อย่างที่เกริ่นไว้ในตอนก่อนหน้า ที่ตอนนี้สถานะของ เอดูอาร์โด ใน thefacebook เริ่มจะสั่นคลอน เมื่อ ฌอน เข้าไปร่วมทีมกับมาร์ค ที่ซิลิกอน วัลเลย์ เพื่อจะพา thefacebook ก้าวข้ามไปอีกขั้นหนึ่งให้ได้ จากบริษัทที่เริ่มต้นในหอพักของ มหาลัย ฮาร์วาร์ด ตอนนี้ thefacebook กำลังเป็นที่หมายตาของนักลงทุนทั่วซิลิกอนวัลเลย์ ที่ต้องการที่จะเข้ามาร่วมลงทุน
เรียกได้ว่าตอนนี้ thefacebook เป็นบริษัทเนื้อหอมที่ดึงดูดนักลงทุนจำนวนมากที่กำลังได้กลิ่นเงิน ที่ thefacebook จะเจริญรอยตามความสำเร็จของบริษัทรุ่นพี่ อย่าง yahoo หรือ google ทำได้
ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับ ฌอน ในการพามาร์ค ไปหานักลงทุนเหล่านี้ เพราะความกว้างขวางของ ตัว ฌอน เอง และประสบการณ์ที่แสนเจ็บช้ำจากบริษัทก่อนหน้าอย่าง napster และ plexo นั้น ทำให้ ฌอน มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษามาร์ค เพื่อเลือกบริษัทลงทุนที่ถูกต้อง และต้องปกป้องตัวเอง ไม่ให้โดนถีบจากบริษัทที่สร้างมาด้วยมือตัวเองอีกครั้ง
เอดูอาร์โด นั้นก็เริ่มรู้สึกตะหงิดใจ หลังจากที่รู้ว่า ฌอนได้เข้ามาเป็นที่ปรึกษามาร์ค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาร์ค เริ่มสาธยายถึงการได้ไปปาร์ตี้เพื่อนัดพบเหล่านักลงทุนที่สนใจ thefacebook เป็นจำนวนมาก และอยากให้ เอดูอาร์โดนั้นรีบทิ้งนิวยอร์ค แล้วกลับมาที่ ซิลิกอน วัลเลย์โดยด่วน
แม้ความเป็นจริงแล้ว เอดูอาร์โด จะลาออกจากฝึกงานตั้งแต่ไม่กี่วันแรก เพื่อทุ่มเทในการหาโฆษณา เพื่อมาลง thefacebook เพื่อมาช่วยพยุงรายจ่าย ที่จะเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วมาก ๆ ของ thefacebook
เอดูอาร์โด ยังมองว่าตัวเองเป็น CFO ของ thefacebook และดูแลเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจของ thefacebook อยู่ แต่ดูแล้วฝั่งมาร์คนั้น มองสิ่งที่ เอดูอาร์โดทำเป็นเรื่องที่ไร้สาระไปเสียแล้ว เพราะเม็ดเงินที่ ซิลิกอน วัลเลย์ ที่ได้พูดคุยกับเหล่านักลงทุนจำนวนมากนั้น ทำให้มาร์ค เห็นศักยภาพที่ thefacebook นั้นจะกลายเป็นบริษัทพันล้านเหรียญได้อย่างแน่นอน
เมื่อเพื่อนรักเริ่มแตกคอ
เราเริ่มได้เห็นรอยร้าว ระหว่างทั้งสองเริ่มเกิดขึ้น ทั้งสองเริ่มมีความคิดต่างกันในการนำพา thefacebook ไปข้างหน้า มันไม่ใช่เพราะฌอน เพียงอย่างเดียว แต่ดูเหมือน เอดูอาร์โด นั้นก็จะยึดมั่นในสัดส่วนที่ตัวเองถือหุ้น 30% รวมถึง การรับมอบตำแหน่งให้ดูแลเรื่องธุรกิจ ตามที่ได้ตกลงไว้เมื่อก่อตั้ง thefacebook ครั้งแรกที่ ฮาร์วาร์ด
เอดูอาร์โด เริ่มไม่พอใจที่มาร์ค ที่ให้ฌอน นัดแนะ ไปพบเหล่านักลงทุนต่าง ๆ โดยไม่มีเขาอยู่ด้วย เพราะเขาเป็นผู้ดูแลเรื่องธุรกิจของ thefacebook ตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้งบริษัท ซึ่งเอดูอาร์โด มองว่าต้องยึดมั่นตรงนั้น หากต้องการทำธุรกิจร่วมกัน แล้วที่สำคัญ ฌอนนั้นเป็นแค่ที่ปรึกษา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทเลยด้วยซ้ำ และมาร์ค ก็ควรจะทำหน้าที่ของตัวเองคือดูแลส่วนของเทคโนโลยี หรือ การพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ แทน และให้ตัวเขานั้นจัดการเรื่องธุรกิจทั้งหมด
จุดแตกหัก
หลังจากเริ่มที่จะคุยกันไม่รู้เรื่องนั้น และด้วยความโมโห ที่มาร์ค ไม่สนใจในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ที่นิวยอร์ก เลย จึงได้เริ่มเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง เพื่อยืนยันในสิทธิ์ทุกอย่างของเขา ใน thefacebook โดยชี้ให้มาร์คเห็นว่าเขานั้น เป็นผู้ทำหน้าที่หลักด้านธุรกิจของบริษัท และถือหุ้นอยู่ 30% ของบริษัท
