Operation Grizzley Steppe ยุทธการพลิกฟ้าท้าทายพญาอินทรี

8 พฤศจิกายน 2016 มันเป็นวันประกาศชัยชนะของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างสุดเซอร์ไพรส์ มันเป็นวันฉลองของชาวอเมริกันส่วนใหญ่ในตอนนั้น ที่เลือกทรัมป์ เพราะหวังว่า ทรัมป์ จะนำพา America Great Again ดั่งคำหาเสียงของเขา

แต่เมื่อภาพตัดมาที่เครมลิน ที่รัสเซีย มันคือการประกาศชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหน่วยสืบราชการลับในประวัติศาสตร์ที่โลกเราเคยมีมา

ปูติน ไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกับชาวอเมริกา พวกเขาจะพบกับความสับสนวุ่นวาย ความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกแบบที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนของชาวอเมริกัน แต่ปูติน รู้เพียงแค่ว่า นั่นมันคือ จุดอ่อนของประชาธิปไตย

และที่สำคัญในตอนนั้น ไม่มีชาวอเมริกันคนใด นึกถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ มันเป็นแผนการที่แยบยลเอามาก ๆ อำนาจของปูติน ได้แผ่ขยายไปยังสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ

ซึ่งแปดปีก่อนหน้า ที่สหรัฐได้ผู้นำที่มาจากพรรครีพับรีกัน ที่นำโดย บารัค โอบามา ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกา รวมถึงฮิลลารี คลินตัน ที่เป็นหนึ่งในทีมงานบริหารคนสำคัญของโอบามา

ปูติน มีความเกลียดชังส่วนตัวต่อทั้งคู่ ซึ่งนั่นเองที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาต้องเข้ามาแทรกแซง และกอรปกับ ช่วงเวลานั้น ในปี 2016 เป็นปีที่เหล่านักรบไซเบอร์ กองทหารสุดยอดนักรบของปูตินนั้นมีความพร้อม เพราะได้มีการปลูกฝังกันมานานกว่าทศวรรษ และเป้าหมายของพวกเขา คงไม่ใช่แค่เพียงเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ เพียงเท่านั้นอย่างแน่นอน

ปูติน ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับโอบามา (CR:FAZ)
ปูติน ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับโอบามา (CR:FAZ)

รัสเซียเลือกโจมตีไปที่ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครคนสำคัญในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 จากพรรคเดโมแครต ด้วยข้อมูลหลุดจาก อีเมล ซึ่งรัสเซียใช้มันเป็นอาวุธสำคัญ ซึ่งเมื่อถึงการเลือกตั้ง มันก็ได้ผลดั่งที่หวัง

พวกเขาได้รับประโยชน์เต็มที่ จากการผลักดัน โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีได้สำเร็จ ไครเมียได้รับการยกเลิกการคว่ำบาตร การลงทุนของรัสเซียกลับมาเนื้อหอมอีกครั้ง แต่เพื่อบรรลุความฝันที่ยิ่งใหญ่ของปูติน เป้าหมายที่แท้จริงจะต้องเป็นการยุติเสรีประชาธิปไตยในอเมริกาและยุโรป และนำมาซึ่งยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการอนุรักษ์นิยมทั่วโลก

ซึ่งถ้าพูดกันถึงเรื่องการแฮ็ก นั้น ชาวรัสเซีย ไม่เป็นสองรองใครในโลกใบนี้อยู่แล้ว มันไม่ใช่งานยากเลยของทีมงานของปูติน ที่จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว แต่การต่อสู้กับดินแดนมหาอำนาจทางเทคโนโลยีอย่างอเมริกา มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเสมอไป

เช่นเดียวกับการโจมตี 9/11 นักการเมืองสหรัฐฯ และประชาชนชาวอเมริกัน คงไม่อาจจินตนาการถึงภัยคุกคามใหม่ ที่มาในโลกไซเบอร์ แม้หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ เองจะไม่ไว้วางใจทั้ง มอสโกว์ และ ปักกิ่ง ก็ตามที

