4 ปีของ Ozil

ผมยังจำช่วงเวลานั้นได้ดี ในคือปิดตลาดนักเตะของ ฤดูกาล 2013/2014 ต้องยอมรับว่าถึงกับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว สำหรับแฟนทีมอาเซน่อลในคืนนั้น เมื่อทีมกำลังมีข่าวใกล้เซ็นสัญญากับ Ozil Playmaker world class จากทีม Real Madrid ในขณะนั้น  ต้องลองจินตนาการไปในฤดูกาลดังกล่าว ที่ค่าตัวนักเตะยังไม่เฟ้อเหมือนอย่างปัจจุบัน ค่าตัวของ Ozil ในขณะนั้น 42.5 ล้านปอนด์ ถ้าจำไม่ผิด ถือว่าเป็นการลงทุนที่เซอร์ไพรซ์ แฟน อาเซน่อลทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ต่างคนต่างเฝ้ารอการชู้เสื้อของ Ozil จนแทบไม่ได้นอนในคืนนั้น

เมื่อมีข่าว official การเซ็นสัญญากับ Ozil แฟนบอลทั่วโลกต่างดีใจว่าสามารถดึง superstar ระดับโลกเข้ามาร่วมทีมได้สำเร็จ มีการฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นวันนึงที่มีความสุขที่สุด ตั้งแต่ เชียร์อาเซน่อลมาเลยก็ว่าได้ เพราะตอนนั้นสถานะ Ozil นั้นเป็นนักเตะระดับ World class แล้ว แม้กระทั่งแฟนทีม Real Madrid ยังอาลัยอาวร กับการจากไปของ Ozil ในฤดูกาลนั้น

ที่สะใจเข้าไปกว่านั้นคือการที่ทีมคู่รัก คู่แค้นร่วมเมืองอย่าง สเปอร์ ก็ต้องเสียตัวนักเตะซุปเปอร์สตาร์ของทีม อย่าง เกเร็ธ เบล ไปให้กับ Madrid ซึ่งก็เป็นเหตุผลนึงที่ Real Madrid นั้นต้องทำการปล่อยตัว Ozil ออกมา

จำได้ว่าตอนมานัดแรก ก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวังเลย สำหรับการทำ Assist ตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนาม ตอนนั้นจินตนาการได้ถึงความยิ่งใหญ่ของอาเซน่อลกำลังจะกลับมาเลยทีเดียว และฟอร์มในช่วงแรกในฤดูกาลนั้น ก็สามารถ นำขึ้นไปเป็นจ่าฝูงได้ช่วงคริสมาสต์ เลยก็ว่าได้

แต่แล้วความจริงก็คือความจริง การเจอกับทีมใหญ่ในปีนั้น ทีมแทบจะไม่สามารถเก็บแต้มได้เลย รวมถึงการแพ้อย่างมโหฬาร กับทีมอย่าง แมนซิตี้ เชลซี รวมถึง ลิเวอร์พูล ที่เป็น score ที่แพ้แบบขาดมาก จนอันดับคะแนนร่วงหล่นมาเรื่อย ๆ จนปลายฤดูกาลก็เข้าสู่ฟอร์มเดิม คือ เข้าป้ายอันดับ 4 คว้าโควต้าแชมเปี้ยนลีคไปอย่างเฉียดฉิว แต่ก็ได้แชมป์แรกในรอบหลาย ๆ ปีอย่าง FA Cup ก็ถือว่าได้ปลอบใจแฟน ๆ ที่ร้างราราการเป็นแชมป์มานานแสนนาน

Ozil นั้น มาพีค ที่สุดตอนฤดูกาล 2015/2016 คือเป็น Top Goal Assist ได้ในปีนั้น และเป็นปีที่น่าเสียดายที่สุดของแฟนอาเซน่อลเลยก็ว่า ทุกทีมใหญ่ต่างหลุดฟอร์มกันไปหมด แต่กลายเป็นทีมม้ามืดอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ที่มาปาดหน้าคว้าแชมป์ไปซะอย่างงั้น โดยอาเซน่อล จบด้วยอับดับ 2 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดในรอบหลายปีหลังเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ท้งที่ปัจจัยหลาย ๆ อย่างเอื้ออำนวยให้ทีมเป็นอย่างมากในปีนั้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้ต้องจบฤดูกาลโดยไม่ได้แชมป์แบบไม่น่าให้อภัยเลยก็ว่าได้

