ประวัติ Jho Low ตอนที่ 5 : Absolute Power

แม้จะถูกปฏิเสธจากค่านายหน้า ในการนำ Mubadala เข้ามาลงทุนในมาเลเซีย โดย Low คิดว่าเขาควรได้รับผลตอบแทนที่เขาสมควรได้รับ และที่สำคัญ เขาก็ต้องการที่จะตอบแทน Otaiba ผู้มีพระคุณด้วย ด้วยความผิดหวัง เขาจึงต้องเดินหน้าหาวิธีการใหม่

่สำหรับโครงการ Iskandar ที่ถือเป็นหนึ่งในโครงการ Mega Project ของประเทศมาเลเซีย Low นั้นรู้ข้อมูลดีว่า ในแบบแปลนของโครงการ Mega Project ดังกล่าวนี้ ต้องมีการสร้างถนนสายใหม่ แหล่งชุมชนที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรม

เพราะฉะนั้น ธุรกิจก่อสร้างจะกลายเป็นธุรกิจที่สำคัญมาก ๆ สำหรับโครงการ Mega Project นี้ ในตอนนั้น Low ได้ยินข่าวเกี่ยวกับบริษัทก่อสร้างของมาเลเซียสองแห่งที่กำลังจะขายกิจการอยู่พอดี และเขาสามารถซื้อได้ในราคาถูก และ หากเขามีบริษัทก่อสร้างที่สามารถเข้าประมูลงานใน Mega Project เหล่านี้ได้ นั่นคือเม็ดเงินจำนวนมหาศาล

ซึ่งด้วยสถานภาพของ Low ในตอนนั้น ที่เริ่มกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมถึงมีแรงหนุนที่สำคัญจากครอบครัวของ Najib ทำให้เขาไม่มีปัญหาในการโน้มน้าวให้ธนาคารในมาเลเซียปล่อยกู้เงินหลายสิบล้านดอลลาร์

และเขาก็ได้นำเงินดังกล่าวมาซื้อกิจการบริษัทก่อสร้าง และในเวลาเดียวกัน บริษัทในเครือของ Low อย่าง Wynton ก็ได้ออกเงินกู้เพิ่มเติม เพื่อใช้ในการซื้อที่ดินในแถวบริเวณโครงการ Iskandar ซึ่งตอนนี้แทนที่เขาจะมองแค่เพียงรายได้จากค่านายหน้า เขาได้เปลี่ยนสถานะตัวเองให้กลายเป็นผู้ร่วมลงทุนในโครงการ Mega Project นี้ได้สำเร็จ

และเพื่อตอบแทนมิตรแท้จากตะวันออกกลาง อย่าง Otaiba Low ได้ทำการจัดตั้งบริษัท ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ที่มีชื่อว่า บริษัทการลงุทนอาบูดาบี – คูเวต – มาเลเซีย และทำการมอบหุ้นจำนวนหนึ่งให้กับ Otaiba ฟรี ๆ เป็นการตอบแทน

และบริษัทนี้นี่เองที่ Low ใช้มันเป็นการสร้างนิยายเรื่องใหม่ ว่า เป็นกองทุนความมั่งคั่งจากตะวันออกกลางรายใหญ่ ที่เริ่มเข้ามาทำธุรกิจในมาเลเซีย โดยเริ่มจากการซื้อบริษัทก่อสร้าง ซึ่งแน่นอนว่ามันสร้าง Credit ให้ Low ที่ดูเหมือนว่ากิจการของเขานั้นได้รับการสนับสนุนจากกองทุนในตะวันออกกลาง และมันทำให้สามารถดึงดูดเงินได้มากขึ้น

Low เริ่มลงทุนในบริษัทก่อสร้าง เพื่อเข้า Mega Project
Low เริ่มลงทุนในบริษัทก่อสร้าง เพื่อเข้า Mega Project

Low ได้เรียนรู้ข้อมูลพวกนี้จากพ่อของเขา Larry Low ซึ่งเปิดบริษัทไว้มากมายในรูปแบบดังกล่าว และข้อมูลที่สำคัญก็คือเขารู้ดีว่า หากไปจดทะเบียนที่หมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสาขาของธนาคารสหรัฐ และ เหล่ากองทุนป้องกันความเสี่ยง สถานที่แห่งนี้จะไม่ปลอดภัยเพราะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางวอชิงตัน

แต่ที่หมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น ในทะเลแคริบเบียน หรือ ที่เชเชลส์ หมู่เกาะเล็ก ๆ ในมหาสมุทรอินเดีย มีวิธีการที่แตกต่าง และเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย และไม่มีข้อมูลหลุดรั่วออกไปได้อย่างแน่นอน

หลังจากนั้น Low ก็ได้ทำการตั้งบริษัท สองแห่งในเชเชลส์ บริษัท ADIA Investment Corporation และ KIA Investment Corporation ซึ่งการตั้งชื่อแบบนี้นั้น มันเป็นความตั้งใจของ Low ที่ทำให้ชื่อนั้นดูมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานการลงทุนของ อาบูดาบี (ADIA) และ หน่วยงานด้านการลงทุนของคูเวต (KIA) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่สำหรับบริษัท Low สร้างมานั้น แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับ อาบูดาบี หรือ คูเวต เลย

ถัดจากนั้น Low ก็ใช้บริษัท ต่างประเทศที่มีหน้าตาคล้าย ๆ กันเหล่านี้ เข้าไปลงทุนในบริษัทก่อสร้างขนาดเล็กของมาเลเซีย รวมถึงการเอาชื่อบริษัทเหล่านี้ ไปหลอกนักธุรกิจที่ร่ำรวย แต่ไร้เดียงสาทางด้านการเงิน ในมาเลเซีย ซึ่งนักธุรกิจเหล่านี้จะมากว้านซื้อที่ดินจากกลุ่มการลงทุนที่โด่งดังของเขาในราคาสูงนั่นเอง

ความทะเยอทะยานของ Low ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เงินที่ดูเหมือนเริ่มได้มาง่าย ๆ เขาไม่ต้องการหยุดเพียงแค่นี้ เขาต้องการสร้างชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในมาเลเซีย ซึ่ง Low ได้สังเกตถึงสถานะของ Al Mubarak ผู้บริหารกองทุน Mubadala ของเอมิเรตส์ ซึ่งกองทุนแบบนี้มีเงินนับพันล้านดอลลาร์ Low จึงคิดว่า ทำไมเขาจะสร้างกองทุนความมั่งคั่งของตัวเองไม่ได้ล่ะ และแล้วเขาก็ได้ก็เริ่มมองหาว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน

ต้องบอกว่า กองทุนความมั่งคั่งแบบดั้งเดิมของมาเลเซียนั้น เป็นการนำเงินที่ได้จากกำไรของน้ำมันมาลงทุน เพราะฉะนั้น Low จึงเริ่มโฟกัสไปที่ รัฐตรังกานูซึ่งอุดมไปด้วยแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง

ราชวงศ์มลายูทั้ง 9 ตระกูลของมาเลเซียนั้น แต่ละตระกูลก็มีสภาพที่แตกต่างกันตามแต่ละพื้นที่ โดยมีการปกครองแบบอยู่ร่วมกันกับรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน แต่สุลต่านแต่ละรัฐนั้นก็มีอำนาจทางการเมืองที่กว้างขวางในบางกรณี ซึ่งรวมถึงการควบคุมรายได้ของรัฐในท้องถิ่น

สำหรับ สุลต่านแห่งรัฐตรังกานู คือ Mizan Zainal Abidin ผู้ที่ได้รับการศึกษาในสหราชอาณาจักร มาจากตระกูลอิสลามแบบอนุรักษ์นิยม เป็นหนึ่งในสุลต่านที่มีความรู้ความสามารถสูง และเป็นคนที่ฉลาดมาก ๆ

รัฐตรังกานู ที่มีความมั่งคั่งจากน้ำมัน
รัฐตรังกานู ที่มีความมั่งคั่งจากน้ำมัน

ซึ่ง Low ได้มีโอกาสได้รู้จักกับน้องสาวของ Mizan ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการของบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็น Connection ที่สำคัญให้ Low นั้น สามารถเข้าไปทำความรู้จักกับ Mizan ได้สำเร็จ และเขาได้เสนอหุ้นฟรีในบริษัท การลงทุนอาบูดาบี – คู่เวต -มาเลเซีย ที่กำลังลงทุนในบริษัทก่อสร้างของประเทศมาเลเซีย

หลังจากนั้น Low ได้นำเสนอแผนที่มีความทะเยอทะยานสูงขึ้นไปกว่าเดิม ด้วยการเสนอให้ สุลต่าน Mizan จัดตั้งกองทุนความมั่งคั่ง แบบเดียวกับ Mubadala ของ อาบูดาบี ที่นำเงินจากกำไรของน้ำมันมาสร้างกองทุน

โดยตัวละครที่สำคัญอีกคนหนึ่งก็คือ Tim Leissner นายธนาคารจาก Goldman Sachs ที่ Low นั้น บอกกับ Mizan ว่า Leissner เป็นบุคคลที่มีความสามารถสูง และสามารถที่จะให้คำแนะนำในการลงทุนทั่วทุกมุมโลกได้

Low และ Mizan ได้พูดคุยกันถึงการอนุญาติให้กองทุนความมั่งคั่งออกพันธบัตรอิสลามมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อไม่ให้เป็นการละเมิดกฏอิสลามจากการคิดดอกเบี้ย แต่ในขณะที่กองทุนกำลังเตรียมหาเงิน ในเดือนพฤษภาคมปี 2009 Mizan เริ่มรู้สึกแปลกใจกับแผนการลงทุน ของ Low ที่ไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด

ซึ่งมันเป็นความเสี่ยงเกินไปสำหรับ Mizan ที่จะเอาเงินจากความมั่งคั่งของน้ำมันไปลงทุน โดยที่กองทุนนั้นแทบจะไม่มีผู้บริหารแบบเต็มรูปแบบเสียด้วยซ้ำ เขาจึงสั่งให้ตัวแทนของเขาในคณะกรรมการ สั่งให้ชะลอการระดมทุน

แต่หารู้ไม่ว่า Low นั้นไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ได้ทำการผลักดันให้พันธบัตรอิสลามมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ออกไปได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนว่ามันได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Low ที่ต้องมาเจอกับสถานการณ์ที่ลำบากเสียแล้ว เมื่อ Mizan ต้องการให้ปิดกองทุน แต่มันสายไปเสียแล้ว Low ต้องหาวิธีแก้ไขสถานการณ์โดยด่วน

แต่เหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิต เพราะมันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Najib Razak ได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดในการก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียในเดือนเมษายน 2009 พอดิบพอดี ต้องบอกว่า Najib เป็นหนึ่งในความหวังของชาวมาเลเซียในขณะนั้นเนื่องจากพรรค UMNO มีความนิยมที่ตกต่ำอย่างหนัก ชาวมาเลเซียต้องการ ฮีโร่ อย่าง Najib ให้มากอบกู้พรรค และนำพาประเทศให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

และสถานการณ์นี้ก็ทำให้ Low ผู้มีความทะเยอทะยาน มีชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในประเทศอย่าง Najib Razak คอยหนุนหลัง ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องแลกกับผลประโยชน์ที่ Najib นั้นก็ต้องการเงินจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยฟื้นฟูความนิยมของพรรค และสถานภาพทางการเงินของ Low ในตอนนั้นก็มีเงินพอที่จะมาช่วยเหลือ Support ทางด้านการเมืองให้ Najib Razak ได้แล้วเช่นเดียวกัน

เรียกได้ว่า เป็นการโคจรมาเจอกันด้วยเวลาที่ลงตัวอะไรเช่นนี้ สำหรับ Najib และ Low ที่ต่างฝ่าย ต่างต้องการความสามารถของอีกฝ่ายพอดิบพอดี ในช่วงเวลาที่ Najib ต้องการนำพาประเทศให้กลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วให้สำเร็จให้ได้ และ Low ก็พร้อมที่จะพาแหล่งเงินทุนจากตะวันออกกลางเข้ามาลงทุนในมาเลเซียพอดิบพอดี แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 6 : The First Heist

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : https://www.malaysiakini.com/news/444409

Geek Talk EP8 : เจาะตลาดจีนผ่านช่องทาง E-Commerce อย่างไร (ตอนที่ 2)

ในปัจจุบัน คนจีนเริ่มเปิดใจให้กับสินค้าไทยมากขึ้น ในขณะเดียวกันคุณภาพของสินค้าไทยอยู่ในระดับมาตรฐานที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นหากเราต้องการเจาะตลาดกลุ่ม CBEC ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง

เราควรมุ่งเน้นและตอกย้ำจุดขายไปที่ความเป็นของแท้จากไทยที่มีคุณภาพสูง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยเน้นการสร้างที่มาหรือเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ สร้างจุดขายโดยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ให้มีความทันสมัย แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร เพื่อให้สอดคล้องกับ Modern Lifestyle ของชาวจีนที่เพิ่มมากขึ้น

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : https://bit.ly/3bu77KA

ฟังผ่าน Apple Podcast :  https://apple.co/2lEqPPg

ฟังผ่าน Google Podcast :  https://bit.ly/3bBUcqg

ฟังผ่าน Spotify : https://spoti.fi/3eILoke

ฟังผ่าน Youtube : https://youtu.be/1i–judnRxo

–> ย้อนกลับไปฟัง ตอนที่ 1