PayPal Wars ตอนที่ 2 : BreakThrough

DECEMBER 1999—FEBRUARY 2000

Confinity ได้ประกาศเปิดตัว PayPal ออกสู่สาธารณชน โดยนัดสื่อมวลชนทางด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ ๆ ให้เข้ามร่วมทำข่าวการเปิดตัวของ PayPal โดยได้นักแสดงนำของหนัง StarTrek อย่าง Scotty มาดึงดูดความสนใจกับสื่อมวลชน ซึ่ง Thiel นั้นหวังว่างานนี้จะต้องทำให้ PayPal แจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็วแน่นอน

แต่ทีมงานของ Confinity ก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อบริการแบบ PayPal นั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งการเกิดขึ้นของ PayPal นั้นไม่ได้เป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์ให้กับสื่อมวลชนต่าง ๆ แต่อย่างใด

dotbank.com คือบริการรายแรกที่เลียนแบบการทำงานของ PayPal อย่างชัดเจน และยังมีแคมเปญ ที่แทบจะเลียนแบบมาจาก PayPal เลยด้วยซ้ำคือจะมีการมอบเงิน 5 เหรียญเข้าบัญชีทันทีที่เปิดบัญชี หรือ มีการแนะนำให้เพื่อนได้มาทดลองใช้งาน dotbank

แถม dotbank ยังทำบางอย่างได้ดีกว่า มันไม่ใช่เพียงแค่การคัดลอก PayPal เท่านั้่น แต่ dotbank นั้นยังเพิ่มฟีเจอร์เด็ดอย่างนึงก็คือ บริการที่ให้ผู้ใช้สามารถที่จะส่งใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ไปยังบุคคลที่สามได้ มันเป็นการตีแสกหน้า PayPal อย่างชัดเจน และเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่เปิด มันทำให้ไม่มีสิ่งใดที่ Confinity จะสามารถทำได้เลยที่จะป้องกันไม่ให้ dotbank มาแย่งตลาดของพวกเขา

และ Thiel ก็ไม่รอช้า สั่งการให้ Jamie Templeton ที่ดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ในขณะนั้น รีบสั่งให้วิศวกรโคลนฟีเจอร์ของ dotbank ลงมาใน PayPal ให้เสร็จสิ้นภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ซึ่งทำให้ Max Levchin รวมถึงทีมงานฝ่าย Development นั้นแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว

แต่ฝันร้ายของพวกเขาก็ยังไม่จบสิ้น เมื่อได้เกิดผู้ท้าชิงขึ้นมาอีกคนที่โผล่มาแบบไม่คาดคิด นั่นก็คือ X.com

โดย Elon Musk ได้ทำการก่อตั้ง X.com ในปี 1999 หลังจากได้ทำการขายบริษัทก่อนหน้าที่ชื่อว่า Zip2 ให้กับ Compaq มูลค่ากว่า 307 ล้านเหรียญ และมันเป็นเรื่องน่าบังเอิญที่ X.com เช่าสำนักงานอยู่ไม่ไกลจาก Confinity นัก และเหล่าพนักงานยอดอัจฉริยะของบริษัททั้งสองมักจะมาเจอกันบ่อยครั้งบริเวณทางเข้าสำนักงานหรือบริเวณห้องน้ำ

X.com ของ Elon Musk นั้นได้สร้างฟีเจอร์การชำระเงินทาง email อย่างเงียบ ๆ บนบริการบัญชีธนาคารที่มีอยู่ และได้กลายมาเป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขามที่สุดของ PayPal

X.com ของ Elon Musk คือศัตรูที่น่าเกรงขามที่สุดของ PayPal
X.com ของ Elon Musk คือศัตรูที่น่าเกรงขามที่สุดของ PayPal

ซึ่งด้วยฟังก์ชั่นใหม่ของ X.com ที่อนุญาตให้ผู้มีบัญชี X.com สามารถเขียนเช็คและถอนเงินที่ตู้ ATM รวมถึงการให้บริการวงเงินเบิกเกินบัญชีให้กับลูกค้าถึง 500 เหรียญ และยังเพิ่มโบนัสผู้ใช้ใหม่มากกว่า PayPal ถึง 2 เท่าด้วย แถมสามารถสร้าง URL ที่กำหนดเองให้ส่งไปยังเพื่อนหรือครอบครัวได้ง่าย ๆ และเมื่อทุกคนที่คลิก link ดังกล่าว และลงทะเบียน จะทำให้เจ้าของ link ได้รับเครดิตเพิ่มเข้าไป

ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง มันคือการแข่งขัน ใครให้สิ่งที่ดีกว่ากับผู้ใช้ ก็อาจจะชนะได้ในสงครามปฏิวัติการเงินครั้งนี้ และเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ไม่มีรางวัลให้กับผู้แพ้ ทำให้การแข่งขันครั้งนี้เป็นการเดิมพันอนาคตของทุกบริษัทเลยก็ว่าได้

โดยทั้งสามบริษัทต่างเผาเงินกันอย่างบ้าคลั่ง Thiel ถึงกับให้หาทางใช้เงิน 1 ล้านเหรียญให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะวิธีการใดก็ตาม ทั้ง email marketing หรือ วิธีอื่น ๆ ใด ๆ ที่สามารถดึงลูกค้ามาใช้ PayPal นั้นทีมงานการตลาดของ Confinity ก็พยายามจะสรรหาทุกวิธีในการทำตลาด

และ Eric ที่เป็นหนึ่งในทีมการตลาดที่ย้ายมาร่วมงานกับ Confinity ก็ได้เริ่มสรรหากลุ่มคนกลุ่มใหม่ ๆ หลังจากใช้หลาย ๆ แผนการตลาดแล้ว จำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นเริ่มจะตีบตัน

จนเขาได้คิดถึงเว๊บไซต์ประมูลชื่อดังในขณะนั้นอย่าง ebay.com ซึ่งแน่นอนว่าการซื้อขายสินค้าต่าง ๆ ที่แลกเปลี่ยนกันผ่านเว๊บไซต์ประมูลชื่อดังอย่าง ebay นั้น ผู้ใช้เหล่านี้จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากบริการชำระเงินแบบตัวต่อตัว เช่น PayPal

เดิมทีนั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่ใน ebay ไม่สามารถที่จะใช้บัตรเครดิตเพื่อชำระเงินสำหรับซื้อสินค้าที่ประมูลมาได้ วิธีการที่ใช้กันในขณะนั้นคือ การส่งเช็ค หรือ ธนาณัติทางไปรษณีย์ไปยังผู้ขายตามจำนวนเงินที่ชนะการประมูล ซึ่งใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่ากระบวนการทั้งหมดนี้จะเสร็จสิ้น ซึ่งมันเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากมาก ๆ สำหรับผู้ใช้ ebay ซึ่งเป็นสิ่งที่ PayPal สามารถมาปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของพวกเขาได้อย่างแน่นอน

PayPal นำร่องเข้าสู่ชุมชนของ ebay
PayPal นำร่องเข้าสู่ชุมชนของ ebay

ซึ่ง Thiel ก็เห็นด้วยกับ Eric และได้สั่งลุยใน ebay ทันที โดยมีทีมงานอย่าง Luke Nosek และ David Sacks เข้ามาช่วยในเรื่องทางด้านเทคนิคอล เพื่อให้การผสานเข้ากับ ebay นั้นทำได้อย่างราบรื่นที่สุด

และ เพียงไม่นาน PayPal ก็ยึดหัวหาดใน ebay ได้สำเร็จ และเริ่มหยั่งรากลึกลงไปในชุมชนออนไลน์ของ ebay ได้สำเร็จ ด้วยการผสมผสานระหว่างบริการที่ใช้งานง่ายของ PayPal รวมถึง การมีโบนัสในการแนะนำผลิตภัณฑ์ของ Confinity มันได้ช่วยให้การเติบโตของ PayPal ใน ebay นั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

สถานการณ์ในตอนนั้นมันชัดเจนแล้วว่า ebay คือ แหล่งสร้างผู้ใช้งานที่ดีที่สุดของ PayPal Thiel จึงสั่งทีมงานให้ยกเลิกการพัฒนาฟีเจอร์ในส่วนอื่น และหันมาโฟกัส กับการทำงานร่วมกับ ebay ให้ดีที่สุด มีการพัฒนา ฟีเจอร์เพิ่มมากมาย เพื่อให้กับผู้ใช้งานใน ebay แทบจะทั้งสิ้น เพื่อให้ประสบการณ์ในการชำระเงินผ่าน PayPal ของลูกค้า ebay นั้นดีที่สุด และสุดท้ายมันทำให้จำนวนผู้ใช้งานของ PayPal พุ่งขึ้นถึง 100,000 คนได้อย่างรวดเร็วหลังจากไปคลุกคลีอยู่ใน ebay เพียงไม่นาน

และเมื่อ Elon Musk ได้กลิ่นแปลก ๆ ของการเติบโตอย่างรวดเร็วของ PayPal ในขณะนั้น เขาจึงได้ให้ทีมงานตามสืบเรื่องราว จบพบว่า ebay เป็นชุมชุนที่เหมาะสมมากกับบริการ X.com ของเขาเช่นเดียวกัน จึงทำการมุ่งไปที่ ebay เช่นเดียวกันกับ PayPal แต่ตรงกันข้ามกับ dotbank ที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สนใจ ebay เลย ซึ่งดูเหมือนเป็นทางแยกที่สำคัญของตลาดการชำระเงินออนไลน์ในครั้งนี้เลยก็ว่าได้

และการแข่งขันใน ebay ระหว่าง X.com และ PayPal ก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทางทีมงานของ Confinity สร้างกลยุทธ์ใหม่โดยการสร้าง Bot ขึ้นมาเพื่อเสนอราคาการประมูลในสินค้าบางประเภทได้เช่นเดียวกับมนุษย์ และพยายามที่จะชนะการประมูลและชำระเงินด้วย PayPal โดยที่ผู้ขายอาจจะคิดว่าเขากำลังติดต่อกับผู้ซื้อที่เป็นมนุษย์

