Geek Forever

ด.ดล Blog

Open Your World with Technology. เปิดโลกใบใหม่ของคุณ ด้วยเรื่องราวของเทคโนโลยี ( Business x Technology x Inspirational Stories )

HOME

  • ABOUT ME
  • BECOME A SUPPORTER
  • CONTACT
  • EDITORS ‘ PICKS
  • PODCAST

Categories

  • Advertorial
  • AI & Robot
  • Bitcoin
  • Blockchain
  • Blog Series
  • Books
  • Business
  • Cars
  • Case Study
  • COVID-19
  • Deep Learning
  • Digital Music War
  • Documentary
  • Entertainment
  • Entrepreneurship
  • Failed Startup
  • Football Product
  • Games
  • Geek China
  • Geek Daily
  • Geek Life
  • Geek Monday
  • Geek Story
  • Geek Talk
  • Healthcare
  • Home & Garden
  • Investment
  • JT 8704
  • Life of Pine
  • Lifestyle
  • Machine Learning
  • Marketing
  • Movies
  • Paypal Mafia
  • PodCast
  • Political
  • Popular Blog
  • Products
  • Programming
  • Recommendations
  • Review
  • Sci & Tech
  • Search War
  • Self Help
  • Series
  • Smartphone War
  • Sport
  • Startup
  • Story
  • The Story
  • Tokyo in the Rain
  • Trading
  • Travel
  • World War III
  • ประวัติ Bill Gates
  • ประวัติ Bitcoin
  • ประวัติ Elon Musk
  • ประวัติ Google
  • ประวัติ iPod
  • ประวัติ Jack Ma
  • ประวัติ Jeff Bezos
  • ประวัติ Jho Low
  • ประวัติ mark zuckerberg
  • ประวัติ MBS
  • ประวัติ Netflix
  • ประวัติ Netscape
  • ประวัติ Reed Hastings
  • ประวัติ Reid Hoffman
  • ประวัติ Steve Jobs
  • ประวัติ Tim Cook
  • ประวัติ Twitter
  • ประวัติ Youtube
  • แบบบ้านสวย

Archives

  • March 2021
  • February 2021
  • January 2021
  • December 2020
  • November 2020
  • October 2020
  • September 2020
  • August 2020
  • July 2020
  • June 2020
  • May 2020
  • April 2020
  • March 2020
  • February 2020
  • January 2020
  • December 2019
  • November 2019
  • October 2019
  • September 2019
  • August 2019
  • July 2019
  • June 2019
  • May 2019
  • April 2019
  • March 2019
  • February 2019
  • January 2019
  • December 2018
  • November 2018
  • October 2018
  • September 2018
  • August 2018
  • May 2018
  • January 2018
  • December 2017
  • November 2017
  • October 2017
  • September 2017
  • August 2017
  • July 2017
  • June 2017
  • May 2017
  • April 2017
  • March 2017
  • February 2017
  • September 2016
  • June 2016
  • April 2016
  • March 2016
  • February 2016
  • January 2016
  • December 2015
  • October 2015
  • September 2015
  • May 2015
  • April 2015
  • March 2015
  • February 2015
  • December 2014
  • November 2014
  • October 2014
  • September 2014
  • August 2014
  • April 2014
  • March 2014
  • February 2014
  • January 2014

Meta

  • Log in
  • Entries feed
  • Comments feed
  • WordPress.org

Tag Archives: eduardo saverin

ประวัติ mark zuckerberg ตอนที่ 13 : I’m CEO Bitch (The End)

By tharadhol in Books, Investment, Marketing, Sci & Tech, Startup, Story December 3, 2018

ในที่สุดการเรียนของ เอดูอาร์โด ก็สิ้นสุดลงเสียที กับช่วงเวลาในฮาร์วาร์ด เป็นช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดของเขา ไม่ว่าจะประสบพบเจอเรื่องราวๆ  ต่าง ๆ มากมายทั้งในด้านดี และ ด้านร้าย ๆ ก็ตาม มันถึงเวลาที่เขาต้องย้ายออกจากสถานทีแห่งนี้เสียที ที่ฮาร์วาร์ด ที่ ๆ เขาร่วมสร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ เครือข่ายที่ปฏิวัติเสรีภาพ การแสดงออก รวมถึงเชื่อมต่อ ทุกคนทั่วทั้งโลกมาไว้ด้วยกันบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

ซึ่งแน่นอน สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ มันถึงเวลาเสียทีที่เค้าต้องดำเนินการฟ้องร้องทางกฏหมาย เพื่อไล่ล่าความชอบธรรม ที่ตัวเค้าเป็นส่วนหนึ่งของผู้สร้าง facebook กลับมา ทั้งหมดจะไม่ใช่เรื่องของเขากับมาร์ค เพียงสองคนอีกต่อไปแล้ว

ซึ่งเวลานี้เค้าก็ได้มานั่งคิดทบทวนตัวเอง ว่าบางทีนั้น สิ่งที่มาร์ค ทำกับ เขาอาจจะเป็นความจำเป็นในเรื่องธุรกิจเท่านั้น มันก็มีส่วนนึงที่เค้าผิด ที่พยายามอายัดบัญชี  ซึ่งเหล่านี้ทำให้มันเป็นเรื่องยุ่งยากในการหาทางร่วมทุนกับเหล่านักลงทุนมากยิ่งขึ้น  แต่ยังไง เขาก็เชื่อด้วยหัวใจเต็มเปี่ยม ว่าเขานั้นเป็นส่วนหนึ่งของ facebook ตั้งแต่เริ่มต้น เขาเป็นคนลงเงินทุนตั้งต้น ของ facebook ทั้งหมด จนก่อร่างสร้างตัวมาได้จนถึงวันนี้ ซึ่งเขาก็ควรที่จะได้รับสิ่งที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาที่ตกลงไว้ตั้งแต่แรก

ต่อสู้ด้วยการพึ่งพาศาลสถิตยุตธรรมเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

ต่อสู้ด้วยการพึ่งพาศาลสถิตยุตธรรมเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

ถึงตอนนี้นั้น ความเห็นที่เหมือนกันเพียงอย่างเดียวของทั้งสอง คือ ต่อไปนี้ เรื่องของ facebook นั้นมันไม่ใช่เรื่องของความสัมพันธ์ของเพื่อน อีกต่อ ไปแล้ว มันคือธุรกิจ เขาจะตามเอาสิ่งที่เขาควรได้รับกลับมาทั้งหมด ต้องพึ่งศาลสถิตยุติธรรม เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับเขา

ส่วนมาร์คนั้น แน่นอน หลังจากไล่ ฌอน ปาร์กเกอร์ ออกไปพ้นชายคา facebook แล้วนั้น จะเห็นได้ว่าทุกคนต่างประสบชะตากรรมเดียวกันไม่ต่างจาก เอดูอาร์โด หรือ พี่น้อง winklevoss อะไรที่เป็นภัยคุกคาม กับ facebook  ที่เปรียบเสมือนลูกในไส้ ของมาร์ค  จำเป็นต้องถูกจัดการไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะสุดท้ายแล้วนั้น สิ่งเดียวที่มีความหมายที่สุดต่อมาร์ค ในตอนนี้ คือ facebook มันคือผลงานการสรรค์สร้าง โดย มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กนั่นเอง

I'm CEO Bitch

I’m CEO Bitch

ไม่ว่าจะอย่างไร มาร์ค ไม่มีวันที่จะให้อะไรมาขัดขวาง facebook ได้โดยเด็ดขาด เพราะเขาคือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก “I’m CEO Bitch” นั่นเอง

ผลสรุปสุดท้ายของตัวละครแต่ละคนใน Series มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก I’m CEO Bitch

ฌอน ปาร์กเกอร์

ฌอน ปาร์เกอร์ มาคุม founder fund ของ peter thiel

ฌอน ปาร์เกอร์ มาคุม founder fund ของ peter thiel

หลังจากถูกมาร์ค ไล่ออกจาก facebook เค้าก็ยังมีบทบาทอยู่ใน ซิลิกอน วัลเลย์ โดยได้ร่วมกับ ปีเตอร์ ธีล ในการก่อตั้ง Founder Fund กองทุนสำหรับ สตาร์อัพ เพื่อหา สตาร์ทอัพ หน้าใหม่ๆ  เหมือนที่ ปีเตอร์ ธีล ทำได้ในการลงทุนกับ facebook 500,000 เหรียญ จนตอนนี้ มูลค่ากลายเป็นกว่า หมื่นล้านเหรียญ ในปัจจุบัน

สองพี่น้อง Winklevoss และ divya narendra

สามสหาย ได้ส่วนแบ่งเป็นที่น่าพอใจจาก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก

สามสหาย ได้ส่วนแบ่งเป็นที่น่าพอใจจาก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก

ทั้งสามทำการดำเนินคดีกับ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก และคดีดำเนินมายาวนานเรื่อยมา จนถึง ปี 2008 ซึ่งได้ข้อสรุปสุดท้าย แม้จะไม่มีการเปิดเผยในชั้นศาลก็ตาม  แต่มีการายงานจากสื่อว่า ทั้งสามนั้นได้รับเงินไปประมาณ 65 ล้านเหรียญ แม้จำนวนเงินจะมากอยู่ก็ตามในตอนปี 2008 แต่หากมาดูมูลค่า ของ facebook ในปัจจุบัน นั้นเป็นตัวเลขที่น้อยมาก  ๆ

ได้ทำตามความฝันอีกสิ่งหนึ่งคือการได้ไปเล่นโอลิมปิคที่ ปักกิ่ง

ได้ทำตามความฝันอีกสิ่งหนึ่งคือการได้ไปเล่นโอลิมปิคที่ ปักกิ่ง

เพราะปัจจุบัน มูลค่าของ facebook นั้นพุ่งขึ้นไประดับ แสนล้านเหรียญ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนในด้านกีฬาเรือพาย นั้น สองพี่น้อง winklevoss ได้เป็นตัวแทนของทีมเรือพายสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมแข่งขันในกีฬา โอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน  โดยแข่งได้อันดับ 6 ในประเภทการแข่งขัน ฝีพายคู่ชาย

เอดูอาร์โด เซเวอริน

เอดูอาร์โด ซัลเวอริน ได้รับเครดิตกลับมาอีกครั้ง

เอดูอาร์โด ซัลเวอริน ได้รับเครดิตกลับมาอีกครั้ง

สำหรับ เอดูอาร์โด หลังจากจบจากฮาร์วาร์ด ก็ทำการเริ่มดำเนินการฟ้องร้อง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก และ facebook โดยที่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดข้อสรุปเกี่ยวกับ คดีดังกล่าว และมีคดีที่ มาร์ค ฟ้องกลับเอดูอาร์ด้วย ซึ่งมีการต่อสู้ในชั้นศาลอย่างยาวนาน

จนกระทั่งในเดือน มกราคม ปี 2009 ชื่อ ของเอดูอาร์โด เซเวอริน นั้นได้กลับมาถูกบรรจุ ในตำแหน่ง Co-Founder หรือ ผู้ร่วมก่อตั้ง facebook ในเว๊บไซต์ facebook อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าการต่อสู้คดีนั้น เอดูอาร์โด สามารถเอาชนะในเรื่องการคืนเครดิต การเป็นผู้ร่วมก่อตั้งให้เขาได้สำเร็จ แต่เรื่องของส่วนแบ่งหรือหุ้นส่วนใด ๆ นั้นยังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่คิดว่าน่าจะมีมูลค่าที่สูง ซึ่งน่าจะมีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันได้สำเร็จ เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาของ facebook ในระยะยาว

ย้า่ยมาใช้ชีวิตในสิงคโปร์ และแต่งงานกับนางงามชาวสิงคโปร์

ย้า่ยมาใช้ชีวิตในสิงคโปร์ และแต่งงานกับนางงามชาวสิงคโปร์

ส่วนสถานะความเป็นเพื่อนกับมาร์ค นั้น ยังไม่ได้รับการยืนยันใด ๆ ว่าทั้งคู่ กลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือ ไม่ และ ล่าสุดนั้น เอดูอาร์โด ได้ย้ายไปอยู่ที่ประเทศสิงค์โปร์ เพื่อลงทุนในธุรกิจ สตาร์ท อัพที่มีโอกาสเติบโต เนื่องจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น กำลังเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนจากฝั่งอเมริกา  และ ได้แต่งงานกับนางงามชาวสิงค์โปร์ และย้ายมาใช้ชีวิตที่สิงค์โปร์ในที่สุด

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก และ facebook

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก CEO บริหาร facebook มาจนถึงปัจจุบัน

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก CEO บริหาร facebook มาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับ facebook นั้นก็มีการเติบโตด้านผู้ใช้งานขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงในปี 2007 เรื่องไปถึงหูของ google ซึ่งต้องการที่จะ take over facebook แต่อย่าที่รู้กันก่อนหน้านี้ ศัตรูคู่ฉกาจของ google อย่าง microsoft ไม่ยอมอย่างแน่นอน เพราะตอนนั้นกำลังขับเคี่ยวกันในหลายตลาด ทั้ง search engine , email ,  document tool ซึ่ง social เป็นเรื่องใหม่ที่ microsoft ไม่ยอมให้ google มายึดไปอีกแน่นอน

ไมโครซอฟท์ จึงทำเรื่อง surprise อย่างยิ่งด้วยการลงทุน ซื้อหุ้นเพียง 1.6% ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 240 ล้านเหรียญ ทำให้มูลค่าของ facebook พุ่งขึ้นไปสูงถึง 15,000 ล้านเหรียญ ซึ่ง ตอนนั้น บริษัท ยังแทบจะไม่มีรายได้เข้ามามากมายเหมือนในปัจจุบัน แต่เป็นการเตะตัดขา google เพื่อไม่ให้มา take over facebook เพียงเท่านั้น

microsoft ต้องเตะตัดขา google ที่พยายาม take over facebook

microsoft ต้องเตะตัดขา google ที่พยายาม take over facebook

จนในปัจจุบัน กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน internet อย่างเต็มตัว take over บริษัท มากมายไม่ว่าจะเป็น instragram , whatsapp หรือ occulus จนผู้ใช้เติบโตไปถึงกว่า 1,000 ล้านคน อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน เป็นการเดินทางจากจุดเล็ก ๆ ในหอพักที่ ฮาร์วาร์ด จนตอนนี้ ทำให้มาร์ค กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านดอลล่าร์ ที่อายุน้อยที่สุด ซึ่งเป็นการสร้างฐานะมาด้วยตัวเอง ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

แนวคิดที่ได้จาก Blog Series มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก I’m CEO Bitch

ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ติดตาม และ comment ให้กำลังใจ กับการเขียน series ชุดนี้  ตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะยืดยาวได้ถึงเพียงนี้ แต่เรื่องเป็นเรื่องธุรกิจที่สนุกจริง ๆ การเกิดขึ้นของ startup เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในมหาลัย ฮาร์วาร์ด จนเติบใหญ่มาเป็น facebook ที่ยิ่งใหญ่อย่างปัจจุบัน ผ่านเรื่องราวอะไรมามากมาย

โดยส่วนตัวนั้น มาร์ค นั้นเป็นคนหนึ่ง ที่โฟกัส กับสิ่งที่ทำมาตั้งแต่เริ่ม ผมไม่ได้มองว่า มาร์ค เป็นคนที่เลวร้ายอะไรเลย ผมมองเรื่องที่เกิดทั้งหมดนั้น เป็นเพราะมาร์ค ต้องการนำพาธุรกิจไปข้างหน้า เพื่อพิสูจน์ความสามารถของเขา และเขารักในสิ่งที่เขาทำมาก รักเหมือนลูก ใครมาขวางทาง ไมว่าจะด้วยเหตุผลกลใด ก็ตาม นั้น มาร์ค ก็พร้อมที่จะลุยเต็มที่เพื่อขจัดสิ่งที่ขัดขวางเหล่านั้น เพื่อให้ facebook เติบโตมาจนได้ถึงวันนี้ ซึ่งมันพิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่มาร์ค ทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างยิ่ง

ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร กับการมีปัญหากับเพื่อนในการทำธุรกิจ ซึ่งผมคิดว่าในโลกนี้ มีปัญหาแนว ๆ นี้อยู่มากมาย โดยเฉพาะ การทำธุรกิจกับเพื่อน ที่ตอนลำบากนั้นพร้อมจะสู้ด้วยกัน และมักจะมองไม่ค่อยเห็นปัญหา แต่พอตอนรวยขึ้นมามักจะมีโอกาสที่จะแตกคอกันเสมอ ซึ่ง มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกแต่อย่างใด ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับ facebook เพราะผลสรุปสุดท้าย ทุกคนก็ตกลงกันได้ด้วยดี แม้จะจบที่ชั้นศาลก็ตาม แต่ ดู facebook ตอนนี้สิกลายเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ของโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ลองมองมุมกลับกัน หากมาร์ค ปล่อยให้ เอดูอาร์โด เข้ามาวางอำนาจในบริษัท มาอายัดบัญชี แล้วเกิดปัญหาขึ้นมากับ facebook จนคนย้ายหนีไป platform อื่นคงไม่มี facebook บริษัทที่ยิ่งใหญ่ในโลกอินเตอร์เน็ตมาจนถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน

ส่วนเรื่อง idea เริ่มต้นนั้น แม้มาร์ค ไม่ได้คิดเองมาตั้งแต่แรก แต่ผมว่ามันก็เป็นเรื่องของธุรกิจ ที่คนคิด คนแรกไม่ได้ประสบความเร็จเสมอไป แต่เป็นคนที่ลงมือทำต่างหาก คนที่ลงมือทำด้วยความตั้งใจ โฟกัสในสิ่งที่ทำแบบที่มาร์คเป็น นั้น เราก็เห็นผลแล้วว่ามาร์ค ประสบความเร็จเพียงใดจากเริ่มต้น แล้วโฟกัสในสิ่งที่ทำเป็นอย่างมาก จนมาเป็นเศรษฐีอายุน้อยที่สุดของอเมริกา ที่สร้างตัวมาด้วยตัวเอง ไม่ใช่รับมรดกตกทอดมาจากต้นตระกูลแต่อย่างใด

ผมว่า เรื่องนี้เป็นแรงบรรดาลใจ ให้หลายๆ  ท่านได้ ในการที่เราจะลุกขึ้นมาสร้างสรรค์ อะไรก็ตาม มันต้องเริ่มต้นทำ และทำทันที เพราะการมัวแต่คิด ๆ  แล้วไม่ได้ทำซักที นั้นก็ไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จได้เมื่อไหร่ และที่สำคัญคือการโฟกัสในสิ่งที่เราทำ หากเราทุ่มเทให้กับมัน เหมือนที่มาร์คทำกับ facebook  ผมคิดว่าก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้เหมือนที่มาร์คทำ แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เท่าที่มาร์คทำก็ตาม รวมถึงแรงบรรดาลใจให้เหล่าสตาร์ทอัพ และ ผู้ประกอบการหน้าใหม่ของประเทศไทย

blockdit เครือข่ายสังคม online มาแรงของประเทศไทย

blockdit เครือข่ายสังคม online มาแรงของประเทศไทย

ยกตัวอย่าง blockdit ที่แห่งนี้ ที่ ๆ เปิดโอกาสให้ทุกท่านได้มาแสดงฝีมือในการเขียน เป็นสังคมใหม่ แม้จะมาแข่ง facebook ก็ตาม แต่ผมเชื่อว่า คนไทยก็ทำได้ไม่แพ้สิ่งที่มาร์ค เคยทำไว้กับ facebook และ blockdit กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าคนไทยก็ทำได้ และผมเชื่อว่า วันหนึ่ง blockdit นั้นจะประสบความสำเร็จทั้่งในเรื่องธุรกิจ และ จำนวนผู้ใช้งาน จนเป็นที่กล่าวถึงให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ เหมือนที่เราได้เรียนรู้จาก blog series นี้อย่างแน่นอน

–> อ่านตอนพิเศษ (Special) : The Social War

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Facemash (The Beginning) *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุดรวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด

อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปของผมก่อนใครได้ที่ blockdit นะครับ โหลดได้เลย

อย่าลืม ค้นหา “ด.ดล Blog” แล้ว กด follow กันด้วยนะครับผม

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

ประวัติ mark zuckerberg ตอนที่ 11 : Relationship Status

By tharadhol in Books, Investment, Marketing, Programming, Sci & Tech, Startup, Story December 3, 2018

เผลอไปเพียงแป๊บเดียว สมาชิกของ facebook ก็เพิ่มจำนวนขึ้นจากหนึ่งล้านกลายเป็นสองล้านคนอย่างรวดเร็วด้วยอัตราเร่งที่ทุกคนตกใจ และกำลังมุ่งหน้าสู่ 3 ล้านในเร็ว ๆ นี้ ตอนนี้ facebook ไม่ใช่แค่เป็น website น้องใหม่ในตลาด social network อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้กำลังเป็นเครือข่ายสังคมที่ทุกคนทั่วอเมริกากำลังพูดถึง กำลังแพร่ระบาดเหมือนไวรัส ไปยังมหาลัยต่าง ๆ ทั่วอเมริการกว่า 500 แห่ง สื่อเริ่มทำข่าวการเติบโตที่น่าทึ่งของ facebook มีการตามล่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เพื่อมาสัมภาษณ์ทางทีวี หนังสือพิมต่างประโคมข่าว การแจ้งเกิดของ เว๊บไซต์ social network น้องใหม่ตัวนี้

แต่อย่าไรก็ตามนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 2 ระหว่าง มาร์ค กับ เอดูอาร์โด นั้น แทบไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันเลย มีแต่โทรศัพท์จากทนาย ที่มาร้องขอคำขอแปลก ๆ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อในนิวยอร์ค ที่ เอดูอาร์โด ได้ไปหาสปอนเซอร์ ในช่วงก่อนหน้านี้ หรือ รายชื่อ ของธุรกิจ ที่มีโอกาสที่จะลงโฆษณากับ facebook ที่ เอดูอาร์โด เคยติดต่อไว้

เริ่มตะหงิด ๆ ใจอีกครั้ง

เริ่มตะหงิด ๆ ใจอีกครั้ง

ดูแล้วเอดูอาร์โด จะเหินห่างจากทีมงานที่ ซิลิกอน วัลเลย์ อย่างมาก สำหรับในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา  และในที่สุดก็มีการติดต่อมาจากมาร์ค จนได้ ที่ขอให้เอดูอาร์โด เดินทางมาที่ ซิลิกอน วัลเลย์ ซึ่งจะมีการประชุมธุรกิจที่สำคัญบางอย่าง เกี่ยวข้องกับ การว่าจ้างพนักงานใหม่ ที่เอดูอาร์โด จำเป็นทำการฝึกงานให้

ซึ่งในเมล์นั้น มีข้อความหลายอย่าง ที่ทำให้ เอดูอาร์โด รู้สึกตะหงิด ๆ ใจอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง นักลงทุนใหญ่อย่าง เซคัวเอีย แคปปิตอล กองทุน VC ที่ใหญ่ที่สุดใน ซิลิกอน วัลเลย์ ที่บริหารโดยคู่ปรับ เก่าของฌอน อย่าง ไมเคิล มอริตซ์

ไมเคิล มัวริตซ์ ที่จ้องจะลงทุนใน facebook ให้ได้

ไมเคิล มัวริตซ์ ที่จ้องจะลงทุนใน facebook ให้ได้

รวมถึงยังมีบริษัทสื่อ อย่าง ดอน เกรแฮม ซีอีโอ ของ วอชิงตัน โพสต์ ก็ให้ความสนใจในการร่วมลงทุน กับ facebook เช่นเดียวกัน  ซึ่งตอนนี้ เหล่า VC ทั่วทั้ง ซิลิกอนวัลเลย์ ทั้งเล็กใหญ่ นั้นต่างมารุมตอม เพื่อรอโอกาสในการลงทุนกับ facebook โดยที่ไม่อยากตกขบวนนี้ กันทั้งหมด เรียกว่าตอนนี้ facebook นั้นเป็นต่ออยู่อย่างมาก เนื้อหอมจนสามารถเลือกผู้ที่จะร่วมลงทุนได้เอง

ดอน เกรแฮม ceo วอชิงตันโพสต์ ก็สนใจจะลงทุนกับมาร์ค

ดอน เกรแฮม ceo วอชิงตันโพสต์ ก็สนใจจะลงทุนกับมาร์ค

แต่ที่เอดูอาร์โดนั้น รู้สึกประหลาดใจที่สุด น่าจะเป็น เรื่องที่มาร์คแจ้งมาว่า ทางตัว มาร์ค , ฌอน และ ดัสติน  นั้นกำลังจะขายหุ้นออกไปประมาณคนละ 2 ล้านดอลลาร์ นี่เป็นจุดที่น่าจะสะกิดใจ เอดูอาร์โดที่สุด เค้าคิดว่า ทำไมในรายละเอียดของเค้าที่ได้เซ็นต์ไปนั้นไม่สามารถขายหุ้นของตัวเองได้ในเร็ว ๆ นี้อย่างที่มาร์ค , ฌอน และ ดัสติน กำลังจะทำได้อย่างแน่นอน

แล้วเอกสารที่เค้าเซ็นต์ไปในรอบที่แล้วนั้น มันไม่ใช่รูปแบบเดียวกับที่มาร์ค , ฌอน รวมถึง ดัสติน ได้เซ็นต์ไปหรือ?  และที่ไม่แฟร์ที่สุดคือ ทำไม ฌอน ที่มาหลังสุด ถึงสามารถทำเงินจาก facebook ได้แล้วถึง 2 ล้านเหรียญทั้งที่มาร่วมงานกับ facebook จริง ๆ จัง ๆ เพียงแค่ 3-4 เดือนเพียงเท่านั้น มันต้องมีอะไรที่ผิดปรกติอย่างแน่นอน