แต่กลายเป็นว่า สิ่งที่ทำให้แผนของ ปูติน ง่ายขึ้น มันเกิดขึ้นจากความช่วยเหลือขององค์กรในสหรัฐฯ เสียเอง สื่อเป็นส่วนช่วยอย่างมาก โดยการยกระดับการขโมยอีเมล์ ให้กลายเป็นเรื่องระดับชาติ

สำหรับผู้สนับสนุนทรัมป์มันได้เปิดเผยทุก ๆ สิ่งที่พวกเขาเคยสงสัยเกี่ยวกับ ฮิลลารี คลินตัน ไม่ว่าทรัมป์ จะมีภาพลักษณ์อย่างไร แต่มันก็เป็นการยอมรับอำนาจอันสูงสุดของคนผิวขาว และที่สำคัญชาวอเมริกันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเลือกใครซักคนเพื่อมาทำให้อเมริกายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหนึ่ง

สำหรับแผนการแฮ็กอเมริกา ซึ่งทาง FBI ได้ใช้ชื่อรหัสในภายหลังว่า Operation GRIZZLEY STEPPE เริ่มถูกดำเนินการในช่วงฤดูร้อนของปี 2015

หน่วยข่าวกรองทางการทหารของรัสเซีย ดำเนินแผนการระยะยาวเพื่อเจาะเซิร์ฟเวอร์ของ Democratic National Committee (DNC)

ด้วยการรักษาความปลอดภัยที่หละหลวมอย่างเหลือเชื่อ กับประเทศยักษ์ใหญ่อย่างอเมริกา มันทำให้สายลับชาวรัสเซียเจาะเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ไม่ยากนัก โดยสายลับของกองทัพรัสเซียออกอาละวาดอยู่ราว ๆ 7 – 10 เดือน ก่อนที่ฝั่งอเมริกาจะตรวจพบภัยคุกคาม

แต่เหล่าสายลับรัสเซีย ก็ได้ข้อมูลที่พวกเขาต้องการไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามีใครบางคนในหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ ได้สังเกตเห็นความพยายามดังกล่าวนี้

เมื่อ DNC ถูกแฮ็ค

ในเดือนกันยายนปี 2015 FBI ได้ส่งประกาศไปยัง DNC ว่าระบบคอมพิวเตอร์ของพวกเขากำลังถูกเข้าถึงจากต่างชาติ และ ทาง DNC ได้ทำการตรวจสอบโดยละเอียดและไม่พบว่ามีสิ่งใดผิดปรกติ

สายลับของกองทัพรัสเซีย ได้ย่องเข้ามาขโมย โดยที่เจ้าตัวแทบจะยังไม่รู้ว่ามีข้อมูลได้หลุดรั่วออกไป ต้องบอกว่าเป็นผลงานที่สุดยอดมาก ๆ ของสายลับจากแดนหมีขาว แน่นอนว่าเครื่องมือที่พวกเขาใช้นั้นสุดยอด เพราะมันคือ Advanced Persistent Threat-29 (ATP-29)

ต้องบอกว่า ATP-29 นั้นเป็นชุดแฮ็กที่รู้จักกันดี ซึ่งได้รับการขนานนามจากหลากหลายบริษัท แต่ชุดที่ใช้โจมตี DNC ของอเมริกานั้น เป็นชุดพิเศษที่มีชื่อว่า COZY BEAR ที่ได้จากบริษัท Crowstrike บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

ซึ่ง COZY BEAR นี่เองที่อยู่เบื้องหลังซอฟท์แวร์ของทหารหน่วยสืบราชการลับของกองทัพรัสเซีย ที่เป็นชุดมัลแวร์ที่มีความซับซ้อนสูงในการโจมตี และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาใช้ COZY BEAR เพราะมีการใช้งานหลายครั้งทั่วทุกมุมโลก

COZY BEAR เคยถูกใช้เพื่อเจาะเซิร์ฟเวอร์ทำเนียบขาวและเพนตากอนในปี 2014 และ 2015 เป็นระบบที่เจาะไปที่หน่วยงานพลเรือนเช่น DNC ในอดีตพวกเขาสามารถเข้าสู่ระบบของเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้ ดังนั้นข้อมูลพรรคการเมืองจึงเป็นเรื่องขี้ปะติ่วสำหรับพวกเขามาก ๆ

ในขณะที่กองทัพไซเบอร์ของรัสเซียนั้นประสบความสำเร็จในการเข้าถึงข้อมูลที่ DNC การโจมตีที่มีความเฉพาะเจาะจง ได้ดำเนินการโดยหน่วยงานสายลับอีกหน่วยที่เรียกว่า APT-28 และมีชื่อขนานนามว่า FANCY BEAR

ในโลกแห่งความปลอดภัยทางไซเบอร์ FANCY BEAR เป็นที่รู้จักกันดีว่าถูกควบคุมโดยหน่วยงานความั่นคงแห่งรัฐของรัสเซียหรือ FSB ซึ่งมีความแตกต่างจากยุค KGB เก่าก็คือ FSB นั้นมีงบประมาณที่สูงกว่ามาก และมีอิทธิพลมากกว่าในการดำเนินงานในต่างประเทศ

ในเดือนมิถุนายนปี 2016 Dmitri Alperovitch ซีอีโอของ Crowdstrike ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับการแฮ็ก DNC ซึ่งบทความดังกล่าวมีชื่อว่า Bears in the Midst : Instruction to the Democratic National Comittee

Dmitri Alperovitch ซีอีโอของ Crowdstrike ที่ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับการแฮ็ก DNC (CR:iTnews)
Dmitri Alperovitch ซีอีโอของ Crowdstrike ที่ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับการแฮ็ก DNC (CR:iTnews)

และทำการเปิดเผยต่อสาธารณชนว่า สายลับรัสเซีย ทำการแฮ็ก DNC ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีในชุมชนการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ แต่ในฝั่งพรรค รีพับรีกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โดนัลด์ ทรัมป์นั้น ไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว

Guccifer 2.0

ซึ่งไม่กี่วันหลังจากรายงานของ Crowstrike บล็อก WordPress ที่เขียนโดยบุคคลที่ใช้นามแฝงว่าว่า “Guccifer 2.0” ก็ปรากฏขึ้นบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งอ้างว่าเขาเจาะ DNC ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นแฮ็กเกอร์เพียงคนเดียวที่ทำสิ่งดังกล่าว

แต่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านไซเบอร์ต่างเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที เพราะเห็นได้ชัดว่า ชื่อนี้เป็นการแสดงความเคารพต่อ “Guccifer” แฮ็กเกอร์ชาวโรมาเนีย ที่เคยเผยแพร่อีเมลของ Colin Powell อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา และผู้มีอิทธิพลคนอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน

แต่เนื่องจาก Guccifer ตัวจริงนั้นถูกขังคุกอยู่ในสหรัฐฯ และได้ร่วมมือกับ FBI ไปก่อนหน้านี้แล้ว มันก็ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า Guccifer 2.0 คือใครกันแน่

ซึ่งนักข่าวและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์คาดการณ์อย่างรวดเร็วว่าบุคคลในบล็อกน่าจะเป็นชาวรัสเซีย เนื่องจากมีความเข้าใจภาษาโรมาเนียไม่ดีพอ และใช้แป้นพิมพ์ภาษารัสเซีย

Guccifer 2.0 เริ่มปล่อยข้อมูลที่ขโมยโดยการแฮ็ก COZY BEAR / FANCY BEAR สู่สาธารณะ เขาเริ่มต้นด้วยการเผยแพร่เอกสารทางการเงินของ DNC ตามด้วยเอกสารเกี่ยวกับ ฮิลลารี คลินตัน และเอกสารอื่น ๆ ที่มาจากเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ของ DNC

ช่วงแรกนั้นเอกสารกระจายอยู่แค่คนในวงชุมชนไซเบอร์เพียงเท่านั้น แต่สิ่งต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อ Wikileaks ของ Julian Assange ประกาศว่ามีอีเมล์ของ DNC หลุดออกมา และหลังจากนั้น ข่าวมันก็ได้ดังกระฉ่อนไปทั่วโลก สื่อกระแสหลักเริ่มหันมาให้ความสนใจ

ในวันที่ 22 ตุลาคมปี 2016 Wikileaks ได้ทำให้สื่อทั่วโลกต่างตกตะลึง ด้วยอีเมล์ DNC ที่ถูกขโมย 19,252 ฉบับจากเจ้าหน้าที่อาวุโสของ DNC รวมถึงผู้อำนวยการด้านการสื่อสารและทีมการเงินอาวุโส

ซึ่งเนื้อหาที่หลุดออกมานั้น ดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปที่พรรคเดโมแครต ซึ่งได้เปิดเผยมุมมองของ เด็บบี วาสเซอร์แมน ชูล์ซ ทีมีต่อ เบอร์นี แซนเดอร์ส และ ฮิลลารี คลินตัน ซึ่ง ตัว ชูล์ซเองนั้นเป็นเพื่อนสนิทของคลินตัน จึงไม่น่าแปลกใจที่เธอนั้นจะสนับสนุนคลินตัน

แต่ประเด็นก็คือ การเปิดตัวอีเมล์ดังกล่าวนั้น มีกำหนดพอดิบพอดี กับการที่จะมีการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตในฟิลาเดลเฟีย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน เจตนาของการรั่วไหลนั้นมันชัดเจนมาก ๆ

มันเป็นการแยกเบอร์นี แซนเดอร์ออกจากพรรคเดโมแครต และสร้างความเสียหายให้กับฮิลลารี คลินตัน ในหมู่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่เป็นอิสระและกลุ่มหัวก้าวหน้า

การปล่อยข้อมูลออกมาครั้งนี้ มันทำงานได้อย่างเพอร์เฟค มาก ๆ เพราะเพียงแค่เช้าวันแรกของการประชุม ผู้สนับสนุนของเบอร์นี แซนเดอร์ส ได้เริ่มออกมาเดินขบวนประท้วงสิ่งที่เกิดขึ้น รอยร้าวในพรรคเดโมแครต มันได้เริ่มเกิดขึ้นแล้ว ผ่านการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว

ไม่นานหลังจากการเผยแพร่ข้อมูลจาก Guccifer 2.0 คำถามจริง ๆ จัง ๆ ก็ถูกถามดัง ๆ โดยผู้เชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น ว่า “ทีมของทรัมป์ทำงานร่วมกับรัสเซียในปฏิบัติการครั้งนี้หรือไม่” เพราะเห็นได้ชัดว่าหลังจากขึ้นครองตำแหน่งของทรัมป์นั้น นโยบายของเขาเป็นไปในทางบวกกับรัสเซียแบบที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ปี 2016 เช่นเดียวกับที่โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหามูลนิธิคลินตันว่าทุจริต Guccifer 2.0 อ้างว่าได้แฮ็ก เซิร์ฟเวอร์ของมูลนิธิ เอกสารดังกล่าวมาจากกลุ่ม DCCC ทรัมป์ตื่นเต้นกับข่าวนี้ แม้ว่ามูลนิธิของเขาเองก็ถูกเปิดเผยว่าถูกใช้เพื่อหาเงินเข้ากองทุนครอบครัวของเขาก็ตามที

หากทรัมป์ไม่สมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียจริง แต่ดูเหมือนสิ่งที่เขาพูดมันจะย้อนแย้งกับสิ่งที่เขาพยายามปฏิเสธ วันที่ 27 กรกฏาคม ปี 2016 เพียง 48 ชั่วโมงหลังจากการแพร่ข้อมูลหลุดจาก DNC

ทรัมป์ได้เรียกร้องให้มอสโกแฮ็กและปล่อยอีเมลมากขึ้น ทรัมป์กล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาแฮ็กทั้งหมดจริง ๆ พวกเขาอาจมีอีเมล 33,000 ฉบับ ผมหวังว่าพวกเขาจะทำ พวกเขาอาจมีอีเมล 33,000 ฉบับที่เธอทำหาย และ ลบไป… รัสเซียคุณฟังผม หวังว่าคุณจะพบอีเมล 33,000 ฉบับที่หายไป”

สำหรับหน่วยข่าวกรอง และหน่วยงานด้านการต่อต้านข่าวกรองและเหล่าผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ คำแถลงดังกล่าว จะเป็นประเด็นสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเข้าด้วยกัน ซึ่งจะนำไปสู่การสอบสวนด้านความมั่นคงแห่งชาติที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา

ซึ่งมีการสืบสวนจาก FBI และหน่วยงานอื่น ๆ ที่พบว่า สมาชิกการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์ มีการพบปะกับรัสเซียแทบจะทุกที่ แต่พวกเขาปฏิเสธการประชุมที่เกิดขึ้น

เมื่อถึงเวลาการเลือกตั้ง จะมีเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูง หรือเจ้าหน้าที่หาเสียงมากกว่า 12 คน ที่จัดการประชุมตัวต่อตัว 19 ครั้ง และ มีการสื่อสารกับชาวรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับเครมลินมากกว่า 51 ครั้ง แต่พวกเขาส่วนใหญ่เหล่านี้ปฏิเสธเรื่องราวดังกล่าว และอ้างว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า พวกเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ แต่มันคืออะไร?

National Security Branch (NSB) ของ FBI คือกลุ่มเจ้าหน้าที่ต่อต้านข่าวกรองที่มีความเชี่ยวชาญสูง ซึ่งคอยค้นหาสายลับของศัตรูและผู้ก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกา

เป็นเวลาเกือบ 80 ปีแล้วที่ NSB ติดตามการคุกคามจากการจารกรรมจากต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นสายลับคอมมิวนิสต์ อัลกออิดะห์ หรือ ISIS

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2016 เหล่าหน่วยสืบราชการลับได้หลั่งไหลมาจาก CIA และ NSA เมื่อพวกเขาพบว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจากการแฮ็ก DNC มีรายงานว่าชาวอเมริกามีการติดต่อกับตัวแทนของรัสเซีย

สื่อข่าวของอังกฤษรายงานว่า British General Communications Headquaters (GCHQ) หน่วยงานในเครือนาโตในยุโรป ก็ได้รับคำเตือนเช่นกัน ว่ามีเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงอเมริกัน กำลังสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซีย

ผู้อำนวยการของ GCHQ ได้ส่งต่อข้อมูลแบบส่วนตัวไปยังทั้ง จอห์น เบรนแนน ผู้อำนวยการ CIA และ พลเรือเอก Michael Rogers ซึ่งเป็นผู้อำนวยการ NSA

ในเดือนมีนาคมปี 2016 ผู้สนับสนุนทรัมป์คนหนึ่งที่มีชื่อว่า จอร์จ ปาปาโดปูลอส ได้รับความสนใจจากทั้ง FBI และ CIA โดย ปาปาโดปูลอสนั้นเป็นที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายต่างประเทศของโดนัลด์ ทรัมป์

ซึ่งตามรายงานของสื่ออย่าง นิวยอร์กไทม์ส ปาปาโดปูลอส ได้เปิดเผยบทบาทของเขาโดยไม่ตั้งใจเมื่อเขาคุยโวเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับรัสเซีย ในขณะที่มีการดื่มสังสรรค์กับอเล็กซานเดอร์ ดาวเนอร์ นักการทูตชาวออสเตรเลีย ในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ปาปาโดปูลอส ได้บอกกับ ดาวเนอร์ว่า รัสเซียมีอีเมลของ ฮิลลารี คลินตัน หลายพันฉบับ และบอกกับ ดาวเนอร์ว่า พวกเขาจะได้รับประโยชน์จากข้อมูลหลุดครั้งนี้

และในเวลาใกล้เคียงกัน คาร์เตอร์ เพจ ที่ปรึกษานโยบายด้านต่างประเทศของทรัมป์อีกคนที่อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในอุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซีย แม้ว่าจะไม่มีใครเคยได้ยินชื่อเขามาก่อนก็ตามที

จอร์จ ปาปาโดปูลอส ที่ปรึกษาของ ทรัมป์ ที่มีความสนิทสนมกับรัสเซีย (CR:New York Daily News)
จอร์จ ปาปาโดปูลอส ที่ปรึกษาของ ทรัมป์ ที่มีความสนิทสนมกับรัสเซีย (CR:New York Daily News)

เพจอ้างว่าทำงานเป็นเวลาเจ็ดปี ให้กับ Merrill Lynch ในลอนดอนและมอสโก นอกจากนี้เขายังอ้างว่าได้รับตำแหน่งเป็น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของกลุ่มพลังาน ของ Lynch ที่นิวยอร์ก

แต่สิ่งที่ปรากฏหลักฐานที่แท้จริง ก็คือ เพจทำงานเป็นเวลาสามปีในมอสโกเพื่อประสานงานการควบรวมกิจการของ Gazprom และ RAO UES ซึ่งความสัมพันธ์เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการโน้มน้าวใจทรัมป์ให้เชื่อมั่นในตัวเขา

มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน ที่ทรัมป์รายรอบด้วยทีมงานที่มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัสเซีย และในขณะที่ข่าวเกี่ยวกับความบังเอิญเหล่านี้กำลังถูกเผยแพร่

ชุนชมข่าวกรองทั่วโลกกำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อจัดการผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการแฮ็กครั้งนี้

หน่วยงานหนึ่งคือ Dutch General Intelligence and Security Service ( Algemene Inlichtingen en Veiligheidsdienst หรือ AVID) ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านข่าวกรองของยุโรป) ที่ดูแลแผนกสงครามไซเบอร์ และได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูง

ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติการขนาดเล็ก ในการทำสงครามคอมพิวเตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง เพื่อใช้ในการตอบโต้กับปฏิบัติการข่าวกรองของรัสเซีย

AVID เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงแบ่งปันข่าวกรองระหว่างประเทศโดยนาโต และการปฏิบัติการทางไซเบอร์ของ AVID นั้นยอดเยี่ยมมาก และพวกเขาทำสิ่งหนึ่งที่ถือว่ายากที่สุดในโลก นั่นก็คือ การเจาะเข้าไปยังสำนักงานหน่วยข่าวกรองของรัสเซียเอง

ชาวดัตช์ ได้จัดตั้ง หน่วยไซเบอร์ร่วม SIGINT ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองพลเรือน และทหารของรัฐบาลกลาง ที่ได้รับมอบหมายให้โจมตีเครือข่ายที่เป็นศัตรู ความพิเศษของพวกเขาก็คือ COZY BEARS พวกเขาสามารถใช้วิธีการลับเพื่อระบุตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์ไปยังอาคารในมอสโก พวกเขาสามารถตอบโต้การแฮ็กกล้องรักษาความปลอดภัยบนชั้นหนึ่งของอาคาร และ สังเกตเห็นสายลับรัสเซียที่ใช้ระบบนี้

จอห์น แบรนแนน ผู้อำนวยการ CIA และ เจมส์ แคลปเปอร์ ผู้ประสานงานและผู้จัดการนโยบายโดยรวมของหน่วยข่าวกรองทั้ง 17 แห่งของสหรัฐฯ ได้รับข้อมูลจากทั้ง AVID และหน่วยข่าวกรองหน่วยงานอื่น ๆ และเห็นภาพถึงการโจมตีของรัสเซีย

แบรนแนน และ แคลปเปอร์ เห็นพ้องต้องกันว่าการโจมตีของรัสเซีย จำเป็นต้องมีการตอบโต้อย่างรุนแรงของสหรัฐอเมริกา

วันที่ 4 สิงหาคม ปี 2016 ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโอบามา แบรนแนน ได้โทรศัพท์ติดต่อกับ อเล็กซานเดอร์ บอร์ตนิคอฟ หัวหน้า FSB ผู้อำนวยการข่าวกรองรัสเซียเป็นการส่วนตัว ซึ่งแบรนแนน ได้เตือน บอร์ตนิคอฟว่าสหรัฐฯ ตระหนักถึงปฏิบัติการของพวกเขา และมันจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ

จากนั้น แบรนแนน ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี โอบามา ให้แจ้งสมาชิกคนสำคัญของสภาคองเกรส ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อแบรนแนนได้แสดงให้เห็นถึงข้อมูลต่าง ๆ กับสภาคองเกรสถึงการดำเนินการเชิงรุกของรัสเซีย ที่กำลังเกิดผลกระทบขึ้นในวงกว้าง

จอห์น แบรนแนน ผู้อำนวยการ CIA ในตอนนั้น (CR:USNews)
จอห์น แบรนแนน ผู้อำนวยการ CIA ในตอนนั้น (CR:USNews)