ซึ่งความพยายามเหล่านี้แน่นอน ทางหนึ่งมันคือการสร้างฐานผู้ใช้งานที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในชุมชนของ ebay เมื่อ PayPal มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นจากหลักร้อยคน เป็น หลัก หมื่นคนต่อวัน และจำนวนพนักงานก็เพิ่มขึ้นไปถึง 50 คนเมื่อเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2000

แต่ปัญหาใหญ่ของ Confinity กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อ ปรากฏการณ์ ฟองสบู่ดอทคอมได้เริ่มก่อตัวขึ้นใน Silicon Valley แม้ Thiel เพิ่งจะอัดฉีดเงินมากว่า 23 ล้านเหรียญ ในเดือนก่อนหน้าเพียงไม่นาน

แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วของ PayPal ในขณะนี้นั้น พวกเขาต้องจ่ายโบนัสให้กับลูกค้ามากกว่า 100,000 เหรียญต่อวัน ในขณะที่แนวทางการหารายได้จากค่าธรรมเนียมต่าง ๆ นั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่ มักจะถอดเงินออกไปหลังจากได้รับโบนัสทันที

และที่แย่กว่านั้นคือ มีผู้ใช้งานเพียงไม่กี่คนที่ยังคงรักษาบัญชียอดคงเหลือไว้ในบัญชีของ PayPal เพราะส่วนใหญ่พวกเขาใช้บัตรเครดิตเพื่อการชำระเงิน และ Confinity ต้องเสีย 2% สำหรับค่าธรรมเนียมไปยังสมาคมบัตรเครดิตในการทำธุรกรรมแต่ละครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่มีคนลงทะเบียนและใช้ PayPal ดูเหมือน Confinity จะสูญเสียเงินออกไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายคู่แข่งคนสำคัญอย่าง X.com ที่ดูเหมือนว่าจะตามตื้อ PayPal ไม่เลิกรา และไม่ใช่คู่แข่งที่สามารถกำจัดออกไปได้โดยเร็วอย่างแน่นอน ซึ่งชะตากรรมของ PayPal จะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามต่อตอนหน้าครับผม

—> อ่านตอนที่ 3 : Mega-Merger

ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The New Recruit *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

PayPal Wars ตอนที่ 1 : The New Recruit

NOVEMBER—DECEMBER 1999

Eric Jackson นั้นได้มีโอกาสพบกับ Peter Thiel ครั้งแรก ในกิจกรรมของหนังสือพิมพ์อิสระที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ก่อตั้งโดย Peter Thiel ในปี 1987 โดยหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวนั้นก็คือ แสตนฟอร์ด รีวิว ที่มีบทบาทสำคัญต่อมหาวิทยาลัยในขณะนั้น

หลังจากจบการศึกษาที่ สแตนฟอร์ดในปี 1998 ตัว Eric นั้นได้เข้าไปร่วมงานกับบริษัทที่ปรึกษาชื่อดังอย่าง Arthur Andersen ในเมืองซานฟรานซิสโก โดยเขาได้เตรียมการที่จะสั่งสมประสบการณ์ที่ Andersen เพื่อไต้เต้าขึ้นไปตามวิถีทางปรกติของเหล่าพนักงานมืออาชีพทั่วไป

แต่การได้มาพบกับ Peter Thiel อีกครั้ง เมื่อตัว Thiel ได้กลับไปที่มหาวิทยาลัย เพื่อบรรยายเรื่องเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างตลาดทุนนิยมกับเสรีภาพทางด้านการเมือง ซึ่งการบรรยายครั้งนั้น แน่นอนว่ามีผู้เข้าชมการบรรยายของเขามากมายเพราะ Thiel ถือเป็นหนึ่งในศิษย์เก่าที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของมหาลัยสแตนฟอร์ดในขณะนั้น

โดยตอนนั้น Thiel เพิ่งกลับมาอยู่ที่ซานฟรานซิสโก หลังจากได้ไปท่องอยู่ในวอลล์สตรีทอยู่นานหลายปี โดยเขากลับมาตั้งกองทุนป้องกันความเสี่ยงของตัวเอง และการบรรยายในครั้งนี้นั่นแน่นอนว่า มันช่วยส่งแรงบันดาลใจให้ชายหนึ่งที่จะกลายมาเป็นคนที่บทบาทสำคัญกับบริษัทใหม่ของ Thiel นั่นเอง

Max Levchin ชายหนุ่มโปรแกรมเมอร์อายุ 24 ปีในขณะนั้น สนใจในคำพูดของ Thiel ที่ไปบรรยายเป็นอย่างมาก โดย Max นั้นเติบโตขึ้นเป็นชาวยิว ในสหภาพโซเวียต เขาต้องดิ้นรนต่อสู้กับชีวิตในโซเวียตเป็นอย่างมาก เพราะปัญหาเรื่องความเป็นยิวของเขานั่นเอง

จึงทำให้เขาต้องดิ้นรนอพยพมาอยู่ที่เมืองชิคาโกในปี 1991 โดย Max นั้นเริ่มต้นด้วยการศึกษาคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเอง และเขาพยายามดิ้นรนจนสามารถเรียนจบการศึกษาจาก University of Illinois ที่ Urbana-Champaign ได้สำเร็จ

หลังจากเรียนจบ Max ได้ก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า NetMeridian ขึ้น โดยสร้างเครื่องมือทางการตลาดแบบอัตโนมัติ หลังจากประสบความสำเร็จก็ได้ขาย NetMeridian ให้กับ Microsoft แล้วตัว Max ก็ย้ายไปที่ Silicon Valley โดยเริ่มมองหาแนวคิดที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ครั้งใหม่ของตัวเขาเอง

ซึ่งด้วยความที่เคมีตรงกันอย่างมากหลังจากงานบรรยาย และได้ทำการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในอีกไม่กี่อาทิตย์หลังจากนั้น ทั้งคู่ได้ตัดสินใจที่จะร่วมกันสร้างบริษัทที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลของลูกค้า ซึ่งจะสร้างบริการให้ผู้ใช้งานสามารถเก็บข้อมูลที่เข้ารหัสบน Palm Pilots รวมถึงเครื่อง PDA ชนิดอื่น ๆ ที่กำลังเป็นตลาดที่เติบโตสูงในยุคนั้น

พวกเขาตั้งชื่อมันว่า Fieldlink เนื่องจาก Palm ใช้พอร์ตอินฟาเรดเพื่อเชื่อมโยงและส่งสัญญาณข้อมูลระหว่างกัน ซึ่ง Thiel นั้นได้เริ่มต้นลงทุนโดยช่วยหาทุนจากกองทุนของเขาเอง และทำการโน้มน้าว Max ให้กลายเป็น CEO แบบเต็มเวลา

Max Levchin ผู้ร่วมก่อตั้งคนสำคัญ
Max Levchin ผู้ร่วมก่อตั้งคนสำคัญ

แม้ว่าการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลนั้นจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่การจะมาทำบริการดังกล่าวให้เป็นเชิงพานิชนั้นมีข้อจำกัดอยู่มาก จะมีลูกค้ากลุ่มใดที่ต้องการเข้ารหัสข้อมูลพวกนี้บน PDA ของพวกเขา และทำไปเพื่ออะไร? แล้วรายได้บริษัทจะมาจากไหน?

แต่มันเป็นที่มาของการนำพา Thiel ให้คิดถึงเรื่องการชำระเงินออนไลน์ เพราะความต้องการชำระเงินนั้นเป็นเรื่องสากล แต่ตอนนั้นตลาดยังโบราณคร่ำครึ ผู้คนใช้แค่บัตรเครดิต กับ ATM เท่านั้นในการชำระเงิน และใช้มันมาเป็นเวลานานมาแล้วด้วย

ซึ่งแนวคิดของ Fieldlink นี่เอง ที่เป็นก้าวแรกในการพัฒนาโซลูชั่นให้กับ Palm Pilots เพื่อให้เจ้าของสามารถใช้งานแพลตฟอร์มที่เป็นกระเป๋าเงินแบบดิจิตอลได้นั่นเอง ซึ่ง Thiel และ Max ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Confinity ซึ่งเป็นการรวมกันของคำว่า “ความมั่นใจ” และ “ไม่สิ้นสุด”

ด้วยความสามารถในการดึงดูดนักลงทุนของ Thiel เพียงไม่นาน ก็มีเหล่าธนาคารรวมถึงกลุ่มทุนต่าง ๆ อัดฉีดเงินเข้ามาอย่างมากมาย ทำให้พนักงานของ Confinity เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นคือ Kenny Howery ที่ Thiel ดึงตัวมากจากบริษัทกองทุนความเสี่ยงของตัวเอง เพื่อให้มาช่วยเหลืองานของ Confinity และได้ตั้งสำนักงานใหม่ขึ้นที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และตอนนี้ Confinity ก็พร้อมที่จะปฏิวัติการชำระเงินออนไลน์โลกแล้ว

และ Eric Jackson ก็ได้ตกลงเข้ามาทำงานกับ Thiel เช่นเดียวกันในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาด หลังจากได้ไปฟังงานบรรยายเดียวกับ Max Levchin โดย Eric ได้ลาออกจากงานที่ค่อนข้างมั่นคงที่ Andersen เพื่อมาลุยกับบริษัท Startup หน้าใหม่อย่าง Confinity ที่กำลังจะพลิกโฉมการเงินของโลกไปตลอดกาล

รวมถึง Reid Hoffman ที่มาดำรงตำแหน่งประธานของบริษัท ที่รายงานตรงต่อ Thiel เนื่องจากเป็นเพื่อนเก่าแก่ของ Thiel มาตั้งแต่สมัยเรียนที่สแตนฟอร์ด และยังเพื่อนที่ Thiel นั้นไว้ใจค่อนข้างมาก

Reid Hoffman เพื่อนสนิทของ Thiel สมัยเรียนสแตนฟอร์ด
Reid Hoffman เพื่อนสนิทของ Thiel สมัยเรียนสแตนฟอร์ด

ในช่วงแรกนั้น Confinity แทบจะไม่ใช่สภาพของบริษัทจริงจังเลยด้วยซ้ำ เพราะเต็มไปด้วยเหล่าเนิร์ดคอมพิวเตอร์มากมาย คอยมุ่งมั่นเขียนโปรแกรม และพัฒนา version แรกของ PayPal ออกมาให้สำเร็จ