Relationship Status

มันเป็นวันที่ เอดูอาร์โด จะจดจำไปตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้ กับการได้เห็นเอกสารที่ทางทนาย ได้ส่งให้ ในขณะเดินเข้ามาที่ ออฟฟิส ใหม่ของ facebook

นี่เป็นสำนักงานใหม่ ที่เป็นบริษัทจริง ๆ ครั้งแรกของ facebook ตั้งอยู่ใจกลาง ย่านธุรกิจของ พาโล อัลโต โต๊ะทำงานถูกสั่งซื้่อใหม่เอี่ยมทั้่งหมด ไม่มี โต๊ะเก่า ๆ ที่ซื้อมือสองจาก เครกลิสต์ อีกต่อไป

ออฟฟิสใหม่ที่ทำให้บริษัทเป็นมือถาชีพมายิ่งขึ้น

ออฟฟิสใหม่ที่ทำให้บริษัทเป็นมือถาชีพมายิ่งขึ้น

แถมยังมีการตกแต่งอย่างหรูหรา มีทั้งภาพกราฟิตี้ ที่ให้ศิลปินท้องถิ่น วาดให้เป็นจุดเด่นของ ออฟฟิสแห่งนี้

ทนายคนใหม่ ที่อยู่ระหว่าง เอดูอาร์โด และ มาร์ค ซึ่งก็เหมือน ทุก ๆครั้ง มาร์ค แทบจะไม่สนใจอะไร นั่งอยู่แต่หน้าจอคอม เขียนแต่โค้ด เพื่อกลบเกลื่อนทุกสิ่ง

ซึ่งหลังจากเอดูอาร์โด ได้อ่าน เนื้อหาในเอกสารต่าง ๆ  มันไม่เกี่ยวอะไรกับที่มาร์คอ้างเลย ที่บอกให้มาเรื่องประชุมธุรกิจ หรือ การเทรนพนักงานใหม่ อะไรทั้งสิ้น

มันคือการหักหลัง มันคือการลอบทำร้าย กันชัด ๆ เอดูอาร์โด ต้องใช้เวลาหลายนาทีในการทำความเข้าใจเอกสารทั้งหมด

ทำให้เค้าได้รู้ตัวว่า เค้ากำลังโดนหยามอย่างที่สุด มันเหมือน ถูกยิงเข้าที่กลางอกไม่มีผิด มันไม่สามารถบรรยายอะไรได้เลย กับความรู้สึกเช่นนี้ เขาเสียท่า เสียรู้ เขาควรจะรู้ตัวก่อนหน้านี้ซะอีก มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง

แต่เค้าเพียงไม่คิดว่า มันจะมาจาก มาร์ค มาจากเพื่อนสนิท เขาแทบจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของมาร์ค ตอนที่อยู่ ฮาร์วาร์ด ร่วมกันต่อสู้ฝ่าฟัน มาทุกอย่างตั้งแต่เริ่ม

มันคือการทรยศชัด ๆ ทรยศต่อความไว้ใจของเพื่อน มาร์คทรยศเขา ทำลายเขา และชัดเจนว่า ต้องการเอาทุกสิ่งไปทั้งหมด ทุกอย่างมันชัดเจนในเอกสารทั้งหมดที่อยู่ในมือเขานั่นแหละ

มีการเพิ่มหุ้นสามัญ จำนวน 19 ล้านหุ้น หลังจากนั้นมีการออกหุ้น อีกจำนวนถึงกว่า 20 ล้านหุ้น  และมีการอนุมัติ ให้มีการจัดสรรหุ้นมเพิ่มเติมให้กับ มาร์ค 3.3 ล้านหุ้นให้กับมาร์ค ส่วน ฌอน และ ดัสติน คนละ 2 ล้านหุ้น

ปรับเปลี่ยนสัดส่วนผู้ถือหุ้นหากมีนักลงทุนใหม่เรื่อย ๆ จนสัดส่วนของเอดูอาร์โด ลดลงเรื่อย ๆ

ปรับเปลี่ยนสัดส่วนผู้ถือหุ้นหากมีนักลงทุนใหม่เรื่อย ๆ จนสัดส่วนของเอดูอาร์โด ลดลงเรื่อย ๆ  (ภาพตัวอย่าง)

ซึ่งทำให้ตอนนี้ เอดูอาร์ดา เหลือหุ้นแทบจะไม่ถึง 10% และหากมีการกระทำอย่างงี้ต่อไปอีกโดยการออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ไปเรื่อย ๆ สัดส่วนหุ้นของเขาจะถูกลดจนแทบจะเหลือ 0%  ซึ่งแน่นอน ต่อจากนี้ไปเขาไม่เซ็นต์อะไรทั้งสิ้น ไม่ ๆ  ๆ ๆ คำเดียวเท่านั้น และ ประกาศก้องให้มาร์ค กับทุกคนใน office นี้รู้ว่า เค้าจะมาเอาคืน ไม่ใช่ เพียงแค่ 30% แต่จะกลับมาเอาคืนทั้งหมดที่มาร์คทำไว้อย่างเจ็บแสบอย่างแน่นอน

ถ้าใครยังจำตอนแรก ๆ ที่เปิด thefacebook เราจะเห็นได้ว่า features สำคัญที่สุดของ thefacebook ที่เป็นจุดสำคัญในการแจ้งเกิดเลย ก็ คือ Relationship Status ที่เหมือน ป้ายห้อยคอ บอกสถานะ ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร เป็นการขับเคลื่อนชีวิตในมหาลัย

จากเพื่อนกลายเป็นศัตรูในที่สุด

จากเพื่อนกลายเป็นศัตรูในที่สุด

แต่ตอนนี้ Relationship Status ระหว่าง ผู้ก่อตั้งทั้งสอง ระหว่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก อัจฉริยะ ด้านคอมพิวเตอร์ กับ เอดูอาร์โด ซาวาริน ผู้ซึ่งเหมือนเป็นคนลงทุนก่อร่าง สร้าง thefacebook มาตั้งแต่วันแรก ๆ แต่วันนี้ เค้าถูกเพื่อนที่เค้าคิดว่าเป็นเพื่อนรัก ทรยศ ไม่ว่ามาร์ค จะไปปรึกษาใคร มาก็ตาม แต่สุดท้ายการตัดสินใจสุดท้ายที่ทำอย่างงี้กับ เอดูอาร์โด ก็คือ มาร์ค อยู่ดี

ตอนนี้ Relationship Status ของทั้งคู่ได้เปลี่ยนจากคำว่า Friend เป็น Enemy หรือศัตรูอย่างแท้จริงแล้ว บทสรุปสุดท้ายของเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป

–> อ่านตอนที่ 12 : From God to Devil

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Facemash (The Beginning) *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

ประวัติ mark zuckerberg ตอนที่ 10 : Death Note

By tharadhol in Books, Business, Investment, Marketing, Sci & Tech, Startup, Story December 3, 2018

สถานการณ์ในตอนล่าสุด มาร์ค ได้ทำการลุยเดี่ยว เพื่อพา facebook ผ่านพ้นวิกฤตเรื่องเงินทุนไปได้สำเร็จ และทำให้ เว๊บยังสามารถ online ต่อไปได้พร้อมรองรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้น พร้อมเงินทุนที่จะมาเพิ่มทีมงานให้มากขึ้น ต้องถือว่าในเชิงธุรกิจ อาจจะเป็นการตัดสินใจเด็ดขาดที่ถูกต้องมากที่สุดครั้งนึงของมาร์ค เลยก็ว่าได้

ส่วน เอดูอาร์โดนั้น หลังจากฟางเส้นสุดท้าย คือ การระงับบัญชีของ thefacebook ทั้งหมด ก็ทำให้ตอนนี้ไม่มีใครรู้ความคิดที่แท้จริงของมาร์ค ที่มีต่อเอดูอาร์โด ว่า สัมพันธภาพระหว่างความเป็นเพื่อนของทั้งสองนั้นขาดสะบั้นไปแล้วหรือยัง

หลังจากผ่านช่วงวิกฤตไปได้ ตอนนี้ เอดูอาร์โด ก็เริ่มอารมณ์เย็นลง สุดท้ายมาร์ค ก็ให้เอดูอาร์โด มาที่ซิลิกอน วัลเลย์ เพื่อทำสัญญาปรับโครงสร้างบริษัท ให้เรียบร้อย โดยแจ้งเรื่องที่เค้าได้ตัดสินใจทั้งหมดให้กับ เอดูอาร์โดฟัง ทั้งเรื่องการลงทุน ของ peter thiel , การแบ่งหุ้นให้ ฌอน รวมถึงการที่จะย้าย office ไปที่ใหม่ เนื่องจากเจ้าของบ้านเช่าคนเก่าเริ่มไม่พอใจ ที่ทำความวุ่นวายให้กับบ้านเดิมที่มาร์คเช่าอยู่

