แค่นี้ขี้ประติ๋ว สีจิ้นผิง ประกาศกร้าว ศึกนี้พร้อมสู้กันอีกนาน

เนื่องจากข้อพิพาททางการค้าทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาเปรียบย้อนไปในภาพยนตร์จีนแบบคลาสสิกที่เกี่ยวกับ “สงครามต่อต้านอเมริกาและช่วยเหลือชาวเกาหลี” ของสงครามเกาหลีในปี 1950 ซึ่งเป็นสงครามที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดีของชาวจีน

นี่เป็นหนึ่งในสัญญาณหลายอย่างในประเทศจีนที่บ่งบอกถึงสิ่งที่นักวิเคราะห์เชื่อว่าตอนนี้จะเป็นข้อขัดแย้งทางการค้าที่ยืดเยื้อกับสหรัฐ และทางจีนเต็มใจที่จะยอมรับ  เงื่อนไขที่โดนัลด์ทรัมป์เรียกร้องเพื่อยุติการทะเลาะวิวาทกันทางการค้าที่มีมากว่า 2 ปี

สีจิ้นผิง ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ และผู้นำสูงสุดของจีน กำลังเตรียมการที่จะนำประเทศของเขาสู่ความขัดแย้งทางการค้าที่เต็มไปด้วยขุมทรัพย์พลังงานและความเกี่ยวข้องกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เช่น เดียวกับเมื่อคราวที่เหมาเจ๋อตงส่ง “อาสาสมัคร” ของจีนไปสู้รบกับกองกำลังสหรัฐในช่วงสงครามเกาหลีในช่วงปี 1950 เป็นเวลากว่าสี่ปี 

เช่นเดียวกับการตัดสินใจของเหมาเพื่อเข้าสู่ความขัดแย้งของเกาหลี เมื่อหกสิบปีก่อนกองทหารที่มีอาวุธที่ไร้ประสิทธิภาพของเหมาต้องเผชิญกับกองกำลังทหารอเมริกันที่เหนือกว่าในเรื่องเทคโนโลยีในสงครามเกาหลี 

ทุกวันนี้เศรษฐกิจของจีนขึ้นอยู่กับการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกามากกว่าสหรัฐอเมริกาที่จะส่งออกไปยังประเทศจีน หลังจาก 30 ปีของการเติบโตใกล้ตัวเลขสองหลักจนเศรษฐกิจของจีนก้าวขึ้นมาจนใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

แต่ในขณะที่กองกำลังจีนที่กำลังจนตรอกต่อสู้กับสหรัฐในสงครามเกาหลีในท้ายที่สุด ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับกองกำลังติดอาวุธของอเมริกา

ทหารจีนที่ส่งไปช่วยรบในสงครามเกาหลี ต้องล้มตายเป็นจำนวนมากด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่าของสหรัฐ
ทหารจีนที่ส่งไปช่วยรบในสงครามเกาหลี ต้องล้มตายเป็นจำนวนมากด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่าของสหรัฐ

แต่ในศึก Trade War ครั้งนี้ สีจิ้นผิง แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถควบคุมการต่อสู้ในศึกครั้งนี้ให้สามารถประสบความสำเร็จได้ และ กองกำลังจากจีนจะไม่มีทางซ้ำรอยเดิมในเหตุการณ์สงครามเกาหลี อย่างแน่นอน

โดยเจ้าหน้าที่จีนเชื่อว่าพวกเขามีข้อได้เปรียบที่แตกต่างกันสองอย่างเมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามในช่วงสงครามการค้า สิ่งแรกคือ การควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จ ที่ สีจิ้นผิงนั้น ต้องการเพียงแค่นิ้วมือของเขาและรัฐบาลที่ควบคุมโดยพรรค, ฝ่ายนิติบัญญัติ, สื่อและระบบธนาคารของจีน ซึ่งเขาควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จ ต่างจากทรัมป์ ที่สามารถควบคุมได้แค่ใน Twitter ของเขาเพียงเท่านั้น

