ประวัติ Jho Low ตอนที่ 5 : Absolute Power

แม้จะถูกปฏิเสธจากค่านายหน้า ในการนำ Mubadala เข้ามาลงทุนในมาเลเซีย โดย Low คิดว่าเขาควรได้รับผลตอบแทนที่เขาสมควรได้รับ และที่สำคัญ เขาก็ต้องการที่จะตอบแทน Otaiba ผู้มีพระคุณด้วย ด้วยความผิดหวัง เขาจึงต้องเดินหน้าหาวิธีการใหม่

่สำหรับโครงการ Iskandar ที่ถือเป็นหนึ่งในโครงการ Mega Project ของประเทศมาเลเซีย Low นั้นรู้ข้อมูลดีว่า ในแบบแปลนของโครงการ Mega Project ดังกล่าวนี้ ต้องมีการสร้างถนนสายใหม่ แหล่งชุมชนที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรม

เพราะฉะนั้น ธุรกิจก่อสร้างจะกลายเป็นธุรกิจที่สำคัญมาก ๆ สำหรับโครงการ Mega Project นี้ ในตอนนั้น Low ได้ยินข่าวเกี่ยวกับบริษัทก่อสร้างของมาเลเซียสองแห่งที่กำลังจะขายกิจการอยู่พอดี และเขาสามารถซื้อได้ในราคาถูก และ หากเขามีบริษัทก่อสร้างที่สามารถเข้าประมูลงานใน Mega Project เหล่านี้ได้ นั่นคือเม็ดเงินจำนวนมหาศาล

ซึ่งด้วยสถานภาพของ Low ในตอนนั้น ที่เริ่มกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมถึงมีแรงหนุนที่สำคัญจากครอบครัวของ Najib ทำให้เขาไม่มีปัญหาในการโน้มน้าวให้ธนาคารในมาเลเซียปล่อยกู้เงินหลายสิบล้านดอลลาร์

และเขาก็ได้นำเงินดังกล่าวมาซื้อกิจการบริษัทก่อสร้าง และในเวลาเดียวกัน บริษัทในเครือของ Low อย่าง Wynton ก็ได้ออกเงินกู้เพิ่มเติม เพื่อใช้ในการซื้อที่ดินในแถวบริเวณโครงการ Iskandar ซึ่งตอนนี้แทนที่เขาจะมองแค่เพียงรายได้จากค่านายหน้า เขาได้เปลี่ยนสถานะตัวเองให้กลายเป็นผู้ร่วมลงทุนในโครงการ Mega Project นี้ได้สำเร็จ

และเพื่อตอบแทนมิตรแท้จากตะวันออกกลาง อย่าง Otaiba Low ได้ทำการจัดตั้งบริษัท ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ที่มีชื่อว่า บริษัทการลงุทนอาบูดาบี – คูเวต – มาเลเซีย และทำการมอบหุ้นจำนวนหนึ่งให้กับ Otaiba ฟรี ๆ เป็นการตอบแทน

และบริษัทนี้นี่เองที่ Low ใช้มันเป็นการสร้างนิยายเรื่องใหม่ ว่า เป็นกองทุนความมั่งคั่งจากตะวันออกกลางรายใหญ่ ที่เริ่มเข้ามาทำธุรกิจในมาเลเซีย โดยเริ่มจากการซื้อบริษัทก่อสร้าง ซึ่งแน่นอนว่ามันสร้าง Credit ให้ Low ที่ดูเหมือนว่ากิจการของเขานั้นได้รับการสนับสนุนจากกองทุนในตะวันออกกลาง และมันทำให้สามารถดึงดูดเงินได้มากขึ้น

Low เริ่มลงทุนในบริษัทก่อสร้าง เพื่อเข้า Mega Project
Low เริ่มลงทุนในบริษัทก่อสร้าง เพื่อเข้า Mega Project

Low ได้เรียนรู้ข้อมูลพวกนี้จากพ่อของเขา Larry Low ซึ่งเปิดบริษัทไว้มากมายในรูปแบบดังกล่าว และข้อมูลที่สำคัญก็คือเขารู้ดีว่า หากไปจดทะเบียนที่หมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสาขาของธนาคารสหรัฐ และ เหล่ากองทุนป้องกันความเสี่ยง สถานที่แห่งนี้จะไม่ปลอดภัยเพราะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางวอชิงตัน

แต่ที่หมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น ในทะเลแคริบเบียน หรือ ที่เชเชลส์ หมู่เกาะเล็ก ๆ ในมหาสมุทรอินเดีย มีวิธีการที่แตกต่าง และเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย และไม่มีข้อมูลหลุดรั่วออกไปได้อย่างแน่นอน

หลังจากนั้น Low ก็ได้ทำการตั้งบริษัท สองแห่งในเชเชลส์ บริษัท ADIA Investment Corporation และ KIA Investment Corporation ซึ่งการตั้งชื่อแบบนี้นั้น มันเป็นความตั้งใจของ Low ที่ทำให้ชื่อนั้นดูมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานการลงทุนของ อาบูดาบี (ADIA) และ หน่วยงานด้านการลงทุนของคูเวต (KIA) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่สำหรับบริษัท Low สร้างมานั้น แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับ อาบูดาบี หรือ คูเวต เลย

ถัดจากนั้น Low ก็ใช้บริษัท ต่างประเทศที่มีหน้าตาคล้าย ๆ กันเหล่านี้ เข้าไปลงทุนในบริษัทก่อสร้างขนาดเล็กของมาเลเซีย รวมถึงการเอาชื่อบริษัทเหล่านี้ ไปหลอกนักธุรกิจที่ร่ำรวย แต่ไร้เดียงสาทางด้านการเงิน ในมาเลเซีย ซึ่งนักธุรกิจเหล่านี้จะมากว้านซื้อที่ดินจากกลุ่มการลงทุนที่โด่งดังของเขาในราคาสูงนั่นเอง

