ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับเคล็ดลับในการทำงาน และสิ่งที่ควรทำอย่างแท้จริง

เมื่อคุณอยู่ในช่วงแรกสุดของอาชีพการงานของคุณ ต้องบอกว่ามีหลากหลายคำแนะนำในการทำงาน เช่น การสร้างความประทับใจที่ดี หรือ วิธีการเติมเต็มแรงบันดาลใจในการทำงานแต่สิ่งที่พูดถึงไม่บ่อยคือคำแนะนำที่คุณไม่ควรปฏิบัติตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

เคล็ดลับในการประกอบอาชีพที่พบบ่อยที่สุดที่เรามักได้ยินกัน เช่น แค่เป็นตัวของตัวเอง การให้ความสำคัญกับจุดแข็งของคุณ ทำตามสิ่งที่คุณรัก

ต้องบอกว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นคำพูดที่เพ้อฝัน และอย่านำไปทำในโลกแห่งความเป็นจริง แม้ว่าคำแนะนำจะรู้สึกมีความถูกต้องโดยสัญชาตญาณของเรา ข้อมูลและการวิจัยที่เกิดขึ้นจริงส่วนใหญ่ชี้ให้เห็นว่าเราน่าจะทำได้ดีกว่าหากทำสิ่งตรงกันข้ามกับคำแนะนำสวยหรูเหล่านี้

ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับการประกอบอาชีพบางส่วนที่เราควรเพิกเฉยและสิ่งที่เราควรทำ :

“แค่เป็นตัวของตัวเอง.”

นี่อาจเป็นคำแนะนำด้านอาชีพที่ใช้บ่อยที่สุดและเป็นอันตรายมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในสภาพแวดล้อมการทำงาน โดยเฉพาะการสัมภาษณ์งานผู้สัมภาษณ์มักไม่ต้องการเห็นบุคลิกที่ไม่กลั่นกรองมาก่อน และเป็นตัวของตัวเองของเราจนเกินไป

เหล่าคนสัมภาษณ์งาน พวกเขาสนใจที่จะเห็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของเรา ซึ่งนั่นก็คือเราจะมีพฤติกรรมที่ดีที่สุดในการบอกพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาต้องการฟัง แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจะพูดก็ตาม

การปฏิบัติตามมารยาททางสังคมการแสดงความยับยั้งชั่งใจ และการควบคุมตนเองรวมถึงการนำเสนอตัวเองจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานในขณะที่การ “เป็นตัวของตัวเอง” อาจทำให้เราดูเหมือนหลงตัวเอง และถูกมองผ่านในการสัมภาษณ์งานได้

สิ่งที่ต้องทำแทน : ในสถานการณ์ที่มีเดิมพันสูง เช่น การสัมภาษณ์งาน เราจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีกว่าหากเราจัดการและควบคุมภาพลักษณ์ของเราให้เหมาะสม 

ให้ทำในสิ่งที่เราต้องการให้คนอื่นเห็น แม้ว่าสิ่ง ๆ นั้น จะไม่ได้มากจากตัวตนของเราจริง ๆ 100% ก็ตามที

วิทยาศาสตร์ของการแสดงผลทางสังคมบอกว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการทำความเข้าใจกับสิ่งที่คนอื่นต้องการ และแสดงมันออกมาในสิ่งที่คนอื่นคาดหวังจากเรา จากนั้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเพื่อไม่ให้พวกเขาผิดหวัง 

ให้ความสำคัญกับบริบท ตัวอย่างเช่น หากเราสัมภาษณ์งานกับบริษัท Startup ทางด้านเทคโนโลยี เราก็ไม่ควรสวมชุดเดียวกันที่เราอาจจะใส่ไปสัมภาษณ์ที่ธนาคารใหญ่ ๆ หรือ บริษัทที่มีแนวคิดหัวโบราณ

บริษัท ที่ต้องการจ้างเรานั้น สิ่งต่าง ๆ อาจแตกต่างไป ในห้าปีต่อมาเมื่อเราอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงในบริษัท และมีชื่อเสียงมากเพียงพอ แต่เราต้องเล่นไปตามเกมก่อนที่เราจะทำผิดกฎได้ กฎของเราอาจจะดีกว่า แต่การสัมภาษณ์งานไม่มีเวลามากพอนักที่เราจะแสดงอะไรโง่ ๆ ออกมา

