Series Review : Marianne (มารียาน)

เรียกได้ว่าเป็น Series สุดหลอดแห่งปีเลยก็ว่าได้สำหรับ ผลงานในเรื่อง Marianne (มารียาน) จากประเทศฝรั่งเศษ ที่ได้มาลงใน Netflix ในช่วงกลางเดือน กันยายน ที่ผ่านมา และแน่นอน ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้หนังแนวนี้อยู่แล้ว ไม่พลาดชมอย่างแน่นอน

ต้องบอกว่า ได้ดู Series ชุดนี้มาซักพักหนึ่งแล้ว แบบรวดเดียวจบเลยทีเดียว เป็น Series ไม่กี่เรื่องที่ผมสามารถดูแบบรวดเดียวจบได้แบบนี้ กับความหลอนที่ต้องบอกว่า ประทับใจแฟนพันธุ์แท้หนังผี หนังสยองขวัญ อย่างตัวผมเองเลยทีเดียว

สำหรับเนื้อเรื่องย่อ กล่าวถึง เอ็มม่า ลาห์ซิมง นักเขียนนิยายชื่อดังฝันร้ายถึงมารียานทุกคืน
จนเธอเขียนหนังสือเกี่ยวกับมารียาน และสร้างลิซซี่ ลาล์ก (Lizzie Larck) มาเพื่อสู้กับมารียาน ในหนังสือของเธอ

แต่สิ่งที่เธอเขียนกลายเป็นจริงขึ้นมา เหมือนเธอต้องเจอกับมนต์คำสาป และทำให้คนรอบตัวของเธอเกิดเรื่องสยองขวัญไปหมด มารียานอยากให้นางเอกเขียนนิยายต่อ แม้นางเอกจะเขียนให้ลิซซี่ตายในเล่มที่แล้ว มารียานก็ต้องการภาคต่อ จึงเป็นที่มาของการดำเนินเรื่องใน Series ชุดนี้นั่นเอง

คุณป้าสุดหลอน กับการแสดง ที่น่ากลัวสุด ๆ
คุณป้าสุดหลอน กับการแสดง ที่น่ากลัวสุด ๆ

และเรื่องมันไม่ได้จบเพียงเท่านั้นอีกต่อไป เมื่อเธอพบว่า เริ่มมีสิ่งแปลกๆ ในระหว่างที่กำลังโปรโมทหนังสือที่เธอคิดว่าเธอนั้นได้เขียนบทสรุปถึงจุดจบของ มารียานไปเป้นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่ด้วยการเริ่มเรื่องมาเมื่อ ‘แคโรไลน์’ เพื่อนเธอในสมัยเรียนมาที่งานเปิดตัวหนังสือดังกล่าวด้วย และ ได้มอบสิ่งของบางอย่างที่เธอนั้นคุ้นเคยดีเพราะเธอมันเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของหนังสือที่เธอแต่งขึ้นมานั่นก็คือ ‘เครื่องรางปิศาจ’ ซึ่งมีลักษณะเป็นถุงหนังมัดเชือก และมีฟันเน่าๆ อยู่ในถุง!

และ สุดท้าย เธอต้องไปตามล่าหาความจริงที่เกิดขึ้น ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กับ หมู่บ้านที่เธอเคยอาศัยอยู่ เกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ของเธอ รวมถึงแก๊งเพื่อน ๆ ของเธอในวัยเยาว์ หนังสือที่เธอแต่งนั้น มันกลายมาเป็นเรื่องจริง หรือ ทุกคนต่างหลอนไปเอง

ถ้าถามว่ามันพีคตอนไหน ก็ต้องบอกว่า ช่วง ep1-4 นี่แหละ ที่เป็นเรื่องราวที่ดำเนินเข้มข้นเป็นอย่างมาก ทำให้เราได้สยองไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และ คอยเดาว่า มันคือ เรื่องจริง หรือ ทุกอย่างมันคือเรื่องหลอน กับกลุ่มคนพวกนี้ที่พวกเขาได้พบเจอสิ่งประหลาดที่เหมือนออกมาจากหนังสือเธอเป๊ะ ๆ

ซึ่ง Series ชุดนี้ ก็ได้ถ่ายทอดเรื่องราว ลำดับ ตามหนังสือ ที่เธอได้แต่งขึ้นมานั่นเอง ทุกตัวละครที่มาเกี่ยวข้องในเรื่อง มันมีความสัมพันธ์กันหมด เป็น series ที่คาดเดาอะไรไม่ถูกเลย บรรยากาศของเมืองชายฝั่งของฝรั่งเศษที่ดำเนินเรื่องมันก็หลอนมาก จริง ๆ