ความทะเยอทะยานของ Low ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เงินที่ดูเหมือนเริ่มได้มาง่าย ๆ เขาไม่ต้องการหยุดเพียงแค่นี้ เขาต้องการสร้างชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในมาเลเซีย ซึ่ง Low ได้สังเกตถึงสถานะของ Al Mubarak ผู้บริหารกองทุน Mubadala ของเอมิเรตส์ ซึ่งกองทุนแบบนี้มีเงินนับพันล้านดอลลาร์ Low จึงคิดว่า ทำไมเขาจะสร้างกองทุนความมั่งคั่งของตัวเองไม่ได้ล่ะ และแล้วเขาก็ได้ก็เริ่มมองหาว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน

ต้องบอกว่า กองทุนความมั่งคั่งแบบดั้งเดิมของมาเลเซียนั้น เป็นการนำเงินที่ได้จากกำไรของน้ำมันมาลงทุน เพราะฉะนั้น Low จึงเริ่มโฟกัสไปที่ รัฐตรังกานูซึ่งอุดมไปด้วยแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง

ราชวงศ์มลายูทั้ง 9 ตระกูลของมาเลเซียนั้น แต่ละตระกูลก็มีสภาพที่แตกต่างกันตามแต่ละพื้นที่ โดยมีการปกครองแบบอยู่ร่วมกันกับรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน แต่สุลต่านแต่ละรัฐนั้นก็มีอำนาจทางการเมืองที่กว้างขวางในบางกรณี ซึ่งรวมถึงการควบคุมรายได้ของรัฐในท้องถิ่น

สำหรับ สุลต่านแห่งรัฐตรังกานู คือ Mizan Zainal Abidin ผู้ที่ได้รับการศึกษาในสหราชอาณาจักร มาจากตระกูลอิสลามแบบอนุรักษ์นิยม เป็นหนึ่งในสุลต่านที่มีความรู้ความสามารถสูง และเป็นคนที่ฉลาดมาก ๆ

รัฐตรังกานู ที่มีความมั่งคั่งจากน้ำมัน
รัฐตรังกานู ที่มีความมั่งคั่งจากน้ำมัน

ซึ่ง Low ได้มีโอกาสได้รู้จักกับน้องสาวของ Mizan ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการของบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็น Connection ที่สำคัญให้ Low นั้น สามารถเข้าไปทำความรู้จักกับ Mizan ได้สำเร็จ และเขาได้เสนอหุ้นฟรีในบริษัท การลงทุนอาบูดาบี – คู่เวต -มาเลเซีย ที่กำลังลงทุนในบริษัทก่อสร้างของประเทศมาเลเซีย

หลังจากนั้น Low ได้นำเสนอแผนที่มีความทะเยอทะยานสูงขึ้นไปกว่าเดิม ด้วยการเสนอให้ สุลต่าน Mizan จัดตั้งกองทุนความมั่งคั่ง แบบเดียวกับ Mubadala ของ อาบูดาบี ที่นำเงินจากกำไรของน้ำมันมาสร้างกองทุน

โดยตัวละครที่สำคัญอีกคนหนึ่งก็คือ Tim Leissner นายธนาคารจาก Goldman Sachs ที่ Low นั้น บอกกับ Mizan ว่า Leissner เป็นบุคคลที่มีความสามารถสูง และสามารถที่จะให้คำแนะนำในการลงทุนทั่วทุกมุมโลกได้

Low และ Mizan ได้พูดคุยกันถึงการอนุญาติให้กองทุนความมั่งคั่งออกพันธบัตรอิสลามมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อไม่ให้เป็นการละเมิดกฏอิสลามจากการคิดดอกเบี้ย แต่ในขณะที่กองทุนกำลังเตรียมหาเงิน ในเดือนพฤษภาคมปี 2009 Mizan เริ่มรู้สึกแปลกใจกับแผนการลงทุน ของ Low ที่ไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด

ซึ่งมันเป็นความเสี่ยงเกินไปสำหรับ Mizan ที่จะเอาเงินจากความมั่งคั่งของน้ำมันไปลงทุน โดยที่กองทุนนั้นแทบจะไม่มีผู้บริหารแบบเต็มรูปแบบเสียด้วยซ้ำ เขาจึงสั่งให้ตัวแทนของเขาในคณะกรรมการ สั่งให้ชะลอการระดมทุน

แต่หารู้ไม่ว่า Low นั้นไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ได้ทำการผลักดันให้พันธบัตรอิสลามมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ออกไปได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนว่ามันได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Low ที่ต้องมาเจอกับสถานการณ์ที่ลำบากเสียแล้ว เมื่อ Mizan ต้องการให้ปิดกองทุน แต่มันสายไปเสียแล้ว Low ต้องหาวิธีแก้ไขสถานการณ์โดยด่วน

แต่เหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิต เพราะมันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Najib Razak ได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดในการก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียในเดือนเมษายน 2009 พอดิบพอดี ต้องบอกว่า Najib เป็นหนึ่งในความหวังของชาวมาเลเซียในขณะนั้นเนื่องจากพรรค UMNO มีความนิยมที่ตกต่ำอย่างหนัก ชาวมาเลเซียต้องการ ฮีโร่ อย่าง Najib ให้มากอบกู้พรรค และนำพาประเทศให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

และสถานการณ์นี้ก็ทำให้ Low ผู้มีความทะเยอทะยาน มีชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในประเทศอย่าง Najib Razak คอยหนุนหลัง ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องแลกกับผลประโยชน์ที่ Najib นั้นก็ต้องการเงินจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยฟื้นฟูความนิยมของพรรค และสถานภาพทางการเงินของ Low ในตอนนั้นก็มีเงินพอที่จะมาช่วยเหลือ Support ทางด้านการเมืองให้ Najib Razak ได้แล้วเช่นเดียวกัน