“ให้ความสำเร็จของคุณพูดแทนตัวเอง”

โลกจะน่าอยู่ขึ้นหากผู้คนประสบความสำเร็จเพราะความสามารถมากกว่าความมั่นใจ ในโลกที่สมบูรณ์แบบ เราไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการโปรโมตตัวเอง เพื่อสร้างแบรนด์ให้กับตัวเอง

แต่น่าเศร้าที่เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ความจริง การมีสไตล์จะทำให้เราไปได้ไกลกว่าการไม่มีสไตล์ ในงานการวิจัยได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่าความเชื่อมโยงของการพยายามสร้างตัวตน หรือ สร้างแบรนด์ให้กับตัวเอง มีแนวโน้มที่จะเอาชนะคนที่มีเพียงแค่ความสามารถและศักยภาพเท่านั้น

สิ่งที่ต้องทำแทน : แบรนด์ของเราเป็นตัวขับเคลื่อนความสำเร็จในอาชีพการงานที่ยิ่งใหญ่กว่างานจริงของเรา ซึ่งหมายความว่าแม้แต่คนที่มีความสามารถส่วนใหญ่ก็ได้รับประโยชน์มากมายจากการสร้างแบรนด์ให้กับตัวเอง

การปลูกฝังความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเจ้านายและทำให้แน่ใจว่าคนที่มีอำนาจเห็นคุณค่า และต้องมีการเรียนรู้วิธีที่จะอยู่อย่างถ่อมตัว 

สถานการณ์ในอุดมคติ ก็คือ การให้เจ้านายของเราคิดว่าเราเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวพอ ๆ กับที่เค้าเห็นเราเป็นคนที่มีความสามารถ การเปิดเผยหรือแสดงออกมากเกินไป สามารถย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ในภายหลัง

สังเกตผู้คนในตำแหน่งที่มีอำนาจ และพยายามทำความเข้าใจว่าพวกเขากำลังพยายามแก้ไขปัญหาอะไร จากนั้นแสดงและบอกพวกเขาว่าเราสามารถช่วยได้อย่างไร นี่เป็นสูตรสำเร็จที่ดีกว่าการเพิกเฉยและไม่สนใจต่อผู้อื่นในโลกของการทำงาน

“มุ่งเน้นไปที่จุดแข็งของคุณ”

คนทั่วไปมักชอบคำแนะนำแบบนี้เพราะง่ายกว่าการปฏิบัติในรูปแบบอื่น ๆ แต่ปัญหาคือจุดแข็งเกิดจากแนวโน้มที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนที่เกิดขึ้นเองของตัวเราที่ยกระดับสถานะและชื่อเสียงของเราจากผู้อื่น

และในขณะที่ทุกคนต่างมีจุดแข็ง มันทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิตเว้นแต่เราจะเรียนรู้ที่จะตรวจสอบจุดอ่อนของตัวเราเองด้วย

ตัวอย่างเช่น เราอาจเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก แต่ถ้าเราขาดความเอาใจใส่และความถ่อมตัว ความฉลาดของเราจะทำให้เราดูหยิ่งและเย็นชา เราอาจเป็นนักเขียนที่มีความสามารถมากที่สุด แต่ถ้าเราไม่มีการควบคุมตนเอง เราจะไม่มีวันสร้างงานหรือส่งมอบงานให้ตรงเวลาได้นั่นเอง

ยิ่งไปกว่านั้นหากใช้มันมากเกินไปจุดแข็งของเราก็จะกลายเป็นจุดอ่อนในที่สุด: ความมั่นใจที่มากเกินไปจะกลายเป็นความหลงผิด ความเมตตาที่มากเกินจะนำไปสู่การหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง

สิ่งที่ต้องทำแทน :  การปรับตัวให้เข้ากับโลกแห่งความเป็นจริงและสร้างความประทับใจให้กับผู้อื่นซึ่งจะมีประโยชน์มากที่สุดในช่วงเริ่มต้นอาชีพของเรา ให้สร้างความมั่นใจกับจุดแข็งของเรา แต่ก็ต้องพยายามหาจุดอ่อนตัวเราด้วยเช่นกัน

ผู้ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ มักจะมีการวิจารณ์ตัวเอง ซึ่งความทะเยอทะยานของพวกเขาเป็นผลมาจากความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะเอาชนะข้อจำกัด และไม่สามารถพอใจกับความสำเร็จเก่า ๆ ของพวกเขาได้