สีจิ้นผิง นั้นสามารถควบคุมทุกอย่างในประเทศจีนได้แบบเบ็ดเสร็จเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ
สีจิ้นผิง นั้นสามารถควบคุมทุกอย่างในประเทศจีนได้แบบเบ็ดเสร็จเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนมี “ทีมชาติ” ของนายหน้าธนาคารและ บริษัท ยักษ์ใหญ่ในการจัดการเพื่อ “ซื้อ” แบบทุ่มตลาดในจีนเมื่อมีความจำเป็น เมื่อดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ร่วงลงเกือบ 6% มาอยู่ที่ 2,906 จุดในวันนี้หลังจากการเพิ่มขึ้นของสงครามการค้าครั้งล่าสุดของนายทรัมป์ การตอบสนองของรัฐบาลจีนโดยเหล่าทีมชาติของพวกเขาสามารถเสก ให้วันรุ่งขึ้น ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ดีดตัวขึ้นได้ทันที เพราะพวกเขาพร้อมจะรบในศึกนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ข้อได้เปรียบที่สองของ สีจิ้นผิง คือความรู้สึกเดือดดาลในอดีตที่เกี่ยวข้องกับความไม่พอใจในอดีตต่ออำนาจจากต่างประเทศที่ก่อนหน้านี้เขามองว่าจีนนั้น “ถูกกลั่นแกล้ง” และ “ถูกทำให้ดูต่ำต้อย” เกินไปเมื่อเทียบกับสภาพความเป็นจริงของจีนในปัจจุบัน

เมื่อความต้องการการเจรจาการค้าของทรัมป์เริ่ม  รั่วไหลในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วความโกรธเคืองที่คนจีนหลายคนรู้สึกได้ ฟรีดริชวู ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางแห่งสิงคโปร์ สรุปความรู้สึกของหลาย ๆ คนเมื่อเขาอธิบายว่าสิ่งที่ทรัมป์ และ สหรัฐต้องการนั่นก็คือ “การบังคับให้จีนนั้นยอมรับความพ่ายแพ้”

“ซึ่งมันเหมือนการดูถูกจีนในยุคปัจจุบัน ภาพแบบนั้นมันต้องมองย้อนกลับไป ถึงศตวรรษที่ 19 เมื่ออำนาจของตะวันตกและญี่ปุ่นกำหนดเงื่อนไขทั้งหมดในสนธิสัญญาไม่เท่าเทียมกันที่น่าอับอายต่อราชวงศ์ชิงของจีนที่กำลังอ่อนแออยู่ในขณะนั้น” 

ดูเหมือนว่าศึกนี้ คงจะไม่จบลงง่ายๆ  อย่างแน่นอน การควบรวมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จของ สีจิ้นผิง นั้น ต้องเรียกได้ว่า มีพลังมากกว่าที่ ทรัมป์มีเยอะ แม้อเมริกาจะเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็จริง แต่ทรัมป์ ยังมีแผลเบื้องหลังที่คอยทิ่มแทงเขา หากสงครามครั้งนี้ ทรัมป์แพ้ มันส่งผลโดยตรงต่อ ตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้าอย่างแน่นอน ต้องเรียกว่าศึกครั้งนี้มีการเดิมพันสูง กับอนาคตทางการเมืองของทั้งทรัมป์ และ สีจิ้นผิง เลยก็ว่าได้

References : 
https://www.ft.com/content/52a6731c-7882-11e9-be7d-6d846537acab 

Huawei P30 Pro/Mate 30 กับอนาคตบนความไม่แน่นอน

จากรายงานข่าวสุด Hot ในวันนี้ที่ Google ได้ระงับการทำธุรกิจกับ Huawei เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลสหรัฐ ที่นำโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งผลที่เกิดขึ้นั้นไม่ดีสำหรับ Huawei อย่างแน่นอน

เหล่าผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ Huawei นอกประเทศจีน จะไม่สามารถเข้าถึงการอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android ของ Google ได้ทันที รวมถึง สมาร์ทโฟน Huawei รุ่นใหม่ในอนาคตที่รันบน Android จะเสียสิทธิ์การเข้าถึงบริการหลักยอดนิยมของระบบปฏิบัติการ Android เช่น Google Play Store และ Gmail และแอพ YouTube