เรียกได้ว่า เป็นการโคจรมาเจอกันด้วยเวลาที่ลงตัวอะไรเช่นนี้ สำหรับ Najib และ Low ที่ต่างฝ่าย ต่างต้องการความสามารถของอีกฝ่ายพอดิบพอดี ในช่วงเวลาที่ Najib ต้องการนำพาประเทศให้กลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วให้สำเร็จให้ได้ และ Low ก็พร้อมที่จะพาแหล่งเงินทุนจากตะวันออกกลางเข้ามาลงทุนในมาเลเซียพอดิบพอดี แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 6 : The First Heist

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : https://www.malaysiakini.com/news/444409

Geek Talk EP8 : เจาะตลาดจีนผ่านช่องทาง E-Commerce อย่างไร (ตอนที่ 2)

ในปัจจุบัน คนจีนเริ่มเปิดใจให้กับสินค้าไทยมากขึ้น ในขณะเดียวกันคุณภาพของสินค้าไทยอยู่ในระดับมาตรฐานที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นหากเราต้องการเจาะตลาดกลุ่ม CBEC ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง

เราควรมุ่งเน้นและตอกย้ำจุดขายไปที่ความเป็นของแท้จากไทยที่มีคุณภาพสูง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยเน้นการสร้างที่มาหรือเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ สร้างจุดขายโดยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ให้มีความทันสมัย แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร เพื่อให้สอดคล้องกับ Modern Lifestyle ของชาวจีนที่เพิ่มมากขึ้น

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : https://bit.ly/3bu77KA

ฟังผ่าน Apple Podcast :  https://apple.co/2lEqPPg

ฟังผ่าน Google Podcast :  https://bit.ly/3bBUcqg

ฟังผ่าน Spotify : https://spoti.fi/3eILoke

ฟังผ่าน Youtube : https://youtu.be/1i–judnRxo

–> ย้อนกลับไปฟัง ตอนที่ 1

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 4 : Done Deal

พรรค UMNO ของ Najib Razak เป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ และปกครองมาเลเซียมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ ในปี 1964 แม้มาเลเซียจะมีการจัดการเลือกตั้งตลอดมาอย่างยาวนานนับจากนั้นก็ตาม แต่ก็ไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถที่จะโค่นล้มพรรค UMNO ได้ (ก่อนการเลือกตั้งครั้งล่าสุด)

พ่อของ Najib เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของมาเลเซีย ที่ได้นำนโยบายซึ่งมีผลต่อการช่วยเหลือกลุ่มชาติพันธ์ุมาเลย์ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ มีการสงวนสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัยไว้ให้ชาวมาเลย์ มีการมอบเอกสารทางการเงินแบบพิเศษให้ชาวมาเลย์ เรียกได้ว่าเป็นนโยบายที่ทำเพื่อชาติพันธุ์มาเลย์แบบเต็มที่อย่างเห็นได้ชัด

นโยบายเหล่านี้ นี่เองที่เป็นนโยบายได้ที่ได้รับการสานต่ออย่างหนักแน่นของผู้นำพรรค UMNO ในยุคหลังตลอดมา ทำให้ธุรกิจหลายแห่งถูกควบคุมโดยชาวมาเลย์ ส่วนชาติพันธุ์ที่เป็นกลุ่มน้อยอย่างจีนและอินเดียนั้นมักจะต้องจ่ายสินบนให้กับผู้นำทางการเมืองของพรรค UMNO

ในปี 2007 Najib Razak เริ่มที่จะมีความทะเยอทะยานในตำแหน่งสูงสุดของประเทศ ซึ่งครั้งหนึ่งพ่อของเขาเคยอยู่ ณ จุดนั้น เขาต้องการแรงสนับสนุน รวมถึงแนวคิดใหม่ ๆ ในการบริหารบ้านเมือง และนั่นเป็นจุดที่ทำให้เขามาพบกับ เพื่อนของ Riza Aziz ลูกเลี้ยงของเขา ซึ่งชายผู้นั้นก็คือ Jho Low นั่นเอง

โดยเมื่อ Low กลับมาที่มาเลเซียบ้านเกิด หลังจากสำเร็จการศึกษาจาก Wharton ในฤดูใบไม้ผลิของปี 2005 เขาก็ได้จัดตั้งสำนักงานของ Wynton บริษัทเปิดใหม่ของเขา ที่ตึกที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศมาเลเซียอย่าง ตึก Petronas ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศ

ซึ่งตอนนี้ ความต้องการของ Low นั้นพุ่งไปที่ธุรกิจอย่างเต็มตัว ซึ่งในขณะอยู่ที่ Wharton นั้น เขาได้มีโอกาสสร้าง Connection กับตะวันออกกลางไว้บ้างแล้ว ตอนนี้เขาต้องการที่จะนำชาวอาหรับที่ร่ำรวยมาลงทุนในมาเลเซีย และหาผลประโยชน์จากค่านายหน้าในการซื้อขายนั่นเอง และนั่นจะเป็นจำนวนเม็ดเงินที่มหาศาล เพราะการลงทุนเหล่านี้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นโครงการ Big Project แทบจะทั้งสิ้น

และเพียงไม่นานเขาก็ได้เห็นโอกาสแรก เมื่อมีผู้บริหารธนาคารอิสลามแห่งคูเวตซึ่งเข้ามาทำสัญญาซื้อขายคอนโดมิเนียม ซึ่งในช่วงนั้นเอง Low ได้พยายามที่จะเข้าไปเป็นนายหน้าซื้อขายกับผู้หริหารคนนี้ เพื่อเข้าซื้อกิจการธนาคารในประเทศมาเลเซีย

แม้ความพยายามครั้งแรกของเขาจะล้มเหลว แต่เขาก็ได้ Connection ที่สำคัญมาอีกครั้ง ทำให้ Low กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการประชุมกับบุคคลที่มีอิทธิพลทั้งทางด้านการเงินและอำนาจากฝั่งตะวันออกกลาง แม้ว่าตัว Low เองนั้นจะยังแทบจะไม่มีประวัติทางธุรกิจอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะเพิ่งมาเริ่มทำธุรกิจได้เพียงไม่นานหลังจากเรียนจบ