แถมเรื่องราวก็เล่าเรื่องได้น่าติดตามอีกด้วย เป็นการดูรวดเดียวจนจบเลย ต้องบอกว่าเป็น Series ชุดที่สนุกมากที่สุดเรื่องนึง ที่ได้ดูมาใน Netflix เลยก็ว่าได้ แม้ตอนท้าย ๆ จะดูเอื่อย ๆ ไปหน่อยก็ตามที แต่มันเป็นบทสรุปที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ที่แฟน ๆ หนังสยองขวัญ เขย่าประสาท ไม่ควรพลาดเป็อย่างยิ่งครับผม

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage :facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit :blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter :twitter.com/tharadhol
Instragram :instragram.com/tharadhol

กองทัพสหรัฐกับการพัฒนาโดรนควบคุมด้วยพลังจิต

เพนตากอนกำลังพยายามสร้างเทคโนโลยีที่จะทำให้ทหารมีความสามารถในการควบคุมโดรนด้วยความคิด (Mind Control Drone)

“การทำงานกับเจ้าหน้าที่ทางทหารในการควบคุมโดรนผ่านสมองนั้น จะสามารถทำได้เร็วกว่าผ่านอุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ ” นักวิจัยทางด้านประสาทวิทยาแห่ง DARPA Al Emondi บอกกับ MIT Technology Review

Emondi เป็นผู้ดำเนินโครงการ Nonsurgical Neurotechnology แห่ง DARPA  ซึ่งเปิดตัวหน่วยงานในเดือนมีนาคม 2018 โดยหวังว่าจะพัฒนาส่วนต่อประสานสมอง คอมพิวเตอร์ (BCI) ที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดกับอุปกรณ์ทางการทหาร

ในเดือนพฤษภาคม 2019 ได้มอบรางวัลให้กับทีมวิจัย 6 ทีมจากทั่วสหรัฐอเมริกาเพื่อระดมทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวโดยแต่ละทีมจะใช้วิธีการที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่าง เช่นทีมงานของ Carnegie Mellon University กำลังทดสอบว่าสัญญาณไฟฟ้าและอัลตร้าซาวด์สามารถรองรับ BCI หรือไม่ ในขณะที่กลุ่มของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins กำลังสำรวจความเป็นไปได้ของแสงอินฟราเรดในเทคโนโลยีดังกล่าว

การสร้างอุปกรณ์ที่จะช่วยให้ทหารควบคุมโดรนด้วยความคิดของพวกเขาทำให้เกิดคำถามที่น่าสงสัยหลายอย่าง เช่น จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทหารคิดคำสั่งขึ้นมาโดยบังเอิญ? หรือหากศัตรูได้รับอุปกรณ์เหล่านี้ของพวกเขาและสวมมันเอง?

เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อกองทัพมักจะนำไปสู่ผลกระทับต่อชีวิตพลเรือนในที่สุด และมันก็ยากที่จะกล่าวถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเทคโนโลยี BCI ที่จะกระทบกับสังคม

คนทั่วไปสามารถใช้อุปกรณ์นี้ได้และสามารถควบคุมอุปกรณ์ทุกชิ้นที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในชีวิตของพวกเขาได้ทันทีตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงบ้านอัจฉริยะด้วยความคิดของพวกเขา

และแอปพลิเคชันด้านสุขภาพจะมีความน่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ด้วยอุปกรณ์ดังกล่าว ผู้ที่มีแขนขาที่เป็นอัมพาตท หรือ คนพิการที่ไม่มีแขนหรือขา สามารถควบคุมขาเทียมหรือแม้กระทั่งร่างกายเต็มรูปแบบโดยใช้เพียงความคิดของพวกเขา และแน่นอนว่าทั้งหมดนั้นสามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

ถึงกระนั้นขั้นตอนแรกก็คือการทำให้เทคโนโลยีทำงานได้จริง และในขณะที่ทีม DARPA ทั้ง 6 ทีม กำลังวิจัยสิ่งต่าง ๆ รุดหน้าไปค่อนข้างมาก และในอนาคตพวกเขาจะทำการสร้าง BCI ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ซึ่งในที่สุดอุปกรณ์เหล่านี้ก็พร้อมที่จะถูกสวมใส่โดยทหาร หรือแม้กระทั่งพลเรือนเองได้อย่างแน่นอน

References : https://www.technologyreview.com https://www.wetalkuav.com/wp-content/uploads/2018/03/Brain.jpg