูจริง ๆ เครื่องบินก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเพื่อเตรียมการ take off หลังจากนั้น captain ก็ได้ประกาศ เพื่อเตรียมทำการ take off เครื่องบิน

ขณะเครื่องกำลัง take off ขึ้น ผมก็รู้สึกได้ถึงความผิดปรกติของร่างกายทันที ผมไม่แน่ใจว่าวันนั้นมีความผิดปรกติ อะไรของเครื่องบินหรือป่าว เพราะไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ขณะเครื่องกำลังไต่ระดับ รู้สึกเหมือนแรงอัดเข้าที่หู แต่ไม่สามารถปล่อยออกไปได้ ซึ่งปรกติเมื่อเครื่องบิน take off และมีการปรับระดับของเครื่องบินนั้น ก็จะรู้สึกหูอื้อ แต่นี่ไม่ใช่หูอื้อแน่ ๆ มันเหมือนแรงดันเข้ามาเรื่อย ๆ โดยไม่สามารถปล่อยออกไปได้ ซึ่งมันทรมานมาก ๆ ในช่วงแรก

เครื่องบินไต่ถึงระดับคงที่แล้ว แต่อาการผมยังเหมือนเดิม เหมือนมีแรงอะไรมาอัดที่หู มันไม่สามารถปรับความดันได้ เหงื่อผมเริ่มแตก แต่ก็พยายามทำตัวเป็นปรกติ ผมคุยกับเอ ว่าวันนี้รู้สึกแปลก ๆ แต่บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร เหมือนแรงดันไม่สามารถออกไปได้เหมือนที่เคยขึ้นปรกติ มันค่อย ๆ อัดเข้ามาเรื่อยๆ  ไม่สามารถปล่อยออกไปได้ ไม่ว่าจะพยายามบีบจมูก และ ปล่อยลมออกหูยังไง ก็ไม่หาย

อาการมันค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  ผมเริ่มที่จะหายใจไม่ค่อยออกรู้สึกอึดอัดมาก ๆ ในขณะนั้น ในขณะที่เครื่องบินเพิ่งออกไปเท่านั้น ผมต้องอยู่แบบนี้ไปจนเครื่องลงเลยหรือ ( ผมคิดในใจ ) และเหมือนวันนั้นอากาศจะไม่ค่อยดี เครื่องบินผ่านหลุมอากาศ จำนวนมาก รู้สึกได้ว่าข้างนอกมีฝนตกอยู่ ผมยิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่ เริ่มหาวิธีท่จะทำให้หาย หลาย ๆ วิธี ซึ่งทำยังไงมันก็ไม่หาย

ผมทรมานอยู่ประมาณเกือบครึ่งชม. แต่ก็ยังพยายามทำตัวปรกติ แค่ บอก เอ ว่ารู้สึกไม่ค่อยดีวันนี้ เหมือนมีอะไรแปลก แต่ร่างกายมันทรมานมาก มันเริ่มหายใจไม่ออกขึ้นเรื่อย ๆ จึงตัดสินใจเรียก แอร์โฮสเตส เพื่อขอยาดม ไม่รู้คิดยังไงเหมือนกัน แต่อยากได้ยาดม เพราะรู้สึกเหมือนจะหมดสติแล้วในตอนนั้น   น้องแอร์โอสเตสบอกผมว่าบนเครื่องไม่มียาดม  ผมจึงขอน้ำเปล่ามาก่อน ตอนนั้น ยังไงก็ได้ ดีกว่าอยู่เฉย ๆ มันยิ่งทรมานขึ้นเรื่อย ๆ ผมดื่มน้ำเข้าไปก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น มันแน่นหน้าอกไปหมด ร่างกายเหมือนจะหมดสติ แต่น้องแอร์โฮสเตส ก็เข้ามาบอกว่า มีแอมโมเนีย อยู่  น้องเค้าก็หยดใส่สำลีมาให้  ผมรีบเอามาดมอย่างรวดเร็ว มันก็พอช่วยได้บ้าง ให้หายใจสะดวกขึ้น แต่อาการก็ยังไม่ดีเท่าไหร่

ยังโชคดีที่ flight นี้เดินทางไม่นานมาก และรู้สึกเหมือนจะถึงก่อนกำหนด จึงทำให้ใกล้เข้าถึงเขตเชียงรายแล้วหลังจากกัปตันประกาศ ผมต้องอดทดอีกนิด เพราะเครื่องใกล้จะลงแล้ว แต่ความรู้สึกมันยังทรมานอยู่ จนมาถึงช่วงที่เครื่องต้องปรับระดับลง พอเครื่องเริ่มปรับระดับ อาการผมก็มาอีกครั้ง เหมือนอาการตอนขึ้น มันไม่สามารถที่จะปรับแรงดันอากาศได้ ผมรู้สึกได้เลยว่าร่างกายมันไม่ปรับแรงดันให้ ทำให้เกิดอาการหวิวๆ และแน่นหน้าอก

ก่อนลงผมเลยลองวิธีสุดท้ายคือ เอามือทั้งสองอุดหู แล้วค่อย ๆ ปล่อยคลายลมออกมา พบว่าวิธีนี้ work ผมจึงทำอย่างงั้นอยู่เรื่อย ๆ ในขณะเครื่องทำการลง ใช้สองมือปิด และค่อย ๆ เปิดรูหูสลับกันไปมา ทำให้อาการดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ปรกติเท่าไหร่ แต่ไม่ทรมาน เหมือน 1 ชม.ที่ผ่านมา

ในที่สุดเครื่องก็ลงถึงพื้น ทุกอย่างหายเป็นปรกติ ไม่มีอาการใด ๆ ผมสงสัยมากว่ามันเกิดอะไรขึ้นบนเครื่อง มันเป็น flight ที่ทรมานที่สุดในชีวิต ตั้งแต่ได้นั่งเครื่องบินมา สุดท้ายก็เดินออกมาจากสนามบิน โดยมีรถตู้ที่หนุ่มจ้างไว้มารับที่หน้าสนามบิน ผมก็เดินขึ้นรถ พร้อมกับความสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินคืออะไร?

Blog Series : JT8704 Flight เปลี่ยนชีวิต

Image Ref : jehoynews.com


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube