ดราม่าลอตเตอรี่ออนไลน์ เมื่อรัฐกำลังจะ disrupt ธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมจากเอกชน จริงหรือ?

ต้องบอกว่ากลายเป็นข่าวใหญ่ และปัญหาที่คาราคาซังมาอย่างยาวนาน สำหรับปัญหาขายลอตเตอรี่เกินราคา ที่ตอนนี้รัฐได้เข้ามาจัดการกับแพลตฟอร์มขายลอตเตอรี่ที่มีการขายเกินราคา และทางรัฐอ้างว่าส่งผลให้ลอตเตอรี่มีราคาสูงเกินจริง

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ซื้อลอตเตอรี่ผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้อยู่ตลอดนะครับ ตั้งแต่ยุคที่ กองสลาก.com ตอนนั้นที่ขาย 80 บาท จนสุดท้าย ทางเจ้าของแพลตฟอร์มไม่สามารถหาลอตเตอรี่ต่ำกว่า 80 บาทได้ จึงเปิด กองสลากพลัส ขึ้นมาแทน ก็ยังเป็นลูกค้าอุดหนุนแพลตฟอร์มเหล่านี้อยู่

สำหรับแพลตฟอร์มเจ้าแรกที่แจ้งเกิดขึ้นมาจริง ๆ ทำเป็นระบบจริง ๆ น่าจะเป็นมังกรฟ้า ที่กลายเป็นข่าวดังถูกเจ้าหน้าที่รัฐบุกตรวจสอบถึงสำนักงานใหญ่ไปก่อนหน้านี้

เรียกได้ว่าเป็นการเปิดนวัตกรรมในการขายลอตเตอรี่รูปแบบใหม่กันเลยทีเดียวสำหรับการแจ้งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของมังกรฟ้า ที่ทำให้ลูกค้าสามารถหาลอตเตอรี่ได้ง่ายขึ้น และใช้ business model ง่าย ๆ ด้วยการสแกน แล้วจัดเก็บลอตเตอรี่เข้าตู้เซฟ แล้วนำข้อมูลเข้าสู่ online เพื่อให้ลูกค้าสามารถหาเลขดังเลขเด็ดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ซึ่งมันได้กลายเป็นธุรกิจที่มีเงินหมุนเวียนสูงเป็นร้อยล้าน แต่เป็นธุรกิจที่เข้ามาแข่งได้ง่าย คิดมุมธุรกิจ มันก็เป็นธุรกิจที่ barrier to entry ต่ำมากๆ จะเห็นได้ช่วงหลังๆ มังกรฟ้า มังกรแดง กองสลาก… เต็มไปหมด ให้เราเลือกสรรค์ ซึ่งทุกแพลตฟอร์มก็ทำเหมือน ๆ กันแทบจะทั้งหมดไม่มีอะไรที่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ

ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อมันไม่ได้มีนวัตกรรมอะไรที่แตกต่าง ใครก็สามารถลุกขึ้นมาทำได้ทั้งเอกชน หรือแม้กระทั่งรัฐเองก็ตาม และก่อนที่จะทำผมก็มองว่าเอกชนก็ควรจะต้องมองถึง Threat หรือ ภัยคุกคาม ที่อาจจะเกิดขึ้นในรูปแบบนี้ไว้อยู่แล้วด้วยเช่นกัน

เป๋าตัง x ลอตเตอรี่กับส่วนผสานที่ลงตัว

นั่นทำให้เป็นที่มาของ บอร์ดสลากฯ ซึ่งได้เห็นชอบให้สำนักงานสลากฯไปจัดทำระบบจำหน่ายสลากผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือแพลตฟอร์อออนไลน์ ภายใต้ชื่อ แพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล (ดิจิทัล ลอตเตอรี่) 

วิธีการก็คือทำการสแกนสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวจริงแล้วนำไปโพสต์ขายบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ลอตเตอรี่ ซึ่งจะเป็นมาร์เก็ตเพลสของสำนักงานสลากฯเอง เพื่อเป็นช่องทางการจำหน่ายสลากให้ผู้ได้รับโควต้าสลาก แต่ผู้ค้าจะต้องขายในราคาไม่เกิน 80 บาท ซึ่งมันก็คือเหมือนที่เอกชนทำเป๊ะ ๆ

เมื่อทำการซื้อขายสลากฯ ผู้ซื้อจะมีเอกสารหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมภาพสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นหลักฐาน โดย สำนักงานสลากฯ จะจัดเก็บข้อมูลไว้ ซึ่งล็อตเตอรี่ใบที่ได้จำหน่ายไปแล้ว จะไม่สามารถนำไปขายต่อได้อีก หรือเปลี่ยนสิทธิไม่ได้ เพราะสลากขายได้ครั้งเดียว

ส่วนผู้ซื้อจะต้องซื้อผ่านแอปเป๋าตังเท่านั้น เนื่องจากธนาคารกรุงไทย จะเป็นผู้ทำระบบทั้งหมดให้กับสำนักงานสลากฯ เรียกได้ว่าส่งผลบวกเต็ม ๆ กับแอปเป๋าตัง และนี่เองก็อาจจะส่งผลให้ถึงจุดจบของแพลตฟอร์มขายสลากออนไลน์ของภาคเอกชน ตัวอย่างเช่น กองสลาก.com มังการฟ้า ฯลฯ เลยทีเดียวเช่นเดียวกัน

แล้วถามว่ามันคือการกลั่นแกล้งเอกชน หรือ เข้ามา disrupt จริงหรือ? ผมมองว่าเปล่าเลย เพราะมันเป็นธุรกิจที่เข้ามาแข่งได้ง่ายเกินไป ซึ่งหากมีการทำ SWAT Analysis คงมองเห็นภัยคุกคามเหล่านี้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น และที่สำคัญโดยพื้นฐานตัวสลากก็ออกโดยรัฐอยู่แล้ว ซึ่งมันทำให้ใครก็สามารถกระโดดเข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์จำนวนมหาศาลจากลอตเตอรี่ได้แม้กระทั่งตัวของรัฐนั่นเองครับผม

Credit Image : https://www.nationtv.tv/news/378867919

เป๋าตัง x ลอตเตอรี่ออนไลน์ กับศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็น Super App อันดับหนึ่งในไทย

เรียกได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด ถูกจุดมากเลยทีเดียวสำหรับข่าวล่าสุดที่ บอร์ดสลากฯ ได้เห็นชอบให้สำนักงานสลากฯไปจัดทำระบบจำหน่ายสลากผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือแพลตฟอร์อออนไลน์ ภายใต้ชื่อ แพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล (ดิจิทัล ลอตเตอรี่) 

วิธีการก็คือทำการสแกนสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวจริงแล้วนำไปโพสต์ขายบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ลอตเตอรี่ ซึ่งจะเป็นมาร์เก็ตเพลสของสำนักงานสลากฯเอง เพื่อเป็นช่องทางการจำหน่ายสลากให้ผู้ได้รับโควต้าสลาก แต่ผู้ค้าจะต้องขายในราคาไม่เกิน 80 บาท

และเมื่อทำการซื้อขายสลากฯ ผู้ซื้อจะมีเอกสารหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมภาพสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นหลักฐาน โดย สำนักงานสลากฯ จะจัดเก็บข้อมูลไว้ ซึ่งล็อตเตอรี่ใบที่ได้จำหน่ายไปแล้ว จะไม่สามารถนำไปขายต่อได้อีก หรือเปลี่ยนสิทธิไม่ได้ เพราะสลากขายได้ครั้งเดียว

ส่วนผู้ซื้อจะต้องซื้อผ่านแอปเป๋าตังเท่านั้น เนื่องจากธนาคารกรุงไทย จะเป็นผู้ทำระบบทั้งหมดให้กับสำนักงานสลากฯ เรียกได้ว่าส่งผลบวกเต็ม ๆ กับแอปเป๋าตัง และอาจจะส่งผลให้ถึงจุดจบของแพลตฟอร์มขายสลากออนไลน์ของภาคเอกชน ตัวอย่างเช่น กองสลาก.com มังการฟ้า ฯลฯ เลยทีเดียว

ก่อนหน้านี้ ต้องบอกว่า แอปเป๋าตัง เรียกได้ว่า น่าจะเป็นแอปไทยเพียงไม่กี่แอปที่มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลกว่า 40 ล้านคน ที่มีฐานลูกค้าพอที่จะสามารถต่อกรกับ แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ ที่กำลังบุกรุกจากต่างชาติได้

ไทยเป็นหนึ่งประเทศที่เรียกได้ว่าเสียเอกราชทางด้าน Data แบบเต็มรูปแบบ มองไปทางไหน ก็มีแต่แอปต่างชาติ คอยดูดข้อมูลของคนไทยเราไปสร้างรายได้ให้กับพวกเขาอย่างมหาศาล

บริการอย่าง Social Network นั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเพราะ เครือข่ายของ Facebook และ TikTok นั้นกินส่วนแบ่งการตลาดได้แบบเบ็ดเสร็จ ฝั่ง Ecommerce ก็นำโดยทุนจากจีนทั้ง Shopee ที่มีพี่ใหญ่อย่าง Tencent คอย Backup หรือ Lazada ที่ส่งตรงมาจากกองบัญาการใหญ่ของ Alibaba