ต้องยอมรับว่าผ่านมา 4 ปีนั้น ทำให้ผมเป็นแฟนตัวยงของ โอซิล ทั้งในนามทีมชาติ และ สโมสร โดยในทีมชาตินั้น ก็ช่วยลุ้น ทำให้คว้าแชมป์โลกในปี 2014 ไปได้ แม้เจ้าตัวจะฟอร์มไม่ดีนัก แต่เนื่องจากขุมกำลังของ เยอรมันยุคนั้น แทบจะสมบูรณ์แบบ ทำให้คว้าแชมป์โลกไปได้ หลังจากห่างหายไปตั้งแต่ปี 1990 ที่ได้แชมป์ครั้งล่าสุด

ส่วนตัวคิดว่า Ozil นั้นเล่นเต็มที่ทุกเกมส์อยู่แล้ว แต่หลาย ๆ องค์ประกอบไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้กับ Ozil ยามที่มาใส่เสื้ออาเซน่อล ทั้งคุณภาพนักเตะ ที่เกรดต่ำกว่าตอนอยู่ Real Madrid เยอะ ทำให้การเล่นพลอยสะดุดไปด้วย เนื่องจากต้องมาเล่นเกมส์รับมากขึ้น ซึ่งผมมองว่าแกยังไม่ค่อยถนัดมาเล่นเกมส์รับซักเท่าไหร่ จากที่เห็นได้ในหลาย ๆ เกมส์  Ozil นั้นเหมาะสำหรับการทำเกมส์รุกแบบ อิสระ เสรี อยูด้านมากกว่า ควรมีมิดฟิลด์ ที่มาคอย ทำหน้าที่เกมส์รับอย่างสมบูรณ์ Ozil ถึงจะเล่นได้ดีในหลาย ๆ เกมส์ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นจุดอ่อนจุดนึงของอาเซน่อล รวมถึง กองหน้า ที่ไม่สามารถฝากผีฝากไข้ได้อย่าง ชิรูด์ ซึ่งไม่เหมาะกับ style ของ Ozil ซักเท่าไหร่ จึงทำให้เขาฟอร์ม drop ลงไปอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลัง ๆ บางทีดูแล้วก็อึดอัดเหมือนกันทั้งที่ Skill ของ Ozil ควรจะทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่เหมือนเค้ายังไม่ได้รีดเอาประสิทธิภาพของ Ozil ออกมากได้ทั้งหมด อาจจะเป็น เพราะ tactic หรือ เพื่อนร่วมทีมที่ยังไม่พร้อม

สำหรับ 4 ปีที่ผ่านมาก็ต้องบอกว่า Ozil ก็ได้ทำให้แฟนบอลอาเซน่อล มีความสุข ทั้ง แชมป์ FA Cup ถึง 3 ครั้งในรอบ 4 ปี ก็ต้องขอบคุณ Ozil ที่ทำให้เราได้ฉลองความสำเร็จเหมือนทีมอื่นๆ  ได้บ้าง หลังจากที่ร้างรา มานานแสนนาน ขาดแค่เพียงอย่างเดียวก็คือ แชมป์ลีก ซึ่งหากทำได้ก็ถือว่าสมบูรณ์แบบ ปีนี้อาจจะเป็นปีสุดท้ายที่เราจะได้เห็น Ozil ในสีเสื้ออาเซน่อลแล้วก็ว่าได้ เพราะดูแล้ว หากสถานการณ์ยังเป็นอย่างงี้ Ozil คงเลือกไม่ต่อสัญญาอย่างแน่นอน ก็เหลือเพียงได้ลุ้น ว่าปีนี้ Ozil จะส่งท้ายด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลีคได้หรือไม่ ก็ต้องคอยตามเชียร์กันต่อไปสำหรับฤดูกาลนี้ ถึงแม้จะดูแล้วยาก แต่ก็เพียงแค่เริ่มต้นฤดูกาล เราก็ยังสามารถที่จะลุ้นได้ต่อไป เชื่อว่ามันยังมีโอกาสหากทีมเรากลับมาสามัคคีแล้วเล่นกันให้เต็มที่ในฤดูกาลสุดท้ายของ Ozil