เขาต้องทำทุกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้มาร์คได้ยอมรับความจริงในข้อนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มาร์คไปรับข้อเสนอทางการเงินจากนักลงทุน ที่ไม่ได้รับการยินยอมจากเขา และยืนยันในสิ่งที่เขากำลังทำที่นิวยอร์ก นั้นเป็นเรื่องเหมาะสม
แต่หลังจากที่มาร์คได้รับจดหมายจาก เอดูอาร์โดนั้น ก็ยังยืนยันจะให้ เอดูอาร์โด ย้ายมาที่ซิลิกอน วัลเลย์ โดยด่วนที่สุด และเริ่มเล่าเรื่องที่ได้ไปพบนักลงทุนที่น่าสนใจ ที่จะให้เงินก้อนสำหรับ thefacebook เพื่อให้รองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วแบบนี้ต่อไปได้ เขายืนยันว่า thefacebook ต้องการเงินก้อนนั้นโดยด่วน เพราะกำลังเข้าสู่ภาวะที่เงินใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว และไม่สามารถที่จะรองรับการเติบโตได้อีกต่อไป เนื่องจากยิ่งขยาย ก็ต้องใช้เงินทุนเพิ่ม ต้องจ้างคนเพิ่มเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ให้ได้ ต้องหาเงินทุนโดยด่วน
ฝั่งเอดูอาร์โด เมื่อได้รับ message กลับมาอย่างงี้นั้น ก็มองว่า มาร์ค ไม่ได้สนใจประเด็นที่เขาต้องการจะสื่อ เลย โดยเฉพาะเรื่องการพบปะกับนักลงทุนเพื่อคุยเรื่องธุรกิจโดยไม่มีเขา
ซึ่งมันถึงเวลาแล้วที่ เอดูอาร์โด ต้องทำอะไรซักอย่าง โดยสามวันหลังจากการคุยครั้งล่าสุด ที่ตกลงกันไม่ได้ ด้วยความโมโห จึงได้ทำอะไรที่ไม่ยั้งคิด คือการอายัดบัญชีทั้งหมด รวมถึงยกเลิกเช็คทั้งหมดของ thefacebook ที่มาร์ค ใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่ ซิลิกอน วัลเลย์
แม้เขาจะรู้ว่านี่มันเริ่มที่จะล้ำเส้น แต่ มันต้องทำเพื่อให้มาร์ค ได้รับรู้ว่า เค้าเป็นคนออกเงินทุนหลัก มาร์ค และทีม ที่สามารถอยู่ได้ใน ซิลิกอน วัลเลย์ นั้นเพราะเงินของเขาแทบจะทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ เอดูอาร์โด ลืมคิดไปคือ การที่ทำอย่างงี้ มันเสี่ยงต่อสถานะ ที่ thefacebook ที่จะถูก shutdown ได้หากไม่มีเงินมาจ่ายค่า server รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในบริษัท มันเป็นการนำพาบริษัทไปสู่จุดเสี่ยงโดยใช่เหตุ การที่ thefacebook down เพียงแค่ไม่กี่นาที ก็มีผลต่อ user ที่จะหนีไปใช้ระบบอื่นได้ เหมือนที่ friendster เคยโดนมาแล้ว
สถานการณ์ตอนนี้ของ thefacebook ถือว่าล่อแหลมมาก ทุกอย่างมันกดดันหมด จำนวนผู้ใช้งานก็โตขึ้นเรื่อย ๆ แถมเงินที่มีก็เริ่มร่อยหรอลงไปทุกที ไม่ต้องฝันถึงรายได้ที่ตอนนี้ยังไม่มีการหารายได้ที่ชัดเจน มีสิ่งเดียวที่ทำได้คือการหานักลงทุนมาเข้าร่วมลงทุน เพื่อทำ thefacebook ให้มันเดินต่อไปได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างผู้ก่อตั้งทั้งสอง มันคงถึงจุดแตกหักแล้วจริง ๆ สำหรับ มาร์ค และ เอดูอาร์โด การไม่คุยกันให้เคลียร์ รวมถึงการตัดสินใจที่ ไม่ได้คิดให้รอบคอบของ เอดูอาร์โด ครั้งนี้แหละ เป็นจุดสำคัญที่ ทำให้มาร์ค นั้นเปลี่ยนไป มันคงถึงเวลาแล้วที่ มาร์ค จะต้องนำพา thefacebook ก้าวข้ามต่อไปด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีเอดูอาร์โด อีกต่อไปแล้ว แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับ thefacebook ในช่วงเวลาที่บีบคั้นเช่นนี้ มาร์คจะนำพาบริษัทไปทางไหน ฌอนจะได้ผลประโยชน์อะไรจากการตัดสินใจครั้งนี้ โปรดติดตามตอนต่อไป
–> อ่านตอนที่ 9 : Facebook, Inc.
<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Facemash (The Beginning) *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***
Credit แหล่งข้อมูลบทความ
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA
Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
Geek Forever’s Podcast
“Open Your World With Technology“
AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning
Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