Geek Book EP4 : Blood and Oil โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน กับภารกิจที่ไร้ความปราณีเพื่อกุมอำนาจระดับโลก

ต้องบอกว่า นับตั้งแต่การก้าวขึ้นมาครองอำนาจของ โมฮัมเหม็ด บินซัลมาน แห่งซาอุดิอาระเบีย เขาได้กลายเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองและธุรกิจใหม่ ๆ ทั่วโลก

การตัดสินใจทุกครั้งของเขานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศในตะวันออกกลางที่ปรับตัวให้เข้ากับการใช้อำนาจอย่างดุเดือด หรือเหล่าบริษัทเทคโนโลยี Startup ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ก็ล้วนเติบโตขึ้นมาด้วยเงินทุนของเขาผู้นี้เป็นส่วนใหญ่ผ่านกองทุน Vision Fund ที่ร่วมกับ Masayoshi Son แห่ง Softbank

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/2YmG02B

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2m0PTzR

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/2p0awP7ZVFE

สนใจสั่งซื้อหนังสือได้ที่ :
Asia Book -> https://bit.ly/3oE1YZQ
Kinokuniya -> https://bit.ly/3l9HshI

Credit Image : https://www.tellerreport.com/news/2020-09-02-blood-and-oil—-a-new-book-reveals-how-bin-salman-ascended-to-power-and-his-methods-of-targeting-his-opponents.HJEgVGfThQP.html

สมองไหล & COVID-19 ปัญหาน่าปวดหัวของ HR เมื่อกำแพงขวางกั้นพนักงานถูกทลายลง

ต้องบอกว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเหล่าพนักงานประจำ ที่การแพร่ระบาดของ COVID-19 นั้นทำให้พฤติกรรมการทำงานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง การประชุมออนไลน์ การ Work from home ที่กลายเป็นเรื่องปรกติในยุคนี้

แน่นอนว่า ปัญหาใหญ่อีกประการหนึ่งที่กำลังส่งผลต่อองค์กรต่าง ๆ ในปัจจุบัน ที่แผนก HR ต้องรับมืออย่างหนักนั่นก็คือ ปัญหาเรื่องสมองไหล พนักงานลาออก ย้ายงานกันเป็นว่าเล่น

การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เกิดปัญหาสมองไหลอย่างไร?

ก็ต้องบอกว่าปัญหาสมองไหลมันได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะ COVID ทำให้โลกการทำงานของมนุษย์เรานั้นเปลี่ยนไปมาก ๆ

ผู้คนเริ่มคุ้นชินกับพฤติกรรมใหม่ ในการไม่ต้องเดินทางไปทำงาน การ Work From Home กลายเป็นเรื่องปรกติ ทุกคนสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ซึ่งในงานหลาย ๆ อย่างก็คงดำเนินแบบนี้ต่อไปแม้การแพร่ระบาดจะหยุดไปแล้วก็ตาม

แต่มันก็ได้เกิดปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือ มันเริ่มแบ่งเวลางาน และเวลาส่วนตัวไม่ได้ บางองค์กร นั้นใช้งานกันจนแยกเวลาไม่ออกระหว่างเวลาทำงานและเวลาส่วนตัว เพราะมันได้หลอมรวมกันเป็นเวลาเดียวกันไปแล้ว

นั่นเองก็กลายเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้มีพนักงานลาออกเพิ่มมากยิ่งขึ้น

กำแพงขวางกั้นพนักงานที่ถูกทลายลง

ผมวิเคราะห์อีกประเด็นหนึ่งที่หลายคนอาจะคิดไม่ถึง นั่นก็คือ กำแพงสำคัญที่ขวางกั้นการย้ายงานของพนักงาน ก็คือ การหาช่วงเวลาในการไปสัมภาษณ์งานที่อื่นนั่นเอง

การเปลี่ยนมาทำงานแบบ Work From Home มันมีข้อยืดหยุ่นก็จริง แต่มันก็ทำให้เหล่าพนักงาน สามารถร่อน Resume เพื่อสัมภาษณ์งานได้อย่างอิสระ และหาเวลาไปสัมภาษณ์ตอนไหนก็ได้ อย่างเสรี เพราะตอนนี้ การสัมภาษณ์งานก็เน้นไปที่การสัมภาษณ์แบบ Remote ไปหมดแล้วใช่กัน

ซึ่งส่วนนี้มันสำคัญมาก เพราะหลาย ๆ อาชีพ มีการแย่งตัวพนักงานเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะสายไอที น่าจะโดนหนักสุด การมีตัวเลือกเยอะ ๆ ผ่านการสัมภาษณ์หลาย ๆ แห่ง ทำให้พนักงานมีโอกาสได้เลือก และเปรียบเทียบสูงมากกว่าในยุคก่อน ที่คงยากที่จะสัมภาษณ์งานหลายๆ แห่งในขณะที่ตัวเองทำงานประจำอยู่

การตัดสินใจรับพนักงานในยุคปัจจุบัน อาจจะแทบไม่ต้องมาคุยกันต่อหน้าต่อตา เพื่อตัดสินใจรับเข้าทำงานอีกต่อไป องค์กรต่าง ๆ สามารถเลือกช็อปปิ้งพนักงานมากมาย ที่พร้อมจะมาสัมภาษณ์งานกับบริษัทเพื่อย้ายงาน

กำแพงในอดีต หากต้องเข้างานแบบ full time ทำให้มันเป็นเรื่องยากที่จะปลีกตัวไปสัมภาษณ์งานที่อื่นได้แบบมาราธอน เหมือนในยุคปัจจุบัน ซึ่งอาจจะต้องลางานเพื่อไปสัมภาษณ์ แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว

ซึ่งผมว่าตอนนี้ การเปลี่ยนงานจะเป็นเรื่องง่ายมาก ๆ เพราะมีตัวเลือกให้เลือกเยอะ สามารถตัดสินใจที่ให้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดให้กับตัวเองได้ง่ายมากขึ้ัน เมื่อกำแพงเรื่องเวลา และ การต้องปลีกตัว หรือ ลางานไปสัมภาษณ์งานที่อื่น มันไม่มีอีกต่อไป

นั่นเอง ที่ทำให้อัตรา turn over ของพนักงานในยุคการแพร่ระบาดสูงมาก ๆ ตาม ข้อมูลจากสหรัฐอเมริกาก็สอดคล้องกับแนวโน้มนี้เช่นเดียวกัน และผมคิดว่าองค์กรในไทยก็เจอปัญหาเดียวกันอย่างแน่นอน

บทสรุป

สถานการณ์ตอนนี้ได้พลิกผัน จากเดิมที่องค์กรนั้นเป็นฝ่ายเลือกพนักงาน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นพนักงานต่างหากที่กลายเป็นฝ่ายเลือกองค์กรที่จะเข้าทำงานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเทรนด์นี้จะเป็นแบบนี้ต่อไปแม้การแพร่ระบาดของ COVID-19 จะหมดไปก็ตาม

เพราะเมื่อคนสามารถทำงานได้จากทุกที่ และสามารถที่สัมภาษณ์งานที่ไหนก็ได้ตลอดเวลา พวกเขาก็จะมองหาองค์กรที่ให้ผลประโยชน์กับพวกเขาสูงสุด มีความสมดุลสูงที่สุด (Work-Life Balance) ระหว่างชีวิตส่วนตัวกับชีวิตในการทำงานนั่นเองครับผม