ย้ายจากบ้านเช่าเดิม ที่เจ้าของบ้านเริ่มไม่พอใจ

ย้ายจากบ้านเช่าเดิม ที่เจ้าของบ้านเริ่มไม่พอใจ

เงินลงทุนจาก peter thiel 500,000 เหรียญ นั้นพอที่จะพยุงบริษัทให้เติบโตต่อไปได้อีก 3-4 เดือน เพื่อรองรับเงินลงทุนในการระดมทุนรอบใหม่ หากบริษัทยังเติบโตไปในลักษณะนี้ อยู่มาร์คคาดว่ามูลค่าบริษัทจะสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และส่วนใหญ่ บริษัทลงทุนต่าง ๆ ก็ไม่อยากตกรถ กับการลงทุนเพื่อธุรกิจที่มีอนาคตอย่าง facebook

เงินลงทุนเริ่มต้น 500,000 เหรียญ ของ peter thiel

เงินลงทุนเริ่มต้น 500,000 เหรียญ ของ peter thiel

เมือ เอดูอาร์โด มาถึง office ใหม่ แม้มาร์ค จะแทบไม่ได้ทักทายต้อนรับเมื่อเขามาถึงก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับมาร์คแต่อย่างใด ตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงปิดเทอมนั้น แทบจะถูกลืมไปหมดแล้ว ตอนนี้บริษัทกำลังเดินหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นการดีกว่าที่จะลดความตึงเครียดระหว่างทั้งสองลงไป  ซึ่งทุกอย่างที่มาร์คทำก็เพื่อบริษัทแทบจะทั้งสิ้น  ซึ่งตอนนี้จำนวนสมาชิกกำลังเข้าไปแตะ 750,000 รายแล้ว  กำลังจะถึงล้านคนในเร็ว ๆ นี้

รวมถึงเพิ่ม features เด็ด คือ Wall เพื่อเพิ่มความสามารถในการสื่อสารกัน แบบ open ที่สุด ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ใน เครือข่ายสังคม online รุ่นพี่ อย่าง friendster หรือ myspace

สุดยอดนวัตกรรม Wall ในสมัยนั้น ก่อนจะปรับมาเป็น feed ในปัจจุบัน

สุดยอดนวัตกรรม Wall ในสมัยนั้น ก่อนจะปรับมาเป็น feed ในปัจจุบัน

ตอนนี้ facebook กำลังสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น เพื่อฉีกหนี เครือข่ายสังคมเดิม ๆ ที่มีอยู่ทั้งหมดด้วยนวัตกรรมของมาร์ค

From thefacebook to facebook

แม้ทุกอย่างที่มาร์คแสดงออกมาตอนพบกับ เอดูอาร์โด มันดูเหมือนปรกติ แม้กระทั่งยังแนะนำให้ เอดูอาร์โดกลับไปเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ดให้จบ ปล่อยหน้าที่การจัดการเรื่อง facebook ให้มาร์ค ที่จะดร็อปเรียนที่ฮาร์วาร์ดแล้วมาทุ่มเทให้กับ facebook เต็มตัว

เอดูอาร์โด เดินเข้ามาพบกับทีมทนายบริษัท ที่เค้าคิดว่าเป็นทนายของเค้าเองด้วยซ้ำ แล้วเค้าก็ได้รับเอกสารจำนวนหนึ่ง ซึ่งดูข้อความทางกฏหมายแล้วมันซับซ้อนอยู่มาก

เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการจดทะเบียนบริษัทใหม่ “facebook” ซึ่งจะมาแทนที่ “thefacebook”  และจะมีการแปลงหุ้นเดิมของผู้ถือหุ้นเดิมใน thefacebook มาที่บริษัทใหม่ รวมถึง ตัวเอดูอาร์โดเองด้วย

เปลี่ยนเป็น facebook inc ที่เป็นบริษัทมืออาชีพ จริง ๆ จัง ๆ เสียที

เปลี่ยนเป็น facebook inc ที่เป็นบริษัทมืออาชีพ จริง ๆ จัง ๆ เสียที

ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วน้น เอดูอาร์โด ก็ไม่ได้เข้าใจเอกสารทั้งหมดด้วยความเคลียร์แต่อย่างใด แต่คิดเพียงว่าทุกอย่างมันโอเคแล้ว ความสัมพันธ์ของเขากับมาร์ค ก็กลับมาปรกติแล้ว รวมถึงทนาย ก็น่าจะเป็นทนายฝ่ายเค้าเอง น่าจะจัดทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว

โครงสร้างใหม่ ทำให้เอดูอาร์โด มีหุ้นถือครองอยู่ 34.4% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มี อยุ่ 30% และมีข้อแม้ในเรื่องความจำเป็นในอนาคตในการปรับลดสัดส่วนหุ้น ที่จะเกิดขึ้นหากมีข้อเสนอจากนักลงทุนรายอื่นๆ

ส่วนของมาร์คนั้นลดลงเหลือ 51% ดัสตินนั้นได้ไป 6.81% และ ฌอนที่ 6.47% ส่วน peter thiel นั้นจะถือครองที่ 7%

และที่สำคัญคือ เอดูอาร์โดไม่สามารถนำหุ้น ของตัวเองออกขายได้ในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน ซึ่งตอนแรกเค้าก็คิดว่ามาร์ค และ ดัสติน น่าจะมีเงื่อนไขดังกล่าวเช่นกัน

Death Note

เอดูอาร์โด อ่านเอกสารเหล่านี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เค้าน่าจะมีทนายส่วนตัวเพื่อปรึกษาเรื่องเอกสารเหล่านี้  แต่ก็อย่างว่า ทนายของ facebook ก็เหมือนทนายของเขาอยู่แล้วหนิ ในฐานะหุ้นส่วนใหญ่ตั้งกว่า 30%

มาร์คก็ได้บอกเอดูอาร์โด ถึงความจำเป็น และข้อดีของเอกสารเหล่านี้ ที่ เอดูอาร์โด ต้องเซ็นต์

แม้เขาจะรู้สึกตะหงิด ๆ ใจอยู่บ้างที่มาร์ค สื่อสารบางอย่าง เหมือนที่จะไม่ให้เค้ายุ่งเกี่ยวกับ facebook อีกแล้วเช่น การให้มุ่งไปที่เรียนอย่างเดียว , บริษัทจำเป็นต้องจ้างฝ่ายขายใหม่มาดูแลส่วนที่เอดูอาร์โด เคยทำ

แม้ทุกอย่างจะดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่สุดท้าย เอกสารทั้งหมดเหล่านี้ ก็ดูเหมือนทำให้เขายังกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่อย่างที่เคยเป็น แต่เอกสารก็มีเปิดประเด็นไว้ว่า จะมีการปรับสัดส่วนหุ้น หากมีนักลงทุนเพิ่ม และอาจจะมีการปรับโครงสร้างเมื่อจำเป็น

และมาร์คได้บอกกับ เอดูอาร์โด ว่าตอนนี้จำนวนสมาชิก กำลังใกล้แตะหลักล้านคนแล้ว peter thiel จะจัดงานฉลองใหญ่ขึ้น ให้เอดูอาร์โด บินกลับมาอีกครั้ง

ในใจเอดูอาร์โดตอนนี้ ทุกอย่างมันราบรื่นไปหมด facebook ก็กำลังโตอย่างรวดเร็ว จนจำนวนสมาชิกจะถึงล้านแล้ว มันถือว่าไกลมากจากจุดเริ่มต้นที่ห้องพักในฮาร์วาร์ด ยังไงเขาก็ต้องบินกลับมาเพื่อฉลองกับทีมอย่างแน่นอน

และในที่สุด เขาก็ได้ทำการหยิบปากกาจากทนาย และเริ่มเซ็นต์ในเอกสารทั้งหมด จนทุกอย่างเรียบร้อย

เปรียบเสมือนการเขียนชื่อตัวเองลงไปสุมุด death note

เปรียบเสมือนการเขียนชื่อตัวเองลงไปสมุด death note

ซึ่งหารู้ไม่ว่า สิ่งที่เอดูอาร์โดเพิ่งจะทำไปนั้น เปรียบเสมือนการเซ็นต์ชื่อตัวเองลงใน สมุด death note หรือ การตัดตัวเองออกจากการมีส่วนร่วมกับ facebook อีกต่อไปนั่นเอง ตอนนี้เรื่องกำลังดำเนินมาใกล้ที่จะถึงบทสรุปของเนื้อเรื่องอันยาวนานของ series นี้แล้ว การเซ็นต์ครั้งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับ เอดูอาร์โด แล้วแผนการทั้งหมดเหล่านี้มาร์คเป็นคนคิดเองทั้งหมดหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป

–> อ่านตอนที่ 11 : Relationship Status

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Facemash (The Beginning) *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

ประวัติ mark zuckerberg ตอนที่ 8 : Friend or Enemy?