เป็นสภาพแวดล้อมการทำงานแบบบริษัทดอทคอมยุคแรก ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนหอพักเสียมากกว่า เต็มไปด้วยบอร์ดเกมส์ เกลื่อนพื้นห้องทำงาน กล่องพิซซ่าที่เรี่ยราด เหล่าพนักงานก็สวมเสื้อยืด และกางเกงขาสั้น เพื่อทำงานได้อย่างสะดวกสบาย มันเป็นบรรยากาศที่แตกต่างอย่างมากที่ Eric ต้องเจอ เรียกได้ว่าเป็น Culture Shock ของเขาเลยทีเดียวเมื่อย้ายมาจากบริษัทชั้นนำอย่าง Anderssen ที่เต็มไปด้วยมืออาชีพ และ ออฟฟิสที่ดูหรูหราย่านใจกลางเมืองซานฟรานซิสโก

ที่ Confinity นั้นพนักงานโดยเฉลี่ยอายุประมาณ 25 ปี ดูเหมือนว่า Thiel นั้นจะแก่สุดในบรรดาพนักงานทั้งหมดของบริษัทเลยด้วยซ้ำ ตัว Max Levchin ก็อายุเพียง 25 และวิศวกรส่วนใหญ่ที่เขาจ้างมาก็เป็นร่วมชั้นเรียนในสมัยมหาวิทยาลัยแทบจะทั้งสิ้น

แต่สิ่งเหล่านี้มันดูสวนทางกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของ Thiel ในการสร้าง PayPal ซึ่งคนทั่วโลกต้องใช้เงิน เพื่อรับเงินหรือแลกเปลี่ยนเพื่อมีชีวิตอยู่ เงินกระดาษนั้นเป็นเทคโนโลยีโบราณและเป็นวิธีการชำระเงินที่ไม่สะดวกเอามาก ๆ

ในศตวรรษที่ 21 ผู้คนต้องการรูปแบบของเงินที่สะดวก และปลอดภัยมากขึ้น และสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ด้วย PDA หรือการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ซึ่ง Thiel นั้นเชื่อว่า Paypal จะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้ ซึ่ง Paypal จะทำให้พลเมืองทั่วโลก สามารถควบคุมสกุลเงินของพวกเขาได้โดยตรงกว่าที่เคยมีมา และ Paypal จะกลายเป็น Microsoft ของการชำระเงิน หรือระบบปฏิบัติการทางการเงินของโลกนั่นเอง

Doohan ที่ดูแลฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทนั้นเลือกที่จะเปิดตัว Paypal อย่างยิ่งใหญ่ ให้กับสื่อเป็นครั้งแรก โดยเขาได้ทำการว่าจ้าง Scotty ซึ่งเป็นดารานำของหนังดังอย่าง Star Trek ให้มารับบท Presenter ของ Paypal ในงานเปิดตัวครั้งนี้

และที่สำคัญที่สุด ตอนนี้ PayPal เวอร์ชั่นแรก นั้นพร้อมแล้ว ที่จะเปิดตัวให้โลกได้เห็นถึงวิวัฒนาการ การชำระเงินรูปแบบใหม่ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกไปตลอดกาล แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อกับ PayPal และเหล่าทีมงานยอดอัจฉริยะของ Confinity โปรดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 2 : BreakThrough

Paypal Mafia ตอนที่ 11 : Max Levchin

ถ้าพูดถึง Paypal บริการชำระเงินออนไลน์ ที่ปฏิวัติรูปแบบการชำระเงินแบบเดิม ๆ นั้น หลาย ๆ คนมักจะนึกถึงแต่ Elon Musk หรือ Peter Thiel ก่อนเป็นอันดับแรก  ๆ  แต่หารู้ไม่ว่า จุดเริ่มต้นของไอเดียของบริการชำระเงินออนไลน์นั้น มาจากความคิดของ Max Levchin หนุ่มอเมริกันเชื้อสายยูเครน

Levchin นั้นย้ายถิ่นฐานมาจากประเทศยูเครน มายังสหรัฐอเมริกา เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 16 ปี ต้องบอกว่าครอบครัวของเขายากจนมาก และต้องอพยพมาด้วยความจำเป็น เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ มาอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ที่พวกเขาไม่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับ Max Levchin  นั้นเกิดในวันที่ 11 มิถุนายน 1975 ที่เมืองเคียฟ เมืองหลวงของประเทศยูเครน ซึ่งในช่วงที่เขาอพยพมาอยู่อเมริกานั้น เขาได้พยายามปรับตัวเองหลายอย่างให้เข้ากับวัฒนธรรมของชาวอเมริกัน

เขาไล่เรียงศึกษาภาษาอังกฤษจากรายการทีวีต่าง ๆ ทั้งละคร สารคดี หรือแม้กระทั่งเกมส์โชว์ เป็นจำนวนมากจากรายการทีวี ทำให้เขาสามารถที่จะหัดพูดภาษาอังกฤษเพื่อใช้สื่อสารในชีวิต ได้อย่างรวดเร็ว