ในทำนองเดียวกันเมื่อเรารู้ว่าจุดอ่อนของเราคืออะไร เราจะรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งความรู้สึกดังกล่าวนั้นอาจผลักดันให้เราสามารถทำสิ่งที่ดีขึ้นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะผลักดันให้เราเติบโตได้เร็วขึ้น

“ทำตามความหลงใหลของคุณ”

แม้ว่าจะช่วยให้มีความคิดที่ชัดเจนว่าเราต้องการทำอะไรในชีวิต แต่การทำตามความหลงใหลของเรามักเป็นเพียงสูตรสำเร็จเท่านั้น หากความปรารถนาของเราสอดคล้องกับความต้องการของตลาดงานและความสามารถที่แท้จริงของเรา

และแน่นอนว่าเป็นความจริงเช่นกันที่ว่า ความหลงใหลเป็นสิ่งที่ไม่จีรังกว่าที่เราคิด ตัวอย่างเช่น ปีนี้เราอาจหลงใหลในการถ่ายภาพ แต่ในปีหน้าเราอาจหลงใหลในวิทยาศาสตร์ การเขียน หรือแอนิเมชั่น

ในกรณีส่วนใหญ่หากเรามองหาโอกาสในอาชีพการงานที่เรารักเท่านั้น แทนที่จะขยายมุมมองของเรา และพิจารณาสิ่งที่จะทำให้เราเติบโต เราอาจจะต้องเสียสละงานที่สามารถพัฒนาอาชีพของเราในสายงานได้

นอกจากนี้ยังเป็นการทิ้งโอกาสสำคัญในการค้นพบตัวเองนั่นคือโอกาสที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องการและไม่ต้องการ หรือทดลองกับสิ่งใหม่ ๆ ที่เราอาจจะทำได้ดีหรือชอบมากกว่า

จำไว้ว่าการทำตามความปรารถนาของเรานั้นอาจเป็นวิธีในการปกป้องตัวเองวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราอยู่ใน comfort zone และขัดขวางการพัฒนาของเรานั่นเอง

สิ่งที่ต้องทำแทน :  โดยปกติแล้วยิ่งเราอายุน้อย เราก็จะต้องทำการค้นหาตัวเองให้มากขึ้นเท่านั้น ในช่วงอายุ 20 ปี เราควรคิดอย่างหนักเกี่ยวกับความสนใจและศักยภาพของเรากับโอกาสที่มีอยู่และคว้าสิ่งที่จะช่วยให้เราสามารถเรียนรู้และเติบโต

ในช่วงอายุ 30 ปีเราอาจต้องการเปลี่ยนโฟกัสจากการได้รับผลตอบแทนระยะสั้นเป็นการสร้างผลกระทบในระยะยาว และในทั้งสองขั้นตอนก็ควรที่จะมีความยืดหยุ่น

ในท้ายที่สุดการทำตามความหลงใหลของเราก็มีประโยชน์น้อยกว่าการหาคนที่ทุ่มเทอย่างจริงจังเพื่อช่วยให้เราสามารถเติบโตในระยะยาวได้นั่นเอง

ในระยะสั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้คือเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งหมายถึงการเปิดกว้างและพยายามประเมินข้อดีข้อเสีย ของแต่ละเส้นทางที่เรามีโอกาสได้ลองอย่างรอบคอบ

หลังจากนั้นโอกาสความสำเร็จของเราอาจเพิ่มมากขึ้น หากเราเพิ่มความเหมาะสมระหว่างศักยภาพ ความสนใจ และโอกาสของเราให้มากที่สุดนั่นเองครับ

References : https://hbr.org/2020/10/4-pieces-of-career-advice-its-okay-to-ignore

Geek Story EP62 : การก่อกำเนิดของเกม Pong กับการสร้างวัฒนธรรมแหกกฏครั้งแรกใน Silicon Valley

ในวันที่ Atari ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ปี 1972 Nolan Bushnell ได้ว่าจ้างวิศวกรคนแรกของเขา Al Alcorn ซึ่งเป็นนักฟุตบอลระดับมัธยมปลายจากละแวกซานฟรานซิสโก ที่เรียนรู้การซ่อมโทรทัศน์ด้วยตัวเองผ่านหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยเบิร์กลีย์