รวมถึงการได้รับมอบหมายจากทำเนียบขาวให้ประสานงานกับหน่วยข่าวกรอง เกี่ยวกับขอบเขตและอิทธิพลของรัสเซีย ซึ่งแบรนแนน ก็ได้ปฏิบัติตาม และพยายามโน้มน้าวผู้นำระดับสูงของประเทศว่า สหรัฐฯ กำลังถูกโจมตี แต่ดูเหมือนเหล่าผู้นำสภาคองเกรสในขณะนั้น จะยังไม่ได้สนใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง ประธานาธิบดี โอบามา เริ่มกังวลมากจนเขาต้องทำสิ่งที่กล้าหาญที่สุดในฐานะประธานาธิบดี ด้วยการหยิบโทรศัพท์สีแดงขึ้นมา ซึ่งเป็นโทรศัพท์พิเศษที่ใช้ในการยุติสงครามระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และรัสเซีย

โอบามาได้เตือนปูตินเป็นการส่วนตัวว่า อเมริกาตระหนักถึงการดำเนินการของพวกเขา และ การกระทำใด ๆ ในวันเลือกตั้งถือเป็นเรื่องร้ายแรงที่สุดสำหรับอเมริกา แต่ดูเหมือนปูตินจะไม่สนใจ ภารกิจของรัสเซียคือ การเจาะลึกเข้าไปในจิตใจของประชาชนชาวอเมริกัน และ มันก็ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ

ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์

ในที่สุดวันที่ 8 พฤศจิกายน 2016 ชาวอเมริกันเกือบ 139 ล้านคนก็ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ในช่วงค่ำปรากฏว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา แม้คะแนนนิยม ฮิลลารี คลินตัน จะได้ไปมากกว่าก็ตาม

อเมริกาใช้ระบบ Electoral College ซึ่งมีการจัดสรรคะแนนเสียงจำนวนหนึ่งให้กับแต่ละรัฐ ผู้สมัครที่ได้รับการโหวต 270 เสียงจะเป็นผู้ชนะ ไม่ว่าคะแนนนิยมจะเป็นอย่างไร

ทรัมป์ได้คะแนนจาก Electoral College 306 คะแนน เมื่อการนับคะแนนสิ้นสุด ทรัมป์ สามารถเอาชนะสามรัฐ ที่เป็นพื้นที่สำคัญ ทั้งใน เพนซิลเวเนีย มิชิแกน และ วิสคอนซิน ได้สำเร็จ

ชัยชนะที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นของโดนัล ทรัมป์ สำหรับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ทำให้ทั่วทั้งโลกต่างประหลาดใจ ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ เขาก้าวข้ามจากดาราทีวีเรียลลิตี้ จนกลายมาเป็นผู้ชายที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกได้สำเร็จ

มันแสดงให้เห็นว่า ประชาชนชาวอเมริกันจำนวนมาก ละทิ้งคุณค่าหลัก เช่น เสรีภาพสำหรับทุกคน การรวมตัวกันผ่านความหลากหลาย และพลังของ American Dream สำหรับผู้อพยพทุก ๆ คน

ชัยชนะของทรัมป์ เป็นความพยายามอย่างเปิดเผย ในการนำพาสหรัฐฯ ออกจากระบอบประชาธิปไตยที่ปกป้องสิทธิของชนกลุ่มน้อย เสรีภาพของกลุ่มคนที่หลากหลาย และมันได้เปลี่ยนแปลงสำเร็จแล้ว ซึ่งมันกำลังนำพาอเมริกาเข้าใกล้ระบอบที่พวกเขาจงเกลียดจงชังมากที่สุด นั่นก็คือ ระบอบเผด็จการนั่นเองครับผม

References :
หนังสือ Cyber-war How Russian Hackers and Trolls Helped Elect a President โดย Kathleen Hall Jamieson
หนังสือ The Plot to Destroy Democray : How Putin and His Spies are Undermining America and Dismantling the west
หนังสือ The Plot to Hack America : How Putin’s Cyberspies and Wikileakes Tried to Steal the 2016 Election
https://nymag.com/intelligencer/2016/12/what-is-grizzly-steppe-fancy-bear-and-the-dnc-hack.html
https://www.bloomberg.com/news/articles/2016-12-30/russia-s-grizzly-steppe-cyberattacks-started-simply-u-s-says