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลโดยตรงกับผู้ใช้งานโทรศัพท์ Huawei ทั่วโลก ซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือ :

1.จากที่ Huawei สัญญาไว้ว่าโทรศัพท์รุ่น P30 และ Mate 30 จะได้รับการอัพเดทเป็นเวอร์ชั่นใหม่นั้น จากสถานการณ์ปัจจุบันดูแล้วน่าจะไม่ได้รับการ update เป็น Android Q เนื่องจาก Google จะไม่ได้ทำธุรกิจกับ Huawei อีกต่อไป โทรศัพท์รุ่นที่ทำการขายอยู่ (เช่น P30) จะไม่ได้รับการอัปเดต Android OS หรือแพตช์ความปลอดภัยอย่างเป็นทางการจาก Google ขณะที่เราโทรศัพท์รุ่นต่อไปของ Huawei ในอนาคตจะไม่สามารถเข้าถึงเวอร์ชันทางการของ Google Android ได้อีกต่อไป

2. สำหรับรุ่น Mate 30 (ที่ยังไม่ได้วางจำหน่าย) จะไม่สามารถใช้ Google Android เวอร์ชันทางการได้เลย จะใช้ใน version Android แบบโอเพ่นซอร์สw  ได้เพียงเท่านั้น แน่นอนว่าแม้ว่าโทรศัพท์ในอนาคตเหล่านี้จะสามารถเปิดใช้งาน Android เวอร์ชันโอเพ่นซอร์ส แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงแอพหรือบริการใด ๆ ของ Google รวมถึง Google Play Store 

หมายเหตุ: มีความเป็นไปได้ว่า Huawei มีข้อตกลงสิทธิ์ใช้งานอยู่แล้วสำหรับรุ่น Mate 30 และ Mate X เพื่อใช้งาน Android เวอร์ชันทางการซึ่งในกรณีนี้อุปกรณ์เหล่านั้นจะมาพร้อมกับ Android 9 Pie เป็นอย่างน้อย แต่ถ้ามีการตกลงไว้ก่อนจริง ก็อาจเป็นไปได้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการพิจารณาของรัฐบาลสหรัฐอีกครั้งหนึ่ง

3.โทรศัพท์ Huawei ที่มีอยู่ทั้งหมดจะยังคงสามารถเข้าถึง Android เวอร์ชันที่เป็นทางการที่ใช้อยู่ได้ตามปรกติ และตามที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการในทวีตด้านล่างจากบัญชี Android Twitter อย่างเป็นทางการ  ซึ่งรวมถึง Google Play และ Google Play Protect ด้วย  โดยที่จะไม่มีมือถือรุ่นใดของ Huawei ที่มีการใช้งานอยู่จะได้รับการอัพเดทใด ๆ ทั้งกับระบบปฏิบัติการหรือเพื่อความปลอดภัยผ่านทางแพตช์อย่างเป็นทางการของ Google

4.เราสามารถสรุปได้ว่าผลกระทบของเหตุการณ์นี้นั้น รวมถึง Honor ด้วยเช่นกันเนื่องจาก Honor เป็นแบรนด์ย่อยของ Huawei ซึ่งสร้างขึ้นในปี 2011

5.ในขณะที่ยังไม่มีการยืนยันในเวลานี้ Microsoft อาจถูกบังคับให้เพิกถอนการเข้าถึงระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่ใช้โดยระบบแล็ปท็อปของ Huawei ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีในหลายรุ่น เช่น Huawei MateBook X Pro รวมถึงการอัพเดทใด ๆ ของ ระบบปฏิบัติในเวอร์ชั่นหน้า

6.ราคาของสมาร์ทโฟน Huawei ที่ใช้งานอยู่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเนื่องจากการไม่สามารถอัปเดตคุณสมบัติและความสามารถล่าสุดของ Android Q ได้ และที่สำคัญจะไม่ได้รับแพตช์รักษาความปลอดภัยใด ๆ อย่างเป็นทางการจาก Google อาจจะไม่สามารถอัปเดตผ่านการแก้ไขในเวอร์ชั่นปัจจุบันเช่นกัน ซึ่งนั่นหมายความว่าการปรับปรุงในแอพหรือคุณสมบัติใหม่ใด ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ผู้ใช้โทรศัพท์ Huawei 
จะไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างแน่นอน