ในเวลานั้น Bushnell มีสัญญาที่จะสร้างวีดีโอเกมใหม่ให้กับ บริษัท Bally Midway ในเมืองชิคาโก ซึ่งแผนการคือการทำเกมแข่งรถ ซึ่งดูเหมือนจะน่าสนใจกว่า เกมยานอวกาศสุดฮิตอย่าง Spaewar ในสมัยนั้น

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3qbG66p

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2HRsGv2

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/B1BjGBDDNM4

References : https://www.pinterest.com/pin/427771664586310436/?autologin=true

เมื่อ Raspberry Pi ถูกนำมาใช้แฮ็ค Tesla Model X

ComputerWeekly ได้รายงานว่านักศึกษาปริญญาเอกชาวเบลเยี่ยม ทำการ hack ระบบการรักษาความปลอดภัยของ Tesla Model X ได้สำเร็จด้วยอุปกรณ์ง่าย ๆ อย่าง Raspberri Pi

โดยพวกเขาได้ใช้เครื่องมือแฮ็กเกอร์ทั้ง มีดพก Swiss Army ,  Raspberry Pi พร้อมกับ Key fob (กุญแจรีโมท เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปเปิดประตูรถ) ที่ได้รับการแก้ไข และหน่วยควบคุมเครื่องยนต์ (ECU)  ช่องโหว่นี้บังคับให้ Tesla ต้องออกแพทช์ใหม่สำหรับรถยนต์ Model X ทันที

Lennert Wouters นักศึกษาปริญญาเอกจากกลุ่มวิจัยการรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ (Cosic) ของมหาวิทยาลัย Leuven ได้สร้างอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายกับรถ Tesla ได้ไกลถึง 5 เมตร 

ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งที่สามที่ Wouters สามารถใช้ประโยชน์จาก key fob และเข้าถึงรถได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็สามารถที่จะโคลน fob ได้สำเร็จมาแล้ว

“การใช้ ECU ที่ได้รับการดัดแปลงซึ่งได้มาจาก Tesla Model X ทำให้เราสามารถบังคับ Key fobs ได้ในระยะทางไกลถึง 5 เมตร” Wouters กล่าว

ชุดอุปกรณ์ทั้งหมดมีราคา 195 เหรียญและสามารถซ่อนไว้ในกระเป๋าเอกสารหรือกระเป๋าพกพาได้อย่างง่ายดาย

ซึ่งทำให้โจร สามารถที่จะเดินไปตามเป้าหมาย และควบคุมกุญแจของพวกเขาได้ จากนั้นก็รอเพียงแค่เวลาที่หัวขโมยจะต้องใช้ตัวเชื่อมต่อ Raspberri Pi เพื่อจับคู่ Key fob ที่แก้ไขแล้ว จากนั้นพวกเขาก็สามารถควบคุมยานพาหนะได้ทั้งหมด

Raspberry Pi ถือว่าเป็น อุปกรณ์ที่มีต้นทุนต่ำ ใช้งานง่าย และใช้พลังงานในการประมวลน้อย ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเจ้าบอร์ดเล็ก ๆ ตัวนี้ มีอะไรมากกว่านำมาใช้ในการเรียนรู้การเขียนโค้ด หรือ เชื่อมต่อวงจรไฟ LED กระพริบ แบบที่เราได้เคยเห็นกันเพียงเท่านั้น

แน่นอนว่าข่าวนี้น่าสนใจ ตอนนี้รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า นั้นแทบจะมีระบบปฏิบัติการทางด้านคอมพิวเตอร์อยู่ด้านใดคอยจัดการในส่วนต่าง ๆ ของรถ ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตรถยนต์เหล่านี้ ก็จะเป็นเป้าหมายที่สำคัญของเหล่า Hackers ที่สามารถเข้าถึงได้ไม่ยากอีกต่อไป ซึ่งต่อไปเราอาจจะได้เห็น Ransomware ที่จะมาเรียกค่าไถ่จากรถยนต์ก็เป็นได้นั่นเองครับ

References : https://www.computerweekly.com/news/252492564/Belgian-security-researcher-hacks-Tesla-with-Raspberry-Pi
https://www.geeky-gadgets.com/tesla-model-s-hacked-by-raspberry-pi-mini-pc-in-seconds-11-09-2018/