ต่อมาในปี 2007 เขาได้ยินข่าวว่า Khazanah กองทุนความั่งคั่งอันทรงอำนาจแห่งมาเลเซีย กำลังมองหาพันธมิตรเพื่อพัฒนาโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในรัฐทางตอนใต้ของยะโฮร์ใกล้ชายแดนสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของเขตเศรษฐกิจ Iskandar

Iskandar โครงการพัฒนาเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทางใต้ของมาเลเซีย
Iskandar โครงการพัฒนาเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทางใต้ของมาเลเซีย

โครงการดังกล่าวเป็นความพยายามที่ท้าทายในการสร้างศูนย์กลางทางการเงินและไลฟ์สไตล์ เพื่อแข่งขันกับสิงค์โปร์ ที่กำลังเป็นศูนย์กลางทางการเงินและการค้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่

และนี่เป็นโอกาสทองของ Low อีกครั้ง เขามองเห็นถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากอาบูดาบี ที่ต้องการลงทุนไปทั่วโลก ตั้งแต่ตอนได้มีโอกาสทัวร์ตะวันออกกลาง และ ได้ทำความรู้จักกับ Al Mubarak ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้บริหารของกองทุน Mubadala และด้วยแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในตอนนั้น ทำให้กองทุน Mubadala มีขนาดใหญ่ขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์

แม้ Connection หลักใน อาบูดาบี ยังคงเป็น Otaiba ที่ปรึกษาทางการเมืองของประมุขแห่งรัฐเอมิเรตส์ ซึ่ง ในวันที่ 17 มิถุนายน ปี 2007 Low ได้เขียน email ถึง Otaiba พร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการพัฒนา Iskandar และแนะนำให้ Mubadala มาลงทุนให้ได้ จากนั้นเขาก็จัดให้ผู้บริหารกองทุนความมั่งคั่งของมาเลเซีย บินไปยังอาบูดาบี ซึ่ง Low ได้นัดให้พบกับ Otaiba และคนอื่น ๆ

ต้องบอกว่าเป็นความสามารถที่น่าทึ่งมาก ๆ ของ Low ที่เพิ่งเรียนจบมาหมาด ๆ และสามารถนำกองทุนขนาดใหญ่อย่าง Mubadala เข้ามาลงทุนในมาเลเซียได้สำเร็จ ซึ่งโครงการ Iskandar นี่เองที่เป็นการเปิดโอกาสให้ Low ได้แสดงความสามารถให้ Najib Razak ได้เห็น และที่สำคัญเป็นการช่วยส่งเสริม Najib ในฐานะนักการเมืองที่สามารถดึงดูดการลงทุนและผลักดันความฝันในการทำให้มาเลเซียกลายเป็นเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้

และความสัมพันธ์ของ Low และครอบครัว Najib ก็แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Riza Aziz ลูกเลี้ยงของ Najib ก่อนหน้านี้แล้ว และตอนนี้ เขากำลังสานสัมพันธ์ไปยังศูนย์กลางอำนาจใหญ่ของครอบครัว Najib ซึ่งนั่นก็คือภรรยาของ Najib อย่าง Rosmah Mansor ซึ่ง Low ได้เอาใจครอบครัวนี้เต็มที่โดยในปี 2007 เขาได้ตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่สำหรับ Najib และ Rosmah เพื่อ ช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายของลูกสาวขณะที่กำลังเรียนอยู่ในเมือง จอร์จทาวน์ของปีนัง

Low สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ Rosmah Mansor ภรรยาของ Najib Razak
Low สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ Rosmah Mansor ภรรยาของ Najib Razak

และในปลายเดือนสิงหาคมปี 2007 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับทั้ง Najib , Rosmah และ Low ทาง Najib ได้ทำการจัดงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จที่บ้านพักของ Najib ในเมืองปุตราจายานอกกรุงกัวลาลัมเปอร์

เพราะมันเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จ ของข้อตกลง สำหรับกองทุนที่ยิ่งใหญ่อย่าง Mubadala และ Kuwait Finance House เพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาที่ดินใน Iskandar

ซึ่งในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังการเฉลิมฉลอง กองทุน Mubadala ลงนามสัญญาลงทุน 500 ล้านดอลลาร์ ในโครงการ Johor ของโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่พักอาศัย , รีสอร์ท และ สนามกอล์ฟ ต้องบอกว่าถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ และเป็นการเปิดตลาดในประเทศมาเลเซียครั้งแรกของกองทุน Mubadala จากอาบูดาบี

แน่นอนว่าข้อตกลงที่เป็นการเปิดประตูแหล่งเงินทุนจากอาหรับ นั้น แสดงให้เห็นถึงความสามารถระดับสูงของ Low ในการการหาแหล่งเงินจากตะวันออกกลาง ซึ่งทำให้สถานะของ Low กับครอบครัวของ Najib นั้น อยู่ในตำแหน่งที่ดีมาก ๆ และมีความสัมพันธ์ที่มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็เกิดขึ้นกับ Low อีกครั้ง หลังจากที่เขาพยายามพา Connection จากตะวันออกกลางมาลงทุนที่มาเลเซียได้สำเร็จ แต่เขากลับถูกหักหลังจาก กองทุนความมั่งคั่งของมาเลเซียอย่าง Khazanah ที่มาขโมยตัดหน้าเอาค่าธรรมเนียมนายหน้าต่าง ๆ จากการลงทุนครั้งนี้ไป

สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ Low ต้องคิดใหม่อีกครั้ง การดำเนินการโดยกองทุนที่เป็นมืออาชีพอย่างกองทุนความมั่งคั่งของมาเลเซียอย่าง Khazanah มันดูสะอาดเกินไปสำหรับจุดประสงค์ของ Low เขาต้องการอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เขาต้องการควบคุมเงินลงทุนด้วยตัวของเขาเอง และนี่เองเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้ Low เตรียมตัวที่จะดำดิ่งสู่โลกการเงินที่สกปรกนั่นเอง

ต้องบอกว่า มาถึงตอนนี้ ต้องนับถือในความสามารถของ Low ที่เป็นตัวแปรสำคัญในการดึงเม็ดเงินลงทุนจากตะวันออกกลางให้มาเปิดการลงทุนในมาเลเซียได้สำเร็จ และที่สำคัญมันได้ส่งเสริมภาพลักษณ์ของ Najib Razak ในฐานะผู้นำพรรค UMNO ที่เตรียมก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย แต่อีกด้านหนึ่ง ความทะเยอทะยานของ Low มันยังไม่จบแค่นี้ เขามีความทะเยอทะยานที่สูงกว่านี้ แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อในโลกการเงินที่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับเขาได้โดยตรง โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 5 : Absolute Power

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : http://malaysiansmustknowthetruth.blogspot.com/2019/09/witness-rosmah-found-jho-low-to-be-very.html https://latitudes.nu/iskandar-a-bellwether-for-improving-relations-between-singapore-and-malaysia/

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 3 : Mubadala

การเดินทางสู่ประเทศอเมริกา ดินแดนแห่งอิสระภาพ Jho Low เลือกเรียนที่ Wharton School ที่มุ่งเน้นไปยังด้านธุรกิจโดยตรง ที่นี่มีศิษย์เก่าชื่อดังมากมาย ทั้ง Warren buffett พ่อมดแห่งโลกการเงิน รวมไปถึง ประธานาธิบดีคนล่าสุดของอเมริกาอย่าง Donald Trump

มันเป็นความตั้งใจของ Low อย่างแท้ที่จริงที่ต้องการที่จะเรียนรู้กลไกของระบบทุนนิยม เพื่อนร่วมชั้นของเขาหลายคนเป็นนักเรียนที่มีครอบครัวที่ร่ำรวยจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งทุกคนที่มาเรียนที่นี่ ต่างใฝ่ฝันถึงอาชีพใน Wall street ที่เงินถูกเสกออกมาได้เหมือนเวทย์มนต์

แต่ Low ไม่ได้คิดเหมือนเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ เขาตั้งใจเรียนอย่างหนักในช่วงปีแรก ๆ ด้วยการที่เป็นที่มีความจำที่ดีเยี่ยม ทำให้เขาประสบผลสำเร็จในการเรียนปีแรกใน Wharton ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และเขากำลังมองไปถึงอนาคต เพราะที่ Wharton เป็นสถานที่สำคัญที่สุดในการสร้าง Connection ของเขาในอนาคตนั่นเอง

แน่นอนว่าด้วยพื้นฐานของครอบครัวที่เป็นเศรษฐีย่อม ๆ ในขณะที่เรียนอยู่ที่ Wharton พ่อของเขา Larry Low โอนเงินมาให้เขาหลายหมื่นดอลลาร์ ซึ่งเป็นของกำนัลจากพ่อเขาที่ Low นั้นประสบความสำเร็จในด้านการเรียน

แม้จะเรียนหนัก แต่ชีวิตอีกด้านของ Low ก็ใช้มันอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน Low เริ่มหาแก๊งค์เพื่อน ๆ ในเอเชียและตะวันออกกลาง และรวมตัวกันจ้างรถลิมูซีนเพื่อพาไปเล่นการพนันที่แอตแลนติกซิตี้ ซึ่งที่นั่นเขาติดการพนันอย่างหนัก และผลาญเงินของพ่อเขาอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน

และที่ Wharton นี่เองที่ Low ได้แสดงให้เห็นถึงตัวตนของเขาอย่างแท้จริง เขาเริ่มพยายามแสดงตัวตนใหม่ ด้วยการขับรถเปิดประทุน SC-430 ของ Lexus มีการลือกันในมหาลัยว่าเขาคือ “เจ้าชายแห่งมาเลเซีย” แต่ Low เองก็ไม่คิดจะแก้ข่าวในเรื่องนี้แต่อย่างใด แม้จะเป็นเรื่องตลกสำหรับเพื่อนร่วมชั้นชาวมาเลเซียก็ตามที

Wharton School สถานที่ที่ Low ได้เริ่มแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา
Wharton School สถานที่ที่ Low ได้เริ่มแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา

เขามุ่งมั่นสู่แวดวงสังคม มีการสร้างภาพตัวเองว่าเป็นนักเรียนที่ร่ำรวย และ ทำให้เขาได้ไปรู้จักกับ Hamad Al Wazzan ลูกชายของเจ้าสัวด้านพลังงานจากคูเวต และ ทำให้ตัวเขาได้เริ่มเข้าไปพัวพันกับพันธมิตรจากตะวันออกกลางหลังจากนั้น

และในปี 2003 Low ได้มีโอกาสครั้งสำคัญ ในการไปพบกับ Yousef Al Otaiba ซึ่งเป็นที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Low ในวัยเพียงแค่ 22 ปีนั้น มีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากในการสืบหาข้อมูลโครงสร้างอำนาจในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

และ Otaiba คือชายที่ Low กำลังมองหา เพื่อเชื่อมต่อเขาไปยังศูนย์กลางทางการเงินของตะวันออกกลาง Low พยายามคุยโวเรื่องของประเทศมาเลเซียของเขา ว่า เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต และน่าลงทุนเป็นอย่างยิ่งกับ Otaiba