เกิดผลกระทบอย่างแน่นอนกับผู้ใช้งาน Huawei ทั่วโลก
เกิดผลกระทบอย่างแน่นอนกับผู้ใช้งาน Huawei ทั่วโลก

อย่างไรก็ดีนั้น  หัวเว่ยได้ตอบโต้ด้วยแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ: “หัวเว่ยได้มีส่วนร่วมอย่างมากต่อการพัฒนาและการเติบโตของ Android ทั่วโลกในฐานะหนึ่งในหุ้นส่วนหลักระดับโลกของ Android เราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สเพื่อพัฒนาระบบนิเวศที่เป็นประโยชน์ ทั้งกับผู้ใช้งานและอุตสาหกรรมมือถือทั้งหมด

“Huawei จะยังคงให้บริการอัปเดตความปลอดภัยและบริการหลังการขายแก่ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของ Huawei และ Honor ที่มีอยู่ทั้งหมดซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์ที่ขายไปและยังมีวางจำหน่ายไปแล้วทั่วโลก

“เราจะสร้างระบบนิเวศซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัยและยั่งยืนต่อไปเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ทุกคนทั่วโลก”

น่าสนใจจริง ๆ สำหรับผู้ใช้งาน อุปกรณ์มือถือของ Huawei ตัวผมเองนั้นก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้ Huawei ก็ต้องรอดูท่าทีที่ชัดเจนต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ แต่ดูแล้วเรื่องนี้อาจจะลุกลามบานปลาย ไม่ใช่แค่เฉพาะมือถืออีกต่อไป อาจจะลามไปถึง Laptop ที่ใช้ระบบปฏิบัติการของ  Microsoft ที่มีโอกาสที่จะโดนด้วยเหมือนกันครับ หากรัฐบาลสหรัฐใช้มาตรฐานเดียวกัน

References : 
https://www.t3.com/news/huawei-p30-and-mate-30-just-got-dealt-a-devastating-blow

จีนจะไม่ทน Social จีนสร้างกระแสแบนกลับสินค้า Apple

แม้ Apple จะดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นทางการจากกรณีสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่กำลังดุเดือด ถึงพริกถึงขิงในขณะนี้ หลังจากข่าวล่าสุดนั้น Google ถึงกับประกาศแบน Huawei ไม่ให้ใช้ บริการต่าง ๆ ของตัวเองเลยทีเดียว ซึ่งเรียกได้ว่าสร้างกระแสฮือฮาได้มากพอสมควร

แต่ตอนนี้ หลังจากกระแส ของการแบน Huawei เริ่มออกไปทั่วโลกนั้น ชาวจีนก็เริ่มที่จะไม่ทนที่กำลังถูกกระทำกับสินค้าประเทศตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่อไปเมื่อเริ่มมีกระแสออกมาทาง Social Network ของจีนที่กำลังต่อต้านสินค้าของ Apple มากขึ้นเรื่อย ๆ

Huawei ที่โดนสหรัฐแบนไปก่อน รวมถึงข่าวใหญ่กับ Google  ในวันนี้อีกด้วย
Huawei ที่โดนสหรัฐแบนไปก่อน รวมถึงข่าวใหญ่กับ Google ในวันนี้อีกด้วย

ซึ่งรายงานของ BuzzFeed News ที่สำรวจถึงกระแส “Boycott Apple” ในสื่อสังคมออนไลน์เริ่มมีมากขึ้นอย่างชัดเจน

ซึ่งเหล่าผู้บริโภคชาวจีนที่เดิมนั้นเป็นที่รักของ Apple เนื่องจากเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มหาศาล ในตอนนี้ชักจะไม่แน่นอนแล้วสำหรับสถานการณ์ของ Apple ในตลาดจีน ซึ่งจากการที่ Buzfeed ดูกระแสจาก Social Network ชื่อดังของจีนอย่าง Weibo นั้น หลาย ๆ ความเห็นเริ่มจะมองภาพลบต่อสินค้า Apple มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

“ฟังก์ชัน การทำงานของ Huawei นั้นเปรียบเทียบได้กับ iPhone ของ Apple หรือดีกว่าด้วยซ้ำ เรามีทางเลือกที่ดีกว่าอย่าง Huawei ทำไมเรายังใช้ Apple อยู่”  -> ตัวอย่าง Status ชาวจีนทีเริ่มมีกระแสลบกับ Appple

“ฉันคิดว่าแบรนด์ของ Huawei น่าอัศจรรย์มาก มันสามารถตัด Apple ออกเป็นแปดส่วนได้” –> มีการเปรียบเทียบโลโก้ของ Huawei จากการเฉือน Apple เป็นแปดส่วน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่การเคลื่อนไหว “Boycott Apple” ได้เกิดเป็นกระแสขึ้นในจีน ในเดือนธันวาคมมีรายงานว่า บริษัท ในประเทศจีนกำลังคว่ำบาตร Apple และมีรายงานว่าขู่ว่าจะกำจัดทิ้งผู้ที่ใช้ iPhone ในกรณีเช่นนี้ รวมถึงบริษัท ต่างๆกล่าวกันว่าจะเสนอให้พนักงานอุดหนุนสินค้า Huawei เป็นทางเลือกแรกเพื่อตอกกลับการกระทำของสหรัฐอเมริกา

อกจากนี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ในเดือนมกราคมว่า Apple กำลังเผชิญกับ“ การคว่ำบาตรทางการค้า” จากผู้ซื้อในประเทศจีนและอินเดียเนื่องจากข้อพิพาททางการค้า ยอดขายที่ลดลงของจีนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ยอดขาย iPhone ลดลงอย่างมากในช่วงไตรมาสแรกของปี 2019 แม้ว่าสิ่งต่างๆจะดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่สองก็ตาม

เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างมากว่า การที่สหรัฐกระทำกับ Huawei อย่างที่เป็นข่าวนั้น ทางฝั่ง Apple จะโดนประเทศจีนจัดการอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ ๆ สงครามนี้คงไม่จบแบบพ่ายแพ้เพียงฝ่ายเดียวจาก Huawei อย่างแน่นอน

References : https://9to5mac.com/2019/05/18/boycott-apple-china-movement/

Geek Monday EP4 : Reinvents the Smartphone Camera with AI

จากผลงานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มาตลอด 8 ปี จากแบรนด์ที่โดดเด่นด้านอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค และ โทรคมนาคม การเข้าสู่ตลาดมือถือที่เป็นตลาดที่มีผู้เล่นรายใหญ่ที่แข็งแกร่งจำนวนมาก จากผู้ผลิตมือถือที่ผู้บริโภคเมินที่จะซื้อ

การเปลี่ยนแปลงปรับปรุงทั้งผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Hardware เรื่องการ Design หรือแม้กระทั่งการปรับเปลี่ยนกล้องมือถือจนได้รับความสนใจจากเหล่าผู้ใช้งานทั่วโลก

Huawei แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากจีน ที่สามารถทำตัวเลขยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนให้สามารถเติบโตขึ้นกว่า 66 เท่า จาก 3 ล้านเครื่องในปี 2010 เป็น 200 ล้านเครื่องในปี 2018 นี้  

ขณะที่ภาพในตลาดโลกนั้น Huawei ยังสามารถยกระดับจากการเป็นเพียงผู้ผลิต สมาร์ทโฟนรายย่อยที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นผู้ผลิต “อื่นๆ” ในเชิงสถิติ จนกลายเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนระดับท็อป 3 ของโลกได้สำเร็จ 

และที่สำคัญนั้น ในไตรมาสที่ 2 และ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2018  หัวเว่ยก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับที่ 2 ของโลกได้สำเร็จ โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 14.6%  ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับ Huawei นั้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน

Reinvents the smartphone camera with AI

กล้อง AI ในผลิตภัณฑ์มือถือของ HUAWEI รุ่นใหม่ ๆ นั้น สามารถรับรู้วัตถุมากกว่า 500 ชิ้นและแบ่งเป็น 19 รูปแบบของพื้นหลังฉาก ซึ่งความสามารถในการจดจำเหล่านี้นั้นเป็นผลมาจากการ Training ด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาลของ Huawei