ซึ่งในวัยเรียนนั้นเขาเป็นคนที่สนใจในเรื่องการเข้ารหัสข้อมูล รวมถึงระบบความปลอดภัยทางด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก โดยเขาสามารถเรียนจบการศึกษาปริญญาตรี ด้าน วิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่ 
มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์

หลังจบการศึกษา ก็ได้เริ่มก่อตั้งบริษัท FieldLink ร่วมกับ Peter Thiel ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Confinity อย่างที่หลาย ๆ คนรู้จักในเวลาต่อมา ซึ่งตอนแรกที่ก่อตั้งนั้น ได้สร้างบริการด้านการโอนเงิน หรือ ชำระค่าบริการต่าง ๆ ผ่านเครื่อง PalmPilots ซึ่งเป็นเครื่อง PDA ชื่อดังในขณะนั้น

หลังจากนั้น ก็ได้เริ่มแนวคิดที่จะนำบริการชำระเงินไปสู่ระบบออนไลน์ผ่าน อินเตอร์เน็ต เนื่องจากในช่วงนั้นอินเตอร์เน็ตกำลังบูมสุดขีด เขาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Paypal ขึ้นมา

เขารับหน้าที่ CTO (Chief Technology Officer) ดูแลเรื่องเทคโนโลยีหลัก ๆ ของ Paypal ทั้งหมด เขาได้ดูแลทั้งในส่วนของ Front-End และ ระบบ Back-End ของ Paypal รวมถึงการออกแบบระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อไม่ให้ Paypal ถูกโจมตีจากภายนอก รวมถึงเกิดการฉ้อโกงขึ้นกับบริการ Paypal ได้

ซึ่งหลังจาก Paypal ถูกเข้าซื้อโดย eBay เขาก็ได้ย้ายไปทำงานให้กับ eBay พร้อมกับเหล่าผู้ร่วมก่อตั้งอีกหลาย ๆ คน หลังจากนั้นในปี 2004 เขาได้ออกจาก eBay มาก่อตั้งบริการแชร์ภาพ หรือ มีเดียต่าง ๆ ไปยังระบบ Social Network ไม่ว่าจะเป็น Hi5 , MySpace หรือ Facebook ในชื่อ Slide.com

สร้างบริการแรกอย่าง Slide.com จนถูก Google ซื้อไปในที่สุด
สร้างบริการแรกอย่าง Slide.com จนถูก Google ซื้อไปในที่สุด

และในปีเดียวกันนั้นเขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริการ Social Network ที่รวมรวมข้อมูล หรือ รีวิวเกี่ยวกับร้านอาหารหรือสถานที่ท่องเที่ยว อย่าง Yelp 

ซึ่งบริการ Slide.com ของ Levchin นั้นไปเตะตากับผู้บริการของ Google จนเข้าซื้อกิจการมูลค่ากว่า 182 ล้านเหรียญในปี 2010 ทำให้ตัวLevchin นั้นได้ย้ายมาทำงานที่ Google ในตำแหน่ง VP of Engineering

หลังอยู่กับ Google ได้เพียงปีเดียว ทาง Google ก็ประกาศปิดบริการ Slide.com ทำให้ Levchin ตัดสินใจลาออกจาก Google มาก่อตั้งบริษัททางด้านการลงทุน ทั้ง HVF (Hard,Valuable, and Fun) และในปี 2012 ก็ได้เริ่มก่อตั้ง Affirm โดยจะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับช่วยเหลือผู้บริโภคในด้านการค้นหาแหล่งเงินกู้ โดยมองบริการของตัวเองเป็น Next Generation Credit Network 

สร้างบริการทางด้านการเงินออนไลน์รูปแบบใหม่อย่าง Affirm
สร้างบริการทางด้านการเงินออนไลน์รูปแบบใหม่อย่าง Affirm

และในปีเดียวกันก็ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของ Yahoo จนถึงปี 2015 และเขายังได้รับเกียรติให้ดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาของ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคทางการเงินของสหรัฐฯ (CFPB) ซึ่ง Levchin ถือเป็นผู้บริหารจากซิลิคอนวัลเลย์คนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้

ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่ง CEO ที่ Affirm และยังคงเป็นบอร์ดบริหารองค์กรสำคัญทั้งในและนอก Silicon valey ถือเป็น 1 ในบุคคลที่มีบทบาทในฐานะ  PayPal Mafia อีกคนหนึ่งที่มีบทบาทต่อโลกเทคโนโลยีของเราในปัจจุบันนั่นเอง

–> อ่านตอนที่ 12 : Roelof Botha

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Paypal Mafia ตอนที่ 10 : Reid Hoffman

Reid Hoffman นั้นเป็นเด็กที่คลั่งไคล้ในการเล่นวีดีโอเกมส์ มาตั้งแต่ยังเยาว์วัย สิ่งที่เขาเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นไม่เกี่ยวกับโลก digital เลยด้วยซ้ำ ซึ่งนั้นก็คือวิชาปรัชญา แต่เนื่องจากเขามีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ชื่นชอบเรื่องคอมพิวเตอร์มากทำให้เขาได้ซีมซับเอาเรื่องเทคโนโลยีต่าง ๆ มาจากเพื่อนสนิทของเขานั่นเอง และทำให้ Reid หันเหชีวิตมาสนใจ และทำงานด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

งานแรกที่เขาทำเกี่ยวกับเทคโนโลยีนั้นเริ่มต้นที่ Apple Computer ในยุคที่ Apple เป็นเพียงบริษัทคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งเริ่มตั้งไข่เพียงเท่านั้น เขาไม่ได้ชอบงานที่นี่มากนัก เขาจึงตัดสินใจลาออก

หลังจากนั้นเขาก็ได้สร้างเว๊บไซต์ ที่ช่วยในการหาคู่คือ socialnet.com ก่อนที่เขาจะมีปัญหากับผู้ร่วมทุน จนทำให้เขาต้องลาออกอีกครั้งจากบริษัทที่ตัวเองสร้างขึ้นมา แต่เขาก็ไม่หยุดแค่นั้น เพราะเขามั่นใจแล้วว่าจะเดินในทางสายเทคโนโลยีอย่างแน่นอน

Socialnet.com บริการแรกที่ Reid นั้นได้สร้างขึ้นมา
Socialnet.com บริการแรกที่ Reid นั้นได้สร้างขึ้นมา

เขาได้มาร่วมงานในบริษัท Online Payment โดยการชักชวนของ Peter Thiel ซึ่งเป็น classmate ที่ Standford และได้ตั้งบริษัทConfinity สร้างบริการชำระเงินเพื่อปฏิรูปการชำระเงินออนไลน์ในชื่อ Paypal และในช่วงนั้นก็เป็นช่วงก่อนที่ฟองสบู่ดอทคอมกำลังจะแตกในยุคปี 2000

เขากับ Peter Thiel ได้จับมือร่วมกับ Elon Musk ที่เป็นคู่แข่งในการสร้างบริการเดียวกันอย่าง X.com ในช่วงก่อนหน้า ซึ่งที่ Paypal นั้นเขาได้รับตำแหน่ง COO (Chief Operating Officer) ดูแลงานสำคัญหลาย ๆ อย่าง ที่่ทำให้ Paypal สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เขาเป็นหนึ่งใน Keyman ของ Paypal ที่พาบริษัทให้รอดพ้นยุคฟองสบู่มาได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งหลังจากผ่านวิกฤติดอทคอมมา เพียงไม่นาน Paypal ก็ถูกขายให้กับ Ebay ทำให้เขามีเงินทุนในการสร้างฝันของเขาให้เป็นจริงได้ ซึ่งก็คือ LinkedIn นี่เอง

เนื่องจากเป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เมื่อทำการสร้าง Linkedin ซึ่งเขาให้สโลแกนของ Linkedin คือ Online social network for Professional ก็ถือได้ว่าเป็นจุดแตกต่างจาก social network อื่น ๆ ในสมัยนั้น โดยเน้นกลุ่มไปที่ลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนทำงานแทน จึงได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก และทำให้สามารถขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว

LinkedIn Social Network สำหรับมืออาชีพ ผลงานชิ้นโบว์แดงของ Reid Hoffman
LinkedIn Social Network สำหรับมืออาชีพ ผลงานชิ้นโบว์แดงของ Reid Hoffman

โดยมี รูปแบบการทำรายได้จากสามทางคือ การโฆษณา , Premium Subscribtion และ  Hiring solution for company ซึ่งก็คือรูปแบบการหาเงินจากบริษัทจัดหางานแบบเก่า แต่ linkedin แตกต่างตรงมีส่วนของการเป็น social network ทำให้แตกต่างจาก web หางานแบบเดิม ๆ ที่แข่งขันกันในตลาดอยู่ทำให้ได้ผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มคนทำงานทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน

ในช่วงปี 2008 เขาก็ได้ตัดสินใจปล่อยงานบริหารบริษัทให้กับ Jeff Weiner ที่ได้ย้ายมาจาก Yahoo เพื่อเข้ารับตำแหน่ง CEO ต่อจากเขา และ เขาก็เริ่มเข้าไปตั้งบริษัทด้านการลงทุนในบริษัทด้านเทคโนโนยี  คือ GreylockPartner ในปี 2009 เพื่อลงทุนในบริษัทเกิดใหม่เช่นเจริญรอยตามอดีตเพื่อนร่วมงานของเขาที่ paypal อย่าง peter thiel ซึ่งจะทำให้กลุ่ม Paypal Mafia นั้นน่าจะมีบทบาทที่สำคัญกับบริษัทดอมคอมของอเมริการในอนาคตต่อจากนี้ไปนั่นเอง

–> อ่านตอนที่ 11 : Max Levchin

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

ประวัติ Reid Hoffman ผู้ก่อตั้ง Linkedin

ถ้าพูดถึง Linkedin นั้นก็คงจะต้องกล่าวถึง Reid Hoffman ผู้ก่อตั้งชื่อดัง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่ม Founder Paypal ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญในวงการดอทคอมของสหรัฐอเมริกาหลังยุคฟองสบู่ดอทคอมในปี 2000