แม้ตัว Low จะยังไม่เคยมีประสบการณ์ใด ๆ ในการทำข้อตกลงทางธุรกิจ หรือ การ Deal ธุรกิจกับใครก็ตาม แต่ต้องบอกว่า โวหารของเขานั้น ไม่เป็นสองรองใคร ทำให้ Otaiba รู้สึกทึ่งกับการการคุยเกี่ยวกับเรื่องศักยภาพทางธุรกิจที่เป็นไปได้ในประเทศมาเลเซีย และ เขาก็เริ่มเปิดประตูให้ Low ในการก้าวเข้าสู่ อาบูดาบี

ไม่นานหลังจากการพบกันครั้งแรก Otaiba ได้แนะนำ Low ให้รู้จักกับ Khaldoon Khalifa Al Mubarak ซึ่งเป็นชายหนุ่มผู้มีความทะเยอทะยาน และเป็นหนึ่งในคนที่ดูแลกองทุนเพื่อการลงทุนขนาดใหญ่ของ อาบูดาบี อย่าง Mubadala Development ซึ่ง Al Mubarak นั้น ก็คล้ายกับ Otaiba ที่เป็นผู้ช่วยและที่ปรึกษาในอาหรับ ของเจ้าชาย Mohammed Bin Zayed Al Nahyan ผู้ทรงอำนาจสูงสุดแห่ง อาบูดาบี

แม้ที่ Wharton ตัว Low เองนั้น จะไม่ได้ขยันมากนัก แต่ที่ อาบูดาบี เขาได้รับการศึกษาอย่างแท้จริงว่าโลกทุนนิยม นั้นทำงานอย่างไร โดย อาบูดาบี นั้นได้ก่อตั้งกองทุน Mubadala Development ขึ้นในปี 2002 เพื่อกระจายตัวทางด้านเศรษฐกิจ และลดการพึ่งพาน้ำมันลง ในแผนระยะยาวของประเทศ

Low สามารถเข้าไปสู่ใจกลางอำนาจใน อาบูดาบี
Low สามารถเข้าไปสู่ใจกลางอำนาจใน อาบูดาบี

ความคิดคือ การระดมทุนจากตลาดต่างประเทศ และนำเงินเข้าสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ และ อุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ ต้องบอกว่า Low เองนั้น ก็ได้เข้าไปสู่จุดศูนย์กลางของอำนาจที่ควบคุมเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของอาบูดาบีได้สำเร็จ

Mubadala Development เป็นตัวอย่างหนึ่งของโครงการที่รัฐที่ร่ำรวยอย่าง อาบูดาบี ที่กำลังเข้าไปมีบทบาทมากขึ้นในเศรษฐกิจโลก แม้กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินั้นจะมีมาตั้งแต่ปี 1950 ในยุคที่ ซาอุดิอาระเบียและคูเวตจัดตั้งหน่วยงานเพื่อหาวิธีลงทุนจากความมั่งคั่งที่ได้รับจากน้ำมันของพวกเขาในระยะยาวก็ตาม

แต่ Mubadala นั้นแตกต่าง แทนที่จะลงทุนเพียงแค่นำผลกำไรจากน้ำมัน เพื่อรักษาความมั่งคั่งให้กับคนในรุ่นต่อไป แต่กองทุน Mubadala มีการกู้ยืมเงินจากตลาดโลก และ พยายามที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปในทิศทางใหม่ด้วย

สิ่งที่ Low ได้มองเห็นจากอาบูดาบี ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเขา เขามองว่าแม้มาเลเซียนั้นจะมีกองทุนความมั่งคั่งอย่าง Khazanah Nasional แต่มันไม่มีอะไรเหมือนกับที่ Mubadala ทำ

เขามองไปยังอนาคต และเห็นตัวเองเป็นเหมือน Al Mubarak ที่จะเข้าไปควบคุมกองทุนในประเทศบ้านเกิดของเขา แน่นอนว่าเขาได้แนวคิดที่สำคัญจากการมาเยือน อาบูดาบีครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

ตัดกลับมาที่ Wharton เมื่อเข้าสู่ปีสุดท้ายของการเรียน Low ได้จัดตั้งบริษัทแรกของเขาที่ชื่อว่า Wynton Group ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนใน British Virgin Islands แม้ในปีสุดท้าย เพื่อน ๆ หัวกะทิที่จบการศีกษาจะแข่งขันกันเพื่อหางานที่ Godman Sachs หรือ McKinsey & Company หรือ บริษัทชื่อดังอื่น ๆ

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ Low ต้องการ เพราะเขาคิดว่า ไม่มีเวลามากพอสำหรับการไปเป็นลูกจ้างของใคร ซึ่ง บริษัท Wynton Group ของเขานี่เองที่เขาสร้างมาเพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับนักลงทุนจากตะวันออกกลางเพื่อเข้าร่วมโครงการในประเทศมาเลเซียบ้านเกิดของเขา

และเมื่อการเรียนปีสุดท้ายของเขาสิ้นสุดลงในปี 2005 Low ก็มีแผนการในใจเป็นที่เรียบร้อย เขาจะกลับไปยังบ้านเกิดที่ประเทศมาเลเซีย และมองหาวิธีในการทำธุรกิจกับเหล่า Connection ของเขาที่ตั้งใจสร้างมาทั้งที่ Wharton และ Harrow

ถึงตอนนี้เขามีความพร้อมเกือบจะทุกอย่างแล้ว เขาเพียงต้องการผู้สนับสนุนที่ทรงอิทธิพลที่บ้านเกิดของเขาเพียงเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะ Jigsaw ชิ้นสำคัญที่สุดของ Low ก็คือ ครอบครัวที่กำลังมีอำนาจและทรงอิทธิพลของประเทศมาเลเซีย ซึ่งนั่นก็คือ ครอบครัวของ Najib Razak ที่กำลังจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนาจในประเทศมาเลเซียในอีกไม่นานนั่นเอง

ถึงตอนนี้ ต้องบอกว่า Low กำลังจะกลับมาประเทศบ้านเกิดของเขา เพื่อทำตามความฝันและความทะเยอทะยานของเขา แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อที่บ้านเกิดของเขาในประเทศมาเลเซีย โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 4 : Done Deal

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : https://www.freemalaysiatoday.com/category/bahasa/2017/06/19/laporan-uae-tunggu-kelulusan-doj-beli-50-kepentingan-hotel-jho-low/

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 2 : The Invention of Jho Low

เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1960 ที่เกาะปีนัง ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นช่วงที่มาเลเซียเพิ่งได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษ หลังจากถูกยึดครองมาเป็นเวลานาน

Meng Tak ปู่ของ Jho Low นั้นได้มาตั้งถิ่นฐานที่ปีนัง หลังจากหนีออกจากมณฑลกวางตุ้งของประเทศจีนในปี 1940 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ทำให้ผู้คนนับล้านจากประเทศจีน นั้นต้องหนีออกจากประเทศ

Meng Tak ก็เป็นอีกหนึ่งชาวจีนที่อพยพ มาอาศัยอยู่ในเมืองจอร์จทาวน์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของปีนัง ซึ่งก็ใช้ชีวิตเหมือนชาวจีนอพยพทั่วไป โดยทำอาชีพ ค้าขายสินค้า เช่นกระป๋อง และ ฝิ่น ซึ่งในตอนนั้นยังถูกกฏหมายอยู่

Meng Tak นั้นได้ให้กำเนิดลูกชายที่ชื่อว่า Larry Low ซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ของ Jho Low แม้จะยังไม่มีรายละเอียดมากนักว่าปู่ของ Meng Tak นั้นตั้งตัวมาได้อย่างไร บ้างก็ว่าเขาหาเงินมาจากการลักลอบขายฝิ่น หรือ บ้างก็ว่าเขาร่ำรวยมาจากการลงทุนในเหมืองแร่เหล็ก

George Town , Penang สถานที่ที่ Meng Tak สร้างตัวขึ้นมา
George Town , Penang สถานที่ที่ Meng Tak สร้างตัวขึ้นมา

แต่ที่แน่ ๆ ในยุคของ Larry Low ที่เป็นลูกของ Meng Tak นั้นชีวิตของเขาถูกปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน เขาได้มาเรียนที่ปีนังในช่วงเด็กเล็ก ก่อนที่จะมีโอกาสที่จะไปศึกษาต่อที่ London School of Economics และจบปริญญาโทด้าน MBA ที่มหาวิทยาลัย แคลิฟอร์เนียลอสแองเจลิส จากประเทศอเมริกา

และนี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของตระกูล Low เพราะหลังจากเรียนจบ พ่อของ Jho Low ก็เข้ามาสานต่อธุรกิจจาก Meng Tak และได้เริ่มสร้างความมั่งคั่งของครอบครัวขึ้นมาใหม่ แม้ในบางธุรกิจ เขาจะทำผิดพลาดอย่างเช่น การเข้าไปลงทุนในธุรกิจ ไร่โกโก้ แต่เขาก็สามารถแก้ตัวได้ในธุรกิจ ผลิตผ้าเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรป ได้สำเร็จ และธุรกิจนี้นี่เองที่ทำให้เขาถูกแจ็คพอตรางวัลใหญ่

และเมื่อเข้าสู่ยุคปี 1990 เป็นปีแห่งการพัฒนาตลาดหุ้นของมาเลเซีย เศรษฐกิจของมาเลเซียเติบโตขึ้นกว่าร้อยละ 5 ต่อปี โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกสินค้า เช่น น้ำมันปาล์ม เสื้อผ้าสำเร็จรูป คอมพิวเตอร์ชิป และ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

นั่นเป็นเหตุให้ Larry Low สามารถพาธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าของเขา ก้าวกระโดดจนถูกขอเข้าซื้อกิจการโดยบริษัทจากประเทศแคนาดาในที่สุด และทำให้เขาได้รับเงินจำนวนมหาศาลจาก Deal ธุรกิจครั้งนี้

และด้วยเงินสดจาก Deal มหาศาลครั้งนี้ ทำให้ Larry ในอายุ 40 ปี สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายไปตลอดชาติ และเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้จ่ายอย่างบ้าคลั่ง เพื่อเสวยสุขจากเงินที่เขาได้รับมา

เขาเป็นหนึ่งในนักปาร์ตี้ตัวยง มีการจัดเฉลิมฉลองปาร์ตี้บนเรือยอชท์ เขาถึงกับจ้างนางแบบสาวจากสวีเดนให้บินมาที่ปีนัง เพื่อเข้ามาร่วมงานปาร์ตี้ของเขา ซึ่งรูปแบบพฤติกรรมดังกล่าวนั้น ถูกถ่ายทอดมาให้กับลูกชายของเขาที่ชื่อ Jho Low ในภายหลังนั่นเอง

และ Larry เอง ก็มีความทะเยอทะยานที่จะยกระดับสถานะทางสังคมของครอบครัวของเขา ดังนั้นในปี 1994 เมื่อ Jho Low ลูกชายของเขา อายุ 13 ปี Larry ได้ย้าย Jho Low ออกจากโรงเรียนในท้องถิ่น ที่ปีนัง เพื่อเตรียมย้ายลูกชายของเขาไปอยู่โรงเรียนประจำในประเทศอังกฤษ เหมือนเศรษฐีชาวมาเลเซียคนอื่น ๆ แทน

โดย Larry Low เลือกจะไปวางรากฐานชีวิตใหม่ในประเทศอังกฤษ และได้ย้ายไปอยู่ย่าน kensington ที่เป็นย่านสุดหรู ซึ่งแน่นอน Larry ยอมลงทุนเพื่อลูกของเขา เพราะในแถบนั้นมีชนชั้นสูงของมาเลเซียหลายคนที่เข้าไปอยู่ในย่านนั้นเช่นเดียวกัน