เพื่อให้หน่วยประมวลผลสามารถที่จะระบุวัตถุและแยกแยะสิ่งหนึ่งออกจากอีกสิ่งหนึ่ง  โดย Huawei ได้นำ AI ไป Training โดนใช้จำนวนภาพมากกว่า10 ล้านภาพซึ่งเป็นกระบวนการที่ยาวนานมาก ในกระบวนการ R&D ที่ Huawei ทุ่มเทมานานแสนนานก่อนที่จะได้ผลลัพธ์อย่างที่เราเห็นในกล้องรุ่นใหม่ๆของ Huawei ในปัจจุบัน

นวัตกรรมจอพับ กับ Game Changer ของ Samsung ในตลาดมือถือ

ตลาดโทรศัพท์มือถือโลก เริ่มอิ่มตัวมาซักพักแล้ว เราไม่ได้เห็น นวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาเลย ไม่ว่าจะทั้งฝั่ง Android หรือ Iphone ตลาดตอนนี้เป็นการแข่งขันเพียงแค่ การยัดสเป๊คทางด้าน Hardware ไม่ว่าจะเป็น CPU , GPU หรือ คุณสมบัติของกล้องเองก็ตาม แต่ไม่ได้ถือว่ามีนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาเป็นเวลานานแล้ว

แต่แล้ว ในงานประชุมนักพัฒนาประจำปีของ Samsung Developers conference (SDC) ประจำปี 2018 ทาง samsung ได้มีการเปิดตัวหน้าจอพับได้ Infinity Flex Display และ อินเตอร์เฟซ One UI ที่จะนำมาใช้กับ สมาร์ทโฟน หน้าจอพับได้ของ Samsung รวมถึง อุปกรณ์ อื่น ๆ ของ Samsung ด้วย

ต้องขอชมงานด้ายวิจัย ของ Samsung ที่ได้ทุ่มเททรัพยากร และ ทุ่มเทเงินไปเป็นจำนวนมาก ในการ วิจัย และพัฒนา อะไรใหม่ ๆ มาให้เราเห็นเสมอ เมื่อสถานการณ์ ของ Samsung ในตลาดมือถือในตอนนี้ก็ไม่สู้ดีนัก การก้าวตามมาติด ๆ ของมือถือจากจีน ที่ มาแย่งตลาด Samsung ไปเป็นอย่างมาก

ทางเดียวที่จะฉีกหนีคู่แข็ง ที่กำลัง รุมสกรัม Samsung   ในตลาดมือถือ ได้คือ นวัตกรรมเท่านั้น และInfinity Flex Display ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพือฉีกหนีคู่แข่งของ Samsung เพราะ การแข่งขันทางด้าน Hardware นั้นใกล้จะถึงจุด ที่ไม่สามาถแข่งขันกันได้แล้ว เพราะความแตกต่างแทบจะไม่มี ในตลาดมือถือยุคปัจจุบันการฉีกหนี ด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วของ Samsung

จอพับได้ Infinity Flex Display

Infinity Flex Display

Infinity Flex Display

ต้องถือว่า มีข่าวมาอย่างยาวนาน สำหรับ มือถือจอพับได้ ซึ่งคิดว่าไม่น่าเป็นเรื่องง่ายในการพัฒนาอย่างที่ samsung ทำได้ในขณะนี้ ซึ่งเป็นข้อดีในการฉีกหนีคู่แข่ง Android อื่น ๆ ไม่ให้ไล่ตามทันได้ง่าย ๆ แม้กระทั่ง Iphone เอง หาก Infinity Flex display เกิดขึ้นมา ทำให้มีโอกาสสูงที่จะมาแย่งส่วนแบ่งตลาด จาก ผู้ใช้ Iphone ได้ เพราะตอนนี้ เป็นเรื่องยากที่จะไปแย่งฐานลูกค้าจาก Iphone หากแข่งขันกันที่กล้อง หรือ Spec ทางด้าน Hardware เท่านั้น