By tharadhol in Books, Business, Investment, Marketing, Programming, Sci & Tech, Startup, Story December 3, 2018

อย่างที่เกริ่นไว้ในตอนก่อนหน้า ที่ตอนนี้สถานะของ เอดูอาร์โด ใน thefacebook เริ่มจะสั่นคลอน เมื่อ ฌอน เข้าไปร่วมทีมกับมาร์ค ที่ซิลิกอน วัลเลย์ เพื่อจะพา thefacebook ก้าวข้ามไปอีกขั้นหนึ่งให้ได้ จากบริษัทที่เริ่มต้นในหอพักของ มหาลัย ฮาร์วาร์ด ตอนนี้ thefacebook กำลังเป็นที่หมายตาของนักลงทุนทั่วซิลิกอนวัลเลย์ ที่ต้องการที่จะเข้ามาร่วมลงทุน

เรียกได้ว่าตอนนี้ thefacebook เป็นบริษัทเนื้อหอมที่ดึงดูดนักลงทุนจำนวนมากที่กำลังได้กลิ่นเงิน ที่ thefacebook จะเจริญรอยตามความสำเร็จของบริษัทรุ่นพี่ อย่าง yahoo หรือ google ทำได้

thefacebook กำลังเนื้อหอมดึงดูดนักลงทุน

thefacebook กำลังเนื้อหอมดึงดูดนักลงทุน

ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับ ฌอน ในการพามาร์ค ไปหานักลงทุนเหล่านี้ เพราะความกว้างขวางของ ตัว ฌอน เอง และประสบการณ์ที่แสนเจ็บช้ำจากบริษัทก่อนหน้าอย่าง napster และ plexo นั้น ทำให้ ฌอน มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษามาร์ค เพื่อเลือกบริษัทลงทุนที่ถูกต้อง และต้องปกป้องตัวเอง ไม่ให้โดนถีบจากบริษัทที่สร้างมาด้วยมือตัวเองอีกครั้ง

เอดูอาร์โด นั้นก็เริ่มรู้สึกตะหงิดใจ หลังจากที่รู้ว่า ฌอนได้เข้ามาเป็นที่ปรึกษามาร์ค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาร์ค เริ่มสาธยายถึงการได้ไปปาร์ตี้เพื่อนัดพบเหล่านักลงทุนที่สนใจ thefacebook เป็นจำนวนมาก และอยากให้ เอดูอาร์โดนั้นรีบทิ้งนิวยอร์ค แล้วกลับมาที่ ซิลิกอน วัลเลย์โดยด่วน

ปาร์ตี้ พบเหล่านักลงทุนเป็นเรื่องปรกติใน silicon valley

ปาร์ตี้ พบเหล่านักลงทุนเป็นเรื่องปรกติใน silicon valley

แม้ความเป็นจริงแล้ว เอดูอาร์โด จะลาออกจากฝึกงานตั้งแต่ไม่กี่วันแรก เพื่อทุ่มเทในการหาโฆษณา เพื่อมาลง thefacebook เพื่อมาช่วยพยุงรายจ่าย ที่จะเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วมาก ๆ ของ thefacebook

เอดูอาร์โด ยังมองว่าตัวเองเป็น CFO ของ thefacebook และดูแลเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจของ thefacebook อยู่ แต่ดูแล้วฝั่งมาร์คนั้น มองสิ่งที่ เอดูอาร์โดทำเป็นเรื่องที่ไร้สาระไปเสียแล้ว เพราะเม็ดเงินที่ ซิลิกอน วัลเลย์ ที่ได้พูดคุยกับเหล่านักลงทุนจำนวนมากนั้น ทำให้มาร์ค เห็นศักยภาพที่ thefacebook นั้นจะกลายเป็นบริษัทพันล้านเหรียญได้อย่างแน่นอน

เมื่อเพื่อนรักเริ่มแตกคอ

เราเริ่มได้เห็นรอยร้าว ระหว่างทั้งสองเริ่มเกิดขึ้น ทั้งสองเริ่มมีความคิดต่างกันในการนำพา thefacebook ไปข้างหน้า มันไม่ใช่เพราะฌอน เพียงอย่างเดียว แต่ดูเหมือน เอดูอาร์โด นั้นก็จะยึดมั่นในสัดส่วนที่ตัวเองถือหุ้น 30% รวมถึง การรับมอบตำแหน่งให้ดูแลเรื่องธุรกิจ ตามที่ได้ตกลงไว้เมื่อก่อตั้ง thefacebook ครั้งแรกที่ ฮาร์วาร์ด

เอดูอาร์โด เริ่มไม่พอใจที่มาร์ค ที่ให้ฌอน นัดแนะ ไปพบเหล่านักลงทุนต่าง ๆ โดยไม่มีเขาอยู่ด้วย เพราะเขาเป็นผู้ดูแลเรื่องธุรกิจของ thefacebook ตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้งบริษัท ซึ่งเอดูอาร์โด มองว่าต้องยึดมั่นตรงนั้น หากต้องการทำธุรกิจร่วมกัน แล้วที่สำคัญ ฌอนนั้นเป็นแค่ที่ปรึกษา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทเลยด้วยซ้ำ และมาร์ค ก็ควรจะทำหน้าที่ของตัวเองคือดูแลส่วนของเทคโนโลยี หรือ การพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ  แทน และให้ตัวเขานั้นจัดการเรื่องธุรกิจทั้งหมด

จุดแตกหัก

หลังจากเริ่มที่จะคุยกันไม่รู้เรื่องนั้น และด้วยความโมโห ที่มาร์ค ไม่สนใจในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ที่นิวยอร์ก เลย จึงได้เริ่มเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง เพื่อยืนยันในสิทธิ์ทุกอย่างของเขา ใน thefacebook โดยชี้ให้มาร์คเห็นว่าเขานั้น เป็นผู้ทำหน้าที่หลักด้านธุรกิจของบริษัท และถือหุ้นอยู่ 30% ของบริษัท

เขาต้องทำทุกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้มาร์คได้ยอมรับความจริงในข้อนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มาร์คไปรับข้อเสนอทางการเงินจากนักลงทุน ที่ไม่ได้รับการยินยอมจากเขา และยืนยันในสิ่งที่เขากำลังทำที่นิวยอร์ก นั้นเป็นเรื่องเหมาะสม

มาร์คต้องการให้เอดูอาร์โด ย้ายมาซิลิกอน วัลเลย์ โดยด่วนที่สุด

มาร์คต้องการให้เอดูอาร์โด ย้ายมาซิลิกอน วัลเลย์ โดยด่วนที่สุด

แต่หลังจากที่มาร์คได้รับจดหมายจาก เอดูอาร์โดนั้น  ก็ยังยืนยันจะให้ เอดูอาร์โด ย้ายมาที่ซิลิกอน วัลเลย์ โดยด่วนที่สุด และเริ่มเล่าเรื่องที่ได้ไปพบนักลงทุนที่น่าสนใจ ที่จะให้เงินก้อนสำหรับ thefacebook เพื่อให้รองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วแบบนี้ต่อไปได้ เขายืนยันว่า thefacebook ต้องการเงินก้อนนั้นโดยด่วน เพราะกำลังเข้าสู่ภาวะที่เงินใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว และไม่สามารถที่จะรองรับการเติบโตได้อีกต่อไป เนื่องจากยิ่งขยาย ก็ต้องใช้เงินทุนเพิ่ม ต้องจ้างคนเพิ่มเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ให้ได้ ต้องหาเงินทุนโดยด่วน

ฝั่งเอดูอาร์โด เมื่อได้รับ message กลับมาอย่างงี้นั้น ก็มองว่า มาร์ค ไม่ได้สนใจประเด็นที่เขาต้องการจะสื่อ เลย โดยเฉพาะเรื่องการพบปะกับนักลงทุนเพื่อคุยเรื่องธุรกิจโดยไม่มีเขา

ซึ่งมันถึงเวลาแล้วที่ เอดูอาร์โด ต้องทำอะไรซักอย่าง โดยสามวันหลังจากการคุยครั้งล่าสุด ที่ตกลงกันไม่ได้ ด้วยความโมโห จึงได้ทำอะไรที่ไม่ยั้งคิด คือการอายัดบัญชีทั้งหมด รวมถึงยกเลิกเช็คทั้งหมดของ thefacebook ที่มาร์ค ใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่ ซิลิกอน วัลเลย์

เอดูอาร์โด ต้องทำอะไรซักอย่างให้มาร์คกลับมาสนใจ

เอดูอาร์โด ต้องทำอะไรซักอย่างให้มาร์คกลับมาสนใจ

แม้เขาจะรู้ว่านี่มันเริ่มที่จะล้ำเส้น แต่ มันต้องทำเพื่อให้มาร์ค ได้รับรู้ว่า เค้าเป็นคนออกเงินทุนหลัก มาร์ค และทีม ที่สามารถอยู่ได้ใน ซิลิกอน วัลเลย์ นั้นเพราะเงินของเขาแทบจะทั้งสิ้น  แต่สิ่งที่ เอดูอาร์โด ลืมคิดไปคือ การที่ทำอย่างงี้ มันเสี่ยงต่อสถานะ ที่ thefacebook ที่จะถูก shutdown ได้หากไม่มีเงินมาจ่ายค่า server รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในบริษัท มันเป็นการนำพาบริษัทไปสู่จุดเสี่ยงโดยใช่เหตุ การที่ thefacebook down เพียงแค่ไม่กี่นาที ก็มีผลต่อ user ที่จะหนีไปใช้ระบบอื่นได้ เหมือนที่ friendster เคยโดนมาแล้ว

thefacebook มีความเสี่ยงที่จะหยุดทำงาน

thefacebook มีความเสี่ยงที่จะหยุดทำงาน

สถานการณ์ตอนนี้ของ thefacebook ถือว่าล่อแหลมมาก ทุกอย่างมันกดดันหมด จำนวนผู้ใช้งานก็โตขึ้นเรื่อย ๆ แถมเงินที่มีก็เริ่มร่อยหรอลงไปทุกที ไม่ต้องฝันถึงรายได้ที่ตอนนี้ยังไม่มีการหารายได้ที่ชัดเจน มีสิ่งเดียวที่ทำได้คือการหานักลงทุนมาเข้าร่วมลงทุน เพื่อทำ thefacebook ให้มันเดินต่อไปได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างผู้ก่อตั้งทั้งสอง มันคงถึงจุดแตกหักแล้วจริง ๆ สำหรับ มาร์ค และ เอดูอาร์โด การไม่คุยกันให้เคลียร์ รวมถึงการตัดสินใจที่ ไม่ได้คิดให้รอบคอบของ เอดูอาร์โด ครั้งนี้แหละ เป็นจุดสำคัญที่ ทำให้มาร์ค นั้นเปลี่ยนไป มันคงถึงเวลาแล้วที่ มาร์ค จะต้องนำพา thefacebook ก้าวข้ามต่อไปด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีเอดูอาร์โด อีกต่อไปแล้ว แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับ thefacebook ในช่วงเวลาที่บีบคั้นเช่นนี้ มาร์คจะนำพาบริษัทไปทางไหน ฌอนจะได้ผลประโยชน์อะไรจากการตัดสินใจครั้งนี้ โปรดติดตามตอนต่อไป

–> อ่านตอนที่ 9 : Facebook, Inc.

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Facemash (The Beginning) *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

ประวัติ mark zuckerberg ตอนที่ 3 : Welcome to The Facebook

By tharadhol in Books, Business, Investment, Programming, Sci & Tech, Startup, Story November 27, 2018

เราอาจจะเคยได้ยินข่าวเมื่อไม่นานมานี้ สำหรับการลอก idea จาก snapchat ของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก โดย นำมาพัฒนาของตัวเองในชื่อ Stories ที่ตอนนี้ มีทั้งใน facebook และ instragram โปรดักหลักทั้งสองตัว

ก็ต้องบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับ คนอย่าง มาร์ค ที่พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อจะให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ การ copy idea นั้นเป็นเรื่องปรกติของมาร์ค มีผลิตภัณฑ์ startup หลายตัวมากที่ มาร์ค ทำการลอกเลียนแบบ เพื่อหวังจะฆ่าทิ้ง หากไม่ยอมให้ซื้อกิจการแบบที่ snapchat ปฏิเสธการเข้าซื้อของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก

Idea ตั้งต้นของ The Facebook

จากตอนที่แล้ว ถ้าจำกันได้ มาร์ค นั้นไม่ได้มีแนวคิดที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ social network อะไรมาก่อนเลย ทำ facemash มาก็เละไม่เป็นท่า กลายเป็นสาว ๆ ยี้กันทั้งมหาลัย

เพราะฉะนั้น แนวคิด เริ่มต้นมีความชัดเจนว่ามาจากสองพี่น้อง winklevoss ที่ มาร์ค ไปพบเพื่อเข้าร่วม project harvard connection อย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้มีหลักฐานมากมายในการส่ง email ระหว่าง มาร์ค กับ เหล่าสองพี่น้อง winklevoss เพื่ออัพเดทสถานะของ โปรเจค harvard connection

สองพี่น้อง winklevoss ยังไม่รู้วาถูก มาร์ค หลอก

สองพี่น้อง winklevoss ยังไม่รู้วาถูก มาร์ค หลอก

แต่สิ่งที่ สองพี่น้องไม่รู้ถึงความแสบของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็คือ มาร์ค นั้นได้สร้างโปรเจค social network ขึ้นมาอีกตัว โดยใช้ชื่อว่า thefacebook ซึ่งเป็นชื่อแรกก่อนที่จะมาเปลี่ยนเป็น facebook.com จนถึงทุกวันนี้

แม้ idea หลาย ๆ อย่างจะไม่เหมือนกันเลยซะทีเดียว เพราะทาง harvard connection นั้น จะมีส่วนของเว๊บที่เป็นการหาคู่ เดท แต่ key หลัก ๆ ที่เหมือนกันคือ ความเป็น exclusive network ซึ่งเป็น key features หลักของทั้ง thefacebook และ harvard connection

version แรก thefacebook เรียบหรู ดูดี ครบทุกฟังก์ชั่น social

version แรก thefacebook เรียบหรู ดูดี ครบทุกฟังก์ชั่น social

แต่หลาย ๆ features นั้นมาร์ค ก็ได้ใส่เพิ่มเข้าไปเองใน the facebook โดยเน้นให้เป็น social network แบบ exclusive จริง ๆ มีการสร้าง profile มีการ invite friend การ share รูปภาพ และความสนใจต่าง  ๆ  , class เรียน ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของเหล่านักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น โดยยัดมาไว้ในระบบ online ทั้งหมด ซึ่งความเป็น social นั้น thefacebook ของ มาร์ค มี มากกว่า harvard connection ของ สองพี่น้อง winklevoss อย่างเห็นได้ชัด ที่มาร์ค มองเป็นแค่ เว๊บหาคู่เดท online เท่านั้น

สร้างธุรกิจกับเพื่อน Love เพียงคนเดียวของเขา

ต้องบอกว่าในมหาลัย นั้น มาร์ค ก็แทบจะมีเพื่อนอยู่ไม่กี่คน แต่ บุคคลที่มาร์ค สนิทที่สุด น่าจะเป็น เอดูอาร์โด ซาเวริน ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอนที่ 1

ไม่มีใครรู้ว่า ทำไม มาร์ค ถึง ไม่ยอมสร้าง harvard connection กับทีมงานของ winklevoss ทั้งที่มีทั้งทุนทรัพย์ รวมถึง connection มากมาย เนื่องจากเป็นลูกของเศรษฐี ส่วนนี้ไม่มีใครที่รู้แน่จริงชัดเจน อาจจะเพราะไม่ได้ถูกชะตา หรือ มองว่าตัวเขาเองสามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่า สองพี่น้องคู่นี้ได้ ด้วยตัวของเขาเอง

สำหรับ เอดูอาร์โด ซาเวริน นั้น ในขณะนั้น ได้เข้าร่่วมกับชมรม ฟินิกซ์ ซึ่งเป็นชมรม ชื่อดังแห่งหนึ่งของ harvard เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในวันสุดท้ายของการคัดเลือกเข้าชมรมนั่นเอง ที่มาร์ค ได้มาคุยเรื่อง idea ของ thefacebook ให้ เอดูอาร์โด ซาเวริน ฟัง

ซึ่ง เอดูอาร์โด ซาเวริน นั้นก็งง ว่าทำไมต้องเลือกเขา เพราะ เพื่อนร่วมห้องของมาร์ค อย่าง ดัสติน มอสโควิช นั้นก็เป็นโปรแกรมเมอร์มือดี ฝืมือไม่ต่างจากมาร์คมาก น่าจะช่วยเหลือได้ดีกว่า เอดูอาร์โด ซาเวริน ที่ไม่มีความรู้ทางด้านการเขียนโปรแกรมเลย

