เผลอไปเพียงแป๊บเดียว สมาชิกของ facebook ก็เพิ่มจำนวนขึ้นจากหนึ่งล้านกลายเป็นสองล้านคนอย่างรวดเร็วด้วยอัตราเร่งที่ทุกคนตกใจ และกำลังมุ่งหน้าสู่ 3 ล้านในเร็ว ๆ นี้ ตอนนี้ facebook ไม่ใช่แค่เป็น website น้องใหม่ในตลาด social network อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้กำลังเป็นเครือข่ายสังคมที่ทุกคนทั่วอเมริกากำลังพูดถึง กำลังแพร่ระบาดเหมือนไวรัส ไปยังมหาลัยต่าง ๆ ทั่วอเมริการกว่า 500 แห่ง สื่อเริ่มทำข่าวการเติบโตที่น่าทึ่งของ facebook มีการตามล่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เพื่อมาสัมภาษณ์ทางทีวี หนังสือพิมต่างประโคมข่าว การแจ้งเกิดของ เว๊บไซต์ social network น้องใหม่ตัวนี้
แต่อย่าไรก็ตามนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 2 ระหว่าง มาร์ค กับ เอดูอาร์โด นั้น แทบไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันเลย มีแต่โทรศัพท์จากทนาย ที่มาร้องขอคำขอแปลก ๆ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อในนิวยอร์ค ที่ เอดูอาร์โด ได้ไปหาสปอนเซอร์ ในช่วงก่อนหน้านี้ หรือ รายชื่อ ของธุรกิจ ที่มีโอกาสที่จะลงโฆษณากับ facebook ที่ เอดูอาร์โด เคยติดต่อไว้
ดูแล้วเอดูอาร์โด จะเหินห่างจากทีมงานที่ ซิลิกอน วัลเลย์ อย่างมาก สำหรับในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และในที่สุดก็มีการติดต่อมาจากมาร์ค จนได้ ที่ขอให้เอดูอาร์โด เดินทางมาที่ ซิลิกอน วัลเลย์ ซึ่งจะมีการประชุมธุรกิจที่สำคัญบางอย่าง เกี่ยวข้องกับ การว่าจ้างพนักงานใหม่ ที่เอดูอาร์โด จำเป็นทำการฝึกงานให้
ซึ่งในเมล์นั้น มีข้อความหลายอย่าง ที่ทำให้ เอดูอาร์โด รู้สึกตะหงิด ๆ ใจอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง นักลงทุนใหญ่อย่าง เซคัวเอีย แคปปิตอล กองทุน VC ที่ใหญ่ที่สุดใน ซิลิกอน วัลเลย์ ที่บริหารโดยคู่ปรับ เก่าของฌอน อย่าง ไมเคิล มอริตซ์
รวมถึงยังมีบริษัทสื่อ อย่าง ดอน เกรแฮม ซีอีโอ ของ วอชิงตัน โพสต์ ก็ให้ความสนใจในการร่วมลงทุน กับ facebook เช่นเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ เหล่า VC ทั่วทั้ง ซิลิกอนวัลเลย์ ทั้งเล็กใหญ่ นั้นต่างมารุมตอม เพื่อรอโอกาสในการลงทุนกับ facebook โดยที่ไม่อยากตกขบวนนี้ กันทั้งหมด เรียกว่าตอนนี้ facebook นั้นเป็นต่ออยู่อย่างมาก เนื้อหอมจนสามารถเลือกผู้ที่จะร่วมลงทุนได้เอง
แต่ที่เอดูอาร์โดนั้น รู้สึกประหลาดใจที่สุด น่าจะเป็น เรื่องที่มาร์คแจ้งมาว่า ทางตัว มาร์ค , ฌอน และ ดัสติน นั้นกำลังจะขายหุ้นออกไปประมาณคนละ 2 ล้านดอลลาร์ นี่เป็นจุดที่น่าจะสะกิดใจ เอดูอาร์โดที่สุด เค้าคิดว่า ทำไมในรายละเอียดของเค้าที่ได้เซ็นต์ไปนั้นไม่สามารถขายหุ้นของตัวเองได้ในเร็ว ๆ นี้อย่างที่มาร์ค , ฌอน และ ดัสติน กำลังจะทำได้อย่างแน่นอน
แล้วเอกสารที่เค้าเซ็นต์ไปในรอบที่แล้วนั้น มันไม่ใช่รูปแบบเดียวกับที่มาร์ค , ฌอน รวมถึง ดัสติน ได้เซ็นต์ไปหรือ? และที่ไม่แฟร์ที่สุดคือ ทำไม ฌอน ที่มาหลังสุด ถึงสามารถทำเงินจาก facebook ได้แล้วถึง 2 ล้านเหรียญทั้งที่มาร่วมงานกับ facebook จริง ๆ จัง ๆ เพียงแค่ 3-4 เดือนเพียงเท่านั้น มันต้องมีอะไรที่ผิดปรกติอย่างแน่นอน
Relationship Status
มันเป็นวันที่ เอดูอาร์โด จะจดจำไปตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้ กับการได้เห็นเอกสารที่ทางทนาย ได้ส่งให้ ในขณะเดินเข้ามาที่ ออฟฟิส ใหม่ของ facebook