และนี่คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ ที่เข้าไปเกี่ยวดองหนองยุ่งกับ ผู้มากบารมีของมาเลเซียอย่าง Najb Razak ซึ่งในขณะนั้น ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของประเทศมาเลเซียอยู่ ( ก่อนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในภายหลัง)

เพราะที่ Kensington นี่เอง ที่ Najib Razak ได้ส่งลูกเลี้ยงของเขาอย่าง Riza Aziz ไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ เช่นเดียวกัน กับ เหล่าเศรษฐี และ ผู้มีอำนาจในประเทศมาเลเซีย ซึ่งทำให้ Jho Low ได้ไปรู้จักกับ Riza Aziz ที่นั่น

Harrow School จุดเริ่มต้นสร้าง Connection ของ Jho Low
Harrow School จุดเริ่มต้นสร้าง Connection ของ Jho Low

และเป็นโรงเรียนชื่อดังอย่าง Harrow ที่ทำให้ ทั้ง Riza Aziz และ Jho Low ได้เริ่มสานสัมพันธ์ความเป็นเพื่อที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งโรงเรียน Harrow นั้น สามารถที่จะเข้าเรียนง่ายกว่าโรงเรียนที่ดังที่สุดของอังกฤษอย่าง Eton แต่ที่ Harrow นั้นก็คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับ ลูกเศรษฐีชาวมาเลเซียส่วนใหญ่แล้วในยุคนั้น

ในปี 1998 Jho Low ในวัย 16 ปี มาถึง Harrow โดยที่ Harrow นั้นนักเรียนจะต้องสวมเสื้อคลุมไท ของกองทัพเรือพร้อมหมวกนักพายเรือสีครีม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียนนี้ ค่าเทอมที่สูงถึง 20,000 เหรียญต่อปี แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับ Larry Low ให้ลูกชายของเขา

ที่ Harrow Jho Low ได้เจอกับกลุ่มเพื่อนใหม่จากตะวันออกกลางและราชวงศ์ในเอเชียอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึง ลูกชายของสุลต่านแห่งบรูไน ประเทศที่รวยด้วยธุรกิจน้ำมัน ซึ่งอยู่ติดกับมาเลเซีย

และเมื่อรายล้อมไปด้วยเพื่อนใหม่ระดับ Hi Profile ทั้งหลาย Low ก็เริ่มแสดงตัวตนออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เขาได้แอบเข้าไปในห้องสมุดของ Harrow เพื่อไปเล่นรูเล็ตขนาดเล็ก และมีการเดิมพันเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเพื่อน ๆ ของเขา

สิ่งหนึ่งที่ได้ใจเพื่อน ๆ ไปเต็ม ๆ ก็คือ เขาแอบปลอมแปลงจดหมายถึง Chinawhite ซึ่งเป็นไนท์คลับที่มีชื่อเสียงใกล้ Piccadilly Circus ซึ่งในปี 1990 นั้นเป็นไนท์คลับที่ดังที่สุดของเมือง

เขาปลอมแปลงจดหมาย โดยปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูต เพื่อจองโต๊ะที่ Chinawhite สำหรับสมาชิกในราชวงศ์ของบรูไน เรียกได้ว่าเขาทำตัวแสบขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออยู่ในโรงเรียนอย่าง Harrow เขาสร้างโอกาสให้ตัวเองได้ไปปาร์ตี้กับนักบอลระดับ Premier League ด้วยในตอนนั้น ถือว่า เขาสร้างชื่อเสียงได้ค่อนข้างรวดเร็วในโรงเรียนมัธยม Harrow

เขาถูกเพื่อน ๆ มองว่า สามารถที่จะทำในสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง เวลาไปยังสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผับ บาร์ หรือร้านอาหาร เขาจะเป็นคนจองเสมอ และทำทีให้ดูเหมือนว่าเขาเป็นคนจ่ายเงินสำหรับทุกสิ่ง ซึ่งมันทำให้เขาดูเหมือนเข้าไปใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง ซึ่งสำหรับวัยรุ่นในยุคนั้นต้องบอกว่า สิ่งเหล่านี้ มันทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของเพื่อน ๆ ได้ทันที

และในวันหยุดพักผ่อน Low ก็มุ่งหน้าไปยังอพาร์ตเมนต์แถบ Kensington และเขาก็ได้ใช้เวลากับ Riza Aziz มากขึ้น เขาเริ่มรู้ดีว่า นักการเมืองผู้ที่กำลังจะยิ่งใหญ่อย่าง Najib Razak ที่เป็นพ่อเลี้ยงของ Riza นั้น กำลังจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในไม่ช้า

และที่สำคัญทุกคนในมาเลเซีย ก็ทราบดีถึงพรรคการเมืองที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนานอย่างพรรค UMNO ที่ Najib Razak สังกัดอยู่นั้น มีอำนาจมากมายโดยเฉพาะในเรื่องของการออกใบอนุญาติต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องของการพนัน ไปจนถึงสัญญาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ มันคือการสร้าง Connection ครั้งสำคัญที่สุดของ Low ที่กำลังจะพาเขาก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ในอนาคต

ซึ่งหลังจากเรียนจบจาก Harrow ตัว Low เองก็ได้เลือกที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยในประเทศอเมริกา เขามีความทะเยอทะยานทางธุรกิจ และ อเมริกาเป็นสะพานที่สำคัญสำหรับเขา ซึ่งเขามองเพียงแค่ มหาลัยใน Ivy League เพียงเท่านั้น ซึ่งที่นั่นจะนำเขาไปสู่ขั้นต่อไปของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเขาได้สำเร็จนั่นเอง

เรื่องราวกำลังสนุก สำหรับ Series ชุดนี้น่าจะมีจำนวนตอนมากกว่า Series ชุดอื่น ๆ โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปกันนะครับผม

–> อ่านตอนที่ 3 : Mubadala

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : https://www.theedgemarkets.com/article/govt-mum-whether-jho-low-riza-quizzed-police