Mark Zuckerberg The Real Face Behind Facebook

Featured Video Play Icon

ถือว่าเป็น icons ของวงการ startup ทั่วโลกเลยก็ว่าได้สำหรับ Mark Zuckerberg  ผู้ก่อตั้ง facebook ที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 1,200 ล้านคนในขณะนี้ ซึ่งก็ทำให้เค้าติดอันดับเศรษฐีลำดับต้น ๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา

สำหรับ mark นั้นเขามีประวัติด้านคอมพิวเตอร์ที่ไม่ธรรมดามาตั้งแต่ตอนเรียน high school โดยเขากับเพื่อนได้ร่วมกันสร้าง software ชื่อ synapse สำหรับจดจำรสนิยมการฟังเพลง mp3 โดยปล่อยให้ download ได้ฟรี ๆ  ซึ่งตอนนั้น มีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง microsoft และ AOL  ได้มาขอซื้อโดยเสนอเงินให้ในหลักล้านเหรียญ แต่เขาก็ไม่ได้ขายแต่อย่างใด ซึ่งเขาได้แจ้งทาง microsoft และ AOL ไปว่า เขาไม่ได้ทำไว้ขาย ทำให้แจกให้ใช้ฟรีเท่านั้น

หลังจากที่ได้เข้าเรียนด้าน computer science ที่ harvard นั้น mark ก็ได้ทำการสร้างเว๊บ facemash.com ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้งานได้ทำการ vote เปรียบเทียบหน้าของเพื่อนๆ  ที่ mark นั้นได้ไป hack รูปของ facebook ของหอพักแต่ละแห่งเข้ามาเพื่อให้ผู้ใช้งานได้สนุกกันกับการ Votes โดยมีผู้เข้าใช้งานกว่า 22,000 คร้้งและทำให้ server ของ harvard ถึงกับล่มไปเลยทีเดียว  แต่สิ่งที่เขาทำแล้วโดนโจมตีนั้นคือการเอารูปสัตว์มาเปรียบเทียบกับใบหน้าคนด้วย ทำให้ในช่วงนั้น mark โดนประนามไปไม่ใช่น้อยหลังจากนั้น

หลังจาก facemash นั้น mark ก็ค่อนข้างเริ่มมีชื่อเสียง ทั้งด้านบวก และ ด้านลบ โดยชื่อเสียงด้านการทำ software ของเค้านั้นได้ไปถึง ฝาแฝด winklevoss ซึ่งตอนนั้นมี idea ที่จะทำ social network สำหรับมหาลัย harvard ชื่อ harvard connection โดยเน้นการ exclusive สำหรับ user ที่มี email @harvard.edu เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นจุดแตกต่างสำหรับ social network ที่เป็นเจ้าตลาดในขณะนั้นอย่าง myspace.com หรือ friendster.com ที่ไม่เป็น exclusive user ทำให้เราได้ connect กับกลุ่มคนที่เราต้องการในมหาลัยเท่านั้น

หลังจาก mark ตกลงที่จะทำงานร่วมกับฝาแฝด winklevoss เค้าก็ได้มาคุยกับเพื่อสนิทอย่าง Eduardo saverin เพื่อที่จะทำ thefacebook ขึ้นมาแทน โดยใช้เงินทุนจาก Eduardo Saverin เพื่อใช้ในการตั้งต้นเช่า Server ของบริษัท ซึ่งแต่แรกนั้นใช้ domain ชื่อ thefacebook.com

หลังจากปล่อย thefacebook.com ออกให้ใช้งาน มีผู้ร่วมตอบรับอย่างมากมาย ซึ่ง mark นั้นกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในมหาลัยทันที เพราะแทบจะทุกคนใช้ในมหาวิทยาลัย harvard นั้นเป็น user ของ thefacebook หลังจากนั้น mark ก็ทำการขยายไปสู่มหาลัยชั้นนำอีก 9 แห่ง เช่น Stanford , Columbia  ฯลฯ  ซึ่งทำให้ยอดผู้ใช้งานเริ่มสูงขึ้นมาก และนักศึกษาในทุกมหาลัยที่ได้ใช้ facebook นั้น มีการตอบรับอย่างดีเยี่ยม

ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้ mark ต้องทำการ drop จากการเรียนที่ harvard เพื่อมุ่งหน้าสู่ silicon valley อย่างเต็มตัว โดยได้ไปเช่าบ้านอยู่ใกล้มหาลัย stanford เพื่อให้เข้าใกล้แหล่งลงทุนชื่อดังใน silicon valley และทำให้เขาได้พบกับ sean parker ซุปเปอร์สตาร์แห่งวงการ internet ผู้สร้าง napster ซึ่งมีบทบาทที่สำคัญในการเจริญเติบโตของ facebook ในยุคแรก ๆ  ซึ่ง sean ช่วยพา mark ไปติดต่อกับนักลงทุนจำนวนมาก เนื่องจากเขามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนักลงทุนตั้งแต่ทำ napster แล้ว

และในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ eduardo saverin ที่ไม่ได้บินตามมาที่ silicon valley จึงไม่ได้ติดตามสถานการณ์ของ facebook อย่างใกล้ชิด จึงทำให้ mark พยายามที่จะถอด eduardo ออกจากการเป็น co-founder ของ facebook ประจวบกับการได้งบลงทุนก้อนใหญ่จากนักลงทุนใน silicon valley จึงทำให้ mark ไม่ต้องการ eduardo อีกต่อไป

หลังจากการได้เงินทุกก้อนใหญ่เพื่อมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ mark ก็ได้ทำการจ้างพนักงานฝีมือดีจำนวนมากมาร่วมงานและเน้นการพัฒนา features ของ facebook ทั้ง  wall ,  feeds ,  หรือ การ tag image ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมที่สำคัญของ facebook เลยก็ว่าที่ยิ่งทำให้ facebook ยิ่งเติบโตอย่างรวดเร็วและสุดท้ายก็ต้องเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ใช้งาน และด้วยความที่มี features ที่แตกต่างจาก social networks เดิมอย่าง myspace หรือ friendster นั้นก็ทำให้ facebook เติบโตจนกลายเป็น social network ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน

ทั้งเรื่องของฝาแฝด vinklevoss และ eduardo savering นั้น สุดท้ายต้องมาถกเถียงในชั้นศาลว่า mark นั้นได้ขโมย idea จาก ฝาแฝด winklevoss ไปจริง ๆหรือไม่ซึ่งสุดท้ายก็ยอมความกันในที่สุดโดย facebook ยอมจ่ายเงินสูงถึง 31 ล้านเหรียญ เพื่อยุติการฟ้องร้อง ส่วน saverin นั้นก็ได้หุ้นคืนกลับไป โดยมีการเจรจาว่าไม่ให้มีการสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกต่อไป และ นำชื่อเขากลับเข้าสู่ facebook.com ในฐานะ co-founder ซึ่งเนื่องจากหลังจากนั้นไม่นาน facebook.com นั้นกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านเหรียญไปเป็นทีเ่รียบร้อยแล้วทำให้ Saverin ก็กลายเป็นเศรษฐีไปอีกคนหลังจากบริษัทนำหุ้นออกทำการ IPO ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก

สำหรับ documentary ชุดนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าศึกษาสำหรับการตั้งบริษัท startup ให้ยิ่งใหญ่ได้อย่าง facebook ซึ่งการที่กว่าจะก้าวมาถึงระดับนี้ได้นั้น ก็ต้องผ่านเรื่องราวมากมาย จนกลายเป็นบริษัทที่เติบโตรวดเร็วที่สุด บริษัทหนึ่งในโลกของสหรัฐอเมริกาจวบจนถึงปัจจุบัน

 

Life Story of Bill Gates

ถือว่าเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่สำหรับวงการ it โลกคนหนึ่งเลยทีเดียวสำหรับ Bill Gates ผู้ซึ่งได้สร้างอาณาจักร microsoft ให้ยิ่งใหญ่ได้จนถึงปัจจุบันนี้

Bill Gates นั้นเป็นผู้ที่ถือได้ว่ามีความอัจฉริยะ มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เนื่องจากในยุคนั้นเป็นยุคแรก ๆ ของ computer ซึ่งไม่ค่อยมีโรงเรียนไหนได้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ซักเท่าไหร่ แม้กระทั่งในอเมริกา แต่ถือเป็นโชคดีของ gates ที่โรงเรียนมัธยมที่เค้าได้เข้าศึกษาในเมือง Seattle  ซึ่งถือว่า computer ก็เป็นสิ่งที่ bill gates หลงรักมาตั้งแต่นั้น

ในช่วงชีวิตมหาลัยในรั้ว harvard นั้น gates หมกมุ่นอยู่กับ computer แทบจะ 24 hrs ทำให้แทบจะไม่ค่อยได้เรียนซักเท่าไหร่ และเขาก็ได้เล็งเห็นโอกาสสำคัญของ Personal Computer ที่กำลังจะเกิดขึ้นในยุคนั้น โดยเริ่มต้นนั้นเขาได้พัฒนาตัว software ให้กับเครื่อง computer altair 8080  ซึ่งก็คือ Basic 1.0 นั่นเอง ซึ่งในตอนนั้น ๆ ยังไม่มีการซื้อ software กันเป็นที่แพร่หลาย คนทั่วไปจะมองค่าแค่ตัว hardware แต่ gates ก็ทำให้วงการยอมรับว่าต้องมี license ในส่วนของ software

หลังจากพัฒนา Basic ให้ Altair Gates ก็เห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ และทำให้ได้ออกจากการเรียนที่ harvard และมาตั้งบริษัทร่วมกับเพื่อนของเค้าอย่าง Paul Allen ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญกับ microsoft ในยุคแรก ๆ และในช่วงนั้น IBM ยักษ์ใหญ่ของตลาดในขณะนั้นกำลังเข้ามาทำตลาดในส่วนของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โดยเตรียมที่กำลังจะออก IBM PC  แต่ตอนนั้นยังไม่มี software เป็นของตัวเอง Gates จึงได้ไปนำเสนอระบบปฏิบัติการเพื่อให้รันได้กับ IBM PC โดยขายเป็น license fee ตามจำนวนเครื่องที่ IBM ขายได้

ในตอนนั้น gates ก็ยังไม่มีตัว software ระบบปฏบัติการใด ๆ และได้ทำการไปซื้อ MS-DOS มาโดยใช้เงินเพียงแค่ 50,000 เหรียญ แล้วนำมาขายให้กับ IBM ซึ่งเป็นช่วงเปิดตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลพอดีจึงทำให้ Gates กลายเป็นเศรษฐีไปในแทบจะทันที

และเนื่องจากช่วงนั้นในปลายปี 1990-1990 เป็นช่วงที่มีกระแสบูมสุดขีดของ personal computer ทำให้ยอดขายระบบ MS-DOS นั้นเป็นจำนวนเงินมหาศาล รวมทั้ง Gates ไม่ได้ขายให้กับ IBM เพียงเจ้าเดียว ซึ่งเจ้าไหนที่ทำคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั้นก็จะมีการขายระบบปฏิบัติการของ Bill Gates เข้าไปด้วย ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มีการแข่งขันกับบริษัท apple ของ Steve Jobs ซึ่งทั้งคู่ก็กลายเป็นคู่แข่งกันอย่างยาวนาน ก่อนที่ลังจากนั้นถัดมาไม่นาน microsoft จะกินรวบตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลกว่า 90% หลังจากได้ทำการออก windows 95, 98 และ XP ที่เป็นระบบปฏิบัติการที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลกในช่วงนึงเลยก็ว่าได้

นั่งเองก็ทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกอย่างอย่างนานเนื่องจากครองถือหุ้น microsoft ไว้กว่า 40%  และถึงแม้จะมีการฟ้องร้องด้านการผูกขาดตามมาภายหลังก็ตาม แต่ได้ถือว่าเค้าได้ทำลายคู่แข่งในตลาดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งตลาดระบบปฏิบัติการที่มีคู่แข่งอย่าง Mac OS ที่แทบจะล้มละลายปิดบริษัทไปในช่วงนั้น และ ตลาดของ Browser ที่มีคู่แข่งในตอนนั้นอย่าง Netscape ก็ได้ล้มหายตายไปจากวงการไปเป็นที่เรียบร้อย

ถ้ามองดูตัว bill gates จริง ๆ นั้นถือว่าเป็นผู้บริหารที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก การใช้กลวิธีต่างๆ  ในการต่อสู้กับคู่แข่งนั้น microsoft สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ตามมาด้วยการถูกตราหน้าว่าเป็นยักษ์ใหญ่ผู้เหี้ยมโหด มีการทำลายบริษัทคู่แข่งไปเป็นจำนวนมากเพื่อให้ตัวเองยึดครองตลาดอยู่เพียงฝ่ายเดียว  อย่างไรก็ตามหลังจากสงครามในยุคแรกจบ  และมาซึ่งสงครามครั้งใหม่ของบริษัท technology ด้าน internet กับคู่แข่งที่น่ากลัวอย่าง google นั้น เราก็ต้องดูกันต่อไปว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง microsoft จะสามารถโค่น google ลงได้เหมือนที่เคยทำกับบริษัทอื่นๆ  ในอดีตได้หรือไม่