นี่เป็นสำนักงานใหม่ ที่เป็นบริษัทจริง ๆ ครั้งแรกของ facebook ตั้งอยู่ใจกลาง ย่านธุรกิจของ พาโล อัลโต โต๊ะทำงานถูกสั่งซื้่อใหม่เอี่ยมทั้่งหมด ไม่มี โต๊ะเก่า ๆ ที่ซื้อมือสองจาก เครกลิสต์ อีกต่อไป
แถมยังมีการตกแต่งอย่างหรูหรา มีทั้งภาพกราฟิตี้ ที่ให้ศิลปินท้องถิ่น วาดให้เป็นจุดเด่นของ ออฟฟิสแห่งนี้
ทนายคนใหม่ ที่อยู่ระหว่าง เอดูอาร์โด และ มาร์ค ซึ่งก็เหมือน ทุก ๆครั้ง มาร์ค แทบจะไม่สนใจอะไร นั่งอยู่แต่หน้าจอคอม เขียนแต่โค้ด เพื่อกลบเกลื่อนทุกสิ่ง
ซึ่งหลังจากเอดูอาร์โด ได้อ่าน เนื้อหาในเอกสารต่าง ๆ มันไม่เกี่ยวอะไรกับที่มาร์คอ้างเลย ที่บอกให้มาเรื่องประชุมธุรกิจ หรือ การเทรนพนักงานใหม่ อะไรทั้งสิ้น
มันคือการหักหลัง มันคือการลอบทำร้าย กันชัด ๆ เอดูอาร์โด ต้องใช้เวลาหลายนาทีในการทำความเข้าใจเอกสารทั้งหมด
ทำให้เค้าได้รู้ตัวว่า เค้ากำลังโดนหยามอย่างที่สุด มันเหมือน ถูกยิงเข้าที่กลางอกไม่มีผิด มันไม่สามารถบรรยายอะไรได้เลย กับความรู้สึกเช่นนี้ เขาเสียท่า เสียรู้ เขาควรจะรู้ตัวก่อนหน้านี้ซะอีก มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง
แต่เค้าเพียงไม่คิดว่า มันจะมาจาก มาร์ค มาจากเพื่อนสนิท เขาแทบจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของมาร์ค ตอนที่อยู่ ฮาร์วาร์ด ร่วมกันต่อสู้ฝ่าฟัน มาทุกอย่างตั้งแต่เริ่ม
มันคือการทรยศชัด ๆ ทรยศต่อความไว้ใจของเพื่อน มาร์คทรยศเขา ทำลายเขา และชัดเจนว่า ต้องการเอาทุกสิ่งไปทั้งหมด ทุกอย่างมันชัดเจนในเอกสารทั้งหมดที่อยู่ในมือเขานั่นแหละ
มีการเพิ่มหุ้นสามัญ จำนวน 19 ล้านหุ้น หลังจากนั้นมีการออกหุ้น อีกจำนวนถึงกว่า 20 ล้านหุ้น และมีการอนุมัติ ให้มีการจัดสรรหุ้นมเพิ่มเติมให้กับ มาร์ค 3.3 ล้านหุ้นให้กับมาร์ค ส่วน ฌอน และ ดัสติน คนละ 2 ล้านหุ้น
ซึ่งทำให้ตอนนี้ เอดูอาร์ดา เหลือหุ้นแทบจะไม่ถึง 10% และหากมีการกระทำอย่างงี้ต่อไปอีกโดยการออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ไปเรื่อย ๆ สัดส่วนหุ้นของเขาจะถูกลดจนแทบจะเหลือ 0% ซึ่งแน่นอน ต่อจากนี้ไปเขาไม่เซ็นต์อะไรทั้งสิ้น ไม่ ๆ ๆ ๆ คำเดียวเท่านั้น และ ประกาศก้องให้มาร์ค กับทุกคนใน office นี้รู้ว่า เค้าจะมาเอาคืน ไม่ใช่ เพียงแค่ 30% แต่จะกลับมาเอาคืนทั้งหมดที่มาร์คทำไว้อย่างเจ็บแสบอย่างแน่นอน
ถ้าใครยังจำตอนแรก ๆ ที่เปิด thefacebook เราจะเห็นได้ว่า features สำคัญที่สุดของ thefacebook ที่เป็นจุดสำคัญในการแจ้งเกิดเลย ก็ คือ Relationship Status ที่เหมือน ป้ายห้อยคอ บอกสถานะ ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร เป็นการขับเคลื่อนชีวิตในมหาลัย
แต่ตอนนี้ Relationship Status ระหว่าง ผู้ก่อตั้งทั้งสอง ระหว่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก อัจฉริยะ ด้านคอมพิวเตอร์ กับ เอดูอาร์โด ซาวาริน ผู้ซึ่งเหมือนเป็นคนลงทุนก่อร่าง สร้าง thefacebook มาตั้งแต่วันแรก ๆ แต่วันนี้ เค้าถูกเพื่อนที่เค้าคิดว่าเป็นเพื่อนรัก ทรยศ ไม่ว่ามาร์ค จะไปปรึกษาใคร มาก็ตาม แต่สุดท้ายการตัดสินใจสุดท้ายที่ทำอย่างงี้กับ เอดูอาร์โด ก็คือ มาร์ค อยู่ดี
ตอนนี้ Relationship Status ของทั้งคู่ได้เปลี่ยนจากคำว่า Friend เป็น Enemy หรือศัตรูอย่างแท้จริงแล้ว บทสรุปสุดท้ายของเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
–> อ่านตอนที่ 12 : From God to Devil
<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Facemash (The Beginning) *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***
Credit แหล่งข้อมูลบทความ
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol