SpaceX ร่วมมือกับ Nasa เพื่อหาจุดลงจอดบนดาวอังคารสำหรับยาน Starship

ณ ขณะนี้ เราอาจยังไม่รู้วิธีการเดินทางไปยังดาวอังคารที่แน่นอน แต่ในอนาคตอันใกล้ บริษัท SpaceX ที่นำโดย Elon Musk กำลังนำยาวอวกาศ Starship ของพวกเขาเพื่อค้นหาวิธีเพื่อลงจอดบนดาวอังคารให้สำเร็จ

โดย Space X ได้ใช้ประโยชน์จากภาพจากยานอวกาศ Mars Reconnaissance Orbiter ของนาซ่าซึ่งเป็นดาวเทียมถ่ายภาพที่กำลังโคจรรอบดาวอังคารในปัจจุบันเพื่อกำหนดพื้นที่เชื่อมโยงไปถึงยานอวกาศยานอวกาศ Starship

นักประวัติศาสตร์ด้านอวกาศ Robert Zimmerman พบภาพพร้อมแนบรายละเอียดของจุดลงจอดของยานอวกาศ Starship ของบริษัท SpaceX” ในข้อมูลจากยานอวกาศของนาซ่า

ซึ่งภาพพื้นผิวดาวอังคารถูกถ่ายโดยระบบกล้องความละเอียดสูงที่เรียกว่า HiRISE บนยานอวกาศและอัพโหลดไปยังเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยแอริโซนาซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการใช้งานกล้องดังกล่าว

โดยในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ บริษัท ได้จำกัดการค้นหาไปยังพื้นที่ราบขนาดใหญ่ที่เรียกว่าอาร์คาเดียพลาเทีย ซึ่งมีการเชื่อมโยงไปถึงจุดที่มีศักยภาพห้าจากหกจุดที่อยู่ในบริเวณแถบดังกล่าว

การวิจัยก่อนหน้าแสดงให้เห็นว่าที่ราบสามารถปกคลุมด้วยน้ำแข็งที่มีความตื้นจำนวนมาก ซึ่งไม่เพียง แต่จะช่วยให้สามารถเข้าถึงน้ำเพื่อการยังชีพและบรรจุเชื้อเพลิงจรวดเพื่อกลับสู่โลก แต่ที่ราบจะค่อนข้างง่ายต่อการลงจอดเนื่องจากไม่มีสิ่งกีดขวางทางภูมิศาสตร์เช่น หินหรือ ภูเขาขนาดใหญ่

ซึ่งพื้นที่ละติจูดของที่ราบนั้น ยังหมายความว่าบริเวณแถบ อาร์เคเดียพลาเทีย นั้นมีสภาพภูมิอากาศที่อุ่นกว่าพื้นที่อื่น ๆ ของดาวอังคาร ซึ่งระดับความสูงต่ำยังส่งผลถึงแรงดันอากาศที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยซึ่งอาจทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันอันตรายจากรังสีที่รุนแรง

ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ยาน Starship จะเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้? ตามที่ CEO Elon Musk กล่าว, โดย SpaceX มีการประเมินว่ายาน Starship จะปฏิบัติภารกิจครั้งแรกในวงโคจรในช่วงต้นปี 2020 และจะมุ่งหน้าไปยังดาวอังคารเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในปี 2022

References : https://www.teslarati.com

Jack Ma vs Elon Musk คำพูดด้าน AI ใครมีน้ำหนักกว่ากัน?

หลังจากที่สองนักธุรกิจด้านเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Jack Ma จากประเทศจีน และ Elon Musk จากอเมริกา ที่มีโอกาสได้มาเจอกันบนเวที The WAIC 2019 (World Artificial Intelligence Conference) ณ มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน กับหัวข้อการพูดคุยด้าน AI – การไปดาวอังคาร – การศึกษา แล้วถ้าถามว่าคำพูดของใครมีน้ำหนักมากกว่ากันล่ะ?

สำหรับเรื่องราวของ Jack Ma อดีตครูสอนภาษาอังกฤษธรรมดา ๆ คนหนึ่งในเมืองหางโจว ที่ได้เริ่มต้นสร้างธุรกิจอย่าง Alibaba ให้สามารถกลายเป็น อาณาจักร E-Commerce ขนาดใหญ่ที่สุด แห่งหนึ่งของโลกในปัจจุบัน

อาณาจักรที่สร้างสถิติการเปิดขายหุ้น IPO ในตลาด New York Stock Exchange ด้วยเงินระดมทุน ที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งมีผลทำให้ Alibaba กลายมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงกว่า สามแสนล้านเหรียญสหรัฐ เขาทำในสิ่งที่เหลือเชื่อเช่นนี้ได้ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

แต่แน่นอนว่า หากใครได้อ่านประวัติของ Jack Ma อย่างละเอียดแล้วนั้น จะพบว่า Jack Ma นั้นไม่ใช่นักเทคโนโลยีโดยกำเนิด คือไม่ได้เกิดมาแบบวิศวกร Jack Ma เป็นตัวแทนของพ่อค้าที่มี idea เลิศล้ำ และสามารถผลักดัน idea นั้นให้กลายเป็นจริงได้ ด้วยทีมงานระดับเทพของเขานั่นเอง

ส่วน Elon Musk นักธุรกิจและนักลงทุนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากอเมริกา และเขายังเป็นวิศวกรและนักประดิษฐ์หลาย ๆ สิ่งที่เป็นนวัตกรรมอีกด้วย เขาเป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของบริษัท SpaceX และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ผู้บริหารและสถาปนิกผลิตภัณฑ์ของบริษัท Tesla Motor และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริษัทของ Paypal ตลอดจนบริษัทอื่นๆอีกมากมายที่เขาลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของโลกเราแทบจะทั้งสิ้น

แล้วคำพูดของใครมีน้ำหนักมากกว่ากันในเรื่องของ AI ?

ก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่าเป็นสุดยอดนักธุรกิจกันทั่งคู่ ทั้ง Jack Ma และ Elon Musk ไม่งั้นคงไม่พาบริษัทตัวเองมาถึงจุดที่เราเห็นในปัจจุบัน แน่นอนว่าทั้งคู่มีความอัจฉริยะ แต่ก็มีความแตกต่างระหว่างทัั้งสองอยู่ที่น่าสนใจ

เพราะตัว Jack Ma เองนั้น ดูเหมือนเป็น นักคิดค้น idea ต่าง ๆ เพื่อมาบริหารธุรกิจ เพื่อต่อสู้กับธุรกิจที่ดุเดือดอย่าง Ecommerce ในประเทศจีน ฝากผลงานไว้มากมาย ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ การล้ม Ebay ยักษ์ใหญ่ ecommerce จากอเมริกาที่เคยไปบุกจีนได้สำเร็จ

แต่มันเป็นการเข้าใจวัฒนธรรมความเป็นจีนมากกว่าของ Jack Ma ที่สามารถล้ม Ebay ได้ และที่สำคัญการทำธุรกิจในประเทศจีน มันไม่เหมือนกับทำในประเทศไหนในโลก ด้วยเรื่องของความสัมพันธ์กับรัฐบาลจีน รวมถึงประเพณีธรรมเนียมต่าง ๆ ซึ่ง คนแบบ Jack Ma นั้นมีเยอะมากในประเทศเสรีนิยม อย่างอเมริกา และต้องต่อสู้อย่างหนักกว่าจะขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าได้ ซึ่งก็น่าสนใจเหมือนกันว่า หาก Jack Ma นั้นเกิดในอเมริกา จะสามารถสร้างธุรกิจให้ยิ่งใหญ่ได้แบบที่เราเห็นในประเทศจีนหรือไม่?

ส่วน Elon Musk นั้นแน่นอนว่าภาพลักษณ์เป็นนักธุรกิจ ที่คลุกวงในแบบสุด ๆ เพราะมีพื้นฐานทางด้านวิศวกรรมที่แข็งแกร่ง มองเห็นภาพอนาคตของโลกได้อย่างชัดเจน จากบริษัทที่เขาเข้าไปลงทุน เขาไม่ลงทุนในธุรกิจที่จะเติบโตในระยะสั้น แต่เขามองในระยะยาว และยาวมาก ๆ ที่เป็นอนาคตของโลกที่กำลังเดินไป

ไม่ว่าจะเป็น Tesla , SpaceX , Neuralink นั้นล้วนเป็นธุรกิจที่มีอนาคตที่สดใสแทบจะทั้งสิ้น มันเป็นการมองภาพของอนาคตที่ชัดเจนของ Musk ซึ่งแน่นอนว่า หลายคนอาจจะเห็นว่าเค้าบ้า อย่างการเดินทางไปดาวอังคาร ไปใช้ชีวิตบนดาวอังคาร แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ

แต่ Musk นั้นเห็นภาพทุกอย่างของอนาคตโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงาน เรื่องภาวะสภาพภูมิอากาศโลกที่กำลังถูกทำลายลง จนอนาคตนั้น เราอาจจะอยู่ในโลกนี้กันได้ลำบาก ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคตที่เกิดขึ้นจริง ๆ แน่นอน แต่ใครจะยอมรับความคิดเหล่านี้ในตอนนี้ที่เรายังใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบายเช่นนี้

ซึ่งสำหรับส่วนตัวนั้นหากเทียบกันจริง ๆ ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีในอนาคตอย่าง AI นั้นคำพูดของ Elon Musk ควรจะเป็นคำพูดที่มีน้ำหนักกว่าคนอย่าง Jack Ma อย่างแน่นอน เพราะ Musk เป็นวิศวกรตัวจริง ที่เข้าไปคลุกคลีกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ จริง ๆ และลงมือทำเองจริง ๆ เพราะฉะนั้นเค้าจะเห็นภาพที่กว้างกว่า Jack Ma อย่างแน่นอน

และที่สำคัญ Jack Ma ได้วางมือจากธุรกิจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เค้าทำมาตอนนี้ได้กลายเป็นตำนานเรื่องเล่าให้คนรุ่นหลัง แต่ Elon Musk นั้นยังเดินหน้าสรรค์สร้างสิ่งใหม่ ๆ อยู่ต่อเนื่องแม้จะยังไม่เห็นผลงานของเขาชัดเจนในตอนนี้ แต่ผมมั่นใจว่าในอนาคตนั้น เราอาจจะได้จารึกชื่อของ Elon Musk เป็นนักประดิษฐ์คิดค้นผู้ยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากที่เรานับถือคนอย่าง โทมัส อัลวา เอดิสัน , อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้อย่างแน่นอนครับ

สำหรับคนที่สนใจประวัติทั้งสองเพิ่มเติม ก็สามารถอ่านได้จาก Blog Series ที่ผมเคยเขียนไปแล้วได้เลยนะครับผม

Blog Series : Jack Ma Rise of the Dragon

Blog Series : Jack Ma Rise of the Dragon

–> อ่านตอนที่ 1 :Internet

Blog Series : Elon Musk The Real Life Iron Man

Blog Series : Elon Musk The Real Life Iron Man
Blog Series : Elon Musk The Real Life Iron Man

–> อ่านตอนที่ 1 :Sand Hill Road

References : https://www.teslarati.com/wp-content/uploads/2019/08/elon-musk-jack-ma.jpg

SpaceX เตรียมเปิดบริการ ‘RideShare’ สำหรับกระสวยอวกาศ

SpaceX กำลังสร้างข้อเสนอด้วยตัวเลือกใหม่ในราคาที่ไม่แพง และสอดคล้องกับรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ มากขึ้น สำหรับผู้ให้บริการดาวเทียมขนาดเล็กที่ต้องการเพิ่มน้ำหนักบรรทุกขนาดเบาลงสู่วงโคจรโลก

ข้อเสนอบริการใหม่นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำงานให้กับลูกค้าที่สามารถใช้ประโยชน์จากการเปิดตัว “rideshare” โดยแบ่งปันพื้นที่บน Falcon 9 เมื่อต้องการส่งดาวเทียมขนาดเล็กอื่น ๆ ออกไปสู่วงโคจร

ตัวเลือก rideshare จะให้บริการในกำหนดเวลาปกติ และ SpaceX บอกว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อความยืดหยุ่น และนำเสนอความสามารถในการจองล่วงหน้าให้แก่ลูกค้า และมั่นใจได้ว่าหากพวกเขาพร้อมที่จะเปิดตัว rideshare พร้อมจรวดที่จำนวนเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน 

หนึ่งในปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบริการ rideshare ในวันนี้ คือเรื่องของเวลาและความพร้อมของ Falcon 9 ที่จะรองรับน้ำหนักของลูกค้า ซึ่งโดยทั่วไปแล้วของที่บรรทุกขนาดใหญ่เพียงหนึ่งหรือสองใบจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่สำหรับการเดินทางแล้ว

บริการใหม่ของ SpaceX ได้รับการออกแบบคล้ายกับโปรแกรม rideshare ที่มีอยู่ทั่วไปในตอนนี้ ลูกค้าที่พร้อมจะใช้บริการและบริษัท ต้องการเติมที่เดิมสูญเสียไปเปล่า ๆ ด้วยการจองล่วงหน้า (1 ปีขึ้นไป) และตอนนี้ใกล้ถึงเวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในอีกประมาณ 1 ปี

โดยการเปิดตัวจะมีราคาเริ่มต้นเพียง 2.25 ล้านดอลลาร์สำหรับการรับน้ำหนักสูงสุด 150 กิโลกรัม (330 ปอนด์) หรือ 4.5 ล้านดอลลาร์สำหรับน้ำหนัก 300 กิโลกรัม (660 ปอนด์) ฟังดูเหมือนว่าบริการใหม่นี้เหมือนจะราคาสูงมาก แต่ลองจินตนาการว่าราคาต่ำสุดสำหรับการใช้งานบริการของ SpaceX ปัจจุบันนั้นอยู่ที่ประมาณ 57 ล้านดอลลาร์

ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการขยายธุรกิจให้กับ SpaceX ซึ่งแน่นอนว่าแต่เดิมการขนส่งไปยังอวกาศนั้นต้องใช้เงินลงทุนด้วยสูง ทำให้มีแต่ลูกค้าขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้ แต่การเปิดบริการใหม่นี้ เป็นการเติมเต็มบริการของ SpaceX ให้กับลูกค้ารายเล็กให้สามารถใช้บริการได้ด้วยราคาที่ถูกลงนั่นเอง

References : 
https://techcrunch.com

Starlink กับเป้าหมาย internet ครอบคลุมทั่วโลกของ SpaceX

ในตอนนี้กำลังมีกลุ่มดาวเทียมดวงใหม่อยู่บนท้องฟ้า SpaceX ได้เปิดตัวกองทัพยานอวกาศ Starlink ที่วางแผนสู่วงโคจรโลกที่ต่ำกว่าดาวเทียมทั่วไป ดาวเทียม 60 ดวงที่มีน้ำหนักรวม 13.6 ตันถูกปล่อยไปที่ 400km เหนือพื้นผิวโลก ด้วยจรวด Falcon 9 พวกเขาเข้าร่วมกับดาวเทียม Starlink สองตัวที่ถูกเปิดตัวในปี 2018

เป้าหมายของโครงการนี้มักจะกล่าวถึงการให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่ผู้ใช้อีกสี่พันล้านคนซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้กับ SpaceX แต่ไม่เพียงเท่านั้นยังให้บริการกับกลุ่มธุรกิจด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนมากจะขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานจริงของระบบ เมื่อแสงเดินทางผ่านสุญญากาศของอวกาศได้รวดเร็วกว่าผ่านสายเคเบิลใยแก้วนำแสงจึงเป็นไปได้ที่ดาวเทียมจะสามารถเชื่อมโยง internet ระหว่างเมืองได้รวดเร็วขึ้น

การแข่งขันทางอินเทอร์เน็ตทั่วโลกที่เริ่มร้อนแรง

SpaceX นั้นไม่ใช่บริษัทเพียงแห่งเดียวที่ต้องการผลตอบแทนมากมายที่อาจเกิดขึ้นจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตให้กับผู้ใช้อีกหลายพันล้านคน เนื่องจากมันมีการแข่งขันที่สูงมาก ก็ไม่น่าแปลกใจที่อีลอน มัสก์ กำลังเร่งรีบโครงการดังกล่าวให้เร็วที่สุด 

Kuiper โครงการของ Amazon ยังเป็นโครงการที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น พวกเขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะซื้อดาวเทียมของบริษัทอื่น ๆ หรือสร้างมันด้วยตัวของพวกเขาเอง แต่ก็มีเป้าหมายที่จะเปิดตัวดาวเทียมที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตกว่า 3,300 ดวงในทศวรรษหน้าเช่นกัน

ส่วน ดาวเทียมอินเทอร์เน็ต Athena ของ Facebook ซึ่งได้รับใบอนุญาตอย่างเงียบ ๆ จาก FCC ผ่าน บริษัท ในเครือลับ ๆ ที่เรียกว่า PointView Tech LLC อ้างว่าจะใช้สัญญาณวิทยุความถี่สูงเพื่อให้ได้ความเร็วสูงถึง 10 กิกะไบต์ต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่าที่ Starlink ตั้งไว้กว่า 10 เท่า อย่างไรก็ตามสัญญาณคลื่นวิทยุ เหล่านี้อาจประสบปัญหาของตนเอง

ซึ่งคลื่นความถี่สูงนี้สามารถถูกดูดซึมโดยเม็ดฝนหรือละอองต่าง ๆ ที่ล่องลอยอยู่ในบรรยากาศโลก โดยภารกิจเริ่มต้นของ Athena คือ การกำหนดว่าปัญหาเหล่านี้จะสามารถแก้ไขได้หรือไม่ และจะแก้ไขได้อย่างไรใน ซึ่งในที่สุดการให้บริการครอบคลุมทั่วโลกจะต้องใช้ดาวเทียมหลายพันดวงขึ้นสู่วงโคจรโลก ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนยังห่างไกลจากความพยายามครั้งแรกของ Facebook ในการนำเสนอเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่สามารถครอบคลุมได้ทั่วโลก 

โปรเจค athena ของ facebook
โปรเจค athena ของ facebook

ในขณะที่ของ Google โครงการ Loon ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านบอลลูน น่าจะเป็นโครงการที่ก้าวหน้ามากที่สุดของโครงการอินเทอร์เน็ตรุ่นต่อไป ตั้งแต่ต้นกำเนิดของมันใน Google ณ โรงงาน Moonshotในปี 2011

โครงการ Loon ได้พัฒนาต้นแบบแล้วเสร็จ และกำลังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบ และตอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์โดยการเป็นพันธมิตรกับ บริษัท โทรคมนาคมในประเทศเคนยาเพื่อให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตควบคู่ไปกับการขายซอฟต์แวร์ของ google เอง ที่จะช่วยให้มันในการควบคุมเครือข่ายที่เคลื่อนไหวของเหล่าบอลลูน โดยรวมถึงความร่วมมือที่ประกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้กับ Softbank ในการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆการพัฒนาเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ของตัวเองเพื่อให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตครอบคลุมพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ประโยชน์และข้อผิดพลาด

ประโยชน์ของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่สามารถปฏิเสธได้ อินเทอร์เน็ตพิสูจน์ให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ไร้ขอบเขตและความสามารถในการสื่อสารกับผู้อื่นได้ทันที ซึ่งนำไปสู่การปฏิวัติข้อมูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและการปรับโครงสร้างทางสังคม

ความจริงที่ว่าประชาการหลายพันล้านคนไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ทั้งหมดเป็นหนึ่งในความไม่เท่าเทียมกันของสังคมโลกของเรา เครือข่ายการสื่อสารนี้สามารถปรับเปลี่ยวิถีชีวิตได้ และสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วได้

ในโลกใหม่ของลัทธิทุนนิยม ข้อมูลเปรียบเสมือน ทองคำในรูปแบบดิจิตอล ซึ่งข้อมูลพฤติกรรมเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อโฆษณาที่จะขาย โครงการ Internet.org ของ Facebook เป็นความพยายามครั้งแรกในการเก็บเกี่ยวข้อมูลเหล่านี้ โดยใช้อินเทอร์เน็ต ที่รวบรวมข้อมูลของผู้ใช้

Starlink กับ อนาคตของดาราศาสตร์

ในขณะเดียวกันเมื่อผู้สังเกตการณ์ที่ตื่นเต้นที่ได้เห็นดาวเทียม Starlink แต่ก็มีการตั้งคำถาม จากการคำนวณของนักดาราศาสตร์ ที่สามารถมองเห็นดาวเทียมได้มากถึง 500 ดวงจากพื้นดินในแต่ละครั้ง ซึ่งอาจมีจำนวนมากกว่าดาวที่มองเห็นในท้องฟ้าที่มีอยู่จริง ซึ่งหาก Starlink และคู่แข่งทุกคนประสบความสำเร็จในการเปิดตัวกลุ่มดาวดวงใหม่ของพวกเขาก็อาจจะเป็นการบดบังกลุ่มดาวเก่า ๆ ที่เราคุ้นเคย  ที่เราเคยศึกษามาอย่างยาวนานด้วยเช่นกัน

นอกจากความหายนะที่เกิดขึ้นกับดาราศาสตร์บนพื้นดิน ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องจากค่าใช้จ่ายและความยากลำบากในการบำรุงรักษากล้องโทรทรรศน์อีกด้วย  ซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจถึงผลกระทบทางจิตวิทยาที่จะเกิดขึ้น ท้องฟ้ายามค่ำคืนเป็นแหล่งของความหลงใหลต่อมนุษยชาติตั้งแต่เราเกิดวิวัฒนาการมาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ 

ภูมิทัศน์ทางด้านอวกาศอาจเปลี่ยนไปจากโครงการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมเหล่านี้
ภูมิทัศน์ทางด้านอวกาศอาจเปลี่ยนไปจากโครงการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมเหล่านี้

ฉากหลังของท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นมีความหมายมากกว่าทุกสิ่ง ซึ่งการเกิดขึ้นของเหล่าดาวเทียมขยะใหม่ ๆ นี้ อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงกับท้องฟ้าได้ตลอด โดยไม่ได้รับความยินยอมจากใครทั้งสิ้นนั่นเอง

แม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะเป็นแหล่งข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารราคาประหยัดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้คนกว่าพันล้านคน แต่ก็อาจเป็นแหล่งข้อมูลที่ผิดและข่าวลือต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน

บริษัท เทคโนโลยีต่าง ๆ รับผลกำไรจากการเก็บเกี่ยวข้อมูลผู้ใช้และการขายโฆษณา ซึ่งตอนนี้กำลังแข่งขันกันเพื่อเป็นผู้บริการให้กับผู้ใช้อีกนับพันล้านคน  แล้วอินเทอร์เน็ตสำหรับผู้ใช้อีกนับพันล้านคนต่อไปจะมีหน้าตาคล้ายกับอินเทอร์เน็ตที่เรารู้จักอยู่ตอนนี้หรือไม่? และใครจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการขยายตัวของการใช้งานอินเตอร์เน็ตครั้ง? อนาคตจะเป็นสิ่งที่บอกคุณเองครับ

References : 
https://singularityhub.com/2019/06/12/spacexs-starlink-launch-and-the-race-for-global-internet-coverage/

เตรียมท่องอวกาศ! เมื่อ SpaceX เตรียมปล่อย Starship ในปี 2021

ในขณะที่เรายังไม่เห็น Starship ขึ้นบินได้เลยในขณะนี้นั้น  ซึ่ง SpaceX เพิ่งเสร็จสิ้นการทดสอบ สั้น ๆในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งจากผลการทดสอบล่าสุดนั้น ดูเหมือนมันอาจไม่นานเกินรอแล้ว สำหรับการบินในอวกาศเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของมนุษย์เรา 

อ้างอิงจาก  VP of commercial sales ของ SpaceX  Jonathan Hofeller ที่กล่าวว่า บริษัท หวังว่าจะส่งมันขึ้นสู่อวกาศ สำหรับภารกิจเชิงพาณิชย์ ครั้งแรกให้ได้ในปี 2021 โดยเขาได้เปิดเผยในงานอีเวนต์ในอินโดนีเซียว่า SpaceX อยู่ในช่วงการเจรจากับลูกค้าสามราย สำหรับเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ และบริษัทต้องการส่งขึ้นสู่วงโคจรโดยเร็วที่สุด

SpaceX นำเอากระสวยอวกาศ Big Falcon Rocket หรือ BFR จนกระทั่งมันถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Starship และอีกตัวหนึ่งคือเจ้า Rocket Booster ที่เปลี่ยนชื่อกลายมาเป็น Super Heavy ซึ่งทั้งสองนั้นเป็นคู่แข่งที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาในเท็กซัสและฟลอริด้าประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นไปได้ว่ายานอวกาศ version สุดท้ายที่จะใช้ในเชิงพาณิชย์นั้น จะรวมเอาเทคนิค และวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดของทั้งสองทีม มารวมกันเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

รวมกันเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่สูงที่สุด
รวมกันเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่สูงที่สุด

แม้ว่าอาจจะมีความแตกต่างระหว่างสองทีมงาน แต่ทั้งสองกลุ่มกำลังออกแบบยานพาหนะที่สามารถบรรทุกน้ำหนักขนาด 20 เมตริกตันไปยังวงโคจร geostationary และมากกว่า 100 เมตริกตันสู่ Low Earth Orbit 

ซึ่งสุดท้ายนั้น SpaceX วางแผนที่จะใช้ทั้งสองรูปแบบที่ผสมผสานกันในนาม SpaceX-Super Heavy เพื่อบรรทุกตามภารกิจ ไปยังดวงจันทร์และดาวอังคาร แต่มันก็ยังคงต้องการการทดสอบการเดินทางบนโลกให้มีประสิทธิภาพที่สูงที่สุดก่อนด้วย

ซึ่งก่อนที่เปิดตัวทางการพาณิชย์อย่างเป็นทางการนั้น  SpaceX จะต้องวางระบบการเปิดตัวโดยผ่านการทดสอบที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่งทาง Hofeller กล่าวว่ากำลังทำการทดสอบแบบฮอพมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และเป้าหมายของ บริษัท คือ “ภายในปีนี้จะพยายามทำให้การโคจรเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และการปฏิบัติการแบบเต็มรูปแบบนั้นจะต้องเสร็จสิ้นพร้อมใช้งานภายในสิ้นปีหน้านั่นเอง”

References : 
https://www.engadget.com/2019/06/29/spacex-starship-first-commercial-flight-2021/