เลือกเพื่อนรักอย่าง เอดูอาร์โด ซาเวริน มาร่วมลงทุนก้อนแรก

เลือกเพื่อนรักอย่าง เอดูอาร์โด ซาเวริน มาร่วมลงทุนก้อนแรก

แต่ทุกอย่างก็เฉลย ด้วยเรื่องของเงินทุนตั้งต้น นั่นเอง เอดูอาร์โด ซาเวริน เป็นเซียน เรื่องเกี่ยวกับ อุตุนิยมวิทยา ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ ราคาน้ำมันที่ผันผวน โดยเค้าสามารถทำนายพายุเฮอริเคน ที่จะพัดเข้าฝั่งได้ ส่วนนี้ทำให้ในช่วงปิดเทอม นั้นสามารถทำกำไรจากการซื้อขายน้ำมันได้กว่า 300,000 เหรียญ ซึ่งเรื่องนี้ดังพอสมควร และเป็นส่วนหนึ่งให้เค้าสามารถเข้าชมรมฟินิกซ์ ที่เข้ายากแสนยากชมรมหนึ่งได้

นอกจากเรื่องเงินแล้ว มาร์ค ซึ่ง เป็นคนที่ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใคร แทบจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ แล้วเค้าจะมาสร้าง social network โดยที่ไม่มีความรู้เรื่องการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างมันก็แปลกประหลาดอยู่

การมี เอดูอาร์โด ซาเวริน นั้น จะช่วยเหลือ ทั้งเรื่องเงิน รวมถึง คอยเป็นที่ปรึกษาใน features ต่าง ๆ ของ thefacebook ใน version แรกได้อย่างดี ว่าควรมี features อย่างไรบ้าง สังคมในมหาลัยนั้น ขับเคลื่อน ด้วยเรื่องเซ็กส์ การลุ้นที่จะหาคู่เดท ซึ่งเป็นสิ่งที่มาร์ค ไม่ถนัดเป็นอย่างยิ่ง

ซึ่งมีการตกลงกันชัดเจนตั้งแต่แรก โดยมาร์ค จะให้ส่วนแบ่ง 70:30 โดยจะให้ เอดูอาร์โด ซาเวริน 30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเงินทุนตั้งต้น 1,000 เหรียญ ไว้เป็นค่า server รวมถึง software ต่าง ๆ ให้ระบบสามารถ online ได้โดยไม่ทำให้ server พังเหมือนครั้งที่ทำ facemash อีก และ มองตำแหน่ง CFO ให้กับ เอดูอาร์โด ซาเวริน เพื่อดูแลส่วนของธุรกิจ ซึงเป็นงานที่ เอดูอาร์โด ซาเวริน นั้นถนัดอยู่แล้ว

Welcome to the facebook

ในระหว่างการตอบโต้ email กับ ทางฝั่ง พี่น้อง winklevoss มาร์ค ก็ใช้เวลาแทบจะทั้งหมด สร้าง thefacebook ขึ้นมา โดยไม่สนใจงานของ harvard connection อีกเลย โดยเค้าทำทั้งหมดอยู่คนเดียวต้องเขียนโค้ด กว่า หลายหมื่น บรรทัด ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหาของ มาร์ค เลย เพราะเป็นงานที่มาร์ค ถนัดอยู่แล้ว ในเรื่องการเขียนโปรแกรม

สุดท้าย ในช่วงต้น ปี 2004 มาร์คใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ ในการเขียนโค้ด ทั้งวันทั้งคืน โดดเรียนแทบจะทุกวิชา เพื่อมุ่งพัฒนา thefacebook เพียงอย่างเดียว จนมันเสร็จสมบูรณ์พร้อม online

เขียน code แบบไม่หลับไม่นอน เพื่อสร้าง thefacebook version แรก

เขียน code แบบไม่หลับไม่นอน เพื่อสร้าง thefacebook version แรก

และ features ที่สำคัญสุดท้าย ที่ มาร์คได้ใส่ไปใน thefacebook นั่นคือ Relationship Status ฟังก์ชั่นนี้แหละ เป้น key ที่สำคัญ ที่จะทำให้คนแห่กันเข้ามาใช้ เพราะทำให้รู้ว่าใครโสด หรือ ไม่โสด หรือ ต้องการหาแฟน เหมือนป้ายห้อยติดคอบอกสถานะว่าเรามีแฟนแล้วหรือยังนั่นเอง

ในที่สุดวันที่รอคอย ก็มาถึง 4 กุมภาพันธ์ 2004 ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นวันแรกของการก่อกำเนิด เว๊บ social network ที่ยิ่งใหญ่ อย่าง facebook

มาร์ค ได้ทำการนัด เอดูอาร์โด ซาเวริน ไว้ที่หอพัก เพื่อเตรียมฉลอง การเปิดเว๊บ ซึ่ง เมื่อมาร์ค มาถึง ซึ่ง เอดูอาร์โด ซาเวริน รออยู่ ซึ่งเป็นเวลาก่อนนัด ถึง 20 นาที มาร์ค ก็ได้แก้ไข version สุดท้ายอีกนิดหน่อย และพร้อมที่จะทำให้มัน online แล้ว

แต่มันต้องมี mailing list แรกที่จะทำให้คนส่งต่อให้มากที่สุด ให้มาใช้งาน thefacebook ซึ่ง mailing list ของ เอดูอาร์โด ซาเวริน ที่อยู่ ชมรมฟินิกซ์ ชมรมชื่อดังของมหาลัย กลายเป็น key สำคัญอย่างแรก ที่ทำให้ thefacebook ดังกระฉูด จนฉุดไม่อยู่ในเวลาต่อมา เพราะหาก foward ไปให้ mailing list ของ มาร์ค มันก็วนอยู่แค่ เพื่อนที่คณะ computer science เท่านั้น ต่างจากของ ชมรมฟินิกซ์ ที่มีหนุ่ม ๆ ที่สาว ๆ ทั้งหลายหมายปอง การกระจายไปด้วย mailing list ดังกล่าว จะทำให้เกิดการส่งต่ออย่างรวดเร็ว จนฮิตติดลมบนทั่วมหาลัย

หลังจาก online หนังสือพิมพ์ เดอะ คริมสัน ประโคมข่าว มาร์ค จนกลายเป็นหนุ่ม hot

หลังจาก online หนังสือพิมพ์ เดอะ คริมสัน ประโคมข่าว มาร์ค จนกลายเป็นหนุ่ม hot

หลังจาก online เพียงไม่นาน นักศึกษาปริญญาตรี ในมหาวิทยาลัย harvard เข้ามาใช้ facebook กันอย่างถล่มทลาย กลายเป็น web ที่ทุกคนใช้งาน มาร์ค ถูกยกย่องอย่างยิ่งใหญ่ในการสร้าง thefacebook ลบภาพที่ถูกสาวยี้ทั้งมหาลัย กลายเป็นหนุ่ม hot ไปในชั่วข้ามคืนเท่านั้น

ซึ่งเรื่องของ thefacebook นี้ก็ไปถึงหูของ พี่น้อง winklevoss ในที่สุด แล้ว ฝั่ง winklevoss จะทำการล้างแค้นมาร์ค ที่ทำให้เจ็บแสบมาก ๆ ครั้งนี้อย่างไร มันคือการขโมย idea harvard connection ไปสร้าง thefacebook ของตัวเองชัด ๆ  โปรดติดตามตอนต่อไป

–> อ่านตอนที่ 4 : Let’s expand

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Facemash (The Beginning) *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

Search

  • POSTS
  • TAGS

POSTS

  • Becky Li กับอิทธิพลของ KOL ที่ขายรถ Mini ออนไลน์ได้ 100 คันในเวลา 4 นาที
  • Henrys คนรุ่นมิลเลนเนียลที่ทำรายได้ 6 ​​หลัก แต่ก็ยังบอกว่าพวกเขารู้สึกยากจน
  • Geek Monday EP81 : Real-Time Engagement กับเทคโนโลยีเบื้องหลังสตาร์ทอัพพันล้านอย่าง Clubhouse
  • รักแรก รักเดียว และรักแท้ ของชายที่ชื่อ Bill Gates
  • Geek Story EP85 : Digital Music War (ตอนที่ 6 – ตอนจบ)

TAGS

AI alibaba amazon android apple big data bill gates CoronaVirus Covid19 ebay elon musk facebook google huawei iphone ipod jack ma machine learning mark zuckerberg microsoft netscape paypal paypal mafia peter thiel Robot samsung SpaceX startup steve jobs Tesla ประวัติ alibaba ประวัติ alipay ประวัติ Elon Musk ประวัติ facebook ประวัติ google ประวัติ Jack Ma ประวัติ Larry Page ประวัติ mark zuckerberg ประวัติ paypal ประวัติ อีลอน มัสก์ ประวัติ แจ๊ค หม่า สตีฟ จ๊อบส์ หุ่นยนต์ แจ๊ค หม่า โคโรน่าไวรัส
March 2021
M T W T F S S
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031  
« Feb    
Proudly powered by WordPress. Theme: DW Minion by DesignWall.

อย่าลืมช่วยกด Like เพจกันด้วยนะคร้าบ!


This will close in 320 seconds