เมื่อ AI สามารถสร้างชุดความคิดของมนุษย์ขึ้นใหม่จากคลื่นสมองได้แบบเรียลไทม์

นักวิจัยจาก บริษัท ของรัสเซีย Neurobotics และสถาบันฟิสิกส์และเทคโนโลยีแห่งมอสโกได้ค้นพบวิธีการแสดงภาพสมองของคน ๆ หนึ่ง โดยเลียนแบบสิ่งที่พวกเขาสังเกตเห็นได้แบบเรียลไทม์ 

ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยในการสร้างอุปกรณ์การฟื้นฟูสมรรถภาพหลังการผ่าตัดที่ควบคุมโดยสัญญาณสมอง ทีมนักวิจัยได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยลงบน bioRxiv และโพสต์วิดีโอออนไลน์โดยแสดงระบบ “อ่านใจ” ได้สำเร็จ

ในการพัฒนาอุปกรณ์ที่ควบคุมโดยสมอง และวิธีการรักษาโรคทางปัญญาและการฟื้นฟูสมรรถภาพหลังการทำ neurobiologists ซึ่งต้องมีความเข้าใจว่าสมองเข้ารหัสข้อมูลอย่างไร สิ่งสำคัญคือการศึกษากิจกรรมสมองของผู้คนที่รับรู้ข้อมูลภาพ ตัวอย่างเช่น ขณะพวกเขากำลังดูวิดีโอ เป็นต้น

โซลูชันที่มีอยู่สำหรับการแยกภาพที่สังเกตได้จากสัญญาณสมองนั้นอาจใช้คลื่น MRI หรือวิเคราะห์สัญญาณที่ได้รับผ่านการปลูกถ่ายโดยตรงจากเซลล์ประสาท ทั้งสองวิธีมีการใช้งานที่ค่อนข้าง จำกัด ในการปฏิบัติทางคลินิกและในชีวิตประจำวัน

โดยอินเตอร์เฟซคอมพิวเตอร์กับสมองที่พัฒนาโดย MIPT และNeurobotics อาศัย เทคโนโลยี Neural Network และสัญญาณ EEG ซึ่งเป็นเทคนิคในการบันทึกคลื่นสมองผ่านขั้วไฟฟ้าที่วางไว้บนหนังศีรษะ โดยการวิเคราะห์กิจกรรมของสมองระบบจะสร้างภาพที่เห็นโดยบุคคลผ่านข้อมูล EEG แบบเรียลไทม์

การสร้างภาพจากสมองได้แบบเรียลไทม์
การสร้างภาพจากสมองได้แบบเรียลไทม์

“ เรากำลังทำงานในโครงการ Assistive Technologies ของ Neuronet ใน National Technology Initiative ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ส่วนต่อประสานระหว่างคอมพิวเตอร์และสมองที่ช่วยให้ผู้ป่วยหลังการผ่าตัดใช้ในการควบคุมแขน เพื่อการฟื้นฟูระบบประสาท หรือผู้ป่วยที่เป็นอัมพาต  

เป้าหมายสูงสุดคือการเพิ่มความแม่นยำของการควบคุมระบบประสาทสำหรับบุคคลที่มีสุขภาพดีเช่นเดียวกัน” Vladimir Konyshev หัวหน้าห้องปฏิบัติการ Neurorobotics ที่ MIPT กล่าว

ในส่วนแรกของการทดลองนักประสาทวิทยาได้ขอให้อาสาสมัครที่มีสุขภาพดีชม 20 นาทีของวิดีโอ YouTube  โดยทีมนักวิจัยได้เลือกวิดีโอ 5 หมวดหมู่ : รูปที่เป็นแบบนามธรรม น้ำตก ใบหน้ามนุษย์ กลไกการเคลื่อนไหว และกีฬาแข่งรถ 

จากการวิเคราะห์ข้อมูล EEG นักวิจัยแสดงให้เห็นว่ารูปแบบคลื่นสมองนั้นแตกต่างกันสำหรับวิดีโอแต่ละประเภท สิ่งนี้ทำให้ทีมวิเคราะห์การตอบสนองของสมองต่อวิดีโอได้แบบเรียลไทม์

ในขั้นตอนที่สองของการทดสอบจะมีการสุ่มหมวดหมู่สามหมวดหมู่จากหมวดหมู่เดิมทั้ง 5 หมวดหมู่ นักวิจัยได้พัฒนาโครงข่ายประสาทเทียม (Neural Network) สองเครือข่าย หนึ่งสำหรับสร้างภาพเฉพาะหมวดหมู่แบบสุ่มจาก “สัญญาณรบกวน” และอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับสร้าง “เสียงรบกวน” ที่คล้ายกันจาก EEG จากนั้นทีมได้ทำการ Training ผ่าน Neural Network ให้ทำงานร่วมกันในลักษณะที่เปลี่ยนสัญญาณ EEG ให้เป็นภาพจริงคล้ายกับที่ผู้ทดสอบกำลังเฝ้าสังเกต

ลกอริทึมการทำงานของระบบสมองและคอมพิวเตอร์ (BCI) เครดิต: Anatoly Bobe / Neurobotics และ@tsarcyanide / MIPT Press Office
ลกอริทึมการทำงานของระบบสมองและคอมพิวเตอร์ (BCI) เครดิต: Anatoly Bobe / Neurobotics และ@tsarcyanide / MIPT Press Office

ในการทดสอบความสามารถของระบบในการมองเห็นการทำงานของสมอง ผู้เข้าร่วมจะถูกแสดงวิดีโอที่มองไม่เห็นจากหมวดหมู่เดียวกันก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะที่พวกเขาดู ข้อมูล EEGs จะถูกบันทึกและส่งไปยังเครือข่ายประสาท ระบบผ่านการทดสอบและสามารถสร้างภาพที่น่าเชื่อถือซึ่งสามารถแบ่งได้อย่างง่ายดายอย่างที่เราเห็นในรูปข้างล่าง

แต่ละคู่นำเสนอเฟรมจากวิดีโอที่ดูโดยผู้ทดสอบและภาพที่สร้างขึ้นโดยเครือข่ายประสาทเทียม เครดิต: Grigory Rashkov / Neurobotics
แต่ละคู่นำเสนอเฟรมจากวิดีโอที่ดูโดยผู้ทดสอบและภาพที่สร้างขึ้นโดยเครือข่ายประสาทเทียม เครดิต: Grigory Rashkov / Neurobotics

“ อิเลคโทรนิคฮาโลแกรม คือ ชุดของสัญญาณสมองที่บันทึกจากคลื่นสมอง นักวิจัยเคยคิดว่าการศึกษากระบวนการทางสมองผ่าน EEG นั้นเหมือนกับการหาโครงสร้างภายในของเครื่องจักรไอน้ำโดยการวิเคราะห์ควันที่ตกค้างจากรถไฟไอน้ำ”  Grigory Rashkov ผู้ร่วมเขียนบทความวิจัยจาก MIPT และโปรแกรมเมอร์ที่ Neurobotics “เราไม่ได้คาดหวังว่าจะมีข้อมูลเพียงพอที่จะสร้างภาพที่บุคคลสังเกตได้ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเป็นไปได้ดีทีเดียว”

“ ยิ่งไปกว่านั้นเราสามารถใช้สิ่งนี้เป็นพื้นฐานสำหรับอินเทอร์เฟซคอมพิวเตอร์กับสมองได้แบบเรียลไทม์ ภายใต้เทคโนโลยียุคปัจจุบัน อินเทอร์เฟซสำหรับระบบประสาทที่สร้างโดย Elon Musk เผชิญกับความท้าทายของการผ่าตัดที่ซับซ้อนและการเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วเนื่องจากกระบวนการทางธรรมชาติ

ทีมนักวิจัยหวังว่าในที่สุดเราจะสามารถออกแบบส่วนต่อประสานประสาทราคาไม่แพงซึ่งไม่ต้องใช้การฝังแบบผ่าตัดเข้าไปในสมองจริง ๆ ” นักวิจัยกล่าวเสริม

เราได้เห็นเทคโนโลยี ที่มีการเชื่อมต่อสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์ (Brain Machine Interface) ที่มีการวิจัยเรื่องราวเหล่านี้เป็นจำนวนมากในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงโครงการ NeuralLink ของ Elon Musk ด้วยเช่นกัน

เช่นเดียวกับเทคโนโลยี Brain Machine Interface เทคโนโยโลยีอย่างที่เราเห็นในบทความนี้ นั้นก็ใช้รูปแบบคล้าย ๆ กัน ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ส่วนต่อประสานระหว่างคอมพิวเตอร์และสมองที่ช่วยให้ผู้ป่วยหลังการผ่าตัดใช้ในการควบคุมแขน เพื่อการฟื้นฟูระบบประสาท หรือผู้ป่วยที่เป็นอัมพาต  

ซึ่งผมก็เชื่อว่า เราจะเห็นเทคโนโลยีเหล่านี้ ที่กำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหากับอวัยวะต่าง ๆ ของพวกเขาไม่ว่าจะเป็นดวงตา แขนขา ที่พิการ หรือ อื่น ๆ ได้อีกมากมายในอนาคตอย่างแน่นอนครับ

References : https://mipt.ru/english/news/neural_network_reconstructs_human_thoughts_from_brain_waves_in_real_time

เมื่อคู่แค้นต้องร่วมมือสร้างระบบติดตาม Covid-19 ใน iOS และ Android

Apple และ Google ได้ประกาศสร้างระบบสำหรับติดตามการแพร่กระจายของ coronavirus ใหม่ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแบ่งปันข้อมูลผ่านการส่งสัญญาณ Bluetooth Low Energy (BLE)

ระบบใหม่นี้ซึ่งจะใช้การสื่อสารผ่านเทคโนโลยี Bluetooth Low Energy เพื่อสร้างเครือข่ายการติดต่อ ตามความสมัครใจของการเก็บรักษาข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือที่ได้รับในบริเวณใกล้เคียงกับแต่ละอื่น ๆ 

โดยแอปอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะสามารถเข้าถึงข้อมูลนี้และผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดแอปไป พวกเขาสามารถรายงานผ่านแอปได้ หากพวกเขาได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งระบบจะทำการแจ้งเตือนผู้ที่ดาวน์โหลดแอปดังกล่าว ว่าพวกเขาอยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือไม่

Apple และ Google จะปล่อยแอปทั้งใน iOS และ Android โดยจะทำการเปิด API ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม และทำการตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอปของหน่วยงานด้านสุขภาพเหล่านี้สามารถใช้งานได้จริงและไม่มีข้อบกพร่อง โดยในช่วงแรกนี้ผู้ใช้จะยังคงต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อเข้าร่วมในการติดตาม ซึ่งอาจจำกัดการนำไปใช้ อยู่ในวงจำกัด

แต่ในอีกไม่กี่เดือนหลังจาก API เสร็จสมบูรณ์ บริษัท จะสร้างฟังก์ชั่นการติดตามในระบบปฏิบัติการที่รองรับ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ทุกคนสามารถใช้งานได้ทันที ด้วยโทรศัพท์ iOS หรือ Android โดยจะเป็นการฝังอยู่ในระบบปฏิบัติการ

การติดตามการแพร่เชื้อ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหาว่าใครเป็นผู้ติดเชื้อ และพยายามป้องกันไม่ให้ผู้อื่นติดไวรัส ถือเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาที่มีแนวโน้มที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19

ประสิทธิภาพสูงสุดเพราะแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ผ่านแพลตฟอร์มมือถือได้เลย
ประสิทธิภาพสูงสุดเพราะแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ผ่านแพลตฟอร์มมือถือได้เลย

แต่การใช้เทคโนโลยีการเฝ้าระวัง ก็มีคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของมัน เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน ( American Civil Liberties Union )ได้ตั้งข้อกังวลเกี่ยวกับการติดตามผู้ใช้ด้วยข้อมูลโทรศัพท์โดยยืนยันว่าระบบใด ๆ จะต้องถูกจำกัด ในขอบเขต และหลีกเลี่ยงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ให้มากที่สุด

ต้องบอกว่าเทคโนโลนี้จะไม่เหมือนกับวิธีอื่น ๆ เช่น การใช้ข้อมูล GPS โดยการใช้ Bluetooth นี้จะไม่มีการติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้คน โดยทั่วไปจะรับสัญญาณของโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้เคียงในช่วงเวลา 5 นาทีและเก็บการเชื่อมต่อระหว่างพวกเขาในฐานข้อมูล 

หากมีคนที่มีผล Positive กับ coronavirus พวกเขาสามารถแจ้งให้คนอื่น ๆ ทราบว่าโทรศัพท์ของคุณเข้าไปใกล้วเคียงกับผู้ที่ติดเชื้อเหล่านี้หรือไม่ในช่วงก่อนหน้านี้

ระบบยังใช้ขั้นตอนหลายขั้นตอนในการป้องกันไม่ให้รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มากเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะแบ่งปันข้อมูลของพวกเขาออกไปก็ตามที

วิธีการยังคงมีจุดอ่อนที่อาจเกิดขึ้น ในพื้นที่ที่มีผู้คนหนาแน่น ที่สามารถตั้งค่าสถานะผู้คนในพื้นที่ใกล้เคียงกันซึ่งไม่ได้มีการแชร์พื้นที่กับผู้ใช้จริงทำให้ผู้คนใกล้ชิดเหล่านี้เกิดความกังวลโดยไม่จำเป็นได้ 

นอกจากนี้ระบบดังกล่าวยังอาจไม่ครอบคลุมถึงความแตกต่างของระยะเวลาที่มีคนสัมผัสใกล้ชิดกัน การทำงานใกล้ชิดผู้ติดเชื้อตลอดทั้งวันจะทำให้คุณมีปริมาณไวรัสมากขึ้นกว่าการเดินไปตามถนนแล้วติดไวรัสผ่านผู้อื่นนั่นเอง

แน่นอนว่ามันเป็นโปรแกรมที่ค่อนข้างใหม่โดย Apple และ Google ยังคงคุยกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ เกี่ยวกับวิธีการใช้งาน ระบบนี้อาจไม่สามารถแทนที่วิธีการติดตามผ่านผู้ติดต่อที่ล้าสมัยแบบเดิม ๆ เช่น การสัมภาษณ์ผู้ติดเชื้อว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนและใช้เวลาไปกับใครบ้าง แต่มันสามารถช่วยเหลือวิธีการเดิม ๆ แบบนี้ได้ด้วยวิธีการที่ไฮเทค โดยใช้อุปกรณ์พื้นฐานที่มีคนใช้งานเป็นพันล้านอย่างมือถือนั่นเองครับ

ต้องบอกว่า เป็นการพัฒนาที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับการร่วมมือกันครั้งนี้ระหว่าง Apple และ Google ซึ่งนำเทคโนโลยี Bluetooth มาใช้ และ คอย tracking ว่าผู้ใช้งานใกล้ชิดกับใครมาบ้าง ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างซับซ้อน

ซึ่งเทคโนโลยี นี้ ต่อไปนั้นอาจจะช่วยเหลือคนทั้งโลกได้เลยด้วย ซ้ำ เพราะมันเป็นการ Notification มาจาก Platform แบบทันทีทันใด หากมีผู้ป่วยที่มีการยืนยันการติด COVID-19 ซึ่งจะทำให้ ผู้ที่เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ ที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่าน Bluetooh แล้วนั้น

สามารถได้รับการแจ้งเตือนได้แบบทันที ว่ามีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ และให้สามารถไปกักกันตัวได้ทันที แทนที่การคาดเดา หรือการคอยสัมภาษณ์แบบเดิม ๆ ที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะตามตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่่ติดเชื้อมาได้นั่นเองครับ ถือเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก ๆ ครับสำหรับเทคโนโลยีนี้

References : https://www.theverge.com/2020/4/10/21216484/google-apple-coronavirus-contract-tracing-bluetooth-location-tracking-data-app