โดยตัว Infinity Flex Display นั้น เป็นแผงหน้าจอแบบ OLED ขนาด 7.3 นิ้ว ที่จะได้รับการติดตั้งเป็ ฟีเจอร์หลัก โดยมีความสามารถที่จะพับในแนวตั้งได้ เพื่อให้ใช้งานบนหน้าจอขนาดใหญ่ และสามารถพับเก็บได้อย่างสะดวก

ซึ่งจะมาในมือถือรุ่นใหม่อย่าง Samsung Galaxy X เรียกได้ว่า ชนกับ Apple โดยตรง

โดยมือถือรุ่นใหม่นี้ จะออกแบบโดย Techconfigurations โดยจะสามารถกางออก ให้กลายเป็น Tablet ได้ โดยจะมาพร้อมหน้าจอปรกติขนาด 5 นิ้ว แต่เมื่อกางออก จะแปลงร่างกายเป็น แท็ปเล็ต ขนาดหน้าจอที่ 7 นิ้ว ความละเอียดระดับ 4K และมีความบางเพียง 3.25 mm เท่านั้น

อินเตอร์เฟซ One UI

อินเตอร์เฟซ One UI

อินเตอร์เฟซ One UI

ในส่วนของ การใช้งานนั้น สามารทโฟน Galaxy X จะได้รับการติดตั้ง อินเตอร์เฟซ One UI  โดยเป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Samsung กับ Google เพื่อออกแบบ อินเตอร์เฟซ แบบใหม่ ให้จัดวาง application อยู่ที่พื้นที่ด้านล่างของหน้าจอแทน เพื่อความสะดวกในการใช้งาน  โดยสามารถที่จะใช้งานโดยใช้มือเดียวได้

และเมื่อ กางหน้าจอออกในโหมด แท็ปเล็ตนั้น จะปรับเปลี่ยนการแสดงผลในรูปแบบของ แท็ปเลต  โดยใช้พื้นที่เต็มหน้าจอขนาด 7.3 นิ้ว และสามารถแสดงการทำงานของ app ได้สูงสุดถึง 3 ตัวพร้อมกันอีกด้วย

Game Changer ของ Samsung ในตลาดมือถือโลก

Samsung Game Changer

Samsung Game Changer

ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ตอนนี้นั้น ยอดขายของ samsung แทบจะไม่กระเตื้องมานานมากแล้ว การมีคู่แข่งจากจีนที่ตามมาติด ๆ และตีในทุกตลาดเดิมของ Samsung ไม่ว่า ตลาด High End ตอนนี้ Huawei ก็สามารถตี samsung ได้สำเร็จ ด้วยการร่วมพัฒนากล้องกับ Leica ทำให้เสียส่วนแบ่งการตลาดไปเป็นจำนวนมาก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในตลาดล่างลงมา ตอนนี้ Samsung แทบจะไม่มีที่ยืน เลยด้วยซ้ำ ด้วยพาเหรด การเข้ามาทำตลาดของ Brand จีน ไม่ว่าจะเป็น Oppo Vivo  xiami  Asus ฯลฯ  กลายเป็นตลาดแดงเดือดไปซะเรียบร้อยแล้ว การแข่งขันทางด้าน Spec นั้น Samsung ไม่สามารถลงมาเล่นได้เหมือนเดิม เพราะ โดยตัดราคาจากกล่มมือถือจีน

ตอนนี้ ทางรอดทางเดียว และ Game Changer ของ Samsung ที่จะกลับมายิ่งใหญ่ในตลาดโทรศัพท์มือถือ ก็เหลือเพียง นวัตกรรมใหม่ ๆ อย่าง นวัตกรรมจอพับ ล่าสุด ที่ใช้เวลาวิจัยมาอย่างยาวนาน เท่านั้น ซึ่งผลจากการทุ่มเทวิจัยครั้งนี้ อาจจะกลับมาชนะในศึกใหญ่ ทั้งจาก Brand จีน รวมถึง ทางฝั่ง Iphone เอง ก็เป็นไปได้ เราก็ต้องดูกระแสตอบรับ ในนวัตกรรมดังกล่าวกันต่อไป ว่าจะชนะใจผู้บริโภคได้หรือไม่