สำหรับประวัติของ Reid Hoffman นั้นเป็นคนที่ไม่ได้จบมาทางด้าน computer science โดยตรงแต่มีความชอบในเรื่องของ game มาตั้งแต่เด็ก ๆ โดยส่วนตัวนั้นของชอบ game แนว RPG  แต่เนื่องจากการที่ได้มาพบกับ Peter Thiel โดยเป็น classmate ที่ Standford นั้นก็ทำให้ Reid Hoffman หันเหชีวิตเข้ามาสู่การทำงานทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

ได้เจอ peter thiel ทำให้หันเหชีวิตมาสนใจ computer science

ได้เจอ peter thiel ทำให้หันเหชีวิตมาสนใจ computer science

ชีวิตการทำงานของเค้านั้นเริ่มต้นที่ apple computer โดยงานแรกที่เขาได้ทำนั้นเป็นการสร้าง eWorld ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานทางด้าน software ที่ใช้ทำงานที่เป็น social network แรก ๆ ของ apple ในยุคนั้นแต่ไม่ค่อย boom เท่าไหร่ และสุดท้ายได้ขายไปให้กับ AOL ในที่สุด

หลังจากออกจาก apple นั้นเขาก็ได้สร้าง online dating website ชื่อ socialnet.com ก่อนที่จะมามีปัญหากับผู้ร่วมทุนในภายหลังและได้ออกมา ซึ่งในช่วงนั้นทาง Peter Thiel นั้นได้เริ่มสร้างระบบ Payment Online ที่ชื่อ Confinity และเนื่องจากเขารู้จักกับ Peter Thiel อยู่แล้วนั้นจึงได้รับการชักชวนให้มาทำงานกับ Confinity

ในช่วงนั้นก็ได้มีการแข่งขันกันระหว่าง X.com ที่ถูกสร้างโดย Elon Musk และ Confinity ที่ก่อตั้งโดย Peter Thiel ซึ่งมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง และเป็นช่วงปลายก่อนที่จะเกิดฟองสบู่ดอทคอมแตกในยุคปี 2000 ซึ่งต่อมา Peter Thiel และ Elon Musk ก็ได้ตัดสินใจร่วมมือกันแทนที่จะแข่งกัน และรวมตัวกันใหม่ภายใต้ชื่อ Paypal.com และทำให้ทั้งคู่รอดพ้นยุคฟองสบู่ดอมคอมของสหรัฐอเมริกามาได้อย่างหวุดหวิด

ร่วม x.com ของ elon musk

ร่วม x.com ของ elon musk

Reid Hoffman นั้นถือเป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกขานในวงการเทคโนโลยีสหรัฐว่าเป็นกลุ่ม Paypal Mafia ซึ่งมีบทบาทที่สำคัญหลังจากยุคฟองสบู่ดอทคอมในปี 2000  ซึ่งหลังจากตัดสินใจขาย Paypal ให้กับ Ebay ในช่วงปี 2002 แล้วนั้น ( มูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านเหรียญ) ก็ทำให้เขาได้รับส่วนแบ่งเป็นจำนวนมากพอที่จะมาตั้งบริษัทใหม่ที่ใจเขาต้องการคือ Linkedin

เนื่องจากเป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เมื่อทำการสร้าง Linkedin ซึ่งเขาให้สโลแกนของ Linkedin คือ Online social network for Professional ก็ถือได้ว่าเป็นจุดแตกต่างจาก social network อื่น ๆ ในสมัยนั้น โดยเน้นกลุ่มไปที่ลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนทำงานแทน จึงได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก และทำให้สามารถขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว

โดยมี รูปแบบการทำรายได้จากสามทางคือ การโฆษณา , Premium Subscribtion และ  Hiring solution for company ซึ่งก็คือรูปแบบการหาเงินจากบริษัทจัดหางานแบบเก่า แต่ linkedin แตกต่างตรงมีส่วนของการเป็น social network ทำให้แตกต่างจาก web หางานแบบเดิม ๆ ที่แข่งขันกันในตลาดอยู่ทำให้ได้ผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มคนทำงานทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน

ถึงจุดอิ่มตัวให้  Jeff Weiner จาก yahoo มาดูแล linkedin ต่อ

ถึงจุดอิ่มตัวให้ Jeff Weiner จาก yahoo มาดูแล linkedin ต่อ

ในช่วงปี 2008 เขาก็ได้ตัดสินใจปล่อยงานบริหารบริษัทให้กับ Jeff Weiner ที่ได้ย้ายมาจาก Yahoo เพื่อเข้ารับตำแหน่ง CEO ต่อจากเขา และ เขาก็เริ่มเข้าไปตั้งบริษัทด้านการลงทุนในบริษัทด้านเทคโนโนยี  คือ GreylockPartner ในปี 2009 เพื่อลงทุนในบริษัทเกิดใหม่เช่นเจริญรอยตามอดีตเพื่อนร่วมงานของเขาที่ paypal อย่าง peter thiel ซึ่งจะทำให้กลุ่ม Paypal Mafia นั้นน่าจะมีบทบาทที่สำคัญกับบริษัทดอมคอมของอเมริการในอนาคตต่อจากนี้ไปนั่นเอง

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage :facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit :blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter :twitter.com/tharadhol
Instragram :instragram.com/tharadhol