ในอุตสาหกรรมที่พอจะสู้ได้ ก็คงจะเป็น Delivery Service แพลตฟอร์มที่ไทยเราเองยังพอมีที่ยืนให้กับแอปคนไทย หรือ ที่เกิดจากประเทศไทยบ้าง ทั้ง Lineman หรือ Robinhood

ส่วนแอปตระกูลธนาคารทั้งหลายที่เข้ามาแข่งขันในการดึง Data พฤติกรรมต่าง ๆ ของผู้บริโภค ซึ่งพวกเขาไม่ได้มองตัวเองเป็นธนาคารแบบเดิม ๆ อีกต่อไป จากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เราได้เห็นทั้ง SCB และ Kbank แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็มีฐานผู้ใช้งานที่แย่งกันอยู่ตามฐานลูกค้าธนาคารแต่ละราย ไม่มีใครสามารถกินรวบได้แบบเบ็ดเสร็จเหมือนที่เป๋าตังทำได้

เป๋าตัง กับ แอปมาแรงแซงทางโค้ง

สอดรับกับนโยบายที่ออกมามากมาย ทั้งคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน ยิ่งใช้ยิ่งได้ ฯลฯ ทำให้ เป๋าตังเป็นแอปที่มีความได้เปรียบกว่าแอปอื่น ๆ เป็นอย่างมาก ในการสร้างฐานสมาชิก ซึ่งมันแทบจะบังคับ ทุกคนที่จะใช้นโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ที่รัฐได้อัดฉีดมาสร้างความคึกครื้นทางด้านเศรษฐกิจ ต้องโหลดแอปมาก่อน ถึงจะใช้บริการเหล่านี้ได้

แอป อื่นอาจจะมีต้นทุนในการหาฐานลูกค้าของตน แต่แอปอย่าง เป๋าตังแทบจะไม่มี หรือ อาจจะใช้งบน้อยมาก ๆ เพื่อทำการนำคนเข้ามาสู่แพลตฟอร์ม ซึ่งระยะยาวถือว่าเป็นสิ่งที่ได้เปรียบเป็นอย่างมาก

ตอนนี้ เรียกได้ว่า มีบริการต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้น บนแอปเป๋าตัง ทั้งซื้อหุ้นกู้ ซื้อทองคำ สั่งอาหารแบบ Delivery และเป๋าตังเองก็แทบจะกลายเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลหลักของใครหลาย ๆ คนไปเสียแล้วด้วยซ้ำในตอนนี้

ศักยภาพของ เป๋าตัง ในการก้าวเป็น Super App ของคนไทยจริง ๆ

เรียกได้ว่าแทบทุกแพลตฟอร์ม มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือ การก้าวขึ้นเป็น Super App ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีการแย่งชิงตลาดกันเองบ้างแล้ว ซึ่งเป้าหมายสูงสุดคงหนีไม่พ้นการให้บริการทางด้านการเงินนั่นเอง สังเกตได้จากตอนนี้ หลาย App ปล่อยกู้กันง่ายมาก ๆ คลิกไม่กี่ครั้งก็ได้เงินกู้กันแบบง่าย ๆ แล้ว โดยอาศัยพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่พวกเขามีอยู่แล้วนั่นเอง

ส่วนเป๋าตัง ผมเองมองว่า มีศักยภาพที่สูงมาก ๆ ในการเป็น Super App ของคนไทยจริง ๆ ได้ เพราะสามารถแตกบริการได้อีกหลากหลายเป็นอย่างมาก ทั้งไปทาง Ecommerce , Fintech , Delivery Service , Online Travel Agency และอีกมากมายด้วยข้อมูล Big Data ที่มีความได้เปรียบเป็นอย่างมาก

จะเห็นได้ว่า มันยังมีช่องทางให้ เป๋าตัง ขยายบริการอีกมากมาย ซึ่ง ตอนนี้เป๋าตังน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของ Krungthai แต่ในอนาคตผมมองว่า เป๋าตังจะ spinoff กลายเป็นอีกหนึ่งบริการขนาดใหญ่ หรือ ขยับขยายกลายเป็นรัฐวิสาหกิจ หรือ บริษัทมหาชนขนาดใหญ่ แบบเดียวกับ AOT , การบินไทย , การไฟฟ้า , ไปรษณีย์ไทย , PTT หรืออีกมากมาย ที่จะให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้าน Data ครบวงจรในรูปแบบ Super App ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในอนาคต และที่สำคัญที่สุดเป็นของคนไทยแท้ ๆ นั่นเองครับผม

References : https://www.matichon.co.th/economy/news_3154118
https://www.prachachat.net/finance/news-625774